เค้าว่าสมัยนี้เงินเดือนแสนบาท ยังไม่กล้ามีลูก กลัวเลี้ยงไม่ไหว. แต่เห็นรอบๆนี้ เงินเดือน 1- 2 หมื่น ก็ยังมีลูกสองสามคน

ก็ยัง  เอามาส่งเข้า ร ร. ได้


ยังให้เงินลูก มา  ร ร. วันละ 40 บาท  พ่อแม่ขับมอไซด์มาส่ง

40 บาท คูณ 20 วัน  800 บาท

บางคนได้ 60   80      มากกว่าผมอีก             ผมใช้วันละ  20  บาท


คนในกลุ่มนี้ เค้าก็ยังมีลูก ยังเลี้ยงไหวอยู่



แต่อ่านใน พันทิป  บางคนบอกเงินเดือนแสนบาท  หรือ แฟนกันเงินเดือน แสนห้า

ยังไม่อยากมีลูกกลัว ส่งไม่ไหว  ไม่มีเงินส่งเรียน..


คิดว่า  มองในมุมไหน กันบ้าง ครับ

สำหรับ การมีลูก


อย่างผม พ่อแม่ก็ไม่ได้ มีเงินหลายพัน  หลานหมื่นล้าน ให้


อย่างพ่อแม่ ปัจจุบัน   ค่าเรียน ร ร. เอกชน เทอมละ 20000 -40000
ค่าไปเรียน พิเศษ  กิจกรรม
ไปเที่ยวต่างประเทศ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าต้นทุนชีวิตไม่สูงเงินเดือนแสนนี่ไม่เยอะอะไรเลย แต่ถ้ามีบ้าน มีรถ พ่อแม่มีเงินใช้ มีเงิบเก็บ ไม่มีหนี้ อันนี้ก็หนังคนละม้วนนะครับ

ตอนเงินเดือนเกือบสามหมื่นอายุ 20 กลางๆค่อนปลาย ผมก็เคยคิดว่าชีวิตนี้เงินเดือน 7-8 หมื่นก็พอแล้ว

แต่พอเงินเดือนแสน (หักประกันสังคมและภาษี เหลือรับจริง 8 หมื่นปลาย) คนส่วนมากก็จะอายุเลขหลัก 3 มาแล้ว ผมก็คนนึง เพราะฉะนั้นหลายคนรูปแบบชีวิตเปลี่ยน ไม่ได้มีเงินไว้แค่ใช้ชีวิต Slow life จิบกาแฟ เที่ยวกลางคืน/เมืองนอก เดินห้างกินอาหารอร่อยๆ ผ่อนรถหล่อๆ แล้วถ่ายรูปลง FB/IG เหมือนตอนหนุ่มๆแน่นอนครับ

ชีวิตจริงเป็นอย่างไร ผมจะแจกแจงให้ฟัง

ให้ยายกับป้า 2,000
ค่าน้ำ + ไฟ 1,500
ค่าโทรศัพท์ผมและภรรยา 1,200
ค่าเน็ตบ้าน 700
ค่าข้าว วันละ 150x30 ~ 5,000
อาหารสุนัข 3,000
หาหมอสุนัข 3,000
น้ำมันรถ 3,500
ทางด่วน 1,500
ประกันสุขภาพผมและภรรยา 5,000
ส่วนกลางหมู่บ้าน + คอนโด 3,000
ประกันรถยนต์ 1,200
โปะคอนโด 8,000 (ภรรยาดูแลยอดผ่อนรายเดือน 7,000)
ฝากประจำ 25,000
เก็บเผื่อฉุกเฉิน 10,000
ประกันชีวิต 5,000
ซื้อของเข้าบ้าน 5,000
กินข้าวนอกบ้าน 4,000

รวมทั้งหมด 87.6k

จะเห็นได้ว่ายังไม่มีค่าผ่อนรถ(หมดแล้ว) และค่าใช้จ่ายลูกเลยนะครับนี่ ถ้ามีลูกคงต้องลดรายจ่ายส่วนอื่นลง หรือหาเงินให้มากขึ้น

เงินเก็บเผื่อฉุกเฉินนั่น หลายๆครั้งเราก็ไม่ได้ใช้เพื่อตัวเราเอง เอาไปจ่ายค่ายางรถยนต์/ประกันรถให้แม่ หรือค่าส่วนต่างผ่าตัดหัวใจยาย

ชีวิตจริงมันก็แบบนี้แหละครับ เงินเดือนเยอะขึ้น แต่ความรับผิดชอบมันก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ความคิดเห็นที่ 1
คนบางคนมีลูกหวังให้ลูกได้ดีกว่าตัวเอง ได้สืบทอดดีเอ็นเอเยี่ยมๆของตัวเอง

แต่บางคนมีลูกหวังให้เลี้ยงตอนแก่Facepalm
ความคิดเห็นที่ 105
เราเคยทำงานมาในสังคมที่มีชนชั้นหลายรูปแบบมากค่ะ
-กลุ่มเงินเดือน2แสนตั้งแต่อายุ30นิดๆ ป่านนี้จะ40กันแล้วยังไม่มีลูกเลย ดูพวกเค้าคงไม่มีแล้วล่ะค่ะ อารมณ์ว่าทุกวันนี้ชีวิตก็มีความสุขดีแล้ว ไม่ต้องมีลูกก็ได้ เลี้ยงหลานเลี้ยงลูกพี่สาวเลี้ยงหมาแทนก็ได้ ก็แฮปปี้ดี
เสียดายกลุ่มนี้มากค่ะ เป็นกลุ่มคนคุณภาพ ทำงานเก่ง แต่จะไม่มีผู้สืบทอดตรงๆแล้ว

-กลุ่มเงินเดือนเกือบแสน อายุจะ40แล้ว มีลูก2-3คน พี่ผญ.เค้าก็ดูอึดอัดนิดๆลำบากหน่อยๆนะคะ คือต้องจ้างพี่เลี้ยงไปรับส่งลูก เพราะเลิกงานไปรับไม่ทัน ส่งได้แค่ตอนเช้า ละน้องป่วยบ่อยมาก ลากิจเฝ้าไข้ทุกเดือน ละพี่น้องป่วยติดลามกัน ประกันสุขภาพเดือนละหลายหมื่น เพราะนอนรพ.บ่อยมาก หมอต้องเฉพาะทางอีก ค่ายานำเข้าอีก
พี่เค้าก็บ่นเรื่อย คือรักลูกแหล่ะ แต่ค.อิสระหายไปเยอะมากกก ไปซุปเปอร์ต้องรีบหยิบรีบจ่าย นานไปลูกจะงอแง พี่เลี้ยงคุมไม่อยู่ กระเป๋ารองเท้าเสื้อผ้าก็ซื้อใหม่ไม่ได้ เข้าใจว่าส่วนนี้คือค.ฟุ่มเฟือย แต่ผญ.ระดับนี้เค้าก็อยากสวยเป็นเรื่องปกตินะคะ ทำงานระดับนี้ก็ต้องแต่งตัวดูแลบุคลิกหน่อย ลูกเรียนอินเตอร์ทั้งหมด เพราะอยากจะให้ได้ภาษา ได้สังคมดีๆ ต่อไปจะส่งเรียนนอก
บ้านขยายเพิ่มรองรับเด็กก็หมดไปอีกหลาย เดี๋ยวรถก็ต้องเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้น ก็อดออมประหยัดงดเที่ยวกันไป พี่เค้าก็ยังคิดถึงชีวิตตอนไม่มีลูกกินเที่ยวอิสระอยู่เรื่อยๆ แต่มีแล้วก็ปรับตัวกันไป

-กลุ่มเงินเดือน5หมื่น อายุ30 บ่นตั้งแต่รู้ว่าท้อง หาหมอซื้อของใช้เด็กก็บ่นตลอด ชีวิตเปลี่ยน กินข้าวห้างไม่ได้แล้ว กินง่ายๆข้างบ้านแทน เที่ยวตปท.ลำบากขึ้น เที่ยวในปท.น้อยลง จะซื้อรถใหม่ก็พับโครงการไปเลย เงินเก็บหมดไปกะค่าคลอดและของใช้เด็ก ผญ.ต้องลาพักงานมาเลี้ยงลูก พอหมดช่วงลาฝากปู่ย่าเลี้ยงต่อ แต่บ้านปู่ย่าอยู่ชานเมือง ถ่อไปกลับหาลูก3ชม.จากเดิม15นาทีถึงที่ทำงาน อนาคตคงให้น้องเรียนแถวบ้านปู่ย่า (มีแต่รร.รัฐ) จะได้มีคนดูแลรับส่ง

-กลุ่มเงินเดือน3หมื่น อายุ35 ลูก1คนยังต้องส่งให้ปู่ย่าที่ตจว.เลี้ยงแทนเลยค่ะ เลี้ยงในกรุงเทพไม่ไหวจริงๆ ลำพังตัวแม่เองยังหนี้ติดลบเยอะมากแม้จะเป็นข้าราชการ ขนาดลูกอยู่ตจว.ปู่ย่าเป็นคนจ่ายคชจ.ทั้งหมดนะคะ เที่ยวตปท.คือต้องกู้เพื่อไปเที่ยวอ่ะ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย ติดลบไปอีก
แต่พ่อแม่พื้นฐานดี อบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีได้ อนาคตน้องไปได้ไกล ถ้าอยากจะเรียนสูงก็น่าจะส่งให้เรียนได้แหล่ะ
กลุ่มนี้เราเจออยู่แค่คน-2คนที่สามารถไปได้ไกล โตมาแล้วได้ดี คือพ่อแม่+ตัวเด็กเองต้องรักดีมากๆอ่ะค่ะ ต้องขยันเองใส่ใจเอง ไม่ได้มีเงินเปิดโลกกว้างขนาดนั้นได้ คือต้องถีบตัวเองส่งเสียตัวเองให้ไปสู่สังคมที่ดีๆเอง

-กลุ่มเงินเดือน9พัน-หมื่นห้า อายุ30-35 มีลูกตั้งแต่อายุ20-เพิ่งเรียนจบ หลายคนจบแค่ปวช-ปวศ. เที่ยวหัวหินยังต้องเก็บเงิน ยังถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแชร์ต้องประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ กินkfcคือความฟุ่มเฟือย กินได้แค่เดือนละครั้งตอนเงินเดือนออก เงินเดือนออกคือก็หมดวันนั้นเลยเพราะใช้หนี้+ซื้อของเข้าบ้าน ลุ้นหวยทุกงวดปานจะขาดใจ โดนหวยกินคือหงุดหงิดไปอีกครึ่งเดือน นั่งรถเมล์ตลอด รถไฟฟ้าคือค.สิ้นเปลือง กาแฟแพงสุดคือ30บาท ยังบ่นแล้วบ่นอีก ปกติกิน20บาท กินไวตามิลค์ให้ท้องอิ่มแทนข้าว
กลุ่มนี้ก็อย่างที่เห็นน่ะค่ะ เค้าโตมาในสภาพสังคมแบบนี้ บางคนก็มาจากชุมชนแออัด ไม่เคยเห็นเคยรับรู้ว่าโลกข้างนอกเค้าไปกันถึงไหนแล้ว คนอายุน้อยเงินเดือนเป็นแสนมีถมไป พารากอนคือห้างธรรมดา แต่เค้ายังไม่กล้าแม้แต่จะไป อยู่ตรงไหนไม่รู้จัก ห้างข้างออฟฟิสคือหรูแล้ว เค้าก็เลยคิดว่าที่เค้าเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็ปกติดี เป็นหนี้อิออนยูเมะพลัสถือเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆก็เป็น โทรมาทวงหนี้ที่ออฟฟิสไม่ใช่เรื่องน่าอาย ก็ผลัดกันรับหน้าไป เค้าเลยมีลูกทั้งๆที่ชีวิตไม่พร้อมสักอย่าง แถมมีหลายคนอีกต่างหาก เลี้ยงตามมีตามเกิด สามีก็ไม่ได้ดีเลยยย อารมณ์วินมอเตอร์ไซค์ ช่างซ่อมจุ้กๆจิ้กๆ แมสเสนเจอร์ บางคนก็อาชีพอิสระ เปลี่ยนงานไปเรื่อย คือถ้ามีแต่แบบนี้ มีแล้วไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตคู่ดีขึ้นก็อย่ามีดีกว่ามั้ย เห็นมีแล้วเลิกกันเยอะมาก อย่าเรียกเลิกเลย ก็กินอยู่กันไม่ได้จดทะเบียนให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยด้วยซ้ำ เลิกกันก็ลำบากเลี้ยงไปคนเดียวอีก คือเค้าก็ดูรักลูกนะคะ แต่น้องก็คงโตมาได้เท่าพ่อแม่อ่ะค่ะ คงไปไกลยาก เพราะบอกตรงๆ พ่อแม่ไม่สามารถสอนอะไรน้องได้เลย ค.คิดอ่านติดลบ ไม่ได้มีกาละเทศะหรือมารยาททางสังคมที่จะสอนน้องต่อได้เลยจริงๆ จาก50-60คนที่เจอมา มีอยู่แค่คนเดียวที่สุภาพเรียบร้อยมารยาทดีส่งต่อลูกหลานได้ นอกนั้นก็จะเป็นสไตล์แม่ค้าปากตลาด โหวกเหวกโวยวาย แว้นซ์ๆสก้อยๆอ่ะค่ะ
เสียดายที่กลุ่มนี้นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เค้าไม่แม้แต่จะรู้ตัวอ่ะค่ะว่าสิ่งที่เค้าทำอยู่มันแย่ตรงไหน ไม่ดีตรงไหน คือนิสัยหรือค.คิดอ่านแบบนี้คนปกติเค้าจะไม่ทำกัน มันไร้มารยาท มันหยาบคาย มันต่ำ อย่าหวังจะได้อะไรจากกลุ่มนี้เลยค่ะ ภาษาไทยยังอ่านผิดๆถูกๆ ความรู้รอบตัวน้อย จะรณรงค์งดถุงพลาสติลดโลกร้อนนี่ไกลตัวพวกเค้ามาก ไม่แปลกใจที่บ้านเราพัฒนาไม่ได้ คนกลุ่มนี้มีจน.เยอะมากๆนะคะ เค้าไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าทำนั่นทำนี่แล้วเค้าจะได้อะไร ทำไปทำไม เค้าไม่มีเวลาใส่ใจคนอื่นเรื่องอื่นหรอก
ความคิดเห็นที่ 32
เลี้ยงนะมันเลี้ยงได้หมดละ    แต่คุณภาพชีวิตมันต่างกันลิบลับ  
เลือกเอาจะเป็นคนระดับล่างไปจนตาย     เลี้ยงลูกตามมีตามเกิด            หรือจะถีบตัวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางแล้วไม่ปล่อยให้ลูกลำบากเหมือนคนชั้นล่าง

สมัยเราเรียนแค่ รร กลาง  ๆ          ------------------ แต่ลูกคนรวยเรียน รร ชื่อดัง หรือเรียนอินเตอร์
สมัยเราเกิดมา เรียนแค่มหาลัยระดับกลาง    -----------------  แต่ลูกคนรวยเรียนมหาลัยระดับท๊อป เรียนจบไปต่อเมืองนอก
สมัยเราเรียนไม่มีเงินไปเรียนติวกวดวิชา สอบเข้าแพทย์ไม่ได้  ----------- แต่ลูกคนรวยมีเงินกวดวิชา ติวซัมเมอร์มีหมด
สมัยเราเวลาเรียนจบ ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ บางทีเป็นหนี้ กยศ แถมมาด้วย + หนี้บ้าน     --------  แต่ลูกคนรวยเขาเริ่มต้น 5 6 7  8 ไปไกลแล้ว
สมัยเราทำงานกว่าจะซื้อรถ 1 ล้านกว่า ซักคันไม่ใช่เรื่องง่าย   ----------- แต่ลูกคนรวยเขามีรถยุโรปขับไปนานแล้ว  
สมัยเรากว่าจะทำงานซื้อบ้านเดี่ยว 4-5 ล้านได้ --------------  แต่ลูกคนรวยเขาอยู่บ้านระดับคฤหาสน์ไปนานแล้ว
สมัยเราทำงานกว่าจะเก็บเงินเที่ยวเมืองนอก      -------------  แต่ลูกคนรวยเขาไปเที่ยวรอบโลกนานแล้ว
สมัยเรากว่าจะแต่งงานเก็บเงินแล้วเก็บเงินอีก  --------------  แต่ลูกคนรวยเขาพร้อมหมดทุกอย่าง
สมัยเรากว่าจะมีกิจการของตัวเอง กว่าจะตั้งต้นได้  ------------แต่ลูกคนรวยเขามีกิจการตั้งแต่รุ่น ปู่ย่า ตายายเขาสั่งสมมาให้ลูกหลานแล้ว
สมัยเรากว่าจะวางแผนเกษียณ คิดแล้วคิดอีก    -------------- แต่ลูกคนรวยเขาใช้เงินทำงานไปนานแล้ว


       ชีวิตเลือกได้เองครับ จะยอมอยู่เป็นคนระดับล่างในสังคมคนทำงานต่อไป           หรือเลือกที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็ตามสบายเลยครับ
แต่เวลามีลูกแล้ว  ช่วยถามคำถามลูกด้วยนะ  อยากเกิดมาลำบากเหมือนพ่อแม่หรือไม่          
ความคิดเห็นที่ 15
คนเงินเดือนสูงๆ ลึกๆแล้วก็คงอยากมีลูกแหละ ผมว่า
แต่อายุมันล่วงเลยกันหมดแล้วไง เลยหาข้ออ้างไปเรื่อยว่าคงไม่มีปัญญาเลี้ยง
เลี้ยงเด็กสักคนสองคน มันไม่ได้จ่ายมากมายอะไรหรอก
บางทีไลฟ์สไตล์กับการใช้วัตถุมาเป็นเกราะทางสังคมของชนชั้นกลางยังเสียตังค์มากกว่าอีก
อย่างผมเนี่ย โตมากับโรงเรียนวัด แทบไม่ได้ใช้ตังค์(ไม่มีตังค์)
จบ ม.ปลาย รร.ประจำอำเภอใกล้บ้าน มาต่อตรี ม.ราม(หน่วยกิต 25 บาท) จบเนฯ
แทบไม่ต้องใช้เงินเยอะอะไรเลย
จะบอกว่า ถ้า dna คุณดี ก็อย่าไปกลัวการมีลูกเลย เขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
อย่าไปอัดหลักสูตรบ้าๆบอๆเสียเงินให้เขาเรียนโดยไม่จำเป็น
สมัยผมเรียน ผมเริ่มเรียน eng ตอน ป.5 โน่น
หาหนังสือสักเล่มอ่านยังยาก ได้แต่ท่องศัพท์ไปตามประสา
ตอนนี้ eng ก็อยู่ในระดับที่เอาตัวรอดได้เลยแหละ
อาจจะเป็นเพราะทุกวันนี้ก็ยังพยามเรียนรู้ภาษาอยู่มั้ง ยังไม่ทิ้ง
เด็กสมัยนี้โชคดีมาก มีเน็ตให้ search ทุกอย่าง ผมยังอิจฉาเลย
สรุปว่า มีลูกสักคน ค่าใช้จ่ายจะมากหรือน้อย อยู่ที่พ่อแม่นะ ไม่ได้อยู่ที่ลูก
กลัวลูกไม่มี connection บ้างล่ะ กลัวลูกไม่ได้เรียนเสริมโน่น นี่ นั่น บ้างล่ะ
อย่างว่า ชนชั้นกลางส่วนมากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่พยายามถีบตัวเองหรือพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับในสังคมอยู่
เลยไม่แปลกใจว่าทำไมมีลูกกันช้า หรือไม่อยากมี เวลามีแล้วก็อยากให้ลูกอยู่ในสังคมดีๆ จนกลายเป็นวิตกจริตไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่