สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
สวัสดีค่าสหายทุกท่าน วันนี่มีความคืบหน้ามาเล่าให้ฟังนะคะ
เราไปแจ้งความฟ้อง อบต. ข้อหาบุกรุกมาค่ะ ตำรวจเลยสอบถามและดูหลักฐานต่าง ๆ ที่เรานำไปให้คุณตำรวจ และทางตำรวจได้โทรไปหานายก อบต. ทางนั้นเมืาอทราบว่าเราแจ้งความก็เจ้นเลยทีนี้ บอกกับทางตำรวจว่ามีกรณีพิพาทกันอยู่ เดี๋ยวจะเจรจากับเราเอง (ทั้ง ๆ ที่เรารอมา 15 วันนับตั้งแต่ยื่นหนังสือให้อบต.มารื้อถนนเยาะ กล้าบอกตำรวจแบบนี้น) และยังบอกกับตำรวจว่าตอนทำถนนนี้ได้ทำประชาคมชาวบ้านแล้ว แต่ตำรวจถามกลับไปว่าแล้วทำไมเจ้าของที่ถึงไม่ทราบ แล้วทำไมไม่ได้รังวัดก่อนสร้าง นายกอบต.เลยเงียบ หลังจากนั้นเราก็กลับมาบ้าน (โรงพักกับบ้านเราไกลจากโรงพัก ไป-กลับ ประมาณ 52 กม. ค่ะ) ได้สักชั่วโมงค่ะ มีเจ้าหน้าที่อบต.โทรมาว่าจะนำเอกสารมาให้เซ็น เราก็รอ พอมาถึงทางอบต.ให้นักการนำเอกสารมา ในเอกสารมีใจความประมาณว่า
"ทางอบต.ได้สร้างทางนี้เพื่อเป็นทางสาธารณะประโยชน์ให้กับผู้คนได้สัญจร และได่สร้างบนทางสาธารณะ จึงจะประสานกรมที่ดินให้มารังวัดเขตสาธารณะว่ามีพื้นที่เท่าไหร่และได่รุกล้ำที่ดินเราไหม (งงป่ะคะ หมุดเขตที่ดินก็มีตรงนั้นทนโท่) แต่ในช่วงระหว่างดำเนินการรังวัดที่สาธารณะนี้ ห้ามมิให่เราทำลายถนน หรือทำการใดๆที่จะกีดขวางการใช้งานบนถนนนี้จนกว่าเรื่องจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจะแจ้งให้เราทราบอีกที" และแจ้งให้เราเซ็นรับทราบ
อ่านแล้วหัวร้อนเลยค่ะ ก็เลยไม่เซ็น บอกให้นักการเอาเอกสารกลับเพราะจะขอคุยกับทนายก่อน
เป็นไงคะแสบไหม หายเงียบไปนานเชียวพอเรื่องถึงตำรวจเท่านั่นหล่ะรวดเร็วปานวอกเลยค่ะ คุณตำรวจก่อเลยลงบันทึกประจำวันไว้ให้เรา และจะไปเรียกเอกสารข้อมูลจากกรมที่ดินว่าเราถูกรุกล้ำที่ดินกี่ตารางวาก่อนถึงจะทราบว่ารุกล้ำจริง ๆ จากนั้นถึงจะแจ้งความได้ แต่ตำรวจจะส่งฟ้อง ปปช. ด้วยเพราะถือว่าทางอบต.ปฎิบัติงานมิชอบ
วันนี้เราจะนำรูปถ่ายเข้าไปให้ตำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าถนนสายนี้มีการใช้โดยบ้ายหลังนี้หลังเดียว และพอเลยบ้านนี้ไปก็เป็นร่องน้ำ ป่าหญ้า ไม่มีคนสัญจรเดินผ่านอย่างที่เค้ากล่าวอ้างค่ะ และวันเสาร์นี้นายความเราจะเดินทางมาดูะนที่เอง และจะหารือกันอีกทีว่าจะเอาไงเะราะตอนนี้เราตัดสินใจปิดการเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วค่ะ หมดเวลาแล้วจริง ๆ ต่อไปมีอะไรเราจะให้เค้าคุยผ่านทนายเลย เพราเราจะต้องกลับไปทำมาหากินแล้ว บอกตรง ๆ ค่ะว่าท้อใจเหลือเกิน แต่ก็ยังดีที่มีสหายทุกท่านในเพจนี้, เพื่อนฝูง, และญาติพี่น้องคอยให้กำลังใจ สงสารก็แต่แม่ เครียดทุกวัน กลัวแม่ป่วยมากเลยค่ะ
สรุปตอนนี้ที่เราจะฟ้องเอาผิดต่อ อบต. คือ
-บุกรุกที่ดินเรา
-เพิกเฉย ไมามาเจรจาไกล่เกลี่ย
-ปฎิบัติโดยมิชอบเกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างถนนนี้
-ทำหมุดปักเขตอันเดิมเราหาย และไม่รับผิดชอบ
-โยนความรับผิดชอบนี้ให้ลูกบ้าน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ มีอะไรคืบหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มค่ะ
เราไปแจ้งความฟ้อง อบต. ข้อหาบุกรุกมาค่ะ ตำรวจเลยสอบถามและดูหลักฐานต่าง ๆ ที่เรานำไปให้คุณตำรวจ และทางตำรวจได้โทรไปหานายก อบต. ทางนั้นเมืาอทราบว่าเราแจ้งความก็เจ้นเลยทีนี้ บอกกับทางตำรวจว่ามีกรณีพิพาทกันอยู่ เดี๋ยวจะเจรจากับเราเอง (ทั้ง ๆ ที่เรารอมา 15 วันนับตั้งแต่ยื่นหนังสือให้อบต.มารื้อถนนเยาะ กล้าบอกตำรวจแบบนี้น) และยังบอกกับตำรวจว่าตอนทำถนนนี้ได้ทำประชาคมชาวบ้านแล้ว แต่ตำรวจถามกลับไปว่าแล้วทำไมเจ้าของที่ถึงไม่ทราบ แล้วทำไมไม่ได้รังวัดก่อนสร้าง นายกอบต.เลยเงียบ หลังจากนั้นเราก็กลับมาบ้าน (โรงพักกับบ้านเราไกลจากโรงพัก ไป-กลับ ประมาณ 52 กม. ค่ะ) ได้สักชั่วโมงค่ะ มีเจ้าหน้าที่อบต.โทรมาว่าจะนำเอกสารมาให้เซ็น เราก็รอ พอมาถึงทางอบต.ให้นักการนำเอกสารมา ในเอกสารมีใจความประมาณว่า
"ทางอบต.ได้สร้างทางนี้เพื่อเป็นทางสาธารณะประโยชน์ให้กับผู้คนได้สัญจร และได่สร้างบนทางสาธารณะ จึงจะประสานกรมที่ดินให้มารังวัดเขตสาธารณะว่ามีพื้นที่เท่าไหร่และได่รุกล้ำที่ดินเราไหม (งงป่ะคะ หมุดเขตที่ดินก็มีตรงนั้นทนโท่) แต่ในช่วงระหว่างดำเนินการรังวัดที่สาธารณะนี้ ห้ามมิให่เราทำลายถนน หรือทำการใดๆที่จะกีดขวางการใช้งานบนถนนนี้จนกว่าเรื่องจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจะแจ้งให้เราทราบอีกที" และแจ้งให้เราเซ็นรับทราบ
อ่านแล้วหัวร้อนเลยค่ะ ก็เลยไม่เซ็น บอกให้นักการเอาเอกสารกลับเพราะจะขอคุยกับทนายก่อน
เป็นไงคะแสบไหม หายเงียบไปนานเชียวพอเรื่องถึงตำรวจเท่านั่นหล่ะรวดเร็วปานวอกเลยค่ะ คุณตำรวจก่อเลยลงบันทึกประจำวันไว้ให้เรา และจะไปเรียกเอกสารข้อมูลจากกรมที่ดินว่าเราถูกรุกล้ำที่ดินกี่ตารางวาก่อนถึงจะทราบว่ารุกล้ำจริง ๆ จากนั้นถึงจะแจ้งความได้ แต่ตำรวจจะส่งฟ้อง ปปช. ด้วยเพราะถือว่าทางอบต.ปฎิบัติงานมิชอบ
วันนี้เราจะนำรูปถ่ายเข้าไปให้ตำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าถนนสายนี้มีการใช้โดยบ้ายหลังนี้หลังเดียว และพอเลยบ้านนี้ไปก็เป็นร่องน้ำ ป่าหญ้า ไม่มีคนสัญจรเดินผ่านอย่างที่เค้ากล่าวอ้างค่ะ และวันเสาร์นี้นายความเราจะเดินทางมาดูะนที่เอง และจะหารือกันอีกทีว่าจะเอาไงเะราะตอนนี้เราตัดสินใจปิดการเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วค่ะ หมดเวลาแล้วจริง ๆ ต่อไปมีอะไรเราจะให้เค้าคุยผ่านทนายเลย เพราเราจะต้องกลับไปทำมาหากินแล้ว บอกตรง ๆ ค่ะว่าท้อใจเหลือเกิน แต่ก็ยังดีที่มีสหายทุกท่านในเพจนี้, เพื่อนฝูง, และญาติพี่น้องคอยให้กำลังใจ สงสารก็แต่แม่ เครียดทุกวัน กลัวแม่ป่วยมากเลยค่ะ
สรุปตอนนี้ที่เราจะฟ้องเอาผิดต่อ อบต. คือ
-บุกรุกที่ดินเรา
-เพิกเฉย ไมามาเจรจาไกล่เกลี่ย
-ปฎิบัติโดยมิชอบเกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างถนนนี้
-ทำหมุดปักเขตอันเดิมเราหาย และไม่รับผิดชอบ
-โยนความรับผิดชอบนี้ให้ลูกบ้าน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ มีอะไรคืบหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มค่ะ
ความคิดเห็นที่ 22
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๗๖๙/๒๕๕๕
สาระสำคัญ
ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินและช่างรังวัดได้ดำเนินการรังวัดที่ดิน พบว่า มีการก่อสร้างถนนคอนกรีตรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดีด้านทิศเหนือกว้าง ๒ เมตรและ ทิศตะวันออกกว้าง ๕ เมตร ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล) แก้ไข แต่ได้รับแจ้งว่า ถนนดังกล่าวชาวบ้านได้ใช้เป็นทางเดินร่วมกันมากว่า ๖๐ ปี มีความกว้างประมาณ ๒ เมตร หลังจากที่มีการจัดสรรที่ดินบริเวณด้านหลังที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (สำนักงานโยธาธิการจังหวัด) ได้ดำเนินการก่อสร้างถนนกว้าง ๕ เมตร โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ (องค์การบริหารส่วนตำบล) ผู้ฟ้องคดีจึงแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการรื้อถอนถนนคอนกรีตที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เพิกเฉยไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ประชาชนได้ใช้ถนนสายดังกล่าวมานานถึง ๖๐ ปี โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ทั้งผู้ฟ้องคดีก็ไม่ได้ขัดขวางแต่กลับปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้ประชาชนใช้ติดต่อกันเรื่อยมาเกิน ๑๐ ปี ที่ดินของผู้ฟ้องคดีส่วนที่เป็นถนนที่พิพาทจึงเปลี่ยนสภาพเป็นถนนสาธารณะไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ขณะที่มีการก่อสร้างถนนผู้ฟ้องคดีก็ไม่ได้ขัดขวาง กลับปล่อยให้ก่อสร้างจนเสร็จ ทั้งไม่ได้กั้นรั้วแสดงอาณาเขตหรือหลักเขตที่ดินตามโฉนดให้มองเห็นได้ชัด ทำให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัดสำคัญผิดว่าถนนที่พิพาทเป็นถนนสาธารณะกว้าง ๕ เมตร และแบบมาตรฐานถนนคอนกรีตของกรมโยธาธิการต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตรและเป็นการก่อสร้างต่อเนื่องกับถนนคอนกรีตที่ก่อสร้างไว้แล้วในต้นทางซึ่งกว้าง ๕ เมตร ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าชาวบ้านได้ใช้ถนนเป็นทางเดินร่วมกันมากว่า ๖๐ ปี มีความกว้าง ๒ เมตร และเหตุที่ต้องสร้างถนนให้มีความกว้าง ๕ เมตรเพื่อให้เป็นไปตามแบบมาตรฐานของกรมโยธาธิการและปรับแบบให้มีความกว้าง ๕ เมตรให้เท่ากับถนนที่ก่อสร้างไว้แล้ว แสดงว่าการก่อสร้างถนนคอนกรีตมิได้มีการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างให้ชัดเจนว่าแนวเขตทางสาธารณประโยชน์มีความกว้างที่แท้จริงเท่าไร และเป็นการเร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จและส่งมอบงานโดยเร็ว เมื่อการก่อสร้างถนนคอนกรีตกว้าง ๕ เมตร ผ่านที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยไม่ปรากฏว่ามีการเวนคืนที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย รวมทั้งมิได้มีการตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นการตกลงซื้อขายหรือตกลงยินยอมอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์หรือยินยอมให้ดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตในที่ดินที่พิพาทแต่อย่างใด จึงเป็นการก่อสร้างถนนคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดีและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามนัยมาตรา ๔๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาถนนคอนกรีตที่พิพาทจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่ก่อให้เกิดขึ้น โดยดำเนินการรื้อถอนถนนคอนกรีตส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดีและดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดินของผู้ฟ้องคดีให้มีสภาพดังเดิม
สาระสำคัญ
ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินและช่างรังวัดได้ดำเนินการรังวัดที่ดิน พบว่า มีการก่อสร้างถนนคอนกรีตรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดีด้านทิศเหนือกว้าง ๒ เมตรและ ทิศตะวันออกกว้าง ๕ เมตร ผู้ฟ้องคดีจึงขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล) แก้ไข แต่ได้รับแจ้งว่า ถนนดังกล่าวชาวบ้านได้ใช้เป็นทางเดินร่วมกันมากว่า ๖๐ ปี มีความกว้างประมาณ ๒ เมตร หลังจากที่มีการจัดสรรที่ดินบริเวณด้านหลังที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (สำนักงานโยธาธิการจังหวัด) ได้ดำเนินการก่อสร้างถนนกว้าง ๕ เมตร โดยให้อยู่ในความดูแลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ (องค์การบริหารส่วนตำบล) ผู้ฟ้องคดีจึงแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการรื้อถอนถนนคอนกรีตที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เพิกเฉยไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ประชาชนได้ใช้ถนนสายดังกล่าวมานานถึง ๖๐ ปี โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ทั้งผู้ฟ้องคดีก็ไม่ได้ขัดขวางแต่กลับปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้ประชาชนใช้ติดต่อกันเรื่อยมาเกิน ๑๐ ปี ที่ดินของผู้ฟ้องคดีส่วนที่เป็นถนนที่พิพาทจึงเปลี่ยนสภาพเป็นถนนสาธารณะไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ขณะที่มีการก่อสร้างถนนผู้ฟ้องคดีก็ไม่ได้ขัดขวาง กลับปล่อยให้ก่อสร้างจนเสร็จ ทั้งไม่ได้กั้นรั้วแสดงอาณาเขตหรือหลักเขตที่ดินตามโฉนดให้มองเห็นได้ชัด ทำให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัดสำคัญผิดว่าถนนที่พิพาทเป็นถนนสาธารณะกว้าง ๕ เมตร และแบบมาตรฐานถนนคอนกรีตของกรมโยธาธิการต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า ๔ เมตรและเป็นการก่อสร้างต่อเนื่องกับถนนคอนกรีตที่ก่อสร้างไว้แล้วในต้นทางซึ่งกว้าง ๕ เมตร ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าชาวบ้านได้ใช้ถนนเป็นทางเดินร่วมกันมากว่า ๖๐ ปี มีความกว้าง ๒ เมตร และเหตุที่ต้องสร้างถนนให้มีความกว้าง ๕ เมตรเพื่อให้เป็นไปตามแบบมาตรฐานของกรมโยธาธิการและปรับแบบให้มีความกว้าง ๕ เมตรให้เท่ากับถนนที่ก่อสร้างไว้แล้ว แสดงว่าการก่อสร้างถนนคอนกรีตมิได้มีการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างให้ชัดเจนว่าแนวเขตทางสาธารณประโยชน์มีความกว้างที่แท้จริงเท่าไร และเป็นการเร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้แล้วเสร็จและส่งมอบงานโดยเร็ว เมื่อการก่อสร้างถนนคอนกรีตกว้าง ๕ เมตร ผ่านที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยไม่ปรากฏว่ามีการเวนคืนที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย รวมทั้งมิได้มีการตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นการตกลงซื้อขายหรือตกลงยินยอมอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์หรือยินยอมให้ดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตในที่ดินที่พิพาทแต่อย่างใด จึงเป็นการก่อสร้างถนนคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดีและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีตามนัยมาตรา ๔๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลบำรุงรักษาถนนคอนกรีตที่พิพาทจึงต้องรับผิดในความเสียหายที่ก่อให้เกิดขึ้น โดยดำเนินการรื้อถอนถนนคอนกรีตส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้ฟ้องคดีและดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ดินของผู้ฟ้องคดีให้มีสภาพดังเดิม
ความคิดเห็นที่ 96
อ้อ นึกออกละค่า
7.เราถามเค้าว่า ทางสาธารณะที่ว่านี่ทำไมทางมันราดแค่หน้าบ้านหลังนั้นหล่ะคะ

ทำไมไม่ราดต่อ นายช่างตอบว่าไงรู้ไหมคะ ตอบว่า "ก้อจำเป็นต้องใช้ถนนแค่นั้นครับ" เรางี้หงายกับคำตอบเลย หูยย เราเลยถามว่าคำว่าถนนสาธารณะที่มีคนใช้มันเป็นแบบนี้รึ ถ้าเดินกันจริงต้องราบเป็นหน้ากลองแล้ว ไม่ใช่รกขนาดนี้ (ดูตามรูปนะคะ)

เราเอารูปให้ทั้งหมดดู พวกเต้าก็ไม่พูดอะไรต่อ เราชี้แจงจบก้อเดินออกมาสงบสติฯ ตรงอีกโต๊ะนึง ยอมรับว่าหัวร้อนมากๆ มีอีกหลายคำะดเลยนะคะ เราไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่เราสะใจมากตอนที่เค้าชี้แจงแล้วผู้กองพูดว่า "ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องถุงผมแล้วยังไงผก็ต้องส่งฟ้องไปทาง ปปช. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบการทำงานทั้งหมด" อื้อหือ พีคคคคคคคในพีคคคคค ปลัด อบต.พยักหน้า ครับๆๆๆๆ
แล้วมีอีกประโยคเด็ดของผู้กองคือ "ไม่รู้หรอกครับว่าใครทำงาน คนทำคนเดียวหรือยังไง แต่ใครเซ็นอนุมัติโครงการนี้ก็โดนกันหมดทุกคนครับ" เชรดดดดด พระเอกเลยค่ะ ผู้กองหล่อมากค่ะ ณ โมเมนท์นั้น 5555 ปลัดอบต.ก็พยักหน้า ตรับ ๆๆ เช่นเคย
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ขอทานข้าวก่อน
7.เราถามเค้าว่า ทางสาธารณะที่ว่านี่ทำไมทางมันราดแค่หน้าบ้านหลังนั้นหล่ะคะ

ทำไมไม่ราดต่อ นายช่างตอบว่าไงรู้ไหมคะ ตอบว่า "ก้อจำเป็นต้องใช้ถนนแค่นั้นครับ" เรางี้หงายกับคำตอบเลย หูยย เราเลยถามว่าคำว่าถนนสาธารณะที่มีคนใช้มันเป็นแบบนี้รึ ถ้าเดินกันจริงต้องราบเป็นหน้ากลองแล้ว ไม่ใช่รกขนาดนี้ (ดูตามรูปนะคะ)

เราเอารูปให้ทั้งหมดดู พวกเต้าก็ไม่พูดอะไรต่อ เราชี้แจงจบก้อเดินออกมาสงบสติฯ ตรงอีกโต๊ะนึง ยอมรับว่าหัวร้อนมากๆ มีอีกหลายคำะดเลยนะคะ เราไม่รู้จะบรรยายยังไง แต่เราสะใจมากตอนที่เค้าชี้แจงแล้วผู้กองพูดว่า "ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องถุงผมแล้วยังไงผก็ต้องส่งฟ้องไปทาง ปปช. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบการทำงานทั้งหมด" อื้อหือ พีคคคคคคคในพีคคคคค ปลัด อบต.พยักหน้า ครับๆๆๆๆ
แล้วมีอีกประโยคเด็ดของผู้กองคือ "ไม่รู้หรอกครับว่าใครทำงาน คนทำคนเดียวหรือยังไง แต่ใครเซ็นอนุมัติโครงการนี้ก็โดนกันหมดทุกคนครับ" เชรดดดดด พระเอกเลยค่ะ ผู้กองหล่อมากค่ะ ณ โมเมนท์นั้น 5555 ปลัดอบต.ก็พยักหน้า ตรับ ๆๆ เช่นเคย
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ขอทานข้าวก่อน
ความคิดเห็นที่ 38
มาแล้วค่ะ สืบเนื่องจากเราไม่รับ และไม่เซ็นหนังสือที่ทาง อบต.ฝากภารโรงมาให้เมื่อวันก่อน เค้าส่งมาให้ทางไปรษณีย์แทน แบบนี้แสดงว่าเราล้อมรั้วไม่ได้ใช่ไหมคะ

ปล. ขออนุญาติปิดชื่อแม่ ชื่ออบต. และชื่อนายก อบต. นะคะ เดี๋ยวเค้าจะมาฟ้องเราได้
แต่เราไม่กลัวนะคะ ก้อยังอยากล้อมรั้วอยู่ดี ให้เค้าฟ้องเราเอาเอง เพราะหากคดียืดเยื้อเป็นปี ก็เท่ากับว่าบ้านหลังนี้ก็ยังคงใช้ถนนได้อย่างไม่เดือดเนื่อร้อนใจในที่ของเราเนาะ เจ็บหัวใจมากเลยค่ะ 😣😣

ปล. ขออนุญาติปิดชื่อแม่ ชื่ออบต. และชื่อนายก อบต. นะคะ เดี๋ยวเค้าจะมาฟ้องเราได้
แต่เราไม่กลัวนะคะ ก้อยังอยากล้อมรั้วอยู่ดี ให้เค้าฟ้องเราเอาเอง เพราะหากคดียืดเยื้อเป็นปี ก็เท่ากับว่าบ้านหลังนี้ก็ยังคงใช้ถนนได้อย่างไม่เดือดเนื่อร้อนใจในที่ของเราเนาะ เจ็บหัวใจมากเลยค่ะ 😣😣
แสดงความคิดเห็น
เจอ อบต. ทำถนนรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของตัวเอง ทำอย่างไรดี
เราตัดสินใจนำเรื่องของครอบครัวเรามาแชร์ให้ฟังนะคะ เพื่อสอบถามข้อข้องใจ และเผื่อใครเจอกรณีแบบเราจะได้ทราบวิธีแก้ปัญหา
สืบเนื่องจากที่เราเจอรุกล้ำที่ดินโดย อบต. (ไม่ขอเอ่ยนามนะคะ) ที่มาราดคอนกรีตทำถนนบนที่ของเราโดยไม่ได้บอก ไม่แจ้งอะไรทั้งสิ้น ทางเราไม่มีการยินยอมในการเทถนนครั้งนี้เพราะตอนนั้นคุณแม่อยู่อีกจังหวัด พอผ่านมาเราทราบว่ามีการกระทำดังกล่าวจึงได้ไปคุยกับทาง อบต.ว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ทาง อบต.ได้มาวัดที่ให้ซึ่งก็ล้ำเข้ามาจริง แต่เผอิญบ้านหลังเดียวที่ใช้ถนนเล็ก ๆ นี้เขาไม่ยอมค่ะ เพราะเขาไม่สามารถนำรถเข้าบ้านได้ ซึ่งถนนนี้มีถนนสาธารณะกว้าง 1.95 ม. อยู่แล้วค่ะ แต่ก็ไม่เทถนน แต่มาเทถนนในที่ของเราแทน
พอเราขอให้ทาง อบต. มารื้อถอนถนนออก เขาบอกว่าให้ทางเราไปแจ้งรังวัดจากกรมที่ดินมาวัดให้เพื่อทราบเขตพื้นที่ ๆ ถูกต้อง และทาง อบต.แจ้งว่าหากเราทำสอบเขตพื้นที่แล้วรุกล้ำจริง จะมารื้อถอนถนนออกให้ และเมื่อเจ้าหน้าที่มาสอบเขตแล้วปรากฎว่าได้รุกล้ำพื้นที่เข้ามาเยอะมาก ๆ ค่ะ (ดูตามรูปนะคะ) เราก็เลยตกลงกับทาง อบต., เจ้าของบ้านที่ต้องการนำรถเข้าบ้านและ ผู้ใหญ่บ้าน มีการต่อรองราคากันว่าหากชำระเงินแล้วเราจะแบ่งถนนนี้ออกจากโฉนดให้ ก็เลยทำเรื่องแบ่งเขตสาธารณะไว้รอ แต่พอปักหมุดอะไรเรียบร้อยโดยไม่มีใครคัดค้านแล้ว บ้านหลังนั้นเขาไม่จ่ายค่ะ และทาง อบต.ไม่รื้อถอนถนนออกให้ตามที่บอกเราและแม่ เราเลยตกลงใจไม่ขายแล้วค่ะ ทางที่ดินจังหวัดก็ส่งจดหมายมาแจ้งให้เราไปเซ็นมอบ แต่หากไม่ไปเซ็นเรื่องคำขอแบ่งเขตนี้ก็จะตกไป แต่เราต้องไปแจ้งเหตุผลให้ที่ดินจังหวัดทราบว่าทำไมเราไม่แบ่งเขตสาธารณะให้ เนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจากที่ตกลงซื้อขายจนทำให้เราเปลี่ยนใจไม่ขายแล้ว และมาฟ้องให้รื้อถอนถนนแทนค่ะ
ขอสรุปนะคะ
1.ทางบ้านหลังนั้นไม่จ่ายเงินค่าที่ และไปพูดกับชาวบ้านในหมู่บ้านว่าทางเราได้แบ่งเขตที่ดินให้แล้วเค้าสามารถใช้ถนนได้เพราะกลายเป็นทางสาธารณะไปแล้ว
2.อบต. ส่งช่างมาคุย 1 ครั้งว่าทางเราจะต้องการให้ดำเนินการแบบไหน แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไรเลย หลังจากที่เรายื่นเอกสารแจ้งให้เวลา 15 วันในการเข้ามารื้อถอนถนน ทาง อบต. เงียบเชียบมากไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่บอกเรากับแม่ว่าให้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเอาเอง
3.เราจะฟ้องศาลปกครองเองค่ะ และได้ไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ศาลฯเกี่ยวกับวิธีปฎิบัติทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
4.เราจะเสียที่ดินฟรี ๆ ไหมคะ แม่เราก็เครียดมาก เราลางานมาสามอาทิตย์แล้วเพื่อดำเนินการเรื่องนี้
5.ตอนนี้คือ
-อบต.ไม่รื้อถนน
-เจ้าของบ้านนั้นไม่ยอมซื้อ
-อบต.ไม่ให้เราล้อมรัวเพราะแจ้งว่าถนนนี้เป็นที่สาธารณะแล้ว เราไม่มีสิท์ถึงจะเป็นเขตที่ดินของเราก็ตาม
ปล. ที่ไม่ใช่ที่ตาบอดนะคะ มีถนนสาธารณะให้เดิน 1.95 เมตร ยาวจนถึงบ้านหลังนี้
-ที่แปลกคือ ถนนเล็ก ๆ นี้เทคอนกรีตเพื่อบ้านหลังนี้หลังเดียว และเทถึงรั้วบ้านหลังนี้ค่ะ ตอน อบต.ทำถนนนายช่างฯ เค้ายอมรับว่าไม่ได้เช็คว่าที่มีเจ้าของ และเจ้าของที่คือใคร ตอนวันที่ทำรังวัดที่ดินนั้น (28 พ.ค. 2561) เจ้าของบ้านขอให้เรายกที่ตรงนี้ให้เค้าเพื่อทำบุญ แต่เราไม่ยินยอมยกให้เพราะไม่ได้ทำถนนนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน อนามัย หรือสถานที่ราชการค่ะ เราผิดไหมคะ
มันมีแบบนี้ด้วยหรือคะ มาราดถนนในที่เรา แล้วยึด บอกให้เราไปฟ้องที่ศูนย์ดำรงธรรมเอาเอง เลยอยากถามทนาย หรือผู้รู้ว่าเราต้องยอมเหรอคะ? เราสูญสิ้นศรัทธากับหน่วยงาน อบต. มากเลยค่ะ ไม่เจอกับตัวเองนี่ไม่รู้เลยว่าการโดนโกงที่ดินมันเป็นแบบนี้นี่เอง เจ็บ และจุกมาก สงสารแม่มาก ๆ ค่ะตอนนี้กลายเป็นคนไม่ดีในสังคม เพราะชาวบ้านร่ำลือกันว่าแม่ไม่ยอมยกที่ตรงนี้ให้ แม่เครียด ความดันขึ้นด้วย 😣😣
ขอบพระคุณนะคะทุกท่านที่ทนอ่านเพราะยาวมาก