เลห์-ลาดักห์ ต้องไปเห็นก่อนตาย...เป็นประโยคจากเพจท่องเที่ยวเพจหนึ่ง จากประโยคที่ทำให้ผมได้ค้นหาต่อว่าเลห์ ลาดัก มันมีอะไรดีถึงต้องไปให้ได้ก่อนตาย ผม อ่านกระทู้ในพันทิปหลายๆกระทู้เห็นรูปภาพมากมาย เห้ย...มันสวยมากกกก หลังจากอ่านกระทู้แล้วทำให้ passionในตัวผมลุกขึ้นว่าผมต้องไปที่นี่ให้ได้!! โชคเข้าข้างปิดเทอมพอดีการเดินทางของผมจึงได้เริ่มขึ้น...
อินเดียได้ยินแล้วหลายคนคงคิดว่าคงเป็นประเทศโลกที่สามหรืออะไรไปต่างๆนาๆ ความคิดพวกนี้ลบทิ้งไปได้เลย ถ้าได้มาเห็นของดีของประเทศนี่ ผมเป็นนักเรียนครับ หลังจากจบม.3ที่ไทย ก็ย้ายมาเรียนอยู่ที่ประเทศอินเดียได้ปีกว่าๆแล้วครับ นั้นยิ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้ของผมสะดวกยิ่งขึ้นเพราะเลห์ก็อยู่ที่อินเดียเหมือนกัน แต่ก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะพอถึงวันเดินทางจริงๆมันก็มีอะไรมาทำให้การเดินทางเอาผมตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกเลยครับ เอาล้ะครับ...ไปอ่านกันต่อเลยย
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกมาเที่ยวคนเดียวโดยที่ไม่มีครอบครัวมาด้วย แต่ผมก็มีพี่ไปด้วย ซึ่งพี่คนนี้ก็ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนอินเดียที่มาจากอีกเมืองหนึ่ง มันก็เป็นข้อดีเพราะว่าที่เขาสามารถพูดภาษาฮินดี อังกฤษ ได้เลยทำให้การสื่อสารอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้น
หลังจากหาข้อมูลที่เที่ยวมาเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาจองตั๋ว ทริปนี้ต้องต่อสนามบินครับ ต้องไป Delhi จากนั้นก็ค่อยต่อเครื่องไป Leh
จาก Delhi ไป Leh ถ้าไปสายก่อนบินที่เทอร์มินอล อยู่ที่เที่ยวกันก็จะ ดีมากเลยเพราะสนามบินที่ นิวเดลี มี 3 เทอร์มินอลครับและแต่ละเทอร์มินอลก็จะไกลกันมากคือแบบไกลจริงๆ การที่จะเดินไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ต้องนั่งรถบัสไป ในนั้นมันเหมือนเมืองๆหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีทั้งโรงแรมไม่รู้เท่าไหร่ ที่สำคัญถ้าสมมุติได้สายการบินอยู่กับคนละเทอร์มินอลกันก็ควรจะเว้นระยะห่างประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง ของผมก็จาก โกลกาตา มา นิวเดลีผมก็ได้ลงที่เทอร์มินอล 2 และจาก นิวเดลี ไป เลห์ ก็ต้องไปที่เทอร์มินอล 3 ต้องไปต่อรถบัสอีกประมาณ 30 นาทีหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะสนามบินมันใหญ่มากและมีรถติดด้วย
**แนะนำให้จองตั๋วออกจากกรุงเทพไฟล์ทช้าสุด มาที่นิวเดลี และมานั่งเล่นนอนเล่นที่สนามบินเอาจากนั้นก็บินไปที่เลห์ตอนเช้าเพราะวิวที่จะได้เห็นนั้น..สวยมากกก ระหว่างบินประมาณนี้
อย่าลืมที่จะเต็มตัวก่อนไป Leh Ladakh เน้อ
1.ค่าเงินของอินเดียคือรูปี ค่าเงินของที่นี่จะเป็นครึ่งหนึ่งของเงินบ้านเราครับ ประมาณ 2 บาท ก็จะประมาณ 1 รูปี(ช่วงที่ผมไปเงินรูปีอยู่ที่ประมาณ0.47)
2.ATMมีแต่เเลกเงินไปเยอะๆดีกว่าเพราะบ้างครั้งATMก็ไม่มีเงิน (คนก็มากดบ่อยเกิ๊น) ต้องรอประมาณ 2 วัน เค้าถึงจะมาเติมเงินที่ตู้
3.โลชั่นหรือครีมอะไรก็ได้ที่ให้ความชุ้มชื้นกับผิว (สำหรับหน้า) อันนี้ต้องเน้นเลยเพราะอากาศมันแห้งมากก ใครผิวแห้งต้องโปะโลชั่นบ่อยๆเด้อ ไม่งั้นหน้ามันแห้งเเล้วมันก็จะลอกผมโดนมาแล้ว
4.อยู่ที่นี่จะรู้สึกหิวน้ำมาก ถ้ามาถึงเลห์แล้วควรหาซื้อน้ำหลายๆขวดหรืออย่างน้อยซักลังหนึ่งก็ได้มีขายตามร้านค้าทั่วไปเลยย
5.มาถึงเลห์ควรที่จะนอนพักผ่อนซักประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว เพราะเลห์อยู่สูงจากน้ำทะเล 12,000 ฟุต ออกซิเจนก็เลยน้อย ใครก็ปรับทันไม่ทันก็จะเจออาการที่เรียกว่า High altitude sickness จะมีอาการ ปวดหัว
คลื้นไส้ อาเจียน ลองไปศึกษาดูนะครับ
6.ใครมีโรคประจำตัวยาลืมที่จะเอายาที่ตัวเองใช้มาด้วยเน้อ เพราะที่นี้ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาวิ่งหาโรงบาลจ๋าไม่ได้นะครับ จะมานี่เตรียมตัวเองให้พร้อมด้วย
7.ออกกำลังกายก่อนมาหน่อยก็ดีครับ ไม่งั้นเวลาเดินก็จะเหนื่อยมากก (มันเหนื่อยจริงๆนะเเค่เดินขึ้นเนินเล็กๆก็แทบจะหมดแรงบวกกับหิวน้ำด้วย)
8.กระเป๋าลากเอาไปได้จ้า แต่ผมก็เอากระเป๋าสะพายไป (แล้วเเต่เลยว่าจะเอาอะไรไปเอาที่ตัวเองสะดวก)
**8.เรื่องนี้ผมว่าสำคัญกับใครหลายๆคน เรื่องเน็ต โรมมิ่งไม่ต้องเปิดล้ะก็ซิมที่สนามบินอินเดียไม่ต้องซื้อ มันใช้เน็ตไม่ได้ อาศัยใช้ wifi เกสต์เฮาส์ ซึ่งลุ้นเหมือนหวยติดก็ดีไป ไม่ดีก็เซ่กู้ดบายโลกโซเซียลครับ ก่อนจะไปเลห์บอกที่บ้านหรือเพื่อนๆไว้ล่วงหน้าเลย กลับมาถึงจะติดต่อกันได้นะจ้ะ นี่จะทำให้เราอยู่กับตัวเองได้มากขึ้นเยอะ (คิดบวกเข้าไว้55555)
9.ตอนที่เช็คอินขาบินไปเลห์ ให้บอกไอ้คนที่เช็คอินให้เราว่าขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ถ้าเป็นไปได้ก็ขอนั่งฝั่งริมหน้าต่างฝั่งขวาตอนขากลับด้วย....โอ้วฟินทั้งไปกลับ
10.ลิปมันคือสิ่งที่ควรเอาติดไปด้วยอย่างมาก คือ Himalaya lip balm หาซื้อได้ที่ร้าน Himalaya ใน Leh market (หน้าร้านน่าตาแบบนี้เด้อ)
11.มาช่วงหน้าหนาว ไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะก็ได้เพราะเหงื่อมันไม่ออก ใส่ชุดซ้ำได้ เสื้อกันหนาวซักสองตัว ฮีทเทค extra warm เเต่อย่าลืมกกน.มาเปลี่ยนทุกวันล้ะ55555
12.ถามว่าน้ำอุ่นที่พักมีไหม “มีครับ” แต่หลังอาบเสร็จมันหนาวมากกก เลยไม่อาบดีกว่า เอากระดาษเปียกหรือทิชชู่เปียก เอาไว้เช็ดตัวก็ได้ครับ แต่อยู่หลายวันอาบน้ำซักสองสามครั้งก็ดีนะ
13.เเว่นกันแดดควรเอาไปแดดบ้างครั้งจ้ามาก แสบตาา
14.เอาผ้าพันคอไปด้วย อากาศหนาวๆเดินๆอยู่ที่ถนน รถขับผ่านทีขี้ฝุ่นกระจายจ้า ก็เอามาปิดจมูกหน่อย ไม่งั้นถ้าสูดเข้าไปมันแสบจมูกเน้อ หมวกไหมพรม ถุงมือหนังหรืออะไรก็ว่าไป ถุงเท้าของกันหนาว
15.รองเท้า ดูดีๆก่อนเอามาเด้อว่าสภาพดีไหมเพราะกับการเดินลุยไหม เพราะจะได้ไม่เป็นปัญหาสำหรับการเดินทาง
16.เรื่องของกินไม่ต้องกลัวอดมีกินแน่นอนน ส่วนใหญ่จะเป็นมังสวิรัติเเต่ก็อร่อยย
17.ศึกษาสถานที่เที่ยวดีๆก่อนเน้อเพราะเลห์มีที่ให้เที่ยวเยอะมากก บ้างที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน สำหรับการเที่ยวในบ้างที่ ที่ต้องทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในตอนหลังว่าทำไม่ถึงไม่ได้ไปที่นู้นที่นั้น (อย่างของผมเสียดายมากกไม่ได้ไปตั้งสามที่แหนะ น้ำตาจะไหล)
18.Julley แปลว่าสวัสดีในเลห์ เดินไปไหนมีใครทักทายว่าจูเล่ก็อย่าลืมจูเล่กลับด้วยนะ
19.Leh Ladakh มีชื่อเล่นอีกชื่อนั้นก็คือ Little Tibet
อ้ะ..มาดูเรื่องราวการเดินทางที่ไม่รู้จะเรียกว่าวันแรกของการเดินทาง ดีไหมเพราะมันวุ่นวายตั้งเเต่วันนั้น!!
สู่ New Delhi (fail)
ทำไมถึง fail เรื่องมันเป็นยังงี้ครับ ผมจองตั๋วบินไปที่นิวเดลีประมาณ 5ทุ่มเศษๆ ถึงเดลีตอนตี2 แล้วไปต่อเครื่องเดินทางไปที่เลห์ตอนตี5 ถึงเลห์ตอนประมาณ 6 โมงเช้า วันนั้นผมเต็มตัวเองเป็นอย่างดี ไปสนามบิน เช็คอิน ไปนั่งรอที่เกตซะดิบดีนั่งเล่นเกมฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
(นี่ผมเองครับ เนี่ยอย่างที่เห็นเตรียมตัวมาดีมากก ตื้นเต้นด้วย5555)
และแล้วมันก็เกิดขึ้น พอใกล้ๆจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง พี่ที่เดินทางไปกับผมด้วย บอกผมว่ามีเครื่องบินcancelหลายสายการบินเลยเพราะพี่เค้าผึ่งไปเช็คที่ตอไฟล์ทบินมา ผมก็ถามต่อว่าของเรา cancel ไหม พี่ก็บอกว่าไม่ผมก็โล่งใจไป อีก20นาทีที่จะต้องไปขึ้นเครื่อง ผมก็โทรคุยแม่บอกว่า”ดีนะเครื่องไม่โดนcancelเลย” แม่ก็บอก
“ดีแล้วล้ะไม่โดนcancelแต่ถ้าโดนเนี่ยจะทำยัง”
จบประโยคนี่ผมก็คิด เออว้ะ...ถ้ามันcancelจริงๆผมนี่เคว้งเเน่ๆเลย ก็ได้เเต่บอกแม่ไปว่า “เอาน่าใกล้ขึ้นเครื่องล้ะไม่โดนหรอก” พอคุยเสร็จ ความรู้สึก “I have a very bad feeling about this” ฝุดขึ้นมาให้หัวทันทีที่วางสายเพราะปกติเค้าจะเรียกขึ้นเครื่องก่อนประมาณ15นาที จนท.ก็ยังไม่มาเรียกขึ้นเครื่องซักที ไปๆมาๆ อ้าว...
สิครับ เครื่องโดนcancel โอ้โหความวุ่นวายบังเกิด เพราะสนามบินที่ผมจะบินไปเดลีไม่ใช่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นของที่เมืองของที่ผมอยู่ บรรดาเเขกทั้งหลายที่อยากไปเดลี ก็ไปโวยวายกันอยู่ที่เคาน์เตอร์สนามบิน เพื่อจะเอาเงินคืนหรือจองไฟล์ทใหม่ ผมก็ไปถามว่าทำไมถึงยังไม่ได้บินจนท.ก็บอกว่าเพราะพายุเข้าที่เดลี ผมถามต่อจะบินอีกเมื่อไหร่จนท. ก็บอกว่าวันพรุ่งนี้หลังเวลาบ่ายผมก็ เอ้าความซวยหลบทับอีกตุ้บครับเพราะผมยังมีอีกไฟล์ทที่ต้องบินจากเดลีไปเลห์ แล้วคือตั๋วตรงนั้นมันแพงพอสมควรครับเลยก็คิดหนักเลยคราวนี้ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆนะครับได้เเค่รอ พี่ผมก็ไปเอาเงินคืนเหมือนกันซึ่งก็ดีอยู่ที่ว่าจองผ่านแอป พอเวลาได้เงินคือมันก็ไปอยู่ที่แอปเเละสามารถใช้เงินนั้นจองตั๋วใหม่ภายในแอปได้เลย แต่ก็ใช่ว่าจะได้ทันที เสร็จแล้วก็ต้งสิ่งไปที่เคาน์เตอร์ตั๋วของสายการบินที่ผมบินไปเลห์ ว่าทุกอย่างจะลงตัวก็ปาไป8ชม.กว่าๆครับ สรุปผมก็ต้องซื้อตั๋วใหม่หมดแล้วก็เปลี่ยนสายการบินใหม่ด้วย จากนั้นก็กลับบ้านไปนอนแบบเซ็งๆ
หลังจากนอนเต็มอิ่มแล้วก็ออกมา สนามบินใหม่ครับ
สู่ New Delhi
ครั้งนี้ผมจองตั๋วไปที่เดลีประมาณ2ทุ่ม บินจากเมืองที่ผมอยู่ก็ประมาณเเค่2ชั่วโมงครับ ซึ่งถ้าไฟล์ทโดนcancelก็พอ...เลิก!!! และแล้วก็มาถึงเดลี ก็เข้าเช็คอินแล้วก็อย่าลืมบอกเค้าเอาเอาที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย เดินไปรอรถบัสไปเทอร์มินอล3
หลังจากนั้นก็นั่งรออยู่ที่สนามบินรอต่อเครื่องไปเลห์ (ตื้นเต้นไม่นงไม่นอนมันแล้วว)
๑๑๑ Day 1 in Leh Ladakh ๑๑๑
ในที่สุดได้บินไปเลห์ซักที เวลาที่ใช้บินจากเดลีไปเลห์ก็จะประมาณชั่วโมงกว่าๆ คร่าวนี้ห้ามหลับห้ามไปห้องน้ำเด็ดขาด ห้ามเลยเพราะวิวข้างนอกมันสวยแบบ หยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้เลยถ้าพลาดนี่ จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากก เเค่ชั่วโมงเดียวเองไปนอนเอาที่โรงเเรมหรือเกตส์เฮาส์ให้อิ่มไปเลยย
เครื่องลงจอดบนสนามบินที่เต็มไปด้วยหุบเขารายล้อม วิวรอบๆข้างนอกสวยมาก คิดในใจตัวเองว่ามาถึงแล้วจริงๆหรอเนี่ย พอลงจากเครื่องเขาก็จะเอารถบัสมารับเข้าไปสนามบิน
ก่อนจะขึ้นรถบัสผมก็กดชัตเตอร์รั่วๆเลยย...ที่จริงตรงนั้นห้ามถ่ายนะครับ แต่ด้วยความไม่รู้จะเรียกว่าดื้อดีไหม5555 ก็มันสวยอ้ะ.....จะถ่ายอ้ะ แต่ทางที่ดีไว้ออกจากสนามบินค่อยถ่ายดีกว่าครับ มีที่ให้ถ่ายเยอะแยะเลยข้างนอก ผมโดนยามไล่ขึ้นรถจนเค้าเริ่มจะเอื่อมนิดๆละครับ55555
สภาพอดหลับอดนอนเพราะตื้นเต้นมากจนนอนไม่หลับ อากาศข้างนอกตอนนั้นประมาณ7องศาหนาวเอาเรื่อง....ก็มันสวยอ้ะถ่ายก่อนเดี๋ยวค่อยไปใส่เสื้อกันหนาวในสนามบิน หลังจากถ่ายภาพนี่เสร็จก็โดนยามไล่ขึ้นรถไปตามระเบียบ สำหรับต่างชาติอย่างผมพอเข้าไปในตัวอาคารสนามบิน ก็จะใบขออนุญาติเข้าเมืองมากรอกครับ
หลังจากที่ได้เปลี่ยนชุดแล้วเราทั้งสองก็ได้ออกมาเจอ Mr.Padma คนขับชาวลาดักกี้ที่ผมได้โทรไปนัดก่อนหน้านี้ไว้แล้ว มารับพาไปที่เกสต์เฮาส์ ซึ่งผมได้รู้จัก Mr.Padma มาจากพันทิป เขาเป็นคนที่เฟรนลี่มากไปๆมาๆ Mr.Padma ได้ช่วยเราสองคนไว้เยอะแบบว่าเกือบตลอดทั้ง
ทริปก็ว่าได้เลยครับถ้าไม่ได้เขาผมก็คงจะลำบากกว่านี้เยอะ ดูแลดีมากเหมือนคนในครอบครัวเลยครับ ที่สำคัญ Speak english ได้ คุยรู้เรื่องแน่นอน ถ้าใครจะไปก็สามารถติดต่อเค้าได้ที่เบอร์นี้ 9419306719 หรือให้เกสต์เฮาส์โทรเรียกให้ก็ได้ครับ
[“1st TIME LEH LADAKH”] สู่ Little Tibet ดินแดนสวรรค์บนดินที่ต้องไป สัมผัสซักครั้งในชีวิต
อินเดียได้ยินแล้วหลายคนคงคิดว่าคงเป็นประเทศโลกที่สามหรืออะไรไปต่างๆนาๆ ความคิดพวกนี้ลบทิ้งไปได้เลย ถ้าได้มาเห็นของดีของประเทศนี่ ผมเป็นนักเรียนครับ หลังจากจบม.3ที่ไทย ก็ย้ายมาเรียนอยู่ที่ประเทศอินเดียได้ปีกว่าๆแล้วครับ นั้นยิ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้ของผมสะดวกยิ่งขึ้นเพราะเลห์ก็อยู่ที่อินเดียเหมือนกัน แต่ก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะพอถึงวันเดินทางจริงๆมันก็มีอะไรมาทำให้การเดินทางเอาผมตื่นเต้นตั้งแต่วันแรกเลยครับ เอาล้ะครับ...ไปอ่านกันต่อเลยย
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกมาเที่ยวคนเดียวโดยที่ไม่มีครอบครัวมาด้วย แต่ผมก็มีพี่ไปด้วย ซึ่งพี่คนนี้ก็ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนอินเดียที่มาจากอีกเมืองหนึ่ง มันก็เป็นข้อดีเพราะว่าที่เขาสามารถพูดภาษาฮินดี อังกฤษ ได้เลยทำให้การสื่อสารอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้น
หลังจากหาข้อมูลที่เที่ยวมาเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาจองตั๋ว ทริปนี้ต้องต่อสนามบินครับ ต้องไป Delhi จากนั้นก็ค่อยต่อเครื่องไป Leh
จาก Delhi ไป Leh ถ้าไปสายก่อนบินที่เทอร์มินอล อยู่ที่เที่ยวกันก็จะ ดีมากเลยเพราะสนามบินที่ นิวเดลี มี 3 เทอร์มินอลครับและแต่ละเทอร์มินอลก็จะไกลกันมากคือแบบไกลจริงๆ การที่จะเดินไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ต้องนั่งรถบัสไป ในนั้นมันเหมือนเมืองๆหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีทั้งโรงแรมไม่รู้เท่าไหร่ ที่สำคัญถ้าสมมุติได้สายการบินอยู่กับคนละเทอร์มินอลกันก็ควรจะเว้นระยะห่างประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง ของผมก็จาก โกลกาตา มา นิวเดลีผมก็ได้ลงที่เทอร์มินอล 2 และจาก นิวเดลี ไป เลห์ ก็ต้องไปที่เทอร์มินอล 3 ต้องไปต่อรถบัสอีกประมาณ 30 นาทีหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะสนามบินมันใหญ่มากและมีรถติดด้วย
**แนะนำให้จองตั๋วออกจากกรุงเทพไฟล์ทช้าสุด มาที่นิวเดลี และมานั่งเล่นนอนเล่นที่สนามบินเอาจากนั้นก็บินไปที่เลห์ตอนเช้าเพราะวิวที่จะได้เห็นนั้น..สวยมากกก ระหว่างบินประมาณนี้
อย่าลืมที่จะเต็มตัวก่อนไป Leh Ladakh เน้อ
1.ค่าเงินของอินเดียคือรูปี ค่าเงินของที่นี่จะเป็นครึ่งหนึ่งของเงินบ้านเราครับ ประมาณ 2 บาท ก็จะประมาณ 1 รูปี(ช่วงที่ผมไปเงินรูปีอยู่ที่ประมาณ0.47)
2.ATMมีแต่เเลกเงินไปเยอะๆดีกว่าเพราะบ้างครั้งATMก็ไม่มีเงิน (คนก็มากดบ่อยเกิ๊น) ต้องรอประมาณ 2 วัน เค้าถึงจะมาเติมเงินที่ตู้
3.โลชั่นหรือครีมอะไรก็ได้ที่ให้ความชุ้มชื้นกับผิว (สำหรับหน้า) อันนี้ต้องเน้นเลยเพราะอากาศมันแห้งมากก ใครผิวแห้งต้องโปะโลชั่นบ่อยๆเด้อ ไม่งั้นหน้ามันแห้งเเล้วมันก็จะลอกผมโดนมาแล้ว
4.อยู่ที่นี่จะรู้สึกหิวน้ำมาก ถ้ามาถึงเลห์แล้วควรหาซื้อน้ำหลายๆขวดหรืออย่างน้อยซักลังหนึ่งก็ได้มีขายตามร้านค้าทั่วไปเลยย
5.มาถึงเลห์ควรที่จะนอนพักผ่อนซักประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว เพราะเลห์อยู่สูงจากน้ำทะเล 12,000 ฟุต ออกซิเจนก็เลยน้อย ใครก็ปรับทันไม่ทันก็จะเจออาการที่เรียกว่า High altitude sickness จะมีอาการ ปวดหัว
คลื้นไส้ อาเจียน ลองไปศึกษาดูนะครับ
6.ใครมีโรคประจำตัวยาลืมที่จะเอายาที่ตัวเองใช้มาด้วยเน้อ เพราะที่นี้ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาวิ่งหาโรงบาลจ๋าไม่ได้นะครับ จะมานี่เตรียมตัวเองให้พร้อมด้วย
7.ออกกำลังกายก่อนมาหน่อยก็ดีครับ ไม่งั้นเวลาเดินก็จะเหนื่อยมากก (มันเหนื่อยจริงๆนะเเค่เดินขึ้นเนินเล็กๆก็แทบจะหมดแรงบวกกับหิวน้ำด้วย)
8.กระเป๋าลากเอาไปได้จ้า แต่ผมก็เอากระเป๋าสะพายไป (แล้วเเต่เลยว่าจะเอาอะไรไปเอาที่ตัวเองสะดวก)
**8.เรื่องนี้ผมว่าสำคัญกับใครหลายๆคน เรื่องเน็ต โรมมิ่งไม่ต้องเปิดล้ะก็ซิมที่สนามบินอินเดียไม่ต้องซื้อ มันใช้เน็ตไม่ได้ อาศัยใช้ wifi เกสต์เฮาส์ ซึ่งลุ้นเหมือนหวยติดก็ดีไป ไม่ดีก็เซ่กู้ดบายโลกโซเซียลครับ ก่อนจะไปเลห์บอกที่บ้านหรือเพื่อนๆไว้ล่วงหน้าเลย กลับมาถึงจะติดต่อกันได้นะจ้ะ นี่จะทำให้เราอยู่กับตัวเองได้มากขึ้นเยอะ (คิดบวกเข้าไว้55555)
9.ตอนที่เช็คอินขาบินไปเลห์ ให้บอกไอ้คนที่เช็คอินให้เราว่าขอนั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ถ้าเป็นไปได้ก็ขอนั่งฝั่งริมหน้าต่างฝั่งขวาตอนขากลับด้วย....โอ้วฟินทั้งไปกลับ
10.ลิปมันคือสิ่งที่ควรเอาติดไปด้วยอย่างมาก คือ Himalaya lip balm หาซื้อได้ที่ร้าน Himalaya ใน Leh market (หน้าร้านน่าตาแบบนี้เด้อ)
11.มาช่วงหน้าหนาว ไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะก็ได้เพราะเหงื่อมันไม่ออก ใส่ชุดซ้ำได้ เสื้อกันหนาวซักสองตัว ฮีทเทค extra warm เเต่อย่าลืมกกน.มาเปลี่ยนทุกวันล้ะ55555
12.ถามว่าน้ำอุ่นที่พักมีไหม “มีครับ” แต่หลังอาบเสร็จมันหนาวมากกก เลยไม่อาบดีกว่า เอากระดาษเปียกหรือทิชชู่เปียก เอาไว้เช็ดตัวก็ได้ครับ แต่อยู่หลายวันอาบน้ำซักสองสามครั้งก็ดีนะ
13.เเว่นกันแดดควรเอาไปแดดบ้างครั้งจ้ามาก แสบตาา
14.เอาผ้าพันคอไปด้วย อากาศหนาวๆเดินๆอยู่ที่ถนน รถขับผ่านทีขี้ฝุ่นกระจายจ้า ก็เอามาปิดจมูกหน่อย ไม่งั้นถ้าสูดเข้าไปมันแสบจมูกเน้อ หมวกไหมพรม ถุงมือหนังหรืออะไรก็ว่าไป ถุงเท้าของกันหนาว
15.รองเท้า ดูดีๆก่อนเอามาเด้อว่าสภาพดีไหมเพราะกับการเดินลุยไหม เพราะจะได้ไม่เป็นปัญหาสำหรับการเดินทาง
16.เรื่องของกินไม่ต้องกลัวอดมีกินแน่นอนน ส่วนใหญ่จะเป็นมังสวิรัติเเต่ก็อร่อยย
17.ศึกษาสถานที่เที่ยวดีๆก่อนเน้อเพราะเลห์มีที่ให้เที่ยวเยอะมากก บ้างที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน สำหรับการเที่ยวในบ้างที่ ที่ต้องทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในตอนหลังว่าทำไม่ถึงไม่ได้ไปที่นู้นที่นั้น (อย่างของผมเสียดายมากกไม่ได้ไปตั้งสามที่แหนะ น้ำตาจะไหล)
18.Julley แปลว่าสวัสดีในเลห์ เดินไปไหนมีใครทักทายว่าจูเล่ก็อย่าลืมจูเล่กลับด้วยนะ
19.Leh Ladakh มีชื่อเล่นอีกชื่อนั้นก็คือ Little Tibet
อ้ะ..มาดูเรื่องราวการเดินทางที่ไม่รู้จะเรียกว่าวันแรกของการเดินทาง ดีไหมเพราะมันวุ่นวายตั้งเเต่วันนั้น!!
สู่ New Delhi (fail)
ทำไมถึง fail เรื่องมันเป็นยังงี้ครับ ผมจองตั๋วบินไปที่นิวเดลีประมาณ 5ทุ่มเศษๆ ถึงเดลีตอนตี2 แล้วไปต่อเครื่องเดินทางไปที่เลห์ตอนตี5 ถึงเลห์ตอนประมาณ 6 โมงเช้า วันนั้นผมเต็มตัวเองเป็นอย่างดี ไปสนามบิน เช็คอิน ไปนั่งรอที่เกตซะดิบดีนั่งเล่นเกมฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
(นี่ผมเองครับ เนี่ยอย่างที่เห็นเตรียมตัวมาดีมากก ตื้นเต้นด้วย5555)
และแล้วมันก็เกิดขึ้น พอใกล้ๆจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง พี่ที่เดินทางไปกับผมด้วย บอกผมว่ามีเครื่องบินcancelหลายสายการบินเลยเพราะพี่เค้าผึ่งไปเช็คที่ตอไฟล์ทบินมา ผมก็ถามต่อว่าของเรา cancel ไหม พี่ก็บอกว่าไม่ผมก็โล่งใจไป อีก20นาทีที่จะต้องไปขึ้นเครื่อง ผมก็โทรคุยแม่บอกว่า”ดีนะเครื่องไม่โดนcancelเลย” แม่ก็บอก
“ดีแล้วล้ะไม่โดนcancelแต่ถ้าโดนเนี่ยจะทำยัง”
จบประโยคนี่ผมก็คิด เออว้ะ...ถ้ามันcancelจริงๆผมนี่เคว้งเเน่ๆเลย ก็ได้เเต่บอกแม่ไปว่า “เอาน่าใกล้ขึ้นเครื่องล้ะไม่โดนหรอก” พอคุยเสร็จ ความรู้สึก “I have a very bad feeling about this” ฝุดขึ้นมาให้หัวทันทีที่วางสายเพราะปกติเค้าจะเรียกขึ้นเครื่องก่อนประมาณ15นาที จนท.ก็ยังไม่มาเรียกขึ้นเครื่องซักที ไปๆมาๆ อ้าว...สิครับ เครื่องโดนcancel โอ้โหความวุ่นวายบังเกิด เพราะสนามบินที่ผมจะบินไปเดลีไม่ใช่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นของที่เมืองของที่ผมอยู่ บรรดาเเขกทั้งหลายที่อยากไปเดลี ก็ไปโวยวายกันอยู่ที่เคาน์เตอร์สนามบิน เพื่อจะเอาเงินคืนหรือจองไฟล์ทใหม่ ผมก็ไปถามว่าทำไมถึงยังไม่ได้บินจนท.ก็บอกว่าเพราะพายุเข้าที่เดลี ผมถามต่อจะบินอีกเมื่อไหร่จนท. ก็บอกว่าวันพรุ่งนี้หลังเวลาบ่ายผมก็ เอ้าความซวยหลบทับอีกตุ้บครับเพราะผมยังมีอีกไฟล์ทที่ต้องบินจากเดลีไปเลห์ แล้วคือตั๋วตรงนั้นมันแพงพอสมควรครับเลยก็คิดหนักเลยคราวนี้ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆนะครับได้เเค่รอ พี่ผมก็ไปเอาเงินคืนเหมือนกันซึ่งก็ดีอยู่ที่ว่าจองผ่านแอป พอเวลาได้เงินคือมันก็ไปอยู่ที่แอปเเละสามารถใช้เงินนั้นจองตั๋วใหม่ภายในแอปได้เลย แต่ก็ใช่ว่าจะได้ทันที เสร็จแล้วก็ต้งสิ่งไปที่เคาน์เตอร์ตั๋วของสายการบินที่ผมบินไปเลห์ ว่าทุกอย่างจะลงตัวก็ปาไป8ชม.กว่าๆครับ สรุปผมก็ต้องซื้อตั๋วใหม่หมดแล้วก็เปลี่ยนสายการบินใหม่ด้วย จากนั้นก็กลับบ้านไปนอนแบบเซ็งๆ
หลังจากนอนเต็มอิ่มแล้วก็ออกมา สนามบินใหม่ครับ
สู่ New Delhi
ครั้งนี้ผมจองตั๋วไปที่เดลีประมาณ2ทุ่ม บินจากเมืองที่ผมอยู่ก็ประมาณเเค่2ชั่วโมงครับ ซึ่งถ้าไฟล์ทโดนcancelก็พอ...เลิก!!! และแล้วก็มาถึงเดลี ก็เข้าเช็คอินแล้วก็อย่าลืมบอกเค้าเอาเอาที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้าย เดินไปรอรถบัสไปเทอร์มินอล3
หลังจากนั้นก็นั่งรออยู่ที่สนามบินรอต่อเครื่องไปเลห์ (ตื้นเต้นไม่นงไม่นอนมันแล้วว)
๑๑๑ Day 1 in Leh Ladakh ๑๑๑
ในที่สุดได้บินไปเลห์ซักที เวลาที่ใช้บินจากเดลีไปเลห์ก็จะประมาณชั่วโมงกว่าๆ คร่าวนี้ห้ามหลับห้ามไปห้องน้ำเด็ดขาด ห้ามเลยเพราะวิวข้างนอกมันสวยแบบ หยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้เลยถ้าพลาดนี่ จะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากก เเค่ชั่วโมงเดียวเองไปนอนเอาที่โรงเเรมหรือเกตส์เฮาส์ให้อิ่มไปเลยย
เครื่องลงจอดบนสนามบินที่เต็มไปด้วยหุบเขารายล้อม วิวรอบๆข้างนอกสวยมาก คิดในใจตัวเองว่ามาถึงแล้วจริงๆหรอเนี่ย พอลงจากเครื่องเขาก็จะเอารถบัสมารับเข้าไปสนามบิน
ก่อนจะขึ้นรถบัสผมก็กดชัตเตอร์รั่วๆเลยย...ที่จริงตรงนั้นห้ามถ่ายนะครับ แต่ด้วยความไม่รู้จะเรียกว่าดื้อดีไหม5555 ก็มันสวยอ้ะ.....จะถ่ายอ้ะ แต่ทางที่ดีไว้ออกจากสนามบินค่อยถ่ายดีกว่าครับ มีที่ให้ถ่ายเยอะแยะเลยข้างนอก ผมโดนยามไล่ขึ้นรถจนเค้าเริ่มจะเอื่อมนิดๆละครับ55555
สภาพอดหลับอดนอนเพราะตื้นเต้นมากจนนอนไม่หลับ อากาศข้างนอกตอนนั้นประมาณ7องศาหนาวเอาเรื่อง....ก็มันสวยอ้ะถ่ายก่อนเดี๋ยวค่อยไปใส่เสื้อกันหนาวในสนามบิน หลังจากถ่ายภาพนี่เสร็จก็โดนยามไล่ขึ้นรถไปตามระเบียบ สำหรับต่างชาติอย่างผมพอเข้าไปในตัวอาคารสนามบิน ก็จะใบขออนุญาติเข้าเมืองมากรอกครับ
หลังจากที่ได้เปลี่ยนชุดแล้วเราทั้งสองก็ได้ออกมาเจอ Mr.Padma คนขับชาวลาดักกี้ที่ผมได้โทรไปนัดก่อนหน้านี้ไว้แล้ว มารับพาไปที่เกสต์เฮาส์ ซึ่งผมได้รู้จัก Mr.Padma มาจากพันทิป เขาเป็นคนที่เฟรนลี่มากไปๆมาๆ Mr.Padma ได้ช่วยเราสองคนไว้เยอะแบบว่าเกือบตลอดทั้ง
ทริปก็ว่าได้เลยครับถ้าไม่ได้เขาผมก็คงจะลำบากกว่านี้เยอะ ดูแลดีมากเหมือนคนในครอบครัวเลยครับ ที่สำคัญ Speak english ได้ คุยรู้เรื่องแน่นอน ถ้าใครจะไปก็สามารถติดต่อเค้าได้ที่เบอร์นี้ 9419306719 หรือให้เกสต์เฮาส์โทรเรียกให้ก็ได้ครับ