เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปีที่ทีมรักของเราต้องตื่นตระหนก อกสั่นขวัญแขวนตั้งแต่เกมแรก ไม่เคยแพ้ในเกมแรกบอลโลกก็ได้แพ้ แพ้ชนะมันเป็นของคู่กัน แต่แพ้แบบไม่มีชีวิตจิตใจมันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เมื่อแพ้ไปแล้วเราก็เป็นยิ่งกว่าหมาจนตรอก อยากจะเรียกว่าเสือลำบากก็ไม่ไหว ด้วยลายเสือที่คลุมตัวมาอย่างสง่างามตลอด 4 ปีถลอกปอกเปิกเหลือแต่หนังกำพร้า ก่อนนี้แค่คำรามแต่ละทีคู่ต่อสู้ก็หวั่นเกรง มาวันนี้แค่อ้าปากยังแทบไม่ไหว ฟันฟางหลุดร่วงเกือบหมดปาก
เกิดอะไรขึ้นกับทีมเรา นอกจากไม่มีแทคติค เล่นแบบขอไปที ส่งเดช ไม่สู้แล้ว ยังมี้หตุผลอื่นอีก
1. เราเตรียมทีมไม่ทันและไม่พร้อมเมื่อ ปี 2014 เราไปสร้างที่พักสุดอลังการที่คัมโปบาเฮีย นักเตะทุกคนเดินทางไปพร้อมกันและเดินทางไปล่วงหน้า 1 เดือนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับอากาศ นักเตะอยู่กันอย่างราชา อยู่ด้วยความสุขสงบและสามัคคี ตั้งใจซ้อมกันเต็มที่ ไม่มีความอิจฉาริษยา มีแต่ความเป็นทีม จะเป็นตัวจริงหรือสำรอง ทุกคนก็มีความสุข
แต่คราวนี้นักเตะมาเข้าค่ายฝึกคนละทีสองที บาดเจ็บมากน้อยต่างกัน โครสมาถึงค่ายเมื่อตลาดเกือบจะวายแล้ว การฝึกซ้อมถึงจะจริงจังแต่ก็ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
2. การเลือกตัวผู้เล่นของเลิฟทำให้นักเตะบางคนไม่ยอมรับอยู่ในใจ นอยเออร์เจ็บมานานแต่ได้เป็นประตูมือ 1 แม้สเตเก้นจะยอมรับ แต่ภายในใจคงปั่นป่วน ไม่เหมือนไวเดนเฟลเลอร์และ รอน โรเบิร์ท ซีเลอร์ เมื่อ 4 ปีก่อนที่สนับสนุนนอยเออร์เต็มที่ นักเตะบางคนก็ออกสื่อว่าอยากเป็นตัวจริงนั่นนี่ ทำให้เห็นว่า คราวนี้เราไม่ใช่ “ดี มันชาฟ” ไม่สามัคคีเต็มร้อย แถมสื่อและแฟนบอลก็กระพือข่าวให้แตกแยกแทนที่จะยอมรับหรือให้กำลังใจ
3. หมดแรง หมดไฟ คนที่ได้แชมป์โลกแล้วดูเนือยนาย เหมือนแพ้ชนะช่างมัน บรรดาน้องใหม่ โดยเฉพาะหนุ่มคอนเฟดต่างกระเหี้ยนกระหือรืออยากลงแข่ง แต่เท่าที่เคยได้โอกาสมาแล้ว ไม่มีใครเล่นได้ดี จะให้ลงเป็นตัวจริงก็เสี่ยงเกินไป
4. ปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ต่างประเทศไม่ค่อยรู้ คือเรื่องสองนักเตะเชื้อชาติตุรกี กุนโดกันและโอซิลที่ไปมอบเสื้อถ่ายรูปยิ้มร่วนคู่กับประธานาธิบดีแอร์โดวันของตุรกีในช่วงเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการช่วยหาเสียง ลายเซ็นที่ว่า เพื่อประธานาธิบดีของผม กระพือยิ่งกว่าไฟไหม้ฟาง ทำให้สื่อข่าวและคนเยอรมันโกรธแค้นไม่ยอมให้อภัย เมื่อลงแข่งในนามทีมชาติเยอรมันแต่ไม่มีความรู้คุณต่อแผ่นดินที่ทำมาหากินก็นับว่าแย่แล้ว แต่ที่หนักจนเรื่องต้องถึงนายกและประธานาธิบดีเยอรมัน ทั้งสองคนต้องเข้าแถลงการ เหตุเพราะแอร์โดวันเป็นเผด็จการที่ไม่ให้สิทธิเสรีภาพในการออกความเห็นแก่ปวงชนและสื่อข่าว จับนักข่าวเยอรมันเข้าคุกหลายคน เยอรมันต้องต่อสู้เพื่อให้ปล่อยนักข่าว เป็นเรื่องราวยาวนานต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่ออสองนักเตะเชื้อชาติตุรกีทำเหมือนแปรพักต์ไปเข้ากับเผด็จการ คนเยอรมันจึงไม่ยอมให้อภัย มีแต่คนเรียกร้องให้ปลดทั้งสองคนออกจากทีมชาติ แต่เมื่อเลิฟไม่ปลดและให้ลงแข่งกระชับมิตร ทั้งสองคนจึงโดนโห่ไล่อย่างไม่ไว้หน้า กุนโดกันร้องไห้เสียใจหนัก ออกแถลงสื่อแต่ไม่ขอโทษ ส่วนโอซิลหลบหน้าตลอดและไม่ยอมขอโทษเช่นกัน ทำให้ความโกรธแค้นต่อสองคนนี้ไม่สิ้นสุดลงจนถึงนาทีนี้ เชื่อว่าเมื่อจบบอลโลกทั้งสองคนต้องออกมาขอโทษและเป็นไปได้ว่าจะต้องลาออกจากทีม
เรื่องนี้กระทบทั้งฝ่ายบริหารและนักเตะอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะแก้ต่างหรือขอร้องแฟนบอลอย่างไรก็ไม่เป็นผล นักเตะเองแม้จะปลอบใจทั้งสองคน แต่ทุกคนก็ไม่ไม่พอใจในส่วนลึก หน้าชื่นอกตรมไปตามๆกัน ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเล่นและการรวมทีม
4. แทคติคของเลิฟ หลายคนเห็นว่าผิดพลาด แต่ละคนก็อยากให้นักเตะที่ตนหมายตาหมายใจลงแข่ง ทั้งสื่อทั้งแฟนบอลเสี้ยมกันเอาเป็นเอาตาย ในโลกโซเชียลสมัยนี้ไม่มีวันไม่ถึงหูทีมงานและนักเตะ เมื่อไม่ได้กำลังใจจากแฟนบอลที่เคยเชียร์กันแบบหนึ่งเดียว มีหรือที่เราจะไม่รู้สึก เมื่อสี่ปีก่อน เลิฟบอกว่าเห็นรูปแฟนไมล์ เห็นรูปกองเชียร์และได้อ่านคำให้กำลังใจจากเยอรมันแล้วกำลังใจมาเพียบ แต่คราวนี้ อ่านอะไรก็มีแต่ความหดหู่ห่อเหี่ยว
แต่ค่ำนี้เรายังพอมีความหวังที่จะเอาตัวรอดแม้จะริบหรี่เต็มที เราต้องแข่งกับสวีเดนที่เขี่ยอิตาลีและฮอลแลนด์ตกรอบคัดเลือกมาแล้ว แถมยังเก็บได้ 3 แต้มไปแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเราจะตกรอบแรก แต่ก็ยังแอบหวังที่จะเห็นทีมเรารวมตัวรวมใจกันติดในนาทีสุดท้ายและเอาชนะสวีเดนได้ ขอให้โชคดีแล้วกัน
เพื่อนๆคิดว่าเราจะรอดมั้ย
เยอรมัน หมาจนตรอก คืนนี้จะตายหรือจะอยู่
เกิดอะไรขึ้นกับทีมเรา นอกจากไม่มีแทคติค เล่นแบบขอไปที ส่งเดช ไม่สู้แล้ว ยังมี้หตุผลอื่นอีก
1. เราเตรียมทีมไม่ทันและไม่พร้อมเมื่อ ปี 2014 เราไปสร้างที่พักสุดอลังการที่คัมโปบาเฮีย นักเตะทุกคนเดินทางไปพร้อมกันและเดินทางไปล่วงหน้า 1 เดือนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับอากาศ นักเตะอยู่กันอย่างราชา อยู่ด้วยความสุขสงบและสามัคคี ตั้งใจซ้อมกันเต็มที่ ไม่มีความอิจฉาริษยา มีแต่ความเป็นทีม จะเป็นตัวจริงหรือสำรอง ทุกคนก็มีความสุข
แต่คราวนี้นักเตะมาเข้าค่ายฝึกคนละทีสองที บาดเจ็บมากน้อยต่างกัน โครสมาถึงค่ายเมื่อตลาดเกือบจะวายแล้ว การฝึกซ้อมถึงจะจริงจังแต่ก็ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
2. การเลือกตัวผู้เล่นของเลิฟทำให้นักเตะบางคนไม่ยอมรับอยู่ในใจ นอยเออร์เจ็บมานานแต่ได้เป็นประตูมือ 1 แม้สเตเก้นจะยอมรับ แต่ภายในใจคงปั่นป่วน ไม่เหมือนไวเดนเฟลเลอร์และ รอน โรเบิร์ท ซีเลอร์ เมื่อ 4 ปีก่อนที่สนับสนุนนอยเออร์เต็มที่ นักเตะบางคนก็ออกสื่อว่าอยากเป็นตัวจริงนั่นนี่ ทำให้เห็นว่า คราวนี้เราไม่ใช่ “ดี มันชาฟ” ไม่สามัคคีเต็มร้อย แถมสื่อและแฟนบอลก็กระพือข่าวให้แตกแยกแทนที่จะยอมรับหรือให้กำลังใจ
3. หมดแรง หมดไฟ คนที่ได้แชมป์โลกแล้วดูเนือยนาย เหมือนแพ้ชนะช่างมัน บรรดาน้องใหม่ โดยเฉพาะหนุ่มคอนเฟดต่างกระเหี้ยนกระหือรืออยากลงแข่ง แต่เท่าที่เคยได้โอกาสมาแล้ว ไม่มีใครเล่นได้ดี จะให้ลงเป็นตัวจริงก็เสี่ยงเกินไป
4. ปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ต่างประเทศไม่ค่อยรู้ คือเรื่องสองนักเตะเชื้อชาติตุรกี กุนโดกันและโอซิลที่ไปมอบเสื้อถ่ายรูปยิ้มร่วนคู่กับประธานาธิบดีแอร์โดวันของตุรกีในช่วงเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการช่วยหาเสียง ลายเซ็นที่ว่า เพื่อประธานาธิบดีของผม กระพือยิ่งกว่าไฟไหม้ฟาง ทำให้สื่อข่าวและคนเยอรมันโกรธแค้นไม่ยอมให้อภัย เมื่อลงแข่งในนามทีมชาติเยอรมันแต่ไม่มีความรู้คุณต่อแผ่นดินที่ทำมาหากินก็นับว่าแย่แล้ว แต่ที่หนักจนเรื่องต้องถึงนายกและประธานาธิบดีเยอรมัน ทั้งสองคนต้องเข้าแถลงการ เหตุเพราะแอร์โดวันเป็นเผด็จการที่ไม่ให้สิทธิเสรีภาพในการออกความเห็นแก่ปวงชนและสื่อข่าว จับนักข่าวเยอรมันเข้าคุกหลายคน เยอรมันต้องต่อสู้เพื่อให้ปล่อยนักข่าว เป็นเรื่องราวยาวนานต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่ออสองนักเตะเชื้อชาติตุรกีทำเหมือนแปรพักต์ไปเข้ากับเผด็จการ คนเยอรมันจึงไม่ยอมให้อภัย มีแต่คนเรียกร้องให้ปลดทั้งสองคนออกจากทีมชาติ แต่เมื่อเลิฟไม่ปลดและให้ลงแข่งกระชับมิตร ทั้งสองคนจึงโดนโห่ไล่อย่างไม่ไว้หน้า กุนโดกันร้องไห้เสียใจหนัก ออกแถลงสื่อแต่ไม่ขอโทษ ส่วนโอซิลหลบหน้าตลอดและไม่ยอมขอโทษเช่นกัน ทำให้ความโกรธแค้นต่อสองคนนี้ไม่สิ้นสุดลงจนถึงนาทีนี้ เชื่อว่าเมื่อจบบอลโลกทั้งสองคนต้องออกมาขอโทษและเป็นไปได้ว่าจะต้องลาออกจากทีม
เรื่องนี้กระทบทั้งฝ่ายบริหารและนักเตะอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะแก้ต่างหรือขอร้องแฟนบอลอย่างไรก็ไม่เป็นผล นักเตะเองแม้จะปลอบใจทั้งสองคน แต่ทุกคนก็ไม่ไม่พอใจในส่วนลึก หน้าชื่นอกตรมไปตามๆกัน ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเล่นและการรวมทีม
4. แทคติคของเลิฟ หลายคนเห็นว่าผิดพลาด แต่ละคนก็อยากให้นักเตะที่ตนหมายตาหมายใจลงแข่ง ทั้งสื่อทั้งแฟนบอลเสี้ยมกันเอาเป็นเอาตาย ในโลกโซเชียลสมัยนี้ไม่มีวันไม่ถึงหูทีมงานและนักเตะ เมื่อไม่ได้กำลังใจจากแฟนบอลที่เคยเชียร์กันแบบหนึ่งเดียว มีหรือที่เราจะไม่รู้สึก เมื่อสี่ปีก่อน เลิฟบอกว่าเห็นรูปแฟนไมล์ เห็นรูปกองเชียร์และได้อ่านคำให้กำลังใจจากเยอรมันแล้วกำลังใจมาเพียบ แต่คราวนี้ อ่านอะไรก็มีแต่ความหดหู่ห่อเหี่ยว
แต่ค่ำนี้เรายังพอมีความหวังที่จะเอาตัวรอดแม้จะริบหรี่เต็มที เราต้องแข่งกับสวีเดนที่เขี่ยอิตาลีและฮอลแลนด์ตกรอบคัดเลือกมาแล้ว แถมยังเก็บได้ 3 แต้มไปแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเราจะตกรอบแรก แต่ก็ยังแอบหวังที่จะเห็นทีมเรารวมตัวรวมใจกันติดในนาทีสุดท้ายและเอาชนะสวีเดนได้ ขอให้โชคดีแล้วกัน
เพื่อนๆคิดว่าเราจะรอดมั้ย