ความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
มนุษย์ทุกคนต้องการความรักไม่มีใครไม่ต้องการความรัก แม้แต่คนที่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความรักก็ต้องการความรัก คนกลุ่มนี้อาจไม่รู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำทุกอย่างก็เพื่อเรียกร้องถามหาความรัก แต่ความรักไม่มีวันเกิดขึ้นได้กับคนที่ไม่มีความรัก เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ต้องการความรักจะต้องเริ่มจากการมีความรักให้ตัวเองก่อน ความรักก็คือความรัก love is love ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ยืนอยู่บน ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love และ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ยืนอยู่บน ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ความรักทั้งสองตั้งอยู่บนพื้นฐานของกันและกัน ถ้ามนุษย์สามารถใช้ความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดความต้องการภายในของตัวเองได้ ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ก็กลายเป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ได้ ในทางกลับกันถ้ามนุษย์ไม่สามารถใช้ความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดความต้องการภายในของตัวเองได้ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ก็กลายเป็นความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ได้เหมือนกัน ดังนั้นกุญแจดอกสำคัญของความรักคือ ความสามารถในการสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นได้กับทุกสถานการณ์ที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ในตัว หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่นว่าแค่ไหนถึงจะไม่มากเกินไปและแค่ไหนถึงจะไม่น้อยเกินไป การเลือกค่าความยืดหยุ่นที่เหมาะสมคือ เลือกทำในสิ่งที่อยู่เหนือวิสัยหรืออยู่เหนือความเคยชินปกติขึ้นไปหนึ่งระดับหรือมากกว่า
พ่อแม่ลูกคือ ปราการด่านแรกที่เราจะได้เรียนรู้และทำความาเข้าใจกับความรักแบบมีเงื่อนไขและความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเพื่อช่วยกันปลดล็อกอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน และคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่แต่ละคนยึดติดอยู่ ถ้าเราไม่ได้รับการปลดล็อกจากด่านแรกเราก็เพิ่มล็อกมากขึ้นจากด่านแรก และถึงแม้ว่าเราจะได้รับการปลดล็อกความรักจากด่านแรกเราก็จะได้สัมผัสกับความรักในรูปแบบอื่นๆที่มีส่วนช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับความคิดและความรู้สึกที่ทำให้ความคิดและความรู้สึกของเราได้รับการเติมเต็มมากยิ่งขึ้น
ความรักแบบคู่รักคือ ปราการด่านที่สองที่เราจะได้เรียนรู้และทำความาเข้าใจกับความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเพื่อช่วยกันปลดล็อกอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน และคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่แต่ละคนยึดติดอยู่ การที่เรารักตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราจะรักคนอื่นด้วย และการที่เรารักคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรารักตัวเอง เพราะมนุษย์มีความรู้สึก=แม่เหล็ก ขั้วบวกขั้วลบ ทางด้านร่างกายและทางด้านจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) จิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) การที่เราไม่ได้รักตัวเองก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีคู่หรือไม่ได้แต่งงาน การมีคู่หรือการแต่งงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารักตัวเองหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรารักคนอื่นหรือเปล่า ซึ่งการรักตัวเองหรือการไม่รักตัวเอง การรักผู้อื่นหรือการไม่รักผู้อื่นล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เราได้รับหรือยังไม่ได้รับการปลดล็อกและไม่ได้คืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ภายในของเราเองจากด่านแรก ประสบการณ์ทางด้านความรักที่เหมือนหรือแตกต่างกันในแต่ละครั้งของเราเกิดจากการนำเอาความรู้สึกที่อยู่คนละส่วนกันขึ้นมาใช้งาน+กับความคิดที่ต้องการอยากจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นกว่าที่เคยได้รับมา ซึ่งการเปลี่ยนความคิดจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่การเปลี่ยนความคิดเพียงอย่างเดียวโดยไม่เปลี่ยนความรู้สึกใหม่และการกระทำใหม่ร่วมด้วยจะทำให้เราได้รับผลที่ไม่แตกต่างไปจากเดิม การเปลี่ยนความคิดใหม่เปลี่ยนความรู้สึกใหม่และการกระทำใหม่อาจทำให้เราประสบความสำเร็จในด้านความรัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความรักที่มีแต่ความสุขสมหวังยั่งยืนตลอดไป ความรู้สึกรักที่รุนแรงและไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงที่ทำให้เรารู้สึกรักมากๆหรือหลงมากๆหรือสุขมากๆหรือทุกข์มากๆเกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) ความรู้สึกรักที่ต้องการสร้างครอบครัวหรือสร้างอนาคตที่มีความมั่นคงถาวรเกิดจากจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) ความรู้สึกรักที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเกิดจากความคิดความรู้สึกณ.ปัจจุบัน ซึ่งทั้งสามแหล่งที่มาของความรู้สึกต่างก็มีการทำงานที่เชื่อมโยงถึงกันสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันและต่างก็มีการทำงานที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เราอาจใช้ความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับความรู้สึกรักที่เกิดจากจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) และความรู้สึกรักที่เกิดจากความคิดความรู้สึกณ.ปัจจุบันได้เพื่อปลดล็อกและคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ให้กับความรู้สึกทั้งสอง แต่เราต้องใช้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับความรู้สึกรักที่เกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถปลดล็อกและคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่เกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) ของเราได้ การพยายามเอาชนะภายในความรู้สึกนั้นๆของตัวเองจะทำให้เราเป็นผู้ชนะ แต่การพยายามเอาชนะระหว่างความรู้สึกหนึ่งกับอีกความรู้สึกหนึ่งภายในของเราเองจะทำให้เราเป็นผู้แพ้
ความรักตัวเองกับการปรนเปรอตัวเองอาจเป็นเรื่องเดียวกันคือมาจากแหล่งกำเนิดของความรู้สึกเดียวกันหรือมาจากแหล่งกำเนิดความรู้สึกคนละที่กันเลยก็ได้ หรือเป็นคนละเรื่องกันเลยคืออาจมาจากแหล่งกำเนิดของความรู้สึกเดียวกันหรือมาจากแหล่งกำเนิดความรู้สึกคนละที่กันเลยก็ได้ การปรนเปรอตัวเองอาจไม่ได้หมายความว่ารักตัวเองแต่เป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับอดีตต่อไป หรือการปรนเปรอตัวเองเป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) ก็เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับอนาคตต่อไป หรือการปรนเปรอตัวเองเป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของความรู้สึกทางด้านร่างกายที่อาจทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อตอบสนองความรู้สึกของความรู้สึกอีกทีหนึ่งก็ได้
ความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
มนุษย์ทุกคนต้องการความรักไม่มีใครไม่ต้องการความรัก แม้แต่คนที่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่มีความรักก็ต้องการความรัก คนกลุ่มนี้อาจไม่รู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำทุกอย่างก็เพื่อเรียกร้องถามหาความรัก แต่ความรักไม่มีวันเกิดขึ้นได้กับคนที่ไม่มีความรัก เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ต้องการความรักจะต้องเริ่มจากการมีความรักให้ตัวเองก่อน ความรักก็คือความรัก love is love ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ยืนอยู่บน ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love และ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ยืนอยู่บน ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ความรักทั้งสองตั้งอยู่บนพื้นฐานของกันและกัน ถ้ามนุษย์สามารถใช้ความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดความต้องการภายในของตัวเองได้ ความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ก็กลายเป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ได้ ในทางกลับกันถ้ามนุษย์ไม่สามารถใช้ความยืดหยุ่นในการเพิ่มหรือลดความต้องการภายในของตัวเองได้ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข unconditional love ก็กลายเป็นความรักแบบมีเงื่อนไข conditional love ได้เหมือนกัน ดังนั้นกุญแจดอกสำคัญของความรักคือ ความสามารถในการสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นได้กับทุกสถานการณ์ที่มนุษย์ทุกคนมีอยู่ในตัว หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับความยืดหยุ่นว่าแค่ไหนถึงจะไม่มากเกินไปและแค่ไหนถึงจะไม่น้อยเกินไป การเลือกค่าความยืดหยุ่นที่เหมาะสมคือ เลือกทำในสิ่งที่อยู่เหนือวิสัยหรืออยู่เหนือความเคยชินปกติขึ้นไปหนึ่งระดับหรือมากกว่า
พ่อแม่ลูกคือ ปราการด่านแรกที่เราจะได้เรียนรู้และทำความาเข้าใจกับความรักแบบมีเงื่อนไขและความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเพื่อช่วยกันปลดล็อกอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน และคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่แต่ละคนยึดติดอยู่ ถ้าเราไม่ได้รับการปลดล็อกจากด่านแรกเราก็เพิ่มล็อกมากขึ้นจากด่านแรก และถึงแม้ว่าเราจะได้รับการปลดล็อกความรักจากด่านแรกเราก็จะได้สัมผัสกับความรักในรูปแบบอื่นๆที่มีส่วนช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้กับความคิดและความรู้สึกที่ทำให้ความคิดและความรู้สึกของเราได้รับการเติมเต็มมากยิ่งขึ้น
ความรักแบบคู่รักคือ ปราการด่านที่สองที่เราจะได้เรียนรู้และทำความาเข้าใจกับความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเพื่อช่วยกันปลดล็อกอดีต ปัจจุบันและอนาคตของกันและกัน และคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่แต่ละคนยึดติดอยู่ การที่เรารักตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราจะรักคนอื่นด้วย และการที่เรารักคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรารักตัวเอง เพราะมนุษย์มีความรู้สึก=แม่เหล็ก ขั้วบวกขั้วลบ ทางด้านร่างกายและทางด้านจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) จิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) การที่เราไม่ได้รักตัวเองก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีคู่หรือไม่ได้แต่งงาน การมีคู่หรือการแต่งงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรารักตัวเองหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรารักคนอื่นหรือเปล่า ซึ่งการรักตัวเองหรือการไม่รักตัวเอง การรักผู้อื่นหรือการไม่รักผู้อื่นล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เราได้รับหรือยังไม่ได้รับการปลดล็อกและไม่ได้คืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ภายในของเราเองจากด่านแรก ประสบการณ์ทางด้านความรักที่เหมือนหรือแตกต่างกันในแต่ละครั้งของเราเกิดจากการนำเอาความรู้สึกที่อยู่คนละส่วนกันขึ้นมาใช้งาน+กับความคิดที่ต้องการอยากจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นกว่าที่เคยได้รับมา ซึ่งการเปลี่ยนความคิดจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป แต่การเปลี่ยนความคิดเพียงอย่างเดียวโดยไม่เปลี่ยนความรู้สึกใหม่และการกระทำใหม่ร่วมด้วยจะทำให้เราได้รับผลที่ไม่แตกต่างไปจากเดิม การเปลี่ยนความคิดใหม่เปลี่ยนความรู้สึกใหม่และการกระทำใหม่อาจทำให้เราประสบความสำเร็จในด้านความรัก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความรักที่มีแต่ความสุขสมหวังยั่งยืนตลอดไป ความรู้สึกรักที่รุนแรงและไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงที่ทำให้เรารู้สึกรักมากๆหรือหลงมากๆหรือสุขมากๆหรือทุกข์มากๆเกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) ความรู้สึกรักที่ต้องการสร้างครอบครัวหรือสร้างอนาคตที่มีความมั่นคงถาวรเกิดจากจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) ความรู้สึกรักที่ต้องการความสะดวกสบายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเกิดจากความคิดความรู้สึกณ.ปัจจุบัน ซึ่งทั้งสามแหล่งที่มาของความรู้สึกต่างก็มีการทำงานที่เชื่อมโยงถึงกันสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันและต่างก็มีการทำงานที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง เราอาจใช้ความรักแบบมีเงื่อนไขกับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับความรู้สึกรักที่เกิดจากจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) และความรู้สึกรักที่เกิดจากความคิดความรู้สึกณ.ปัจจุบันได้เพื่อปลดล็อกและคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ให้กับความรู้สึกทั้งสอง แต่เราต้องใช้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขกับความรู้สึกรักที่เกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) เท่านั้นที่จะทำให้เราสามารถปลดล็อกและคืนความสมดุลย์ให้กับความไม่สมดุลย์ที่เกิดจากจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) ของเราได้ การพยายามเอาชนะภายในความรู้สึกนั้นๆของตัวเองจะทำให้เราเป็นผู้ชนะ แต่การพยายามเอาชนะระหว่างความรู้สึกหนึ่งกับอีกความรู้สึกหนึ่งภายในของเราเองจะทำให้เราเป็นผู้แพ้
ความรักตัวเองกับการปรนเปรอตัวเองอาจเป็นเรื่องเดียวกันคือมาจากแหล่งกำเนิดของความรู้สึกเดียวกันหรือมาจากแหล่งกำเนิดความรู้สึกคนละที่กันเลยก็ได้ หรือเป็นคนละเรื่องกันเลยคืออาจมาจากแหล่งกำเนิดของความรู้สึกเดียวกันหรือมาจากแหล่งกำเนิดความรู้สึกคนละที่กันเลยก็ได้ การปรนเปรอตัวเองอาจไม่ได้หมายความว่ารักตัวเองแต่เป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของจิตวิญญาณ spirit คือขั้วลบ (อดีต) เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับอดีตต่อไป หรือการปรนเปรอตัวเองเป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของจิตวิญญาณ soul คือขั้วบวก (อนาคต) ก็เพื่อให้ตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับอนาคตต่อไป หรือการปรนเปรอตัวเองเป็นการให้ตัวเองเพราะความเห็นแก่ตัวของความรู้สึกทางด้านร่างกายที่อาจทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อตอบสนองความรู้สึกของความรู้สึกอีกทีหนึ่งก็ได้