นี่ไม่ใช่กระทู้แรกนะคะ เป็นกระทู้ที่สองล่ะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกค่ะ ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงอยากมาเล่าเรื่องนี้ที่ผ่านมานานแล้ว คงอยากให้ทุกคนรับฟังและคิดเห็นเกี่ยวกับมันมั้งคะ
เพื่อนๆรู้จักคำว่า"แกะดำ"กันมั้ยคะ เราจะมาเล่าการเป็นแกะดำของเราในช่วงเวลาหนึ่ง ใช่ค่ะ เรากำลังจะบอกว่าเราทุกคนอาจเป็นแกะดำได้ แต่มันไม่ตลอดไปหรือตลอดกาลหรอกค่ะ แกะดำของเราในเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ คือการที่เราอยู่ในกลุ่มที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเหมือนเรา คิดไม่เหมือนเรา และมองเราประหลาด อยากให้คนที่อาจอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาฟังค่ะว่าเราเจออะไร และรับมือกับมันยังไง เริ่มเลยละกัน..
มันเริ่มที่การสอบเข้าม.4ที่โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง เราอยู่ม.ต้นที่โรงเรียนนี้มาค่ะ แต่พอจะขึ้นม.ปลายก็ต้องสอบใหม่และย้ายไปห้องใหม่ เป็นการจัดกลุ่มเด็กนักเรียนเก่ง-ด้อย และสายต่างๆประมาณนั้น เราสอบอีท่าไหนไม่รู้หลุดไปห้องๆนึงค่ะ เพื่อนๆในห้องก็เหมือนเด็กนักเรียนวัยรุ่นทั่วไปนะคะ ตอนนั้นเราก็ได้กลุ่มเพื่อนใหม่ทันที เพราะเราเข้ากับคนง่ายค่ะ พูดเก่งและตลก แต่เราค่อนข้างตรงไปตรงมาและยึดมั่นในความคิดตัวเอง(ซึ่งนิสัยตรงนี่แหละค่ะที่จะนำไปสู้เรื่องราวที่ไม่โอเค) เราสังเกตว่าห้องนี้พวกผชค่อนข้างเกาะกลุ่มกัน ทำอะไรก็จะทำตามๆกัน โดดเรียนก็ต้องไปกันเกือบหมด ใครหัวอ่อนยังไงก็ได้ก็ต้องตามๆน้ำไป ส่วนผญก็ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอะไร จะมีบางคนที่ค่อนข้างวางอำนาจ ถ้าเพื่อนๆนึกไม่ออก ผญพวกนี้จะพูดเสียงแหลมพูดจาเสียงดังและมองคนรอบข้างว่ามองตัวเองมั้ย พูดให้เค้ารู้กันให้หมดอ่ะค่ะ และจะนิยมนั่งบนโต๊ะ กระโปรงสั้นๆ ค่ะนั่นแหละใช่เลย เราก็อยู่ดีกับแก๊งเพื่อนเรา7-8คน ซึ่งก็โอเคสนุกสนานดี
จนมาวันเกิดเหตุ วันนั้นเป็นงานภาษาอังกฤษและวันวาเลนไทน์ค่ะเราจำได้แม่น ทุกคนห้องต้องมาจัดซุ้มที่มีกิจกรรมให้เล่นและอาจมีการขายของหรือขนมต่างๆ ห้องเราหัวหน้าห้องก็จัดการค่ะ เงินเป็นเงินที่เก็บจากทุกคนในห้องนั่นแหละค่ะมาจัด คนจะแบ่งเป็นคนเข้าฟังบรรยายและคนมาจัดซุ้ม คนที่เข้าฟังบรรยายจะออกมาประมาณบ่าย2 และเราเป็น1ในคนฟังบรรยายค่ะ เราไม่ได้เลือกเองนะคะ เพื่อนๆจัดมางี้ พอเราเดินมาดูซุ้มห้องตัวเอง มันมีโต๊ะสีขาววางอยู่ ตุ๊กตาวาง3-4ตัว แค่นั้นแหละค่ะ แล้วมีพวกผชนั่งเม้ากันกับกลุ่มหัวหน้าและเจ้คนที่ชอบวางอำนาจเราขอเรียกว่าอรก็แล้วกัน พวกนั้นเม้ากันสนุกมากๆนั่งพื้น สักพักผชหนึ่งในนั้นก็ไปซื้อลูกชิ้นมาถุงใหญ่และนั่งกินกัน เม้ากันต่อไป โดยสายตาเพื่อนคนอื่นที่ยืนงุนงงกับสิ่งที่เห็น เราก็แอบคิดในใจว่าไม่โอเคหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ว่าไร
เย็นวันนั้นเรากลับบ้านมา พร้อมกับแชทเฟสที่เด้งขึ้นมาประมาณ5-6แชท ทุกแชทคือเพื่อนห้องเราบอกเป็นทำนองเดียวกันว่า "เราอยากรู้ว่าพวกหัวหน้า เค้าเอาเงินไปทำไร" เราก็สงสัยอยู่เช่นกัน และเมื่อทุกคนไม่กล้าถาม เราก็ด้วยความไม่คิดไรค่ะ ก็เข้าไปโพสในกลุ่มเฟสของห้องเนื้อหาประมาณว่าอยากรู้ว่าการทำซุ้มกิจกรรมในวันนี้ ใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ขอทำเป็นบัญชีการจ่ายเงินให้หน่อยได้หรือไม่...สิ้นการกดโพสของเรา การคอมเม้นท์ก็มาเลยค่ะ เริ่มจากอรที่บอกว่า "แหมมมม กูก็เอาไปซื้อของมาทำงานไง มีปัญหาอะไรหรอ" และผชอีกคน"สงสัยอะไรมากมายหรอครับ" มีประมาณ3-4คนเริ่มมาตอบทำนองเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ชี้แจงที่เราอยากได้ พอเราเม้นตอบก็เริ่มจะไปกันใหญ่ สักพักคนที่เป็นหัวหน้าที่เงียบไปนานก็เม้นว่า"เราก็ตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่เห็นแจน(ขอแทนชื่อตัวเองว่าแจนนะคะ)มาช่วยอะไรเลยนะ" อ้าว อย่างงี้เราแอบขึ้นเล็กน้อยนะคะ เราเลยบอกไปว่า"ก็เธอใส่ชื่อเราไปฟังบรรยายตั้งแต่เช้า จำไม่ได้แล้วหรอ" ตอนนั้นอารมณ์มาหน่อยๆนะคะยอมรับ แล้วเราก็ทักอรและผชที่หัวร้อนด่าเราในเม้นท์ไปว่า ตัวหนังสือมันไม่รู้อารมณ์หรอก เราจะโทรเคลียร์ว่าที่เราโพสไปจุดประสงค์คืออะไร โดย2คนนั้นไม่ตอบเราและหายไปจนตอนเช้า..
เราไปโรงเรียนด้วยความรู้สึกบางอย่างแล้วแหละค่ะ เราว่าวันนี้ต้องมีอะไร พอเราไปถึงก็ใช่เลย เดินเข้าห้องไปด้วยสายตาที่หันมามองทุกคน ย้ำว่าทุกคน มีเสียงนึงจากกลุ่มผชหลังห้อง(คนที่ว่าเราในเม้นท์ขอแทนชื่อว่าบอย) บอยพูดออกมาเสียงดังว่า"เห้อออออออ" และพวกผชก็หัวเราะกัน จากนั้นอรก็ต่อด้วยคำว่า"ๆ กลัวกูป่ะ กูใหญ่สุดนะ มีเรื่องกะกูได้" แล้วผญที่อยู่ใกล้ๆก็ยิ้มๆกัน เหมือนในหนังมั้ยหล่ะคะ นี่คือที่เราเจอจริงๆ ของจริงเลยแหละค่ะ หลังจากนั้นเราก็แอบใจเสีย แต่ก็เดินมานั่งโต๊ะที่เพื่อนกลุ่มของเราจองไว้ เพื่อนเรามองแบบเวทนาสุดๆ มองแหยๆอ่ะค่ะ ไม่รู้จะอธิบายว่าไง เราก็ยิ้มให้และเปลี่ยนเรื่องชวนคุย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราอยู่ในสภาพนี้ สภาวะเช่นนี้ไปเป็นเดือนๆ โดยที่ทำตัวปกติ อะไรที่เราต้องคุยกับคนอื่น เรื่องงานหรืออะไร เราคุยปกติแม้สายตาที่มองกลับมาจะมีทั้งเกลียด หมั่นไส้ เวทนา ก็ตาม.. หนักๆหน่อยก็จะมีเวลาเดินออกจากห้องต้องไปออๆกันออกเบียดๆกันใช่มั้ยคะ อรก็จะมายืนหลังเราและเหยียบส้นรอเท้าบ้าง เอามือผลักหลังบ้าง เราทำเป็นไม่สนใจค่ะ บางครั้งอาจารย์เรียกเราไปทำโจทย์ตัวอย่างหน้ากระดาน บอยก็ตะโกนมาจากด้านหลังว่า"ถุ้ยยยยยย" เราทำเป็ไม่ได้ยินเช่นเคย หลายครั้งอรพยายามจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าขัดใจกับนางจะเจออะไร โดยการเรียกเรามา "แจน มานี่ดิมา" เราก็จะตีมึนเหมือนว่าเราไม่ได้มีเรื่องกัน "อรมีไรป่าว(พร้อมเดินเข้าไปหา)" หรือ "อีแจนๆ เอามาลอกดิ เออกระดาษแผ่นนั้นอ่ะ เอามา" เราก็ตอบไปว่า "ขอดีๆ ขอดีๆ นั่งทำตั้งนาน ทำแล้วส่งให้ด้วยนะอย่าลืม555" ทำเป็นติดตลกไปอีก5555 ฝืนใจมากมั้ยบอกเลยว่าเราหลอกตัวเองจนจะชินไปเสียแล้ว อ้อ เราลืมบอกไป เราเจอเรื่องแบบนี้คนเดียวนะคะ เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มไม่โดน และเราบอกไว้ตลอดว่า ถ้ามันเรียกไปหา หรือสั่งอะไร แล้วแต่เลยนะ ไม่ต้องมาข้างกู กูเข้าใจ ปกติน่าา เพื่อนเราจะค่อนข้างกลัวอรค่ะ แต่เราเข้าใจ คนส่วนใหญ่ในห้องร้อยละ20 เป็นพวกเด็กดื้อที่ด่าๆเรานั่นแหละค่ะ และหนีเรียน วางอำนาจ ร้อยละ40จะเงียบๆ ตามฝ่ายที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีปัญหา ส่วนที่เหลือคือไม่แคร์ค่ะ มองเหตุการณ์โดยไม่สนใจอะไรและไม่ต้องการเป็นเป้า เหตุการณ์ต่างๆเราเลือกที่จะไม่บอกใคร แม้แต่คนในครอบครัว กลับบ้านมาทำเหมือนว่าที่โรงเรียนปกติสนุกดี พ่อแม่ไม่มีใครสงสัย แม้แต่พี่ชายที่สนิทกับเรามากๆ เราไปโรงเรียนทุกวัน ทำหน้าที่ของตัวเองแม้ว่าไม่อยากไปเหยียบห้องนั้นแม้สักวัน เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองร้องไห้แม้อยู่ตัวคนเดียว เพราะเราคิดว่ามันแสดงความอ่อนแอ ถ้าเราอ่อนแอ เราจะทำทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เราจะผ่านมันไปไม่ได้ เวลา เวลาเท่านั้น จะพิสูจน์ว่าเราจริงใจไม่ได้คิดร้ายกับใคร เดี๋ยวพวกนั้นเกลียดเราไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีการเกลียดกลับ เค้าคงทำมันได้ไม่ตลอด สักวันเค้าจะหยุด สักวัน..เราท่องกับตัวเองทุกวันทุกเวลา
มีวันนึงค่ะ ที่เราเกือบจะเก็บความอ่อนแอเอาไว้ไม่อยู่..เราเรียนภาษาไทยกับอาจารย์ที่โหดมากๆท่านนึง งานทุกอย่างเก็บไว้ในแฟ้มตลอดทั้งเทอม จนถึงตอนที่อาจารย์ตรวจและส่งคืน อาจารย์เอาให้หัวหน้ามาแจกที่ใต้ตึก เราอยู่คุยกับอาจารย์เลยลงมาช้า เพื่อนๆเราก็รอเราเลยพึ่งลงมาพร้อมกัน พอลงมาข้างล่างเจออรและกลุ่มหัวหน้านั่งอยู่และแฟ้มอื่นๆที่วางกระจายบนโต๊ะ อรยิ้มให้พร้อมบอก "โชคดี" และเดินไป เราเริ่มใจคอไม่ดี เราลงมาหาแฟ้มชื่อตัวเอง และมันไม่เจอ เพื่อนเราทุกคนเจอหมดค่ะ เพื่อนๆช่วยกันหา ความรู้สึกของเราตอนนั้นไม่ได้คิดไรคิดว่ามันแค่หาไม่เจอ เราหานานจนฟ้าเริ่มมืด และสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเจอมันที่นั่น ใช่เลย มันอยู่ในถังขยะสีเขียวสูงและเหม็น เราดีใจปนช็อค ....ขนาดนี้เลยหรอ มันต้องทำกันขนาดนี้เลยใช่มั้ย เราผิดมากใช่มั้ย เราเดินถือแฟ้มแล้วมานั่งที่หินอ่อนและพูดว่า มาอยู่ในนี้ได้ไงว่ะว่า555 แล้วเพื่อนเราทุกคนมองเราและร้องไห้ เพื่อนคนนึงพูดว่า "แจน ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ ทำไมว่ะ ร้องไห้สักทีได้มั้ย" หลังจากที่เราได้ฟังความรู้สึกตลอดเทอมกว่าๆก็ปะทุขึ้นมา เราอั้นไม่ไหวแล้ว เราก้มหน้าและร้องไห้ ไม่นานค่ะ เราไม่ปล่อยให้มันออกมานานมากไป ความเสียใจอาจทำให้เราตัดสินใจทำไรโง่ๆ หรือผิด เรารีบบอกให้กลับบ้านและแยกย้ายกัน
ผ่านมาจนขึ้นม.5 เราทำตัวปกติเช่นเดิม สิ่งที่แปลกๆไปเริ่มตั้งแต่ต้นเทอม ที่เพื่อนไม่ได้สนใจว่าเราจะมาจะไป ไม่มองด้วยสายตาแปลกๆ จะมีแต่อรและบอยที่คอยจิกกัดบ้าง แต่เชื่อมั้ย เราหลอกตัวเองจนขำออกมาในสถาณการณ์แบบนั้นได้ด้วย555 จนผ่านไปอีกเทอม ทุกคนคุยกับเราแทบจะปกติแล้ว และมันกลับกลายเป็นว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะไม่มีใครขัดใจเราเลย เพื่อนยอมรับให้เราทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่มองว่าแปลก เพื่อนทั้งห้องพร้อมใจโดดเรียนโดยมีเราเข้าเรียนคนเดียวและมันก็ไม่ว่าไรเรา เราคิดว่าอาจมีคนที่อยากเรียน แต่กลัวว่าจะโดนด่า แน่ล่ะค่ะ ถ้ามีคนทั้งเข้าเรียนและไม่เข้าเรียน อาจารย์จะด่าคนไม่เข้าเรียนถูกมั้ยคะ แต่หากหนีกันหมดแล้วโดนด่าด้วยกันทั้งห้องเพื่ือนๆที่วางอำนาจกลับโอเคกว่า ทั้งที่ก็โดนด่าเช่นกัน อย่างน้อยถ้าเราเข้าและเพื่อนที่อยากเข้าก็เข้ามาด้วยกับเรา พวกนั้นมันก็ว่าเราแทนไปจบๆไม่ซีเรียส เราอยู่แบบนี้จนจบม.6ค่ะ ช่วงม.6อรดีกับเราแล้ว นั่งเม้ากันได้เลยแหละ จะมีแต่บอยที่หายไปเลยกลายเป็นไม่มาเรียนหรือไรสักอย่าง และเพื่อนทุกคนที่สามารถคุยกันได้อย่างสบายใจ มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ห้องทุกห้องมันมีข้อแตกต่างกันเราเชื่ออย่างนั้น ห้องตอนม.ต้นเราต่างความคิดไปเลย แต่ทุกคนตรงไปตรงมาคุยเถียงกันเอาเหตุผล เพียงแต่ห้องนี้อาจรวมคนที่มีความคิดไปแนวเดียวกันสะส่วนใหญ่ แล้วไอ้เราดันมาอยู่และแสดงจุดต่างชัดเจนเท่านั้นเองค่ะ
เราอยากบอกทุกๆคเลยนะคะว่า เราคิดต่างได้นะคะ หากมันไม่ใช่สิ่งผิด ไม่ได้ทำร้ายใคร และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเราถกกันและได้ข้อสรุปที่พัฒนาขึ้น อย่าอายอย่ากลัวที่จะคิดและทำ ไม่ว่าเราจะอยู่จุดในบนโลกก็ตาม ความจริงก็คือความจริง หากคุณเป็นจุดต่างแม้เพียงจุดเดียว ถ้าสีทั้งหมดพยายามจะกลืนคุณ เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่คุณจะเปลี่ยนตัวตนไปเป็นอย่างสีพวกนั้นคือเค้าถูกต้อง เค้าดีกว่า คุณผิด ที่คุณคิดมันไม่โอเค นั่นแหละค่ะ เชื่อเถอะค่ะว่าความจริงและถูกต้องมันอยู่ได้ยาวนานกว่า จะนานแค่ไหนมันจะปรากฎ ขอให้รอนะคะ อย่ายอมแพ้ อย่าลดกำลังใจ
สุดท้ายแล้วนะคะ หลายคนอาจมีวิธีการจัดการกับปัญหาและความรู้สึกที่แตกต่างกัน สำหรับเราใครจะเอาไปใช้เรายินดีค่ะ มันคือการทำทุกอย่างให้เหมือเดิมที่สุดเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นค่ะ แนะนำว่าหลอกตัวเองไปเลย ต้องเชื่ออย่างงั้นจริงๆนะคะ ความรู้สึกอาจจะสลับกันไปมาระหว่างหลอกกับจริงจะเกิดขึ้นเมื่อมีคำพูดถึงเรื่องความจริงนั้นๆที่เราพยายามกลบ อาจยากแต่ถ้าทำได้ มันจะผ่านไปอย่างที่คุณคาดไม่ถึง หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับใครแม้1คนก็เพียงพอแล้วนะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
เราอายุไม่เยอะมากค่ะ พึ่งจบมหาลัย แต่มีประสบการณ์อีกหลายเหตุการณ์ ทั้งการแตกหักกับเพื่อนสนิทครั้งใหญ่ การเข้าปี1ที่พบเจอกับปัญหาเพื่อนที่เป็นผญทั้งหมด ปัญหาในรั้วมหาลัยที่หลายคนไม่มีทางได้ประสบเช่นเรา ถ้าชอบกระทู้นี้เราจะมาเล่าเรื่องอื่นๆให้ฟังอีกนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เคยเป็น"แกะดำ"กันบ้างรึเปล่าคะ?
มันเริ่มที่การสอบเข้าม.4ที่โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง เราอยู่ม.ต้นที่โรงเรียนนี้มาค่ะ แต่พอจะขึ้นม.ปลายก็ต้องสอบใหม่และย้ายไปห้องใหม่ เป็นการจัดกลุ่มเด็กนักเรียนเก่ง-ด้อย และสายต่างๆประมาณนั้น เราสอบอีท่าไหนไม่รู้หลุดไปห้องๆนึงค่ะ เพื่อนๆในห้องก็เหมือนเด็กนักเรียนวัยรุ่นทั่วไปนะคะ ตอนนั้นเราก็ได้กลุ่มเพื่อนใหม่ทันที เพราะเราเข้ากับคนง่ายค่ะ พูดเก่งและตลก แต่เราค่อนข้างตรงไปตรงมาและยึดมั่นในความคิดตัวเอง(ซึ่งนิสัยตรงนี่แหละค่ะที่จะนำไปสู้เรื่องราวที่ไม่โอเค) เราสังเกตว่าห้องนี้พวกผชค่อนข้างเกาะกลุ่มกัน ทำอะไรก็จะทำตามๆกัน โดดเรียนก็ต้องไปกันเกือบหมด ใครหัวอ่อนยังไงก็ได้ก็ต้องตามๆน้ำไป ส่วนผญก็ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอะไร จะมีบางคนที่ค่อนข้างวางอำนาจ ถ้าเพื่อนๆนึกไม่ออก ผญพวกนี้จะพูดเสียงแหลมพูดจาเสียงดังและมองคนรอบข้างว่ามองตัวเองมั้ย พูดให้เค้ารู้กันให้หมดอ่ะค่ะ และจะนิยมนั่งบนโต๊ะ กระโปรงสั้นๆ ค่ะนั่นแหละใช่เลย เราก็อยู่ดีกับแก๊งเพื่อนเรา7-8คน ซึ่งก็โอเคสนุกสนานดี
จนมาวันเกิดเหตุ วันนั้นเป็นงานภาษาอังกฤษและวันวาเลนไทน์ค่ะเราจำได้แม่น ทุกคนห้องต้องมาจัดซุ้มที่มีกิจกรรมให้เล่นและอาจมีการขายของหรือขนมต่างๆ ห้องเราหัวหน้าห้องก็จัดการค่ะ เงินเป็นเงินที่เก็บจากทุกคนในห้องนั่นแหละค่ะมาจัด คนจะแบ่งเป็นคนเข้าฟังบรรยายและคนมาจัดซุ้ม คนที่เข้าฟังบรรยายจะออกมาประมาณบ่าย2 และเราเป็น1ในคนฟังบรรยายค่ะ เราไม่ได้เลือกเองนะคะ เพื่อนๆจัดมางี้ พอเราเดินมาดูซุ้มห้องตัวเอง มันมีโต๊ะสีขาววางอยู่ ตุ๊กตาวาง3-4ตัว แค่นั้นแหละค่ะ แล้วมีพวกผชนั่งเม้ากันกับกลุ่มหัวหน้าและเจ้คนที่ชอบวางอำนาจเราขอเรียกว่าอรก็แล้วกัน พวกนั้นเม้ากันสนุกมากๆนั่งพื้น สักพักผชหนึ่งในนั้นก็ไปซื้อลูกชิ้นมาถุงใหญ่และนั่งกินกัน เม้ากันต่อไป โดยสายตาเพื่อนคนอื่นที่ยืนงุนงงกับสิ่งที่เห็น เราก็แอบคิดในใจว่าไม่โอเคหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ว่าไร
เย็นวันนั้นเรากลับบ้านมา พร้อมกับแชทเฟสที่เด้งขึ้นมาประมาณ5-6แชท ทุกแชทคือเพื่อนห้องเราบอกเป็นทำนองเดียวกันว่า "เราอยากรู้ว่าพวกหัวหน้า เค้าเอาเงินไปทำไร" เราก็สงสัยอยู่เช่นกัน และเมื่อทุกคนไม่กล้าถาม เราก็ด้วยความไม่คิดไรค่ะ ก็เข้าไปโพสในกลุ่มเฟสของห้องเนื้อหาประมาณว่าอยากรู้ว่าการทำซุ้มกิจกรรมในวันนี้ ใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ขอทำเป็นบัญชีการจ่ายเงินให้หน่อยได้หรือไม่...สิ้นการกดโพสของเรา การคอมเม้นท์ก็มาเลยค่ะ เริ่มจากอรที่บอกว่า "แหมมมม กูก็เอาไปซื้อของมาทำงานไง มีปัญหาอะไรหรอ" และผชอีกคน"สงสัยอะไรมากมายหรอครับ" มีประมาณ3-4คนเริ่มมาตอบทำนองเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ชี้แจงที่เราอยากได้ พอเราเม้นตอบก็เริ่มจะไปกันใหญ่ สักพักคนที่เป็นหัวหน้าที่เงียบไปนานก็เม้นว่า"เราก็ตั้งใจทำดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่เห็นแจน(ขอแทนชื่อตัวเองว่าแจนนะคะ)มาช่วยอะไรเลยนะ" อ้าว อย่างงี้เราแอบขึ้นเล็กน้อยนะคะ เราเลยบอกไปว่า"ก็เธอใส่ชื่อเราไปฟังบรรยายตั้งแต่เช้า จำไม่ได้แล้วหรอ" ตอนนั้นอารมณ์มาหน่อยๆนะคะยอมรับ แล้วเราก็ทักอรและผชที่หัวร้อนด่าเราในเม้นท์ไปว่า ตัวหนังสือมันไม่รู้อารมณ์หรอก เราจะโทรเคลียร์ว่าที่เราโพสไปจุดประสงค์คืออะไร โดย2คนนั้นไม่ตอบเราและหายไปจนตอนเช้า..
เราไปโรงเรียนด้วยความรู้สึกบางอย่างแล้วแหละค่ะ เราว่าวันนี้ต้องมีอะไร พอเราไปถึงก็ใช่เลย เดินเข้าห้องไปด้วยสายตาที่หันมามองทุกคน ย้ำว่าทุกคน มีเสียงนึงจากกลุ่มผชหลังห้อง(คนที่ว่าเราในเม้นท์ขอแทนชื่อว่าบอย) บอยพูดออกมาเสียงดังว่า"เห้อออออออ" และพวกผชก็หัวเราะกัน จากนั้นอรก็ต่อด้วยคำว่า"ๆ กลัวกูป่ะ กูใหญ่สุดนะ มีเรื่องกะกูได้" แล้วผญที่อยู่ใกล้ๆก็ยิ้มๆกัน เหมือนในหนังมั้ยหล่ะคะ นี่คือที่เราเจอจริงๆ ของจริงเลยแหละค่ะ หลังจากนั้นเราก็แอบใจเสีย แต่ก็เดินมานั่งโต๊ะที่เพื่อนกลุ่มของเราจองไว้ เพื่อนเรามองแบบเวทนาสุดๆ มองแหยๆอ่ะค่ะ ไม่รู้จะอธิบายว่าไง เราก็ยิ้มให้และเปลี่ยนเรื่องชวนคุย แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราอยู่ในสภาพนี้ สภาวะเช่นนี้ไปเป็นเดือนๆ โดยที่ทำตัวปกติ อะไรที่เราต้องคุยกับคนอื่น เรื่องงานหรืออะไร เราคุยปกติแม้สายตาที่มองกลับมาจะมีทั้งเกลียด หมั่นไส้ เวทนา ก็ตาม.. หนักๆหน่อยก็จะมีเวลาเดินออกจากห้องต้องไปออๆกันออกเบียดๆกันใช่มั้ยคะ อรก็จะมายืนหลังเราและเหยียบส้นรอเท้าบ้าง เอามือผลักหลังบ้าง เราทำเป็นไม่สนใจค่ะ บางครั้งอาจารย์เรียกเราไปทำโจทย์ตัวอย่างหน้ากระดาน บอยก็ตะโกนมาจากด้านหลังว่า"ถุ้ยยยยยย" เราทำเป็ไม่ได้ยินเช่นเคย หลายครั้งอรพยายามจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าขัดใจกับนางจะเจออะไร โดยการเรียกเรามา "แจน มานี่ดิมา" เราก็จะตีมึนเหมือนว่าเราไม่ได้มีเรื่องกัน "อรมีไรป่าว(พร้อมเดินเข้าไปหา)" หรือ "อีแจนๆ เอามาลอกดิ เออกระดาษแผ่นนั้นอ่ะ เอามา" เราก็ตอบไปว่า "ขอดีๆ ขอดีๆ นั่งทำตั้งนาน ทำแล้วส่งให้ด้วยนะอย่าลืม555" ทำเป็นติดตลกไปอีก5555 ฝืนใจมากมั้ยบอกเลยว่าเราหลอกตัวเองจนจะชินไปเสียแล้ว อ้อ เราลืมบอกไป เราเจอเรื่องแบบนี้คนเดียวนะคะ เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มไม่โดน และเราบอกไว้ตลอดว่า ถ้ามันเรียกไปหา หรือสั่งอะไร แล้วแต่เลยนะ ไม่ต้องมาข้างกู กูเข้าใจ ปกติน่าา เพื่อนเราจะค่อนข้างกลัวอรค่ะ แต่เราเข้าใจ คนส่วนใหญ่ในห้องร้อยละ20 เป็นพวกเด็กดื้อที่ด่าๆเรานั่นแหละค่ะ และหนีเรียน วางอำนาจ ร้อยละ40จะเงียบๆ ตามฝ่ายที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีปัญหา ส่วนที่เหลือคือไม่แคร์ค่ะ มองเหตุการณ์โดยไม่สนใจอะไรและไม่ต้องการเป็นเป้า เหตุการณ์ต่างๆเราเลือกที่จะไม่บอกใคร แม้แต่คนในครอบครัว กลับบ้านมาทำเหมือนว่าที่โรงเรียนปกติสนุกดี พ่อแม่ไม่มีใครสงสัย แม้แต่พี่ชายที่สนิทกับเรามากๆ เราไปโรงเรียนทุกวัน ทำหน้าที่ของตัวเองแม้ว่าไม่อยากไปเหยียบห้องนั้นแม้สักวัน เราไม่เคยปล่อยให้ตัวเองร้องไห้แม้อยู่ตัวคนเดียว เพราะเราคิดว่ามันแสดงความอ่อนแอ ถ้าเราอ่อนแอ เราจะทำทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เราจะผ่านมันไปไม่ได้ เวลา เวลาเท่านั้น จะพิสูจน์ว่าเราจริงใจไม่ได้คิดร้ายกับใคร เดี๋ยวพวกนั้นเกลียดเราไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีการเกลียดกลับ เค้าคงทำมันได้ไม่ตลอด สักวันเค้าจะหยุด สักวัน..เราท่องกับตัวเองทุกวันทุกเวลา
มีวันนึงค่ะ ที่เราเกือบจะเก็บความอ่อนแอเอาไว้ไม่อยู่..เราเรียนภาษาไทยกับอาจารย์ที่โหดมากๆท่านนึง งานทุกอย่างเก็บไว้ในแฟ้มตลอดทั้งเทอม จนถึงตอนที่อาจารย์ตรวจและส่งคืน อาจารย์เอาให้หัวหน้ามาแจกที่ใต้ตึก เราอยู่คุยกับอาจารย์เลยลงมาช้า เพื่อนๆเราก็รอเราเลยพึ่งลงมาพร้อมกัน พอลงมาข้างล่างเจออรและกลุ่มหัวหน้านั่งอยู่และแฟ้มอื่นๆที่วางกระจายบนโต๊ะ อรยิ้มให้พร้อมบอก "โชคดี" และเดินไป เราเริ่มใจคอไม่ดี เราลงมาหาแฟ้มชื่อตัวเอง และมันไม่เจอ เพื่อนเราทุกคนเจอหมดค่ะ เพื่อนๆช่วยกันหา ความรู้สึกของเราตอนนั้นไม่ได้คิดไรคิดว่ามันแค่หาไม่เจอ เราหานานจนฟ้าเริ่มมืด และสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเจอมันที่นั่น ใช่เลย มันอยู่ในถังขยะสีเขียวสูงและเหม็น เราดีใจปนช็อค ....ขนาดนี้เลยหรอ มันต้องทำกันขนาดนี้เลยใช่มั้ย เราผิดมากใช่มั้ย เราเดินถือแฟ้มแล้วมานั่งที่หินอ่อนและพูดว่า มาอยู่ในนี้ได้ไงว่ะว่า555 แล้วเพื่อนเราทุกคนมองเราและร้องไห้ เพื่อนคนนึงพูดว่า "แจน ไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ ทำไมว่ะ ร้องไห้สักทีได้มั้ย" หลังจากที่เราได้ฟังความรู้สึกตลอดเทอมกว่าๆก็ปะทุขึ้นมา เราอั้นไม่ไหวแล้ว เราก้มหน้าและร้องไห้ ไม่นานค่ะ เราไม่ปล่อยให้มันออกมานานมากไป ความเสียใจอาจทำให้เราตัดสินใจทำไรโง่ๆ หรือผิด เรารีบบอกให้กลับบ้านและแยกย้ายกัน
ผ่านมาจนขึ้นม.5 เราทำตัวปกติเช่นเดิม สิ่งที่แปลกๆไปเริ่มตั้งแต่ต้นเทอม ที่เพื่อนไม่ได้สนใจว่าเราจะมาจะไป ไม่มองด้วยสายตาแปลกๆ จะมีแต่อรและบอยที่คอยจิกกัดบ้าง แต่เชื่อมั้ย เราหลอกตัวเองจนขำออกมาในสถาณการณ์แบบนั้นได้ด้วย555 จนผ่านไปอีกเทอม ทุกคนคุยกับเราแทบจะปกติแล้ว และมันกลับกลายเป็นว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะไม่มีใครขัดใจเราเลย เพื่อนยอมรับให้เราทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่มองว่าแปลก เพื่อนทั้งห้องพร้อมใจโดดเรียนโดยมีเราเข้าเรียนคนเดียวและมันก็ไม่ว่าไรเรา เราคิดว่าอาจมีคนที่อยากเรียน แต่กลัวว่าจะโดนด่า แน่ล่ะค่ะ ถ้ามีคนทั้งเข้าเรียนและไม่เข้าเรียน อาจารย์จะด่าคนไม่เข้าเรียนถูกมั้ยคะ แต่หากหนีกันหมดแล้วโดนด่าด้วยกันทั้งห้องเพื่ือนๆที่วางอำนาจกลับโอเคกว่า ทั้งที่ก็โดนด่าเช่นกัน อย่างน้อยถ้าเราเข้าและเพื่อนที่อยากเข้าก็เข้ามาด้วยกับเรา พวกนั้นมันก็ว่าเราแทนไปจบๆไม่ซีเรียส เราอยู่แบบนี้จนจบม.6ค่ะ ช่วงม.6อรดีกับเราแล้ว นั่งเม้ากันได้เลยแหละ จะมีแต่บอยที่หายไปเลยกลายเป็นไม่มาเรียนหรือไรสักอย่าง และเพื่อนทุกคนที่สามารถคุยกันได้อย่างสบายใจ มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ห้องทุกห้องมันมีข้อแตกต่างกันเราเชื่ออย่างนั้น ห้องตอนม.ต้นเราต่างความคิดไปเลย แต่ทุกคนตรงไปตรงมาคุยเถียงกันเอาเหตุผล เพียงแต่ห้องนี้อาจรวมคนที่มีความคิดไปแนวเดียวกันสะส่วนใหญ่ แล้วไอ้เราดันมาอยู่และแสดงจุดต่างชัดเจนเท่านั้นเองค่ะ
เราอยากบอกทุกๆคเลยนะคะว่า เราคิดต่างได้นะคะ หากมันไม่ใช่สิ่งผิด ไม่ได้ทำร้ายใคร และยิ่งไปกว่านั้นถ้าเราถกกันและได้ข้อสรุปที่พัฒนาขึ้น อย่าอายอย่ากลัวที่จะคิดและทำ ไม่ว่าเราจะอยู่จุดในบนโลกก็ตาม ความจริงก็คือความจริง หากคุณเป็นจุดต่างแม้เพียงจุดเดียว ถ้าสีทั้งหมดพยายามจะกลืนคุณ เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่คุณจะเปลี่ยนตัวตนไปเป็นอย่างสีพวกนั้นคือเค้าถูกต้อง เค้าดีกว่า คุณผิด ที่คุณคิดมันไม่โอเค นั่นแหละค่ะ เชื่อเถอะค่ะว่าความจริงและถูกต้องมันอยู่ได้ยาวนานกว่า จะนานแค่ไหนมันจะปรากฎ ขอให้รอนะคะ อย่ายอมแพ้ อย่าลดกำลังใจ
สุดท้ายแล้วนะคะ หลายคนอาจมีวิธีการจัดการกับปัญหาและความรู้สึกที่แตกต่างกัน สำหรับเราใครจะเอาไปใช้เรายินดีค่ะ มันคือการทำทุกอย่างให้เหมือเดิมที่สุดเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นค่ะ แนะนำว่าหลอกตัวเองไปเลย ต้องเชื่ออย่างงั้นจริงๆนะคะ ความรู้สึกอาจจะสลับกันไปมาระหว่างหลอกกับจริงจะเกิดขึ้นเมื่อมีคำพูดถึงเรื่องความจริงนั้นๆที่เราพยายามกลบ อาจยากแต่ถ้าทำได้ มันจะผ่านไปอย่างที่คุณคาดไม่ถึง หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับใครแม้1คนก็เพียงพอแล้วนะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เราอายุไม่เยอะมากค่ะ พึ่งจบมหาลัย แต่มีประสบการณ์อีกหลายเหตุการณ์ ทั้งการแตกหักกับเพื่อนสนิทครั้งใหญ่ การเข้าปี1ที่พบเจอกับปัญหาเพื่อนที่เป็นผญทั้งหมด ปัญหาในรั้วมหาลัยที่หลายคนไม่มีทางได้ประสบเช่นเรา ถ้าชอบกระทู้นี้เราจะมาเล่าเรื่องอื่นๆให้ฟังอีกนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ