ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 24/6/61 - อิตาลีไม่มาตามนัด (จบ)

กระทู้คำถาม


ดอกไม้หัวใจสวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (WANG JIE หรือ ชื่อดั้งเดิม "พฤษภเสารี" สมาชิกเก่าห้อง รดน.ช่วงปี 2546-2550) ประจำการต่ออีก 1 วันครับ ^^

เมื่อวานนี้ คุยเรื่องทีมชาติอิตาลีที่หลังจากประสบความสำเร็จไปถึงดวงดาวคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 บนแผ่นดินเยอรมันแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นช่วง "ขาลง" ตกรอบคัดเลือกปี 2010 และปี 2014 สองสมัยติดต่อกัน แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ที่ขุนพลอัซซูรี่ ขวัญใจแฟนบอลทั่วโลกไม่น้อยหน้าทีมอื่น ตกรอบคัดเลือก ไม่สามารถตีตั๋วไปรัสเซียได้!!!

เกิดอะไรขึ้นกับอิตาลี ?? เราย้อนกลับไปดู การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กันครับ



การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เป็นการคัดเลือกทีมชาติทุกชาติที่เป็นสมาชิกของ สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) นอกจาก รัสเซีย ซึ่งมีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ รอบคัดเลือกรอบแรก เริ่มแข่งวันที่ 13 กันยายน 2016 ถึง 10 ตุลาคม 2017 และรอบสอง (เพลย์ออฟ) 9-14 พฤศจิกายน 2017

การจับสลากสำหรับรอบแรก (รอบแบ่งกลุ่ม) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2015 เริ่มเวลา 18:00 MSK (UTC+3), ที่ คอนสแตนตินอฟสกี พาเลซ ใน สเตรลนา, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย ผลการจับสลากในโถต่างๆ เป็นดังนี้ (ในวงเล็บเป็น FIFA RANGING ในขณะนั้น)

และเมื่อจับสลากแบ่งกลุ่มเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่า อิตาลี อยู่ร่วมกลุ่ม G ซึ่งประกอบด้วย สเปน แอลเบเนีย อิสราเอล มาซิโโดเนีย และ ลิกเตนสไตน์, ดูจากชื่อทีมชาติทั้งหลายในกลุ่ม มีเพียงสเปนทีมเดียวเท่านั้นที่จะเป็นงานยากสำหรับอิตาลี นอกนั้นไม่น่าจะมีทีมไหนเอาชนะขุนพลอัซซูรี่ได้

ผลการแข่งขัน นัดแรก อิตาลีบุกไปชนะอิสราเอลถึงถิ่น 1-3 นัดที่สอง เสมอกับสเปน 1-1 ในบ้าน นัดที่ 3 ไปเยือนมาซิโดเนียและเก็บชัยชนะได้อย่างตื่นเต้นด้วยสกอร์ยิงกันถึงห้าลูก 2-3 นัดที่ 4 บุกไปกินหมูลิกเตนสไตน์ 0-4 นัดที่ 5 เล่นในบ้านรับการมาเยือนของแอลเบเนียและชนะ 2-0 นัดที่ 6 ตบหมูน้อยลิกเตนสไตน์ในบ้านไปเบาะๆ 5-0 นัดที่ 7 บุกไปโดนสเปนยำ 3-0 นัดที่ 8 เฝ้าบ้านรับการมาเยือนของอิสราเอล และเอาชนะไปได้แค่ 1-0 นัดที่ 9 เล่นในบ้านแท้ๆ แต่ทำได้แค่เสมอกับมาซิโดเนีย 1-1 โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายยิงนำไปก่อนด้วย แต่ดันถูกตีเสมอในนาทีที่ 77 และนัดที่ 10 นัดสุดท้าย บุกไปชนะแอลเบเนีย 0-1 รวม 10 นัด อิตาลีชนะ 7 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 1 นัด เป็นอันดับสองของกลุ่ม แพ้ให้กับสเปนซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง ชนะถึง 9 นัด และเสมอเพียงนัดเดียวได้ตีตั๋วไปรัสเซียก่อนทันที ส่วนพลพรรคอัซซูรี่ ต้องลงสนามเพิ่ม เหนื่อยเพิ่ม กับการแข่งขันรอบสอง (PLAY-OFF)

การแข่งขันรอบเพลย์ออฟ มีแปดทีมรองชนะเลิศที่ดีทีสุดจากเก้ากลุ่มรอบแรก ผู้ชนะของแต่ละคู่จากสี่นัดเหย้าและเยือน รวม 4 ทีม จะได้ไปรัสเซีย การแข่งขันจัดขึ้นในเดือน พฤศจิกายน 2017 ส่วนการจับสลากประกบคู่รอบสอง (เพลย์ออฟ) จัดขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม 2017 เวลา 14:00 CEST (UTC+2), ที่สำนักงานใหญ่ฟีฟ่าในนครซูริค, ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการแบ่งโถเป็น 2 โถ ดังนี้

และผลการจับสลากประกบคู่ ไอร์แลนด์เหนือ พบ สวิตเซอร์แลนด์, โครเอเชีย พบ กรีซ, เดนมาร์ก พบ ไอร์แลนด์ และ สวีเดน พบ อิตาลี

ลางร้ายเริ่มปรากฏ เมื่อขุนพลอัซซูรี่ บุกไปเยือนสวีเดนที่สนาม     เฟรนด์ส อาเรนา, โซลนา และแพ้ให้กับเจ้าบ้าน 1-0 เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2017 จากนั้น อีก 4 วันข้างหน้า อิตาลีจะเล่นในบ้านตัวเอง ที่สนามซานซิโร่ กรุงมิลาน พวกเขาต้องชนะสถานเดียวเท่านั้นและต้องยิงสองประตูขึ้นไปโดยไม่เสียด้วย!!

แล้ววันที่ 13 พ.ย. 2017 ก็เป็นวันแห่งความโศกาอาดูรของอิตาลี พวกเขาทำได้แค่เสมอกับพวกลูกหลานไวกิ้งแบบไร้สกอร์ 0-0 ตั๋วไปรัสเซียหลุดลอยไปอยู่ในมือของสวีเดน...การไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกคือความตกต่ำที่สุดแล้ว สำหรับอดีตแชมป์ 4 สมัยอย่างขุนพลอัซซูรี่

เพราะว่านี่...เป็นครั้งแรก...ในรอบ 60 ปี ที่อิตาลีไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย นับตั้งแต่ปี 1958

และมันทำให้ "จิอานลุยจิ บุฟฟ่อน" ผู้เป็นนายทวารทีมชาติอิตาลีมายาวนาน ประกาศแขวนถุงมือเลิกเล่นทีมชาติ ด้วยความเศร้า!


หลังเกมสุดท้ายจบ...บุฟฟ่อน ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา อมยิ้ม20ร้องไห้


วิเคราะห์เหตุผลที่ “อิตาลี” วืดไปบอลโลก 2018 ยุคแชมป์โลก 4 สมัย “ตกต่ำ”?

การตกรอบเพลย์ออฟชิงตั๋วไปรัสเซีย กลายเป็นความผิดหวังของวงการลูกหนังอิตาลี และอาจรวมไปถึงแฟนฟุตบอลทั่วโลก อิตาลีพลาดไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้เคยพลาดเมื่อปี 1958 (ปี 1930 ไม่ได้ร่วมเล่น)

อะไรที่ทำให้พวกเขาพลาดท่า ?

1. ผลงานโดยรวมทำให้ตกที่นั่งลำบาก : ความโชคร้ายของอิตาลีที่อยู่ร่วมกลุ่มกับสเปนจนต้องเล่นเพลย์ออฟ มีต้นตอที่ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นของแคมเปญรอบคัดเลือกโซนยุโรปกลางปี 2015 ซึ่งฟีฟ่าจับสลากแบ่งกลุ่มรอบคัดเลือก อิตาลีรั้งอันดับ 17 ของโลก จึงถูกจับไปอยู่ในโถที่ 2 และโชคไม่ดีที่จับสลากได้อยู่ร่วมกลุ่มกับสเปน อัซซูรีติดหนึ่งใน 8 ทีมอันดับ 2 ที่ผลงานดีที่สุดได้ไปเล่นเพลย์ออฟกับสวีเดน แต่แน่นอนว่า ผลงานโดยรวมของอิตาลีซึ่งฟีฟ่านำไปคิดเป็นค่าสัมประสิทธิ์ทำให้อิตาลีอยู่ต่ำกว่า 10 อันดับแรกของโลกจนมีแนวโน้มเจองานลำบากขึ้นในทัวร์นาเมนต์ สุดท้ายความเสี่ยงก็ทวีคูณจนมาถึงจุดสิ้นสุด

2. การบริหารงาน : หลายฝ่ายชี้นิ้วไปที่สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีในฐานะคนที่ไม่ทันระบบการจัดอันดับของฟีฟ่าจนอัซซูรีหล่นมาอยู่นอกทีม 10 อันดับแรกของโลก คาร์โล ตาเวคคิโอ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีวัย 74 ปี ซึ่งได้รับเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2014 ถูกวิจารณ์ว่า “หัวโบราณ” ไม่ทันเกมการเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ในวงการฟุตบอลโลก แม้เจ้าตัวพยายามพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของฟุตบอลในประเทศหลายข้อ แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงแต่ภายในโดยไม่มองบริบทภายนอกประกอบด้วยก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ ลูกหนังอิตาลียังเต็มไปด้วยบุคลากรอาวุโสที่ทรงอิทธิพลอย่างอเดรียโน กัลลิอานี ผู้บริหารของทีมเอซี มิลาน ในเวลานั้นหนุนหลังคาร์โล เช่นเดียวกับซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตประธานเอซี มิลาน อีกหนึ่งบุคคลทรงอิทธิพลในลูกหนังมักกะโรนี ก็หนุนหลังเช่นกัน ทั้งสองนอกจากเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการฟุตบอลแล้วยังเป็นที่รู้กกันดีว่าเคยผ่านสนามการเมืองเข้มข้นโดยเฉพาะแบร์ลุสโคนี

พลังทางการเมืองที่หนุนหลังผู้บริหารในสหพันธ์ฯถูกวิจารณ์พร้อมไปกับผลงานของอิตาลี และนี่คือที่มาของข้อความในอินสตาแกรมของเปาโล คันนาวาโร พี่น้องของอดีตกองหลังชุดแชมป์โลกของทีมที่เขียนว่า เขาหวังให้ความตกต่ำขั้นสุดครั้งนี้จะนำไปสู่การปฏิรูปลูกหนังอิตาลี  และโบกมือลา “เหล่ามัมมี่” ในวงการฟุตบอลอิตาลี เปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ได้ซะที

3. ผู้จัดการทีม : เมื่อทีมบริหารเชิงโครงสร้างไม่แข็งแรง การตัดสินใจเลือกผู้จัดการทีมที่ไม่เหมาะกับงานจึงเกิดขึ้น อิตาลีได้จามปิเอโร เวนตูรา กุนซือที่เพิ่งอายุครบ 70 ปีเมื่อต้นปี ไม่มีประสบการณ์ทำทีมใหญ่ระดับท็อปของยุโรป และเคยได้แชมป์ระดับเซเรีย บี และเซเรีย ซี มาคุมทีม ขณะที่โค้ชระดับโลกของอิตาลีที่อยู่ในตลาดอีกจำนวนมากซึ่งเคยพาทีมได้แชมป์ลีกระดับท็อปของยุโรปกลับไม่ได้งาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เวนตูรา ถูกมองว่าได้งานเพราะ “เส้น” มากกว่าความสามารถ ผลงานในและนอกสนามกับสวีเดนทั้ง 2 นัดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน สถิติหลังเกมสะท้อนทักษะการทำงานของเขาอย่างเห็นได้ชัด การวางแทคติก การเลือกผู้เล่น และการแก้เกมที่ถูกตั้งคำถามแทบทุกข้อ แม้แต่ดานิเอเล เด รอสซี่ มิดฟิลด์ตัวแกร่งที่นั่งสำรองยังต้องเถียงกับสต๊าฟฟ์ในทีมว่าจะเปลี่ยนเขาลงทำไมในเมื่อทีมต้องการสกอร์

สุดท้าย ลอเรนโซ อินซินเญ แนวรุกตัวแรงของนาโปลีก็ไม่ได้ลงสนาม มิดฟิลด์ของอิตาลีทำงานได้ไม่เต็มที่ การเชื่อมต่อเกมระหว่างแดนกลางกับเกมรุกขาดช่วง หัวหอกไม่สามารถสร้างและหาโอกาสเข้าจบสกอร์ได้ สวีเดนจึงรอดตัวจากการเสียประตูโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ได้เล่นด้วยฟอร์มที่ดีนัก

นอกเหนือจาก แทคติกและการแก้เกมที่ถูกวิจารณ์หนัก สไตล์การทำทีมด้านจิตวิทยาของเวนตูรา ก็โดนวิจารณ์โดยเปรียบเทียบกับกุนซือพลังเทอร์โบอย่างอันโตนิโอ คอนเต้ ที่พาทีมทำผลงานเหนือความคาดหมายในยูโร 2016 เวนตูรา ไม่สามารถกระตุ้นลูกทีมหรือใช้จิตวิทยาเชิงบวกแบบคอนเต้ ได้

4. ผู้เล่น : อิตาลีที่ได้คอนเต้ ลากทีมชุดที่ว่ากันว่าพิษสงน้อยที่สุดเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในยูโร 2016 ในวันที่ไม่มีคอนเต้ อิตาลีภายใต้เวนตูรา เลือกผู้เล่น 11 คนแรกในเกมที่ไปเยือนสวีเดนเป็นนักเตะอายุมากกว่า 30 ปีถึง 7 คน 4 ใน 7 อายุ 33 ปีและมากกว่านั้น ขณะที่เลกที่ 2 มี 6 คนที่อายุมากกว่า 30 แต่ใช่ว่าขิงแก่จะรสร้อนแรงไม่ได้ อย่างไรก็แล้วแต่ ขิงแก่เหล่านั้นเค้นความเผ็ดร้อนออกมาไม่เพียงพอ ขณะที่ผู้เล่นตัวเก๋าไม่สามารถเล่นได้ มองกลับมาที่ผู้เล่นดาวรุ่ง แข้งอิตาเลียนพลังหนุ่มที่พอจะมาทดแทนก็ไม่เพียงพออีก นอกเหนือจากจอร์จินโญ มิดฟิลด์ดาวโรจน์วัย 25 ปี (ซึ่งเพิ่งเล่นให้ทีมชาติอิตาลีเต็มตัวไม่กี่เกม) และอินซินเญ วัย 26 ปี แข้งหนุ่มอิตาเลียนที่ฟอร์มพอพึ่งพาได้ยังหายาก ดาวรุ่งที่เหลือไม่ฟอร์มตกก็ยังฝีเท้าไม่ดีพอ

ย้อนกลับไปที่ลีกและการวางระบบขององค์กรลูกหนังในประเทศ เปาโล คันนาวาโร วิจารณ์ว่าอิตาลีเสียแชมป์ไปตั้งแต่นายทุนเข้ามาในวงการลูกหนังเมื่อ 15 ปีก่อน เซเรีย อา อิตาลี เป็นอีกหนึ่งลีกที่ดึงนักเตะลือชื่อจากทั่วโลกมา และมาแย่งพื้นที่ของนักเตะในถิ่น ประเด็นนี้ถูกพูดถึงมานานแล้ว สภาพในปัจจุบันของเซเรีย อา นักเตะอิตาลีที่เป็นตัวหลักใน 5 ทีมแรกของตารางเหลือทีมละไม่เกิน 4 ราย ทีมที่มีผู้เล่นอิตาลีมากกว่าผู้เล่นต่างชาติอันดับดีที่สุดคือ เอซี มิลาน ในอันดับ 9 ของตาราง และกายารี่ ที่ 11 ของตาราง

นักวิจารณ์บางคนเริ่มพูดถึงการเคยแบนผู้เล่นต่างประเทศหลังตกรอบบอลโลกปี 1966 อีกครั้ง ซึ่งหลังจากใช้นโยบายนี้แล้วทำให้อิตาลีได้แชมป์ยูโร 1968 รองแชมป์โลก 1970 และแชมป์ปี 1982 ปัญหาที่จริงอาจไม่ใช่ผู้เล่นต่างชาติในลีกอิตาลีมากเกินไป แต่ฝีเท้าผู้เล่นต่างชาติไม่ดีพอที่จะยกระดับลีก และเพิ่มความท้าทายให้ผู้เล่นในลีกพัฒนาตัวเอง นี่คือปัญหาที่อิตาลีต้องปฏิรูป แต่จนถึงวันนี้ แม้แต่การให้สัมภาษณ์หลังเกมของเวนตูรา ก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรกับทีม เมื่อเขาไม่ได้รับผิดชอบด้วยการลาออก แต่บอกว่าจะไปหารือกับสหพันธ์ก่อน ถ้าสหพันธ์ยังไม่เริ่มปฏิรูปที่ด่านแรกแบบเร่งด่วน อย่างการปฏิรูปทีมแบบที่เยอรมันทำได้หลังปี 2000 และเริ่มเห็นผลภายใน 10 ปี แต่สำหรับอิตาลี ถ้าเริ่มช้า อาจต้องกินเวลานานกว่าเยอรมันก็เป็นได้!

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิ และ https://gmlive.com/4-factors-behind-italy-failure-to-qualify-for-world-cup-2018
กับกระทู้ของคุณสมาชิกหมายเลข 3267463 https://ppantip.com/topic/37087550

พบกันใหม่เสาร์หน้าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่