*กระทู้ระบาย* หลังจากเรียนจบ ภาระทุกอย่างมาตกอยู่ที่เรา ควรทำอย่างไร ?

ขอพื้นที่เล็ก ๆ ระบายหน่อยนะครับ
ตอนนี้ผมเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทั่วไป เงินเดือน ตามมาตรฐานนักศึกษาจบใหม่ และแน่นอนในโลกปัจจุบัน เงินเดือนแค่นั้นมันไม่พอที่จะใช้จ่ายอยู่แล้ว แต่ผมก็มีรับจ๊อบพาร์ทไทม์เสริม วันเสาร์ - อาทิตย์ ตกเดือน ๆ นึงได้ประมาณ 3,000 - 4,000 บาท โดยรวมแล้วรายรับต่อเดือนนั้น เกือบ ๆ หลักสองหมื่นเลยทีเดียว

แต่กระนั้น มันไม่เพียงพอเลย เมื่อภาระต่าง ๆ เข้ามา
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน พ่อแม่ผมเพิ่งแยกทางกัน โดยทางพ่อของผมในช่วง 6 เดือนแรกยังพอมีเงินมาช่วยเหลือบ้าง อาทิตย์ละ 1,000 - 2,000 แต่หลังจากนั้นคือไม่มีมาช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนแม่ผมนั้น หลังจากแยกทางกับพ่อ ก็อยู่กับผมสองคนที่บ้าน ซึ่งแน่นอน พร้อมภาระอันหนักอึ้งที่สุดเท่าที่เด็กอายุ 23 จะสามารถรับไหว

อย่างแรก เมื่อผมอายุงานได้ประมาณ 10 เดือน แม่ให้สมัครบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด เพื่อที่จะให้เขาได้ใช้จ่าย ซึ่งจ่ายอะไร ไม่ทราบแน่ชัด แม่บอกเอาไปลงทุน แม่ขอผม 22,000 เต็มจำนวนบัตร และบอกจะช่วยผ่อนจ่ายให้ ผมให้ได้แค่ 15,000 สุดท้ายทุกวันนี้ ผ่อนชำระเพียงคนเดียว ไม่มีช่วยเหลือใด ๆ

ต่อมา เรื่องบ้าน หลังจากที่แยกทางกับพ่อแล้ว ไม่มีใครนำเงินส่งงวดบ้าน จนทางธนาคารฟ้องศาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความซวยไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ แม่ผมได้นำโฉนดบ้านไปค้ำประกันบัตรเครดิตธนาคารนึงเมื่อนานมาแล้ว และไม่ผ่อนชำระทางธนาคาร ทางธนาคารจึงยึดโฉนดบ้าน และนำบ้านนี้เข้ากรมบังคับคดี

จากนั้น แม่ผมจะให้กู้เงินเพื่อที่จะมาช้อนบ้านคืน ซึ่งต้องมีเงินสด 25,000 เพื่อถือไปประมูลบ้านในกรมบังคับคดี ผมรู้สึกท้อแท้ใจมาก ผมหาทางออกไม่เจอเลยครับ ก่อนหน้านี้ แม่ผมขอเงิน พี่สาว ซึ่งเป็นลูกแม่อีกคน แต่คนละพ่อกับผม ขอเงินไป ประมาณสองแสนบาท แต่เขากลับไม่นำเงินในส่วนนี้มาช่วยเรื่องบ้านเลย พอผมถาม เขาก็บอกว่า เขามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า จ่ายหนี้บัตร หนี้เยอะแยะ ผมเลยบอกกลับไปว่า แล้วบ้านมันไม่สำคัญเลยเหรอ ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้

ในตอนนี้ความคิดของผมมันตัน มันตื้อไปหมด ทำไมผมรู้สึกว่า ผมต้องมารับผิดชอบ ในเรื่องที่ไม่ได้ก่อ แบบนี้ด้วย ผมแค่อยากมีชีวิตที่ไม่ต้องมีหนี้ แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว แต่ตอนนี้ มันเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ มันท้อแท้จนนอนร้องไห้ในบางคืน และบางครั้งผมเพียงคิดว่า ถ้าไม่มีแม่ทำตัวแบบนี้ ชีวิตของผมคงเจริญกว่านี้ ผมไม่เคยมองแม่เป็นไอดอลในการใช้ชีวิตเลย ผมเข้าใจพ่อเลยว่าทำไมถึงหนีแม่ไปมีคนอื่น

จริง ๆ มันมีรายละเอียดเยอะมากกว่านี้ครับ ผมแค่อยากมาระบาย อยากรู้ว่า คนรุ่นราวคราวเดียวกับผม หรือคนที่กำลังประสบปัญหาแบบนี้ มีทางออกยังไงบ้างครับ ผมทำงานทุกวันไม่มีเวลาพักผ่อนมาปีกว่าแล้ว ผมรับทำงานพาร์ทไทม์ตั้งแต่ ม.5 จนปัจจุบัน ผมยังไม่หยุดเลยครับ ผมเหนื่อยจังเลย . . .

ป.ล. ถ้าแท็กห้องผิด ขออภัยนะครับ
ป.ล.๒ ท่านใดพอจะให้คำปรึกษาเรื่อง กู้บ้าน และเรื่องกรมบังคับคดี หลังไมค์หาผมหน่อยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
แม่ล้มแล้วนะ  อย่าล้มตามแม่

เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่อย่าเลี้ยงกิเลสของท่าน

เป็นคนดีมันเหนื่อย เป็นคนธรรมดาก็พอ

กตัญญูแบบมีสติ จะพาชีวิตรอด ระวังการกตัญญูแบบหน้ามืด

ซักวันนึงคุณจะโดนด่าว่าเนรคุณ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย

เป็นกำลังใจให้ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจอแบบนี้ หลายคนผ่านไปได้ด้วยดี
ความคิดเห็นที่ 4
เราอยากแนะนำ อย่ายุ่งเกี่ยวกับหนี้ของแม่ ปล่อยให้แม่จัดการไป คุณไม่ต้องช่วยอะไรอีก

บ้านก็ปล่อยให้ยึดไป คุณสร้างใหม่ได้ ปล่อยให้แม่ได้รับบทเรียนจากการสร้างหนี้

คุณอายุยังน้อยทำงานเก็บเงินหาประสบการณ์ด้านอื่น ๆ ทำงานพิเศษเพื่อให้ได้เงินมาเก็บสะสมไว้

ดูแลพ่อแม่ตามสมควรแต่ไม่ควรให้เงินเยอะเพื่อให้แม่ไปลงทุนหรือสร้างหนี้อะไรอีกต่อไป
ความคิดเห็นที่ 3
เอาโฉนดค้ำบัตรเครดิต แบบนี้ไม่มีนะ แม่หลอกลวงแล้วครับ บัตรเครดิตคือได้มาเอาไปรูด ถึงเวลาจ่าย ถ้าจ่ายเต็มไม่คิดดอกเบี้ย ถ้าจ่ายบางส่วนก็เป็นหนี้บัตร เงินก็จะทวี ใช้หนี้สินไม่หมด แค่จะเอาโฉนดไปค้ำ ทำไม่ได้ ได้แต่ประนอมหนี้

ถ้าเข้ากรมบังคับคดีแล้ว นำบ้านออกประมูล ไม่ใช่ซื้อกลับมาเป็นของคุณนะ ด้วยราคาแค่ 25,000 แต่ต้องประมูลตามราคาจริง เริ่มต้นจากที่เขาตั้ง ไปสิ้นสุดที่คนให้ราคาสูงสุด น่าจะหลักแสนหลักล้าน จากนั้นเราก็ผ่อนจ่ายหรือซื้อเงินสด แต่รายได้คุณไม่พอผ่อนหรอกครับ

ไม่ควรทำบัตรเงินสดให้แม่ก่อหนี้ แบ่งเงินให้แม่ใช้เดือนละ 3,000 ดีกว่าวันละ 100 บาท พอกินบ้าง บอกแม่ว่ามีแค่นี้

ดูแววแล้ว บ้านอาจโดนยึด ต้องไปเช่าห้องที่อื่นอยู่ อันนี้ต้องทำใจครับ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงนะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เงินเดือนพอใช้ครับ ไม่ต้องห่วงครับ โชคดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่