คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
การรบแบบ Blitzkrieg จะต่างไปจากการ break-through ธรรมดา เพราะเป้าหมายไม่ใช่การทำลายแนวรบข้าศึก แต่เป็นการส่งหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของเราเข้าไปก่อกวนแนวหลังของข้าศึกเลย เพราะการรบนั้นเป็นเชิงเส้นมีแนวรบที่ชัดเจน ถ้าเรารบเสียเปรียบโดน flank หรือ break-through ก็ถอยแนวรบเราเข้ามาซัก 5-10 กิโลเมตรแล้วก็ตั้งมั่นรบกันต่อ ดังนั้นแนวหลังของเราที่ระยะซัก 30-50 กม. จากสนามรบก็จะเป็นพื้นที่"ปลอดภัย"ระดับหนึ่ง ปกติแล้วก็จะเป็นพื้นที่เตรียมความพร้อมในการรบให้กับทหารใหม่ เป็นจุดระดมพล เป็นแหล่งสะสมเสบียง ที่จอดพักยานพาหนะที่ต้องซ่อม โรงพยาบาลสนาม หรือเป็นจุดที่กำลังเสริมแนวป้องกันเผื่อกองทัพเราต้องถอยมาถึงตรงนี้
การรบแบบ Blitzkrieg นั้นคือพอเรา break-through แนวรับข้าศึกได้แล้ว เราจะส่งหน่วยยานเกราะและทหารราบยานเกราะเข้าไปทางช่องนั้น (หน่วยที่ส่งเข้าไปจะไม่ใช่หน่วยเดียวกับที่เจาะทะลวงตอนแรก) แล้วก็ควบตะบึงเข้าแนวหลังข้าศึกเลยโดยไม่มาช่วยรบปะทะศัตรูจากด้านข้างหรือด้านหลังครับ หน่วยรบของเราจะเข้าไปก่อกวนพื้นที่เตรียมตัวของข้าศึก ป้องกันไม่ให้ข้าศึกระดมพลเพื่อไปช่วยแนวหน้าได้ ขัดขวางการสร้างที่มั่นใหม่สำหรับกองทัพข้าศึกที่จะถอยกลับมา สกัดเส้นทางเสบียง หรือก่อกวนสร้างความสับสนวุ่นวายให้กองทัพข้าศึก พอแนวรบของข้าศึกถอยร่นมา (ก็น่าจะต้องถอยเพราะโดน break-through ไปแล้ว) ก็จะไม่มีแนวรับที่สองให้ตั้งมั่น ไม่มีกำลังเสริม ไม่มีเสบียง และถ้ามาเจอหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของเราดักรอไว้ก็อาจเสียขวัญกำลังใจจนยอมแพ้ได้
ทีนี้หน่วยเคลื่อนที่เร็วของเราจะมีทหารม้า(เหล็ก) ทหารราบ(นั่งรถ) ก็จะขาดแต่ทหารปืนใหญ่ครับ ซึ่งถ้าไม่มีทหารปืนใหญ่นั้นอำนาจการรบจะถดถอยลงอย่างมากเพราะจะเข้าตีที่มั่นของข้าศึกลำบาก วิธีแก้ของเยอรมันก็คือจุดไหนในแนวหลังที่มีการตั้งมั่นแล้วก็จะข้ามจุดนั้นไป หรือไม่ก็วิทยุเรียกเครื่องบินทิ้งระเบิดมาบอมบ์ที่มั่นนั้น ก็คือใช้เครื่องบินแทนปืนใหญ่ไปก่อนนั่นเอง
การรบแบบ Blitzkrieg นั้นคือพอเรา break-through แนวรับข้าศึกได้แล้ว เราจะส่งหน่วยยานเกราะและทหารราบยานเกราะเข้าไปทางช่องนั้น (หน่วยที่ส่งเข้าไปจะไม่ใช่หน่วยเดียวกับที่เจาะทะลวงตอนแรก) แล้วก็ควบตะบึงเข้าแนวหลังข้าศึกเลยโดยไม่มาช่วยรบปะทะศัตรูจากด้านข้างหรือด้านหลังครับ หน่วยรบของเราจะเข้าไปก่อกวนพื้นที่เตรียมตัวของข้าศึก ป้องกันไม่ให้ข้าศึกระดมพลเพื่อไปช่วยแนวหน้าได้ ขัดขวางการสร้างที่มั่นใหม่สำหรับกองทัพข้าศึกที่จะถอยกลับมา สกัดเส้นทางเสบียง หรือก่อกวนสร้างความสับสนวุ่นวายให้กองทัพข้าศึก พอแนวรบของข้าศึกถอยร่นมา (ก็น่าจะต้องถอยเพราะโดน break-through ไปแล้ว) ก็จะไม่มีแนวรับที่สองให้ตั้งมั่น ไม่มีกำลังเสริม ไม่มีเสบียง และถ้ามาเจอหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วของเราดักรอไว้ก็อาจเสียขวัญกำลังใจจนยอมแพ้ได้
ทีนี้หน่วยเคลื่อนที่เร็วของเราจะมีทหารม้า(เหล็ก) ทหารราบ(นั่งรถ) ก็จะขาดแต่ทหารปืนใหญ่ครับ ซึ่งถ้าไม่มีทหารปืนใหญ่นั้นอำนาจการรบจะถดถอยลงอย่างมากเพราะจะเข้าตีที่มั่นของข้าศึกลำบาก วิธีแก้ของเยอรมันก็คือจุดไหนในแนวหลังที่มีการตั้งมั่นแล้วก็จะข้ามจุดนั้นไป หรือไม่ก็วิทยุเรียกเครื่องบินทิ้งระเบิดมาบอมบ์ที่มั่นนั้น ก็คือใช้เครื่องบินแทนปืนใหญ่ไปก่อนนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้ความโดดเด่นของยุทธวิธี Blitzkrieg กับ Shock และอื่นๆครับ
ว่าแต่...มันโดดเด่นหรือแตกต่างกับยุทธวิธีทั่วไปถึงกับต้องมีชื่อเฉพาะเป็นของตัวเองเลยเหรอครับ
ยุทธวิธีทั้งหมดที่พบมีดังนี้
1. Blitzkrieg เห็นว่าคิดค้นโดยเยอรมันตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามที่เข้าใจก็คือการบุกอย่างรวดเร็วทั่วๆไป
เลยสงสัยว่ามันมีข้อแตกต่างอะไรกับการบุกสายฟ้าแลบปกติครับ
2. Shock เจอบุกสายฟ้าแลบแล้วดันมาเจอ Shock อีก ยิ่งงงใหญ่ว่ามันต่างกันยังไง หรือการช็อคคือการซุ่มๆอยู่แล้วก็โผเข้าตีแบบรวดเร็ว
แต่มันก็จะกลายเป็นคล้ายกับการ Ambush อีก
3. Breakthrough บุกแบบเจาะทะลวง ก็งงอีกว่าการบุกทั่วไปมันก็ต้องเจาะทะลวงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?
4. Delay เป็นการป้องกันแบบถ่วงเวลา? คือไม่เน้นฆ่าผู้บุกรุก แต่เน้นเอาตัวรอดไรงี้เหรอครับ
5. Elastic Defence กับ Counter Attack แลดูคล้ายๆกัน คือรอจังหวะแล้วโจมตีกลับ
เพียงแต่ Counter เหมือนจะเน้นรับมากและพอรุกก็เดินหน้าเต็มตัวหรือเปล่าครับ?
ใครพอจะรู้รายละเอียดข้อแตกต่างรบกวนบอกด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ