ที่มา :
https://www.bbc.com/thai/international-44504914
เอลิซาเบธ (นามสมมุติ) คิดเรื่องฆ่าตัวตายมาตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนใหม่ ๆ จนกระทั่งได้รับการผ่าตัดมดลูกในวัย 42 ปี ถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป เธอและเกรซ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 15 ปี มีอาการก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรงเหมือนกัน
นี่คือคำอธิบายว่าทำไมทั้งสองถึงเห็นว่าเกรซควรจะได้รับการผ่าตัดมดลูกเสียตั้งแต่ตอนนี้
แม้เกรซจะมีอายุเพียง 15 ปี แต่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีลูก เธอยังรู้สึกขุ่นเคืองไม่หายที่แม่ไม่ตัดสินใจทำอย่างนั้นด้วย
ทั้งสองคนมีอาการก่อนประจำเดือน (Premenstrual syndrome) หรือ PMS ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ่อย มีอารมณ์แปรปรวน มีอาการทางจิต ขาดสมาธิ เครียด วิตกกังวล และร่างกายอ่อนเพลีย
"แม่ถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องจัดการกับมันไปอีก 40 ปี" เกรซ บอก เธออยากจะเป็นคนรุ่นที่สามของครอบครัวที่ได้รับการผ่าตัดมดลูก แต่ต้องเป็นตอนนี้ไม่ใช่ในวัยสามสิบกว่า หรือสี่สิบกว่าอย่างแม่และยายของเธอ
ขณะนี้อาการที่เกิดกับเธอรุนแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้ขาดสมาธิในการเรียน ความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครเป็นเหมือนเธอยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ทุกเดือนเธออยากจะให้ประจำเดือนมาเร็ว ๆ แม้มันจะทำให้รู้สึกกลัว แต่ "มันเหมือนเอาเข็มไปเจาะลูกโป่ง ฉันต้องระเบิดมันออกมา" เธอบอก "แต่พอมันมาแล้ว ฉันก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย"
เกรซอาจมีประจำเดือนได้นานเกือบทั้งเดือน และมีมากเสียจนเธอต้องลุกไปเปลี่ยนผ้าอนามัยในแทบทุกคาบเรียน แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่าความรู้สึกอับอายที่เกิดขึ้นหลังจากเธอคุมตัวเองไม่อยู่ และระเบิดอารมณ์ออกมา
แพทย์ประจำบ้านที่ให้คำปรึกษาแนะนำให้เกรซใช้ยาคุมกำเนิดตั้งแต่ตอนที่เธอมีอายุได้ 13 ปี แต่ตัวยาที่มีฮอร์โมนโพรเจสโตโรนสังเคราะห์อยู่ด้วยนั้น ทำให้เธอกลายเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแทบจะในช่วงข้ามคืน
เธอกรีดร้อง ตะโกน และตีแม่ของตัวเองต่อหน้าน้องชายวัย 5 ขวบ และนั่นทำให้น้องหลบไปเก็บตัวในห้องเก็บของ
"ฉันหวังว่าน้องจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เกรซมีปัญหาอย่างหนัก... ลืมภาพเกรซที่น่ากลัว น่ากลัวมาก ๆ" เอลิซาเบธ แม่ของเกรซเล่า เธอยังยกตัวอย่างอีกหลายเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นอารมณ์อันแปรปรวนของเกรซที่ปะทุขึ้นจากเรื่องเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ
เอลิซาเบธเชื่อว่ายาคุมกำเนิดไปเพิ่มระดับฮอร์โมนโพรเจสโตโรนในร่างกาย ซึ่งทั้งเธอและลูกสาวมีอาการไวอย่างหนักต่อฮอร์โมนชนิดนี้
หลังไปพบแพทย์ประจำบ้าน เกรซถูกส่งตัวไปพบจิตแพทย์ซึ่งจัดยาระงับอาการทางจิตให้ เพื่อควบคุมอาการแปรปรวนทางอารมณ์ของเธอ "ให้พวกเราผ่านพ้นคริสต์มาสไปได้ด้วยดี" เอลิซาเบธบอก แต่หลังวันคริสต์มาสเพียงวันเดียวเอลิซาเบธต้องกลับไปปรึกษากับจิตแพทย์ และขอให้ส่งตัวเกรซให้อยู่ในการดูแลของแพทย์ "ไม่ใช่เพราะไม่มีใครรักและเป็นห่วงเธอ แต่เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย"
เอลิซาเบธคิดมาตลอดว่าปัญหาของลูกสาวนั้นเกี่ยวเนื่องกับการมีประจำเดือน และเมื่อเธอบังเอิญได้ยินเรื่องของคนที่มีอาการก่อนประจำเดือนทางรายการวิทยุ เธอรู้ทันทีว่านั่นคืออาการที่เกิดกับลูกสาวและตัวเธอเอง
ตอนนี้เกรซกับแม่เชื่อว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ช่วยเธอได้ โดยลดอาการบางอย่างลง เอลิซาเบธไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนรักษาอาการก่อนประจำเดือน แพทย์ใช้วิธีรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทนแก่เกรซ วิธีนี้ถือเป็นการบำบัดด้วยฮอร์โมนซึ่งเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะเป็นการใช้ฮอร์โมนที่มีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกับฮอร์โมนในร่างกายของคนเรา
แต่เอลิซาเบธเชื่อว่ายังไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง เพราะเกรซจะยังคงเรียกร้องให้ตัดมดลูกของเธอออกไปอยู่ดี ไม่ว่าจะในวัยยี่สิบกว่า สามสิบกว่า หรือสี่สิบกว่าปี ที่เอลิซาเบธเชื่อเช่นนี้เพราะเธอเองมีประสบการณ์ตรงเช่นเดียวกับลูกสาว และต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้ตัดมดลูกออกไปได้ ขณะนี้เกรซเองก็กำลังเผชิญสถานการณ์นี้เช่นกัน\
ทุกวันที่ผ่านพ้นไปของเกรซ ณ ขณะนี้ เป็นวันที่ดีมากกว่าวันที่เลวร้าย ต่างจากอดีตที่เคยเป็นตรงกันข้าม
"นี่อาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่ฉันพอจะหวังได้จนกว่าได้ผ่าตัดมดลูก - ฉันหวังว่าจะมีคนยอมให้ฉันผ่า" เธอบอก "ฉันแค่อยากรู้สึก 'ปกติ' เท่านั้น"
---
BBC (Eng) :
https://www.bbc.com/news/stories-44439735
ทำไมฉันอยากให้ลูกสาวตัดมดลูก?
เอลิซาเบธ (นามสมมุติ) คิดเรื่องฆ่าตัวตายมาตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนใหม่ ๆ จนกระทั่งได้รับการผ่าตัดมดลูกในวัย 42 ปี ถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป เธอและเกรซ (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 15 ปี มีอาการก่อนมีประจำเดือนอย่างรุนแรงเหมือนกัน
นี่คือคำอธิบายว่าทำไมทั้งสองถึงเห็นว่าเกรซควรจะได้รับการผ่าตัดมดลูกเสียตั้งแต่ตอนนี้
แม้เกรซจะมีอายุเพียง 15 ปี แต่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีลูก เธอยังรู้สึกขุ่นเคืองไม่หายที่แม่ไม่ตัดสินใจทำอย่างนั้นด้วย
ทั้งสองคนมีอาการก่อนประจำเดือน (Premenstrual syndrome) หรือ PMS ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ่อย มีอารมณ์แปรปรวน มีอาการทางจิต ขาดสมาธิ เครียด วิตกกังวล และร่างกายอ่อนเพลีย
"แม่ถ่ายทอดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันต้องจัดการกับมันไปอีก 40 ปี" เกรซ บอก เธออยากจะเป็นคนรุ่นที่สามของครอบครัวที่ได้รับการผ่าตัดมดลูก แต่ต้องเป็นตอนนี้ไม่ใช่ในวัยสามสิบกว่า หรือสี่สิบกว่าอย่างแม่และยายของเธอ
ขณะนี้อาการที่เกิดกับเธอรุนแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้ขาดสมาธิในการเรียน ความรู้สึกที่ว่าไม่มีใครเป็นเหมือนเธอยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ทุกเดือนเธออยากจะให้ประจำเดือนมาเร็ว ๆ แม้มันจะทำให้รู้สึกกลัว แต่ "มันเหมือนเอาเข็มไปเจาะลูกโป่ง ฉันต้องระเบิดมันออกมา" เธอบอก "แต่พอมันมาแล้ว ฉันก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย"
เกรซอาจมีประจำเดือนได้นานเกือบทั้งเดือน และมีมากเสียจนเธอต้องลุกไปเปลี่ยนผ้าอนามัยในแทบทุกคาบเรียน แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่าความรู้สึกอับอายที่เกิดขึ้นหลังจากเธอคุมตัวเองไม่อยู่ และระเบิดอารมณ์ออกมา
แพทย์ประจำบ้านที่ให้คำปรึกษาแนะนำให้เกรซใช้ยาคุมกำเนิดตั้งแต่ตอนที่เธอมีอายุได้ 13 ปี แต่ตัวยาที่มีฮอร์โมนโพรเจสโตโรนสังเคราะห์อยู่ด้วยนั้น ทำให้เธอกลายเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแทบจะในช่วงข้ามคืน
เธอกรีดร้อง ตะโกน และตีแม่ของตัวเองต่อหน้าน้องชายวัย 5 ขวบ และนั่นทำให้น้องหลบไปเก็บตัวในห้องเก็บของ
"ฉันหวังว่าน้องจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เกรซมีปัญหาอย่างหนัก... ลืมภาพเกรซที่น่ากลัว น่ากลัวมาก ๆ" เอลิซาเบธ แม่ของเกรซเล่า เธอยังยกตัวอย่างอีกหลายเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นอารมณ์อันแปรปรวนของเกรซที่ปะทุขึ้นจากเรื่องเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ
เอลิซาเบธเชื่อว่ายาคุมกำเนิดไปเพิ่มระดับฮอร์โมนโพรเจสโตโรนในร่างกาย ซึ่งทั้งเธอและลูกสาวมีอาการไวอย่างหนักต่อฮอร์โมนชนิดนี้
หลังไปพบแพทย์ประจำบ้าน เกรซถูกส่งตัวไปพบจิตแพทย์ซึ่งจัดยาระงับอาการทางจิตให้ เพื่อควบคุมอาการแปรปรวนทางอารมณ์ของเธอ "ให้พวกเราผ่านพ้นคริสต์มาสไปได้ด้วยดี" เอลิซาเบธบอก แต่หลังวันคริสต์มาสเพียงวันเดียวเอลิซาเบธต้องกลับไปปรึกษากับจิตแพทย์ และขอให้ส่งตัวเกรซให้อยู่ในการดูแลของแพทย์ "ไม่ใช่เพราะไม่มีใครรักและเป็นห่วงเธอ แต่เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย"
เอลิซาเบธคิดมาตลอดว่าปัญหาของลูกสาวนั้นเกี่ยวเนื่องกับการมีประจำเดือน และเมื่อเธอบังเอิญได้ยินเรื่องของคนที่มีอาการก่อนประจำเดือนทางรายการวิทยุ เธอรู้ทันทีว่านั่นคืออาการที่เกิดกับลูกสาวและตัวเธอเอง
ตอนนี้เกรซกับแม่เชื่อว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ช่วยเธอได้ โดยลดอาการบางอย่างลง เอลิซาเบธไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนรักษาอาการก่อนประจำเดือน แพทย์ใช้วิธีรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทนแก่เกรซ วิธีนี้ถือเป็นการบำบัดด้วยฮอร์โมนซึ่งเป็นธรรมชาติมากกว่า เพราะเป็นการใช้ฮอร์โมนที่มีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกับฮอร์โมนในร่างกายของคนเรา
แต่เอลิซาเบธเชื่อว่ายังไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง เพราะเกรซจะยังคงเรียกร้องให้ตัดมดลูกของเธอออกไปอยู่ดี ไม่ว่าจะในวัยยี่สิบกว่า สามสิบกว่า หรือสี่สิบกว่าปี ที่เอลิซาเบธเชื่อเช่นนี้เพราะเธอเองมีประสบการณ์ตรงเช่นเดียวกับลูกสาว และต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่างกว่าจะได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้ตัดมดลูกออกไปได้ ขณะนี้เกรซเองก็กำลังเผชิญสถานการณ์นี้เช่นกัน\
ทุกวันที่ผ่านพ้นไปของเกรซ ณ ขณะนี้ เป็นวันที่ดีมากกว่าวันที่เลวร้าย ต่างจากอดีตที่เคยเป็นตรงกันข้าม
"นี่อาจเป็นสิ่งดีที่สุดที่ฉันพอจะหวังได้จนกว่าได้ผ่าตัดมดลูก - ฉันหวังว่าจะมีคนยอมให้ฉันผ่า" เธอบอก "ฉันแค่อยากรู้สึก 'ปกติ' เท่านั้น"
---
BBC (Eng) : https://www.bbc.com/news/stories-44439735