ปัญหาชีวิตคู่ที่เพิ่งรู้เมื่อตอนอยู่ด้วยกัน ควรแก้ไขยังไงดีคะ?

เรามีแฟนที่คบกันมาหลายปี มีแพลนจะแต่งงานกันแล้ว และกำลังจะหมั้นไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า
ปัญหาเริ่มมีตอนที่เราซื้อบ้านเป็นเรือนหอและย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน ก็เริ่มเห็นนิสัยที่เรากับเขาไม่เคยเห็นกันมาก่อนนี่แหละ
เราเคยพูดตั้งแต่ก่อนคบว่า ถ้าเลือกให้เราทำงานข้างนอก เรื่องทำงานบ้านกับทำกับข้าวต้องช่วยกันนะ (เรายืนยันว่าเราทำแต่ขอให้ช่วยกันแค่นั้นเอง)
แรกๆก็ยังช่วยกันดีเหมือนยังมีความเกรงใจ แต่หลังๆปัญหาเรื่องนี้ก็เกิดบ่อยมากขึ้น

เราแบ่งหน้าที่กันคือเราดูแลซักผ้า กวาดถูห้องนอน ทำกับข้าวบางครั้งในวันหยุด
เค้าขัดห้องน้ำ (เพราะแรงผู้หญิงขัดไม่ไหวมันไม่สะอาดพอสำหรับเรา) กับล้างจาน เพราะเราแพ้ผงซักฟอกชนิดที่มือจะแตกเป็นเลือดซิบๆ เค้าเองเคยเห็นมือเราแพ้แบบนั้นครั้งนึงเลยรับส่วนนี้มาทำเอง
เราก็ทำหน้าที่ของเราไปไม่มีอะไร แต่เขานานๆทีจะทำ ถ้าไม่สั่งไม่ทำ ถ้าทำก็ไม่เคยสะอาด จนเราต้องใช้แรงเราเองขัดห้องน้ำอีกรอบยังสะอาดกว่าเขาทำเอง บ้านช่องซื้อมาใหม่ๆแต่สกปรกจนเราทนไม่ไหว ลงมือเก็บกวาดด้วยตัวเองกลายเป็นภาระงานบ้านหลักๆก็กลายเป็นเรา
แรกๆเราอดทน เห็นอะไรช่วยหยิบจับเก็บของเขาให้เข้าที่ คิดซะว่าอยู่กันสองคนแล้วก็อย่าเกี่ยงของใครของมัน ผ่านไปๆ เฮียแกยิ่งหนักข้อ ถอดอะไรก็โยนไว้ไม่เป็นที่เป็นทาง กลับมาจากทำงานเล่นเกมๆ วันหยุดเล่นเกมตั้งแต่ตื่นยันนอนไม่ทำอะไรซักอย่าง ส่วนเราตื่นตอนเช้ารีบซักผ้าเก็บบ้านช่อง ถูโน่นนี่ตั้งแต่ชั้นบนยันล่าง

จนเราสุดทนวีนแตกขึ้นมา เขาก็ขึ้นเสียงว่าเรา หาว่าเราทำตัวสะอาดเกินไปเนี้ยบเกินไป วันหยุดของเขาๆอยากพักผ่อนไม่ใช่ทำงานบ้าน
เอาตรงๆ เราทำงานเหนื่อยเหมือนกันและเชื่อว่าคนทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกันแค่ใครมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากน้อยต่างกันแค่นั้น
แต่ความรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนบ้านเราก็ทำของเราไม่เคยไม่ทำ
แต่หน้าที่เขาไม่สั่งไม่ทำ ห้องน้ำตั้งแต่อยู่มาขัดไปแค่สองรอบ แถมที่เราสั่งให้ทำนั่นแหละ
หนักๆเข้า ลามปามด่าเรา ยกถึงแม่ตัวเองว่าทำให้ทุกอย่างและทำงานข้างนอกด้วย ว่าเราว่ายังไงแม่ก็คือแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก แฟนเทียบไม่ได้
หาว่าแต่ก่อนเป็นแฟนเราทำกับข้าวให้กินไม่เคยบ่น

อยากย้อนกลับไปตอนเป็นแฟนใหม่ๆ เพราะเราทำงานฟรีแล้นซ์เลยมีเวลาว่างพอจะส่งข้าวส่งน้ำให้  มันไม่เหนื่อยขนาดตื่นหกโมงกลับถึงบ้านดึกๆดื่นๆแบบงานประจำแถมทำงานฟรีแล้นซ์วัน ส อา
ความจริงเราชอบทำอาหารมากนะ ทำทุกอย่างขนมก็ทำ แต่ตอนนี้ทำงานหนักสองด้านแบบนี้ก็เหนื่อยไม่ไหว
ตอนคิดจะสร้างครอบครัว เรามีความคิดอยากให้ทั้งเราและแฟนมั่นคง ใครคนใดคนนึงเสียชีวิตก็ยังเลี้ยงลูกได้ เลยออกจากชีวิตฟรีแล้นซ์ไปเป็นงานประจำที่มีเงินเดือนเข้าประจำ และทำงานฟรีแล้นซ์เสริมเพื่อรายได้ ทั้งหมดเพื่อครอบครัวเพื่อลูกในอนาคต
ก่อนหน้าจะทำงานประจำเราก็บอกเขาว่าเราจะทำงานเหนื่อยขึ้นแล้วนะ ขอไม่ทำกับข้าวมื้อเย็นได้ไหม
เขาก็โอเค เข้าใจ ยังบอกเลยว่าเราเหนื่อยจะให้เราทำๆไม

ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าพอทะเลาะก็พาลเอาเรื่องที่เราไม่ทำอาหารมาเป็นประเด็น เอาเรื่องแม่ตัวเขายกมาพูด (เสียใจสุดๆ ยอมรับว่าแฟนกับแม่เทียบกันไม่ได้ แต่ขอเถอะคุณผู้ชาย นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ควรเอ่ยว่าเปรียบเทียบคนข้างๆของคุณให้เธอเสียใจ)
แถมหนักๆเข้า บอกว่าผู้หญิงที่ทำงานข้างนอกกับงานในบ้านมีเยอะแยะไป ทำไมเราทำไม่ได้
ทะเลาะกันแต่ละทีก็ขึ้นเสียงใส่เรา ไม่ง้อไม่อะไร

เราไม่รู้ผู้ชายคนอื่นเป็นไหม เราเองพอวางแพลนแต่งงานเลยกล้ามาอยู่แบบนี้
อีกอย่างตั้งแต่โตมาแม่เราทำงานบ้าน พ่อเราหาเงินแยกสัดส่วนกันชัดเจน
แต่ยุคนี้เราคิดว่ามันเสี่ยงเกินไปกับการหาเงินด้านเดียวเลยไม่อยากทำแบบความคิดคนสมัยก่อน

กลายเป็นว่าเราคิดไม่ตกว่าปัญหาคือเราหรือเขา
เราเป็นผู้หญิงใช้ไม่ได้จริงๆ หรือควรปรับปรุงตรงไหน (ทะเลาะกันเราก็หันมามองตัวเองเหมือนกันว่าเราบกพร่องรึเปล่า)
หนักๆเข้าเราเริ่มคิดว่าจะใช้ชีวิตกับผู้ชายแบบนี้จริงหรอ?
คนที่ไม่พอใจในตัวเราและเปรียบเทียบเรากับแม่เขา เปรียบเทียบเรากับคนอื่น

ขอความเห็นภรรยามือใหม่และมือฉมังทุกท่าน
ผู้ชายทุกคนที่เป็นสามีมาตอบกระทู้นี้กับแนวทางการแก้ปัญหาที่เราเจอทีค่ะ
ขอบคุณทุกคนจากใจจริง

ขออีดิท คห 61 เพิ่มเติม ตอบประเด็นจ้างแม่บ้านกับความเนี๊ยบของเราค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เลิกหรือไปต่อ ...แค่นั้นแหละครับ

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรืออะไรทั้งนั้น มันอยู่ที่อีกฝ่ายไม่ยอมปรับ นอกจากไม่ช่วยงานบ้านยังติดสบาย ถ้าไม่ช่วยงานบ้านแล้วเวลาที่เหลือไปทำงานเพิ่มหาเงินนอกบ้านก็คงไม่ใช่ประเด็น แต่นี่ไม่ช่วยหยิบจับอะไรเลย

ถ้าคุยดีๆก็แล้ว ว่าแรงๆก็แล้ว ยังไม่เป็นผล ก็ลองพิจารณาดูครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ภรรยาผมเป็นแบบจขกท.ในเรื่องความเนี๊ยบในเรื่องงานบ้านครับ

ปัญหาพวกนี้ผมไม่เคยเจอมาก่อนเพราะไม่เคยอยู่ก่อนแต่ง  พอแต่งแล้วถึงได้เจอกับตัว

ส่วนตัว ผมเป็นพวกชอบช่วยภรรยาทำงาน
พอเห็นเขาทำงานคนเดียวแล้วก็รู้สึกแย่ เลยต้องช่วยทำทุกครั้ง

แต่ถ้าถามความรู้สึก คือ ไม่อยากทำเลย เพราะทำงานเหนื่อยและเครียดมามากแล้ว นี่ต้องเลิกเล่นเกมมาทำงานบ้านที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อนเลยก็ยิ่งเซ็งๆ

สุดท้ายการช่วยภรรยาทำงานบ้านของผม ก็ออกมาไม่ดีพอสำหรับภรรยาอยู่ดี ภรรยาก็บ่นๆๆๆๆๆๆๆ

ผมมองว่าคงเป็นเพราะเรา2คนมาจากต่างครอบครัวกัน
โดนเลี้ยงดูต่างกันมาเกือบ20ปี
จะให้คิดเห็นตรงกันทุกเรื่อง คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่ผมก็ยังมองว่าตัวเองทำได้ดีแล้วในหน้าที่ของสามีที่ดี
คู่เราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินเลย

เพียงแต่การบ่นของภรรยาผมมันหนักขึ้นทุกวันๆๆๆๆ
แล้วภรรยาก็ดูเหมือนคนที่โกรธผมตลอดเวลา
คำพูดคำจาไม่เหมือนภรรยาที่ผมเคยรู้จักแม้แต่น้อย
ร้องไห้ง่ายๆ เงียบลง ไม่หัวเราะเหมือนเก่า
อารมณ์เหวี่ยงขึ้นลงตลอดเวลา

ผมเลยคุยกับภรรยาผม ว่า"ไปหาจิตแพทย์ด้วยกันไหม?"

สุดท้ายคือ ภรรยาผมเป็นโรคเครียด เป็นโรคซึมเศร้าแบบอ่อนๆ

เรื่องที่เขาเครียด คือ งานข้างนอกที่เครียด งานในบ้านที่ไม่เรียบร้อย
มันสะสมกันมาปีกว่าๆ แล้วก็ บู้มมมม กลายเป็นโรคซึมเศร้า

ต้องกินยาต้าน กินยารักษาระดับสารในสมอง

แต่สาเหตุหลักๆของภรรยาผม มาจาก "ตัวเขาเอง" ครับ
หมอบอกว่า เพราะนิสัยส่วนตัวของเขา ที่ไม่รู้จักคำว่าหย่อน หรือโอนอ่อนให้คนรอบข้าง

มันตึงๆๆๆๆๆ ตึงทั้งตัวเอง ตึงทั้งคนรอบข้าง ไม่มีใครมีความสุขสักคน
แล้วสุดท้ายมันก็วนกลับมาที่ตัวภรรยาเองอีกที

หมอบอกให้ภรรยาผม เลิกนิสัยคิดว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้เสียที
ปล่อยบ้างบางเรื่อง มีลิมิตให้บ้างกับบางเรื่อง ไม่ใช่ตึงมันทุกเรื่อง

ทุกวันนี้ภรรยาผมกินยาอยู่ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก

ทุกวันนี้ผมได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้ภรรยาผมป่วย
ถ้าวันนั้นผมทำได้ดีกว่านั้น ถ้าตอนนั้นผมทำได้ดีกว่านี้
ตอนนี้ผมคงมีความสุขมากกว่านี้

ผมอยากได้ภรรยาคนเดิมของผมคืนมา
ความคิดเห็นที่ 61
ก่อนอื่นขอบคุณทุกความเห็นที่ตอบเข้ามานะคะ
เราขอเคลียร์เรื่องความเนี๊ยบที่ว่าก่อน ที่จขกทวีนแตกนั้น ใช้มาเกือบทุกวิธีแล้ว ทั้งพูดดีๆ ขอร้องให้ทำ นั่งจับเข่าคุยกัน กรณีที่พีคจนเป็นจุดแตกหักเพราะสั่งให้แฟนขัดห้องน้ำ แต่สภาพห้องน้ำคือมีเชื้อราติดอยู่ที่พื้น โถส้วมมีรอยคราบเหลืองๆเต็มคอห่าน เราไม่รู้ว่าคนทั่วไปคิดยังไงหรืออยู่ยังไงกับสภาพห้องน้ำที่บ้าน แต่ห้องน้ำสาธารณะที่มีแม่บ้านทำความสะอาดทุกชั่วโมงยังมีสภาพดีกว่านี้ เราอยู่ไม่ไหวทนไม่ไหว ผู้หญิงมีลักษณะทางกายภาพที่สัมผัสเชื้อโรคได้เยอะกว่า เราเลยอนามัยจุดนี้มากๆ สุดท้ายลงมือทำเองค่ะ

ที่ปรี๊ดคือสภาพที่เราเห็นคือคนที่ทำเร็วๆไวๆเพื่อจะไปเล่นเกมต่อ เราเลยวีนแตกขึ้นมานี่แหละค่ะ ส่วนวีนแตกของเราคือขึ้นเสียงแล้วบ่น เราเป็นคนที่ไม่ชอบด่าใครหยาบคายรุนแรง นั่นไม่ใช่นิสัย

ตอนนี้ไม่คุยไม่พูดกันเลย แยกกันนอน เขาก็ไม่ง้อ คงคิดว่าเราผิดที่มาใช้อะไรบ่นอะไรตอนเล่นเกม
พออ่านหลายๆ คห เราก็ทั้งขอบคุณและได้สติ วันนี้คิดว่าจะพูดเรื่องงานหมั้นให้ถอยออกไปก่อน

ออกตัวก่อนว่าไม่ได้สนับสนุนให้ใครอยู่ก่อนแต่งนะคะ แต่ส่วนตัวไม่เคยอยู่ก่อนแต่งมาก่อน ที่ตัดสินใจอยู่ก็เพราะย้ายจากคอนโดที่เช่ามาจ่ายค่าบ้าน ไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน อย่างที่หลายคนบอก ถ้าไม่เคยอยู่จะไม่รู้ปัญหา ตอนเป็นแฟนไปมาหาสู่คนละเรื่องกับตอนนอนอยู่ด้วยกัน 24 ชม เราเคยคิดว่าแต่งงานกันค่อยอดทนกันไปคงผ่านไปได้  พ่อแม่เราไม่เคยอยู่ก่อนแต่งยังผ่านมาได้ แต่เคสนี้ทำให้เรารู้จริงๆว่าประโยชน์ของอยู่ก่อนแต่งดีตรงไหน ทุกอย่างมีข้อดีและเสีย ยังไงก็อย่าทำตามเราเลยนะคะสำหรับเด็กๆที่อายุน้อยๆ

เรื่องจ้างแม่บ้าน คุยกันแล้วแต่ยังหาแม่บ้านไม่ได้ เพราะแม่บ้านอยู่ไกลจากบ้านเรามาก ภาระเราสองคนเยอะแยะมากมาย อยู่ในวัยที่คนสูงอายุเริ่มเจ็บออดๆแอดๆ ใช้เงินสูง ตัวเรายังคิดทำไมไม่แค่ช่วยกันแล้วเก็บเงินตรงจุดนั้นให้พ่อแม่ที่กำลังป่วยนะ?

กลับเข้าเรื่อง ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเราตัดสินใจอะไรรวดเร็ว เราใช้เวลาคิดเป็นอาทิตย์ก็เริ่มมองปัญหามุมกว้างขึ้น
ขนาดปัญหาเล็กๆ คนที่จะเป็นพ่อคนในอนาคตและสามีในอนาคตคอยแบกรับเรื่องจุกจิกต่างๆมากมายยังแก้ไขไม่ได้
เราก็คิดว่าควรฝากชีวิตกับเขาต่อไหม?

จขกท ถามแฟนว่าชีวิตนี้แชร์กันทุกอย่าง ขนาดสินสอดยังแชร์กัน ตัวเขาเองยังมีความคิดแบบคนยุคใหม่ แต่ทำไมอยากได้ภรรยาแบบยุคเก่าอยู่? (ยุคใหม่คือผู้หญิงผู้ชายทำงาน ทุกอย่างหารสองไม่ใช่ภาระฝ่ายชาย สินสอดไม่จำเป็นต้องมาทำเพื่อหน้าตา เอาเงินไปซื้อบ้านสร้างตัว ซึ่ง จขกท ก็ยินดีเพราะคิดแบบนี้เหมือนกัน ยุคเก่าคือผู้ชายหาเงินเป็นหลักผู้หญิงทำงานบ้านเลี้ยงลูก แต่เขาอยากให้ จขกท ทำงาน+ทำงานบ้าน เลี้ยงลูกด้วย)
พ่อแม่เขาไม่ต้องพูดถึง แทนที่จะเตือนสติลูก กลับสอนให้เราทำทุกอย่างที่เป็นงานบ้านเพราะเราเป็นผู้หญิง ทั้งๆที่ตอนคุยสินสอดก็หัวใหม่ยุคใหม่เหมือนลูกเปี๊ยบ ให้เราหารค่าสินสอดตัวกับลูกชายและปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ตัวเองไว้

อย่าว่าเราโง่เลยค่ะ เราคิดแบบนี้จริงๆว่าอะไรทำได้ก็ทำ การแชร์ทุกอย่างมันก็ดีไม่ใช่ภาระฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
สิ่งที่เราชั่งใจหนักคือ เขาเองก็มีข้อดีส่วนดี เรื่องปัญหาผู้หญิงมือสามสี่จุกจิกแบบแฟนคนเก่าของ จขกท ก็ไม่มีให้เห็นตลอดเวลาที่คบกัน เรื่องอื่นๆก็ยังโอเคเข้ากันได้ แต่นั่นแหละค่ะอย่างหลายๆ คห บอก อีกหน่อยเราป่วย ท้องแก่ เราอาจต้องขัดห้องส้วมในสภาพแย่ๆแพ้ท้องก็ได้

เอาเป็นว่าตอนนี้ จขกท ขอกำลังใจ เย็นนี้จะลองเคลียร์ทุกอย่างแล้วมาบอกอีกรอบนะคะ
ขอกำลังใจ และคำอวรพรด้วยเถอะค่ะ สภาพจิตใจ จขกท เริ่มย่ำแย่จริงๆ
ความคิดเห็นที่ 19
เห็นใจคุณจังเลย
เค้าถูกเลี้ยงดูมาแบบสปอยล์ คือ มีแม่เป็นคนรับใช้ มีแม่ทำให้ทุกอย่าง
ขอโทษแม่ๆ ทุกคน ที่ต้องตอบแบบนี้นะคะ
แต่การเลี้ยงลูกแบบไม่ให้หยิบไม่ให้จับอะไรเลย มันคือการฆ่าลูกทางอ้อม
ไม่ว่าจะเพศอะไร ชายหรือหญิง งานบ้านควรหยิบควรจับ ควรหัดให้เค้าทำได้บ้าง. อย่าคิดว่า โตมาก็เป็นเอง อย่าคิดว่า ให้เค้าช่วยมันจะยิ่งช้า...ถ้าไม่หัดให้เค้าเรียนรู้ โตมามันก็มีปัญหาแบบกระทู้นี่ล่ะค่ะ

ต่อๆๆ คุณ จขกท.  คงต้องทำใจยอมรับภาระงานบ้านส่วนมากคนเดียว ถ้าคิดจะใข้ชีวิตคู่ร่วมกับผู้ชายคนนี้อ่ะนะคะ
บอกได้เลยว่า เค้าไม่เปลี่ยนตัวเองหรือไม่ปรับตัวเองแน่นอนค่ะ เพราะมันคือสัน....มันหยั่งรากลึกเกินกว่านิสัยไปแล้วค่ะ

ถ้าคิดว่า จะอดทนได้ตลอด ก็คบกันต่อไป แต่ถ้าคิดว่าไม่ไหว ก็พิจารณาเอาเถอะค่ะ ว่าควรจะถอยดีมั้ย

สู้ๆนะคะ คุณ ไม่ว่สจะเลือกทางไหน ขอให้คิดอย่างมีสตินะคะ
ความคิดเห็นที่ 30
คู่เรา อยู่ด้วยกันมา 8 ปี เพิ่งแต่งเมื่อปีใหม่นี่เอง
งานบ้านทุกอย่างเราเหมาหมดเลยค่ะ ทำกับข้าว ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน ซักผ้ารีดผ้า แฟนทำแค่ล้างห้องน้ำของเค้า นาน ๆ ที (แยกห้องน้ำกันใช้) ทำไม่สะอาดหรอก วันนี้เราเพิ่งขัดให้ไปหยก ๆ
งานบ้านเราเหมาหมด เพราะถ้าให้เค้าทำก็ไม่ถูกใจเรา เราเยอะ เยอะชนิดที่ว่า ไม้แขวนเสื้อ สีนี้ ต้องแขวนเสื้อแบบนี้ ๆ กางเกงในถุงเท้าพับแล้ว เก็บเรียงเฉดอ่ะ จานชาม ล้างแล้วต้องวางที่ของมัน เศษอาหารต้องแยกกากลงถัง ส่วนน้ำ ทิ้งท่อ ส่วนน้ำมัน กรอกใส่ขวดเอาไปใช้ในโรงงานต่อ คือเราเยอะ เราเคยให้แฟนทำ แกก็ทำส่ง ๆ ทำสักแต่ว่าทำ ตอนเราเหนื่อย ๆ งานเยอะ ๆ เค้าก็ช่วยบ้างนะ (นาน ๆ ที) เพราะแฟนเราทำงานหนักมาก บางทีไม่มีหยุด บางทีหอบงานมาบ้านตี 1 ตี 2
แฟนมีหน้าที่ ขับรถรับส่งเรา กับงานช่างทุกอย่างเค้าทำให้
อยู่กันสองคน จริง ๆ มันก็ไม่ได้ทำไรมากนะคะ ส่วนที่เลอะบ้อย ๆ เช่นครัวกับห้องน้ำ ก็ทำไปเก็บไป เสื้อผ้าก็ซักรีดวันเสาร์หรืออาทิตย์ ทำจริง ๆ แป้บเดียวแหละ แต่ จขกท อาจจะรู้สึกเสียเปรียบ เลยไม่ค่อยชอบ ประกอบกับช่วงงานเยอะ ๆ ด้วยเลยหมดความอดทน ข่วงเรางานเยอะ ๆ เราก็ปล่อยเละนะ ทำแค่พออยู่ได้ พอเคลียร์งานโล่ง ๆ ละค่อยมาทำทีเดียว

อยู่ที่คนสองคนค่ะ แบ่งหน้าที่กันยังไง เราเหมางานบ้านหมด เราก็ไม่คิดว่าเอาเปรียบอะไรเพราะแฟนดูแลเราดีเรื่องอื่น เรามีปัญหาอะไรเค้าแก้ปัญหาให้ได้หมด เราฝากชีวิตไว้ที่เค้าได้เลย เราเลยเต็มใจที่จะทำให้


ช่วงเราทำงานหนัก ๆ แล้วมาทำงานบ้านเหนื่อย ๆ เราก็เคยบ่นแฟนนะ ทำไมไม่ช่วยกันมั่ง หลัง ๆ ก็มีมาช่วยล้างจานบ้าน เค้าบอก คนเรามันขยันไม่เท่ากัน เดี๋ยวมันรกมาก ๆ เค้าก็ทำเองแหละ แต่เราไม่เคยปล่อยรกจนเค้าทนไม่ไหวซะที เพราะเราทนไม่ไหวก่อน 😆😆😆😆

จขกท อาจจะต้องทำใจ บางอย่างมันไม่ต้องเป๊ะทุกอันหรอกค่ะ ทำเอาไม่ต้องถึงขั้นเหม็นเน่าก็พอ ยิ่งถ้าไม่ต้องทำกับข้าว ก็เหลือแค่ล้างจานวันนึงไม่กี่นาที ส่วนกวาดถู กวาดอาทิตย์ละครั้ง สองสามอาทิตย์ถูทีก็ได้ อยู่สองคนไม่เลอะมากหรอกค่ะ วันหยุดยาว ๆ ค่อยมาทำหนัก ๆ ละเอียด ๆ อีกที เสื้อผ้า ถ้าเหนื่อยก็ส่งซักเอา ไปเก็บเงินที่แฟน ส่วนแฟน ขอให้แค่เก็บของเข้าที่ก็พอ ถ้าเค้าไม่ล้างห้องน้ำ แยกห้องน้ำกันใช้ค่ะ ของเราล้างไปอาบไปมันก็ไม่ต้องใช้แรงอะไรเยอะนะ ของแฟน เดี๋ยวนางทนไม่ไหวนางก็ล้างเองแหละ

อยู่ด้วยกัน ให้มองถึงข้อดีของเค้ามาเทียบด้วยค่ะ ถ้าดี 8 ส่วน ไม่ดี แต่พอรับไหวอีก2 เอาถือว่าโอเคละค่ะ โตมาคนละพ่อละแม่ ไม่มีทางเหมือนกันทั้งหมดหรอกค่ะ บางอย่างมันก็ต้องปรับด้วยกันทั้งคู่ ส่วนเรื่องเอาไปเปรียบกับแม่นี่ ก็บอกเค้าไปตรง ๆ ค่ะว่าไม่ชอบ ผช บางทีพูดไม่ได้คิด ว่าจะไปทำร้ายจิตรใจอีกฝ่ายมั้ย

ลองคิดดูดี ๆค่ะ จะแต่งกันอยู่ละ ผช แบบนี้ มีดีพอจะไปต่อ หรือจะเลิกกันไปเพียงเพราะเค้าไม่ทำงานบ้าน
ความคิดเห็นที่ 91
สรุปหลังจากที่คุยค่ะ ตกลงตัดสินใจยื่นคำขาดไปว่าปัญหาเล็กๆหากไม่ปรับตัวเราก็ไม่ขอเดินต่อค่ะ
เรายอมปรับตัวหลายอย่างมาก มากเสียจนตัวเขาเองบอกว่าเราคือผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตเขาแล้ว
อันนี้เราไม่ได้พิมพ์เองแต่คือคำที่เขาพูดกับเราตอนง้อเรา
เราไม่เคยโทรตาม มือถือไม่เช็ค ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ เรื่องหายาหาข้าวตอนเขาป่วยเราดูแลดีหมด ไม่เคยด่าเขาหักหน้าเขาให้เสียหน้า อยู่ด้วยแล้วเขามีความสุขที่สุด แถมเราเองก็เกมเมอร์เล่นเกมกับเขาได้ทุกเกมไม่เว้นแม้แต่ final gta online rov steam ก็เล่นตอนนี้ลดราคาอยู่นะคะ (ความจริง จขกท ก็เล่นเกมค่ะ แต่จะเล่นหลังจากทำธุระตัวเองครบ ทำงานครบ เราเป้นพวกทำงานจริงจัง เล่นเกมก็จริงจัง เราหรือจะไม่เข้าใจหัวอกเกมเมอร์)
เขาบอกว่านิสัยเขาอารมณ์ร้อนปากไม่ดีเป็นส่วนที่แย่ ที่พูดเปรียบเทียบเราเขาผิดเองเต็มๆ และจะพยายามทำตัวให้ดีและไม่พูดอีก
แฟนเลยยอมขอโทษและอ่อนข้อให้ค่ะ เขาบอก เขารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว แต่นิสัยนี้มันเคยชิน มีแม่คอยทำให้ตลอดไม่เคยหยิบจับเองมาทั้งชีวิต
เขาไม่เคยเห็นเราโกรธอะไรแบบนี้ออกแนวตกอกตกใจ เลยยอมตกลงทำงานบ้านตามหน้าที่ตัวเอง
เขาบอกเขาจะปรับปรุงตัว ขอร้องโอกาสอีกสักรอบ เราเลยบอกว่าเรื่องอื่นๆเขาดีนะ  เรายอมให้โอกาสครั้งนี้แต่ขอเลื่อนงานแต่ง และขอเวลาพิสูจน์

เมื่อวานกลับไปบ้านขนขยะไปทิ้งเอง ขัดห้องน้ำสะอาดมันวับ
พาเรานั่งรถไปซื้อของ เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมเอาอกเอาใจเราเต็มที่โดยที่เราไม่ได้บอก

อันที่จริงไม่รู้ว่าแฟนจะปรับตัวได้ขนาดไหนแต่นี่ก็เป็นสัญญาณที่ดีระดับหนึ่ง
เราเองร้องไห้ไม่กินข้าวอยู่นาน ไม่ใช่แค่เรื่องนี้อย่างเดียวแต่มันมีปัญหาอื่นสะสมที่ไม่อยากเล่าเป็นประเด็นจึงคิดว่ารอบนี้คงต้องเด็ดขาดจริงจังกับแฟนสักรอบ

เรื่องที่บางความเห็นว่าๆ จขกท ทำไมไม่ใช้เงินแก้ปัญหา พูดผลัดไปเรื่อยไม่จ้างแม่บ้าน นั่นแสดงว่าคุณอาจโชคดีไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องมีภาระหนี้สินบ้าน และบัตรเครดิต ค่าประกัน และที่สำคัญคือคนเจ็บป่วยในบ้านที่ใช้เงินมหาศาลมาก่อน เงินในช่วงเวลาที่มีคนป่วยในบ้านคืออะไรที่สำคัญมากกว่าจะเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายโดยไม่คิด ยิ่งภาระนั้นเราเต็มใจอย่างยิ่งในการแบกไว้เพื่อคนที่เรารักค่ะ

ขอบคุณทุกความเห็นที่ตอบเข้ามา เราดีใจที่หลายๆคนให้แง่คิดที่ทั้งบวกและลบเพื่อเตือนใจ
ชาวพันทิบมีน้ำใจมากจริงๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่