[CR] :: KAWAGOE เมืองมันหวานที่ได้รับฉายาว่า 'Little Edo' ::


อยู่โตเกียว แต่ก็อยากไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ ไปง่ายๆ แบบไปเช้าเย็นกลับได้ นี่เลย Kawagoe ที่เที่ยวสไตล์เมืองเก่าที่ได้รับฉายาว่าเป็น ‘Little Edo’ ไม่ต้องไปไกลถึงเกียวโต ก็ใส่กิมโมโนเดินเล่นเมืองเก่าสวยๆได้
ก็เหมือนทุกวันที่เราจะมานั่งคิดกันว่าพรุ่งนี้จะไปไหน
ลูกไผ่: “พรุ่งนี้ไป Tsukiji แล้วไปไหนต่ออ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “นั่นสิ เดี๋ยวเราดูก่อน”
ลูกไผ่: “นี่ไง ไป Kawagoe มั้ยคะพี่ปุ่น ไผ่อยากไปหลายทีละ มันเป็นแบบเมืองเก่าอ่ะค่ะ”
พี่ปุ่น: “อ่า ได้ๆ”

ปะ ตามมา เดี๋ยวเราพาไปเที่ยวเมืองเก่าอย่าง Kawagoe กัน แต่ก่อนอื่นเดี๋ยวพาไปแวะเติมพลังที่ตลาดปลา Tsukiji ก่อน

รอบนี้เราพัก Airbnb ที่รบปงงิ ยัง ยังไม่เข็ดจากปีที่แล้ว 555 ก็แหม...ราคามันถูกกว่าโรงแรมเยอะมาก แต่รอบนี้ที่พักเราดีนะ ตกคืนละประมาณ 1,500 บาท ขึ้นมาจาก Roppongi Station แล้วก็ถึงเลย location ดีมาก
วันนี้เราเลยตั้งต้นสถานี Roppongi ไปลงที่สถานี Tsukiji ซึ่งใกล้มาก ประมาณ 10 นาทีก็ถึง สำหรับคนที่กลัวว่าต้องไปเช้ามากๆรึเปล่า ไม่งั้นตลาดจะวายมั้ยนะ จริงๆไม่ต้องไปเช้าขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เราถึงที่ตลาดประมาณ 9 โมง ตลาดก็ยังคึกคักอยู่เลย รอบนี้คนเยอะกว่าครั้งก่อนที่เรามาเยอะมาก เดินนี่เบียดกันสุดๆ และแน่นอน เราเจอคนไทยที่นี่เพียบ! 555
วันนี้เราเริ่มที่ร้านของเสียบไม้ปิ้งร้านเดิม ที่ราคาไม้ละ 200 เยน (60 บาท) ที่เป็นร้านที่มีคนมุงคึกคักไม่เปลี่ยน แล้วต่อด้วยมันปูที่รอบที่แล้วเราไม่ได้ทาน ราคาชิ้นละ 500 เยน (150 บาท) 2 อย่างนี้เราถ่ายรูปไม่ทัน เพราะด้วยความหิว 555 ระหว่างที่เราไปซื้อมันปู หันมาอีกทีเห็นพี่ปุ่นยืนคุยกันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ น่าจะเป็นชาวเยอรมันหรือเบลเยียมเนี่ยแหละ เค้าเข้ามาคุยเรื่องกล้องกับพี่ปุ่น เพราะเห็นพี่ปุ่นห้อยหลายตัวมาก 555 แต่เค้าพัก Leica มาแค่ตัวเดียว แล้วเค้าก็หันมาถามเรา

คุณนักท่องเที่ยว: “ในกระเป๋านี่คุณพกกล้องมากี่ตัวเหรอ”
ลูกไผ่: “4 ตัวค่ะ”
เค้าทำหน้าตกใจมาก 555
คุณนักท่องเที่ยว: “ทำไมต้องพักหลายตัวขนาดนั้นล่ะ”
ลูกไผ่: “คือแต่ละตัวมันใช้งานไม่เหมือนกัน”
คุณนักท่องเที่ยว: “อ่า เข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำทำไมต้องเยอะขนาดนั้น”
ลูกไผ่: “มันแบบแล้วแต่ feel บางที เราก็อยากถ่ายโพลารอยด์ บางทีเราก็อยากถ่ายฟิล์มไรงี้อ่ะค่ะ”
เค้าก็แบบ เออ...เข้าใจก็ได้วะ 5555

ว่าแล้วก็เดินกันต่อ เดินมาจนสุดทางก็เจอร้านนึงที่ขายทะเลย่างรวม เห็นคนยืนทานหน้าร้านกันเยอะเลย เราเลย อ่ะ ลองมั่ง ใน 1 เปลือกหอยจะมีปู อูนิ แล้วก็หอย (ออกจะหนักไปทางหอย) ราคา 1,000 เยน (300 บาท)


รสชาติอร่อยนะ แต่ว่าตอนนี้เราเลี่ยนหอยมาก เพราะทานมาตั้งแต่ร้านเสียบไม้ย่างร้านแรก เลยเริ่มเกี่ยงกันกินหอย 555


ติดๆกันเป็นร้านซูชิคำโต หน้าล้น ที่มีให้เลือกว่าจะทานอะไรบ้าง ราคาคำละ 500 เยน (150 บาท) เราเลือกทานหน้าปูผสมไข่กุ้ง ห่อด้วยฟองเต้าหู้ รสชาติอร่อยเลย แต่เราชอบซูชิหน้าล้นที่ร้าน Ebisu ที่ไทยมากกว่าแฮะ หน้ามันเยอะกว่า


ท้องของคาวเราเต็มแล้ว ปิดท้ายด้วยของหวานตบท้ายยอดฮิตของที่นี่ สตอร์เบอรี่เสียบไม้นั่นเอง รอบนี้เราเลือกแบบสตอเบอรี่ขาวกับแดงผสมกัน ไม้ละ 800 เยน (240 บาท) ถ้าเป็นสีแดงอย่างเดียวจะไม้ละ 500 เยน (150 บาท) นะคะ แอบรู้สึกพลาดเพราะสตอเบอรี่ขาวลูกเล็กกว่าแถมเปรี้ยวอีกอ่ะ T^T

ท้องอิ่มแล้ว ไปเที่ยวได้! จากตลาดปลา Tsukiji เราต้องเดิน 10 นาทีเพื่อไปขึ้นรถไฟที่ Shintomicho Station เพื่อนั่งไปลงที่ Kawagoe Station


ระหว่างทางเราเดินผ่านร้าน Nakau ที่มีป้ายรายการอาหารติดอยู่ที่หน้าร้าน

พี่ปุ่น: “นี่ร้านอะไรอ่ะ น่ากินแฮะ”
ลูกไผ่: “หะ! ยังไม่อิ่มอีกเหรอคะ!”
พี่ปุ่น: “กินได้เรื่อยๆ”

หืม...เจ้าอ้วน!
ร้านนี้เป็นร้านข้าวด้งที่ราคาถูกล่อตาล่อใจมาก มีตั้งแต่ราคา 350 เยน (105 บาท) ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ


พี่ปุ่นผู้เป็นเหยื่อการตลาด เห็นของน่ากิน ราคาถูกเป็นไม่ได้ ก็เสร็จข้าวหน้าเนื้อไปตามระเบียบค่ะ 555 โดยมีไผ่นั่งดูพี่ปุ่นกินแบบตาปริบๆ คือ ไม่ไหวแล้วแงะ! ยัดไม่ลงแล้ว


อ่ะ เมื่อเหยื่อการตลาดอิ่มท้อง สบายใจแล้วเราก็เดินกันต่อ ญี่ปุ่นนี่อะไรก็สวยไปหมดจริงๆ นี่ขนาดดอกไม้ข้างทางนะ มันต้องสวยกันเบอร์นี้เลยใช่มั้ย?


ในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถไฟซักที นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาโผล่ที่ Kawagoe Station เดินออกมาก็จะเจอห้างหลายห้างเลย ที่ Kawagoe วันนี้เป็นวันที่ลมแรงมาก แรงแบบที่ว่ารากฐานไม่มั่นคง นี่ตัวอาจปลิวได้ 555 ใครที่เซตผง เซตผมมานี่ ทำใจได้เลยนะคะ กระเซิงค่า!


เดินออกมาแล้วเราก็เดินมารอรถบัสหมายเลข 06 ค่าโดยสาร 190 เยน (57 บาท) นั่งประมาณ 10 นาทีก็ถึง Kawagoe หรือ Little Edo แล้ว!


พอลงรถแล้วเราโดนสกัดดาวรุ่งด้วยร้านกล้องอยู่แถวจุดที่ลงรถพอดี 555 ร้านนี้มีกล้องฟิล์มมือสองขายอยู่เยอะพอสมควรเลย ไอเรากับพี่ปุ่นก็เดินเข้าไปเล็งกันอยู่พักใหญ่เลย 555 เล็งจนพอใจก็เดินเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมร้านกล้องเพื่อเข้าไปเดินใน Kawagoe กัน จุดเด่นของที่นี่คงไม่พ้นหอระฆังที่สูงเด่นออกมาจากร้านรวงข้างทาง


Starbucks ที่นี่เป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปกันเยอะเลย เห็นแล้วก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมต้องถ่ายรูปร้าน Starbucks กัน 555


เดินมาอีกนิดเราเจอร้านมันเชื่อม เฮ้ย ถูกทางเจ้ละ! เราเป็นคนชอบทานมันมากกก โดยเฉพาะมันญี่ปุ่น และที่นี่มันก็ดูจะเป็นของกินขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะมีมันแปรรูปขายอยู่หลายอย่างมาก โอ้ย...ดีอ่า ไผ่มาถูกที่แล้ว จากที่ปีแล้วพลาดพลั้งจากมันเผาที่หมายหมั้นปั้นมือว่าจะทานที่นารา แต่ดันหมดซะงั้น! (ลองไปอ่านดูได้ค่ะ => https://goo.gl/XSWyE1 )

ถัดจากร้านมันเชื่อมก็เป็นร้านขายของฝากที่เป็นมันแปรรูป ซึ่งเราเข้าไปชิมแล้วอร่อยทุกอย่างเลยต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาด้วย ที่หน้าร้านเค้ามีขนมที่แป้งด้านนอกเหมือนแป้งโมจิ ส่วนด้านในเป็นไส้มันหวานอัดแน่น ชิ้นละ 180 เยน (54 บาท)


อันนี้พี่ปุ่นซื้อมาลอง อร่อย แต่ทานแล้วแน่นมาก!

ถัดมาอีกนิดก็ถึงหอระฆังที่เป็น Signature ของที่นี่ เดินเข้าไปด้านในจะเป็นศาลเจ้าค่ะ


มีที่ให้ตักน้ำเอามาแตะที่ปากเหมือนกับศาลเจ้าอื่นๆ


และมีที่ให้ห้อยป้ายด้วย


ออกจากศาลเจ้า เดินออกมาอีกนิดก็จะสุดถนนเส้นเล็กสายนี้ไป


แล้วเราก็จะพบว่าจริงๆแล้วมันมีถนนเส้นใหญ่ที่มีร้านรวงอีกเพียบอยู่ฝั่งนี้ เราคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ที่นี่เลยสินะ 555


ฝั่งนี้ก็มีทั้งร้านขนม ร้านขายของฝากซี่งเป็นของจุกจิกน่ารักๆ


แล้วเราก็ไปเดินผ่านร้านๆนึง เป็นร้านเล็กๆ ที่เห็นคนเข้าไปซื้อเยอะเลย เราเลยขอลองแวะเข้าไปดูซะหน่อย ปรากฎว่าเป็นเหมือนข้าวหรือแป้งเสียบไม้ปิ้ง เอ่อม...อาจจะไม่ใช่แนวเรา เดินต่อดีกว่า 555


เดินไปอีกนึง จะเจอตรอกเล็กๆ พวกเราเป็นพวกชอบเดินตามตรอกซอกซอยอยู่แล้ว เลยเดินเข้าไปดูซะหน่อย ในตรอกนี้มีร้านกาแฟสวยๆร้านนึงซ่อนอยู่ น่านั่งมากๆ เดินไปอีกนึงจะเจอต้นซากุระ (รึเปล่า) ต้นใหญ่ ดอกสีชมพูสวยเลย เป็นวิวที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้มากๆ


ว่าแล้วเราก็เดินจนสุดถนนใหญ่ แล้วกำลังจะข้ามถนนไปเดินอีกฟากเพื่อเดินกลับ เดินๆไปพี่ปุ่นก็กดดู map ไปด้วย
พี่ปุ่น: “นี่จริงๆ แถวนี้มันมีอีกที่ที่ชื่อว่า Candy lane มีขนมขายเยอะเลย”
ลูกไผ่: “อ๊ะ ไปสิคะ”
พี่ปุ่น: “รู้สึกว่ามันจะเข้าซอยตรงที่เราเดินผ่านมาเมื่อกี้อ่ะ”
ว่าแล้วเราก็เดินกลับไปเข้าซอยเล็กๆ ตรงที่เพิ่งเดินผ่านมาเมื่อตะกี้นี้เอง
ในซอยนี้เราเจอร้านรวงประปราย ร้านในซอยนี้จะมีความ local กว่าร้านตรงถนนใหญ่ที่เราเดินผ่านมา


มีร้านนึงขายแก้วน่ารักมากๆ อยากจะซื้อกลับบ้านสุดๆ แต่นึกถึงตอนแพ็กก็เลยจำต้องตัดใจไป เสียดายยยยย


เดินสุดซอย จะเจอบ้านตรงหัวมุมจัดสวนได้น่ารักมากๆ


ฝั่งตรงข้ามเป็นเหมือนวัด หรือศาลเจ้า มาถึงตรงนี้ฟ้าเริ่มแอบครึ้มเล็กๆ


เดินต่อมาอีกนึงจะเจอร้านกาแฟ ประปราย ซึ่งน่านั่งมากๆ แต่ว่าตอนนี้เราไม่มีเวลานั่งชิลล์ จิบกาแฟแล้ว เลยขอเดินเที่ยวต่อก่อนดีกว่า


และแล้วเราก็มาเจอทางเลี้ยวซ้ายที่พาไปสู่ซอยที่ 2 ข้างทางดูจะมีร้านขนมอยู่ ซึ่งเราเดากันว่านี่แหละน่าจะคือ Candy Lane
พี่ปุ่น: “เราว่าเราน่าจะมาช้าไปหน่อย ดูร้านเค้าเริ่มปิดกันแล้ว”
ลูกไผ่: “นั่นสิคะ ทำไมปิดเร็วจัง หรือวันนี้ร้านเค้าหยุดกันคะ”


ใช่แล้ว มีหลายร้านเลยที่เริ่มกันแล้ว ราเลยทันได้ทานไอติมโคน ในร้านที่ขายผลิตภัณฑ์มันแปรรูปต่างๆ ร้านนี้เค้าเอามัน 2 ชิ้นมาเสียบให้ด้วย น่ารักมากๆ เหมือน Mickey Mouse เลย


ว่าแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว เพราะเย็นนี้เรามีนัดทานข้าวกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น เลยเตร็ดเตร่มากไม่ได้ 555
ว่าแล้วก็ขอแนะนำปิดท้ายหน่อยค่ะ วันนี้เพื่อนเราพาไปทานร้านเนื้อย่างชื่อ Ushigoro อยู่ตรงสถานี Ebisu ซึ่งมันอร่อยมากกกก Set Sukiyaki ที่มีเนื้อ ข้าว และไข่แดงดิบนี่คือที่สุดค่ะ ไปลองกันน้า....

ฝากติดตามเพจเราด้วยนะค้า => https://www.facebook.com/wherewegopage/

เจอกันใหม่ทริปหน้าค่า ^^
ชื่อสินค้า:   Kawagoe
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่