เกาหลีใต้ในความคิดของใครหลาย ๆ คนอาจจะมีดีแค่เพียงเรื่องช็อปปิ้ง ติ่งเกาหลี เราก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่มีความคิดแบบนั้นค่ะ เราก็เป็นคนนึงที่ติ่งนักร้องเกาหลี และมีแรงยึดเหนี่ยวในประเทศนี้ เพราะการติ่ง แต่การติ่งนี่แหละค่ะ ที่ทำให้เราได้พบกับอะไรใหม่ ๆ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเราไปเกาหลีซึ่งเราเคยไปประเทศนี้มาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกมากับทัวร์เป็นทริปครอบครัวสำหรับเรามันเป็นอะไรที่ทั้งน่าเบื่อและตื่นตาตื่นใจ เพราะครั้งแรกของเรามาที่เกาหลีได้เห็นหิมะครั้งแรกแต่ได้นั่งเพียงแค่ในรถบัสจะว่าสนุกก็ไม่สุดน่ะค่ะ ครั้งที่สองเรามาเกาหลีต่อจากเที่ยวทริปที่ญี่ปุ่นโดนการนั่งเรือจากฟุคุโอกะมาลงที่ปูซานเป็นครั้งแรกที่เราเดินทางในเกาหลีด้วยตัวเอง เป็นทริปที่สนุกมากค่ะ แต่ด้วยระยะเวลาอันสั้นทำให้ทุกอย่างดูรวบรัดไปหมด ครั้งนี้ที่ผ่านมาเราจึงไปเกาหลีเวลาร่วมด้วย 21 วันค่ะ (2-23 มิถุนายน) ครั้งนี้เราเลยไปครบทั้งเที่ยวในตัวเมืองหลวงอย่างโซล และเที่ยวนอกเมืองอย่างต่างจังหวัด รวมถึงการติ่ง การช็อปปิ้ง และการเที่ยวปีนเขาดูธรรมชาติด้วย
ความจริงแล้ว เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ถ้าจะเรียงเป็นไทม์ไลน์เกรงว่าจะน่าเบื่อเกินไปค่ะ (ความจริงแล้วเราก็จำไม่เป๊ะเท่าไหร่) เราขออนุญาติเรียงเป็นจังหวัดที่เราไปและเสริมแทรกกิจกรรมที่เราทำแล้วกันค่ะ
งบประมาณการเที่ยวของเรา (ไม่รวมช็อปปิ้งและอื่นๆ)
ค่าเครื่องบิน (ขาไปน้ำหนัก 20 กก./กลับ 25 กก.): 10,630 บาท
ค่าที่พัก (โซล,แทจอน,แทกู,ซุนชอน): 9,286 บาท (หารกับเพื่อนอีกหนึ่งคนแล้ว)
ค่าเดินทาง (T-Money,รถไฟฟ้า,รถบัสข้ามจังหวัด) + ค่าอาหาร: 11,500 บาท (หารแล้ว)
โซล :: เมืองหลวงที่ครบเครื่อง ทุกเรื่องที่ต้องการ
อันดับแรกเลย เพื่อนเราตั้งใจมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ นางเป็นคนที่ค่อนข้างจะอยู่ในกรอบเสมอเพราะด้วยวิชาภาคที่ตัวเองเรียน เลยตั้งใจมาเกาหลีเพื่อได้ลองเปลี่ยนแปลงและทำอะไรใหม่ ๆ ซึ่งมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดหรอกค่ะ นางไม่ได้มาทำศัลยกรรม แต่มาทำผมกับสัก แค่นี้ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตแล้วค่ะ เราลงมาจากเครื่องได้ไม่กี่ชั่วโมงเก็บสัมภาระที่บ้านพักเสร็จก็เดินทางมายังฮงแดเพื่อทำผมค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้จะทำด้วย แต่เนื่องด้วย เพื่อนน่าจะใช้ระยะเวลาในการทำนาน เราก็เลยทำกับเขาไปด้วย ซาลอนที่ว่านี้ชื่อ Soonsiki เพื่อนเราหาข้อมูลมาและมีชาวต่างชาติลงรีวิวเกี่ยวกับซาลอนแห่งนี้เยอะมาก จึงลองจองและหาราคากันไปดู สามารถค้นหาร้านได้โดยเสิร์ชชื่อร้านในกูเกิ้ลเลยค่ะ ดังนั้น อันดับแรกเลย เราจะขอรีวิวซาลอนแห่งนี้ก่อนแล้วกันนะคะ
Soonsiki ซาลอนสุดหรู ใจกลางฮงแด
หรูขนาดไหน หรูขนาดทำเอาเราเขวไปทั้งทริป สำหรับหลายคน อาจจะยอมลงทุนเพื่อความสวยความงาม แต่สำหรับเรา มันต้องอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ จากที่เราบอกข้างต้นเพื่อนเราหาข้อมูลมาว่าจะทำผมที่ร้านทำผมนี้ โดยนางจะมาทำผมสีม่วง เป็นสีม่วงเข้ม ตอนแรกเราเข้ามาร้านโดยที่รู้รายละเอียด (แบบเข้าใจไปเอง) ในเวปไซต์ของทางร้าน แต่พอมาที่ร้าน พนักงานก็ทำการแจกแจงเราว่าสิ่งที่เราต้องเสียมีอะไรบ้าง (ดีที่ว่าพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษกันคล่องมาก ยกเว้นพนักงานบางคน แต่เค้าก็พยายามสื่อสารกับเราค่ะ) ซึ่งมันต่างจากที่เราคิดค่ะ
การทำผมทีนี่จะคิดเป็นแต่ละอย่างที่ทำเลย อย่างเช่นเพื่อนเราตั้งใจมาทำผมสีม่วงก็จะมีการแยกไปเลยว่า
1. การกัดสีผม (เพื่อนเรากัดสองครั้งก็จะคิดค่าทำเป็นครั้งไป)
2. การทำสีผม (ย้อมผมสีม่วง)
3. ความยาวของผม (สั้น สั้นประบ่า ยาว ยาวมาก : แต่ละความยาวจะมีราคาที่ต่างกัน)
4. ความสามารถของช่างตัดผม (ระดับธรรมดาไปจนถึงมืออาชีพ)
** ไม่มีรูปหลังทำทันที อันนี้เป็นรูปที่ผมผ่านไป ประมาณ 2 อาทิตย์
เพื่อนเราได้ตัดผมด้วยค่ะ รวมถึงน่าจะลงทรีทเม้นท์ด้วย สุทธิราคาทั้งหมดอยู่ที่ 15,xxx บาท ซึ่งราคามันสูงมาก แต่เพื่อนเราตั้งใจมาทำแล้ว นางก็บอกว่า เอาให้สุด เรื่องก็ลงเอยที่นางเสียเงินไปขนาดนั้นแหละค่ะ ส่วนเรานั้น เราตั้งใจมาทำทรีทเม้นท์ ก็ประเมินราคามาเองที่ 3,xxx บาทก็ไม่คิดว่าจะเกินนี้ แต่บวกกับค่าความยาวผม (สั้นประบ่า) กับช่างทำผมสุทธิเราก็เสียไป 5,xxx บาท
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือมันเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงก็จริง แต่เราก็คิดว่ามันค่อนข้างคุ้มกับงานบริการ และผลงานที่ออกมาค่ะ อันดับแรกที่เราเข้าร้านมา เค้าจะถามเราก่อนว่าจองมาไหม (ซึ่งหากชาวต่างชาติจองในเวปไซต์มาก่อนจะได้ส่วนลดถึง 20 %) และจะพาเรามานั่งรอช่างทำผมและแจกแจงรายละเอียด ระหว่างรอก็จะมีขนมและเครื่องดื่มให้ (มีตั้งแต่น้ำเปล่าจนถึงชาร้อน/เย็นเลย) พนักงานจะมาสอบถามเราว่าทำอะไรบ้าง และเสนอราคาคร่าว ๆ มาเพื่อให้เราตัดสินใจ อย่างเราทำทรีทเม้นท์ช่างทำผมก็จะจับผมประเมินผมเราว่าเสียมากแค่ไหน ทำผมล่าสุดเมื่อไหร่ และจะแนะนำคอร์สการทำทรีทเม้นให้ การจ่ายเงินก็สะดวกได้ทั้งตัดบัตรและเงินสดเลยค่ะ
หมายเหตุ: อันนี้เป็นในแง่ความคิดเห็นของเรานะคะ
[CR] [CR] ตะลุยเที่ยวซัมเมอร์เกาหลี 20 กว่าวันเอาให้ครบ (ติ่ง ช็อป เที่ยวต่างจังหวัดที่มีอะไรมากกว่าที่คิด)
ความจริงแล้ว เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ถ้าจะเรียงเป็นไทม์ไลน์เกรงว่าจะน่าเบื่อเกินไปค่ะ (ความจริงแล้วเราก็จำไม่เป๊ะเท่าไหร่) เราขออนุญาติเรียงเป็นจังหวัดที่เราไปและเสริมแทรกกิจกรรมที่เราทำแล้วกันค่ะ
งบประมาณการเที่ยวของเรา (ไม่รวมช็อปปิ้งและอื่นๆ)
ค่าเครื่องบิน (ขาไปน้ำหนัก 20 กก./กลับ 25 กก.): 10,630 บาท
ค่าที่พัก (โซล,แทจอน,แทกู,ซุนชอน): 9,286 บาท (หารกับเพื่อนอีกหนึ่งคนแล้ว)
ค่าเดินทาง (T-Money,รถไฟฟ้า,รถบัสข้ามจังหวัด) + ค่าอาหาร: 11,500 บาท (หารแล้ว)
โซล :: เมืองหลวงที่ครบเครื่อง ทุกเรื่องที่ต้องการ
อันดับแรกเลย เพื่อนเราตั้งใจมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ นางเป็นคนที่ค่อนข้างจะอยู่ในกรอบเสมอเพราะด้วยวิชาภาคที่ตัวเองเรียน เลยตั้งใจมาเกาหลีเพื่อได้ลองเปลี่ยนแปลงและทำอะไรใหม่ ๆ ซึ่งมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดหรอกค่ะ นางไม่ได้มาทำศัลยกรรม แต่มาทำผมกับสัก แค่นี้ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตแล้วค่ะ เราลงมาจากเครื่องได้ไม่กี่ชั่วโมงเก็บสัมภาระที่บ้านพักเสร็จก็เดินทางมายังฮงแดเพื่อทำผมค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้จะทำด้วย แต่เนื่องด้วย เพื่อนน่าจะใช้ระยะเวลาในการทำนาน เราก็เลยทำกับเขาไปด้วย ซาลอนที่ว่านี้ชื่อ Soonsiki เพื่อนเราหาข้อมูลมาและมีชาวต่างชาติลงรีวิวเกี่ยวกับซาลอนแห่งนี้เยอะมาก จึงลองจองและหาราคากันไปดู สามารถค้นหาร้านได้โดยเสิร์ชชื่อร้านในกูเกิ้ลเลยค่ะ ดังนั้น อันดับแรกเลย เราจะขอรีวิวซาลอนแห่งนี้ก่อนแล้วกันนะคะ
Soonsiki ซาลอนสุดหรู ใจกลางฮงแด
หรูขนาดไหน หรูขนาดทำเอาเราเขวไปทั้งทริป สำหรับหลายคน อาจจะยอมลงทุนเพื่อความสวยความงาม แต่สำหรับเรา มันต้องอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ จากที่เราบอกข้างต้นเพื่อนเราหาข้อมูลมาว่าจะทำผมที่ร้านทำผมนี้ โดยนางจะมาทำผมสีม่วง เป็นสีม่วงเข้ม ตอนแรกเราเข้ามาร้านโดยที่รู้รายละเอียด (แบบเข้าใจไปเอง) ในเวปไซต์ของทางร้าน แต่พอมาที่ร้าน พนักงานก็ทำการแจกแจงเราว่าสิ่งที่เราต้องเสียมีอะไรบ้าง (ดีที่ว่าพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษกันคล่องมาก ยกเว้นพนักงานบางคน แต่เค้าก็พยายามสื่อสารกับเราค่ะ) ซึ่งมันต่างจากที่เราคิดค่ะ
การทำผมทีนี่จะคิดเป็นแต่ละอย่างที่ทำเลย อย่างเช่นเพื่อนเราตั้งใจมาทำผมสีม่วงก็จะมีการแยกไปเลยว่า
1. การกัดสีผม (เพื่อนเรากัดสองครั้งก็จะคิดค่าทำเป็นครั้งไป)
2. การทำสีผม (ย้อมผมสีม่วง)
3. ความยาวของผม (สั้น สั้นประบ่า ยาว ยาวมาก : แต่ละความยาวจะมีราคาที่ต่างกัน)
4. ความสามารถของช่างตัดผม (ระดับธรรมดาไปจนถึงมืออาชีพ)
เพื่อนเราได้ตัดผมด้วยค่ะ รวมถึงน่าจะลงทรีทเม้นท์ด้วย สุทธิราคาทั้งหมดอยู่ที่ 15,xxx บาท ซึ่งราคามันสูงมาก แต่เพื่อนเราตั้งใจมาทำแล้ว นางก็บอกว่า เอาให้สุด เรื่องก็ลงเอยที่นางเสียเงินไปขนาดนั้นแหละค่ะ ส่วนเรานั้น เราตั้งใจมาทำทรีทเม้นท์ ก็ประเมินราคามาเองที่ 3,xxx บาทก็ไม่คิดว่าจะเกินนี้ แต่บวกกับค่าความยาวผม (สั้นประบ่า) กับช่างทำผมสุทธิเราก็เสียไป 5,xxx บาท
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือมันเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงก็จริง แต่เราก็คิดว่ามันค่อนข้างคุ้มกับงานบริการ และผลงานที่ออกมาค่ะ อันดับแรกที่เราเข้าร้านมา เค้าจะถามเราก่อนว่าจองมาไหม (ซึ่งหากชาวต่างชาติจองในเวปไซต์มาก่อนจะได้ส่วนลดถึง 20 %) และจะพาเรามานั่งรอช่างทำผมและแจกแจงรายละเอียด ระหว่างรอก็จะมีขนมและเครื่องดื่มให้ (มีตั้งแต่น้ำเปล่าจนถึงชาร้อน/เย็นเลย) พนักงานจะมาสอบถามเราว่าทำอะไรบ้าง และเสนอราคาคร่าว ๆ มาเพื่อให้เราตัดสินใจ อย่างเราทำทรีทเม้นท์ช่างทำผมก็จะจับผมประเมินผมเราว่าเสียมากแค่ไหน ทำผมล่าสุดเมื่อไหร่ และจะแนะนำคอร์สการทำทรีทเม้นให้ การจ่ายเงินก็สะดวกได้ทั้งตัดบัตรและเงินสดเลยค่ะ
หมายเหตุ: อันนี้เป็นในแง่ความคิดเห็นของเรานะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้