สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก้อยและเพื่อนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน
โดยที่ในทริปมีเพื่อนคนนึงที่มีความจำเป็นต้องใช้ Wheelchair พอดี แต่ก็ยังพอเดินได้ในระยะสั้นๆนะคะ
ตอนแรกสุดเลย ก้อยก็คิดเหมือนที่ทุกคนคิดนั่นแหละค่ะ
ชีวิตจะต้องยุ่งยากแน่ๆเลย จะเที่ยวไม่สนุกรึป่าว
จินตนาการไปต่างๆนานา ......
แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะคะ
แน่นอนชีวิตคงจะต้องช้าลงบ้างในบางจังหวะ แต่ก็โอเคค่ะ
Slow life บ้าง ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ
เริ่มจากเราเดินทางด้วยสายการบิน ANA
เราก็จองตั๋วเองผ่านเว็บไซด์ของ ANA จากนั้นก็กดเข้าไปที่ Manage your booking
แล้วก็กดเลือกขอบริการถเข็นได้เลยค่ะทั้งขาไปและขากลับ
จากนั้นพอเราไปถึงสนามบิน เมื่อเรา Check-in ที่ counter เค้าก็จะถามเลยว่าจะให้รถเข็นมารับผู้โดยสารเลยมั๊ย
เค้าจะมีเจ้าหน้าที่เข็นรถให้รับเราตั้งแต่ Counter Check-in พาผ่าน ตม. แล้วก็เข็นพาไปจาถึง Gate เลยค่ะ
ถ้าเราผ่านอะไรแล้วอยากแวะซื้อก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยนะคะ แต่ก็อาจจะไม่ได้ Shop มากเท่าไหร่เพราะเกรงใจเค้าถ้าต้องรอนาน
สามารถมีผู้ติดตามเข้าช่อง Priority pass ได้กับคนนั่งรถเข็นแค่ 1 คนเท่านั้นนะคะ
เดินทางเป็นหมู่คณะ ที่เหลือต้องไปเข้าช่องธรรมดาค่ะ ... อดเลย อิอิ
ถามว่าเราเข็นเองได้มั๊ย???
ตอบเลยว่า
ไม่ได้ค่ะ
เนื่องจากเป็นนโยบาย และเหตุผลด้านความปลอดภัยค่ะ
พอไปถึงที่สนามบิน วันนั้นเราไปลงฮาเนดะ
ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำรถเข็นไปรอรับที่หน้า Gate เลยเช่นกัน
แล้วก็พาผ่าน ตม. รับกระเป๋า แล้วก็ส่งเราที่ Arrival Hall ค่ะ
วันนั้นเจ้าหน้าที่ถามว่าจะให้ไปส่งถึงสถานีรถไฟเข้าเมืองมั๊ย
เราก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ไกลมากเดี๋ยวค่อยๆเดินกันไป
จบเรื่องที่สนามบิน (ขากลับก็เป็นแบบเดียวกันค่ะ)
ตอนนี้ก็มาถึงส่วนที่ยาก
อยากมีรถเข็น Wheelchair ใช้ในญี่ปุ่นทำยังไง ...???
ตอนแรกก้อย Email ไปถามโรงแรมก่อน
ทางโรงแรมเเจ้งว่า โรงแรมก็มีนะ แต่เป็นสำหรับให้บริการในโรงแรมเท่านั้น
ไม่สามารถนำออกไปใช้ข้างนอกได้
ก้อยก็เลยไป Google หา Website ท่ให้บริการเช่ารถเข็นในญี่ปุ่นค่ะ
เจอเว็บนี้เลย "
http://www.ido-support.com/english/introduction.html"
ให้บริการเกี่ยวกับ Wheelchair แบบครบวงจรเลย
วิธีการก็ส่งรายละเอียดให้เค้าทาง Email ค่ะ
1. ชื่อผู้จอง
2. ชื่อคนนั่งรถเข็น
3. วันเวลาที่ต้องการใช้รถเข็น
4. ประเภทของรถเข็นที่ต้องการ Manual หรือ Auto (Auto หมดเร้วมาก ขนาดก้อยจองล่วงหน้าค่อนข้างนานก็ยังไม่มีเลย)
5. ชื่อและที่อยู่โรงแรมที่เราพัก
วิธีการรับ-คืนรถเข็นก็ไม่ยากค่ะ เช่น ก้อยต้องการใช้รถวันที่ 1 - 5 มีนาคม
หากเราต้องการใช้รถตั้งแต่วันที่ 1 เลย เราต้องแจ้งให้เค้าส่งรถไปที่โรงแรม ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ค่ะ
เพราะทางเว็บไซด์จะไม่สามารถระบุเวลาแน่นอนที่รถเข็นจะถึงโรงแรมได้ค่ะ
ดังนั้นต้องให้เค้าไปส่งก่อน 1 วัน (ไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติมนะคะ)
จากนั้นพอไปถึงโรงแรมก็ติดต่อรับรถได้เลยที่ Concierge ค่ะ ง่ายมากๆเลยใช่มั๊ยคะ
วิธีการคืนก็ไม่ยากเช่นกัน วันท่ี่ 5 วันสุดท้าย ก็เอารถไปฝากไว้ที่ Concierge เหมือนเดิมค่ะ
การชำระเงิน ชำระผ่าน Paypal เท่านั้นค่ะ
การใช้รถเข็นในญี่ปุ่นก็ไม่ยากเลยค่ะ
การขึ้นลงรถไฟก็ใช้ลิฟต์ การเข็นรถระหว่างนั้นเค้าก็จะมีทางลาดให้อยู่แล้ว
แต่การขึ้น-ลงรถไฟนั้น อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าเพื่อนเราพอเดินได้
เราจึงใช้วิธีการพับรถเข็น แล้วให้เพื่อนเดินขึ้นรถไฟค่ะ เพื่อความสะดวก
แต่สำหรับคนที่เดินไม่ได้เลย อันนี้ขอผ่านนะคะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำยังไง
แต่คุ้นๆเหมือนเคยเห็นใน Clip VDO ว่าเค้าจะมีเจ้าหน้าที่เอาแผ่นไม้มาปูให้ตอนเราเข็นรถขึ้นรถไฟ (ไม่รู้ว่าจริงป่าว)
ทริปนี้เราเดินทางทั้งกับ Temporary disable และเด็กน้อยอายุไม่เกิน 2 ขวบ
พร้อมกับผู้ใหญ่ปกติอีก 4 คน สนุกดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
ใครที่กลัวลำบาก ไม่สะดวก เลยทำให้อดไปเที่ยว
ขอบอกเลยค่ะ ไม่ยาก และไม่แย่อย่างที่คิด
ลองดูนะคะ หวังว่ารีวิวของก้อยจะพอเกิดประโยชน์ให้กับหลายๆท่านที่ยังลังเลอยู่
ขอให้เดินทางท่องเที่ยวให้สนุกกันนะคะ
[CR] ประสบการณ์ "ใช้ + เช่า Wheelchair" จากสุวรรณภูมิ ถึงโตเกียว
โดยที่ในทริปมีเพื่อนคนนึงที่มีความจำเป็นต้องใช้ Wheelchair พอดี แต่ก็ยังพอเดินได้ในระยะสั้นๆนะคะ
ตอนแรกสุดเลย ก้อยก็คิดเหมือนที่ทุกคนคิดนั่นแหละค่ะ
ชีวิตจะต้องยุ่งยากแน่ๆเลย จะเที่ยวไม่สนุกรึป่าว
จินตนาการไปต่างๆนานา ......
แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะคะ
แน่นอนชีวิตคงจะต้องช้าลงบ้างในบางจังหวะ แต่ก็โอเคค่ะ
Slow life บ้าง ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ
เริ่มจากเราเดินทางด้วยสายการบิน ANA
เราก็จองตั๋วเองผ่านเว็บไซด์ของ ANA จากนั้นก็กดเข้าไปที่ Manage your booking
แล้วก็กดเลือกขอบริการถเข็นได้เลยค่ะทั้งขาไปและขากลับ
จากนั้นพอเราไปถึงสนามบิน เมื่อเรา Check-in ที่ counter เค้าก็จะถามเลยว่าจะให้รถเข็นมารับผู้โดยสารเลยมั๊ย
เค้าจะมีเจ้าหน้าที่เข็นรถให้รับเราตั้งแต่ Counter Check-in พาผ่าน ตม. แล้วก็เข็นพาไปจาถึง Gate เลยค่ะ
ถ้าเราผ่านอะไรแล้วอยากแวะซื้อก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยนะคะ แต่ก็อาจจะไม่ได้ Shop มากเท่าไหร่เพราะเกรงใจเค้าถ้าต้องรอนาน
สามารถมีผู้ติดตามเข้าช่อง Priority pass ได้กับคนนั่งรถเข็นแค่ 1 คนเท่านั้นนะคะ
เดินทางเป็นหมู่คณะ ที่เหลือต้องไปเข้าช่องธรรมดาค่ะ ... อดเลย อิอิ
ถามว่าเราเข็นเองได้มั๊ย???
ตอบเลยว่า ไม่ได้ค่ะ
เนื่องจากเป็นนโยบาย และเหตุผลด้านความปลอดภัยค่ะ
พอไปถึงที่สนามบิน วันนั้นเราไปลงฮาเนดะ
ก็จะมีเจ้าหน้าที่นำรถเข็นไปรอรับที่หน้า Gate เลยเช่นกัน
แล้วก็พาผ่าน ตม. รับกระเป๋า แล้วก็ส่งเราที่ Arrival Hall ค่ะ
วันนั้นเจ้าหน้าที่ถามว่าจะให้ไปส่งถึงสถานีรถไฟเข้าเมืองมั๊ย
เราก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ไกลมากเดี๋ยวค่อยๆเดินกันไป
จบเรื่องที่สนามบิน (ขากลับก็เป็นแบบเดียวกันค่ะ)
ตอนนี้ก็มาถึงส่วนที่ยาก
อยากมีรถเข็น Wheelchair ใช้ในญี่ปุ่นทำยังไง ...???
ตอนแรกก้อย Email ไปถามโรงแรมก่อน
ทางโรงแรมเเจ้งว่า โรงแรมก็มีนะ แต่เป็นสำหรับให้บริการในโรงแรมเท่านั้น
ไม่สามารถนำออกไปใช้ข้างนอกได้
ก้อยก็เลยไป Google หา Website ท่ให้บริการเช่ารถเข็นในญี่ปุ่นค่ะ
เจอเว็บนี้เลย "http://www.ido-support.com/english/introduction.html"
ให้บริการเกี่ยวกับ Wheelchair แบบครบวงจรเลย
วิธีการก็ส่งรายละเอียดให้เค้าทาง Email ค่ะ
1. ชื่อผู้จอง
2. ชื่อคนนั่งรถเข็น
3. วันเวลาที่ต้องการใช้รถเข็น
4. ประเภทของรถเข็นที่ต้องการ Manual หรือ Auto (Auto หมดเร้วมาก ขนาดก้อยจองล่วงหน้าค่อนข้างนานก็ยังไม่มีเลย)
5. ชื่อและที่อยู่โรงแรมที่เราพัก
วิธีการรับ-คืนรถเข็นก็ไม่ยากค่ะ เช่น ก้อยต้องการใช้รถวันที่ 1 - 5 มีนาคม
หากเราต้องการใช้รถตั้งแต่วันที่ 1 เลย เราต้องแจ้งให้เค้าส่งรถไปที่โรงแรม ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ค่ะ
เพราะทางเว็บไซด์จะไม่สามารถระบุเวลาแน่นอนที่รถเข็นจะถึงโรงแรมได้ค่ะ
ดังนั้นต้องให้เค้าไปส่งก่อน 1 วัน (ไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติมนะคะ)
จากนั้นพอไปถึงโรงแรมก็ติดต่อรับรถได้เลยที่ Concierge ค่ะ ง่ายมากๆเลยใช่มั๊ยคะ
วิธีการคืนก็ไม่ยากเช่นกัน วันท่ี่ 5 วันสุดท้าย ก็เอารถไปฝากไว้ที่ Concierge เหมือนเดิมค่ะ
การชำระเงิน ชำระผ่าน Paypal เท่านั้นค่ะ
การใช้รถเข็นในญี่ปุ่นก็ไม่ยากเลยค่ะ
การขึ้นลงรถไฟก็ใช้ลิฟต์ การเข็นรถระหว่างนั้นเค้าก็จะมีทางลาดให้อยู่แล้ว
แต่การขึ้น-ลงรถไฟนั้น อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าเพื่อนเราพอเดินได้
เราจึงใช้วิธีการพับรถเข็น แล้วให้เพื่อนเดินขึ้นรถไฟค่ะ เพื่อความสะดวก
แต่สำหรับคนที่เดินไม่ได้เลย อันนี้ขอผ่านนะคะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำยังไง
แต่คุ้นๆเหมือนเคยเห็นใน Clip VDO ว่าเค้าจะมีเจ้าหน้าที่เอาแผ่นไม้มาปูให้ตอนเราเข็นรถขึ้นรถไฟ (ไม่รู้ว่าจริงป่าว)
ทริปนี้เราเดินทางทั้งกับ Temporary disable และเด็กน้อยอายุไม่เกิน 2 ขวบ
พร้อมกับผู้ใหญ่ปกติอีก 4 คน สนุกดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
ใครที่กลัวลำบาก ไม่สะดวก เลยทำให้อดไปเที่ยว
ขอบอกเลยค่ะ ไม่ยาก และไม่แย่อย่างที่คิด
ลองดูนะคะ หวังว่ารีวิวของก้อยจะพอเกิดประโยชน์ให้กับหลายๆท่านที่ยังลังเลอยู่
ขอให้เดินทางท่องเที่ยวให้สนุกกันนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้