feature film, crime
เรื่อง: Hotel Artemis (Drew Pearce, 2018)
คะแนน: 8.5/10
หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตในปี ค.ศ. 2028 ที่ Los Angeles กำลังเข้าสู่ยุควิกฤต เมื่อโลกกำลังขาดแคลนน้ำสะอาด ผู้คนต่างลุกฮือขึ้นก่อม๊อบ มีสองพี่น้อง Waikiki และ Honolulu ได้เข้าไปปล้นแบงค์ ในระหว่างที่กำลังหนีจากการจับกุม น้องชายได้ถูกยิงเข้า พี่ชายจึงต้องพาน้องชายไป Hotel Artemis โรงพยาบาลสำหรับอาชญากรเท่านั้น โดยมีคนดูแลคือ Jean และ Everest
ชอบการ setting โลกอนาคต ที่โลกข้างนอกวุ่นวายไปหมด แต่ในขณะเดียวกัน Hotel Artemis โรงพยาบาลที่น่าจะเป็นสถานที่เดียวที่สงบสุขที่สุด ก็ดันต้องมาวุ่นวายเพราะสถานการณ์ต่างๆ และคนไข้ต่างๆ ที่เข้ามาพัก ซึ่งถึงแม้โรงพยาบาลนี้จะมีกฎในการอยู่ร่วมกันชัดเจน แต่จนแล้วจนรอด ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอยู่ดี
งาน production design ในหนังทำออกมาได้เจ๋งมากๆ ต้องยอมรับถึงการออกแบบตัว Hotel Artemis ซึ่งเป็นเหมือนอีกหนึ่งตัวละครหลักของเรื่อง ที่ตลอดระยะเวลาของหนัง เราจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ตลอดเวลา แต่กลับไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเลย คือแค่ตัวโรงพยาบาลก็ออกแบบมาให้ดึงดูดผู้ชมได้แล้ว
Jodie Foster ซึ่งรับบทเป็น Jean Thomas นางพยาบาลประจำ Hotel Artemis ที่ต้องบอกตรงๆ ว่าเป็นตัวละครที่แบกน้ำหนักทั้งเรื่องไว้เกือบทั้งหมด การแสดงของ Jodie คือสิ่งที่ดีงามและไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เพราะนอกจากการแสดงที่สมจริง พาร์ทดราม่าเธอยังสามารถเล่นออกมาให้เรารู้สึกร่วมไปกับเธอได้จริงๆ
อีกสิ่งที่เราชอบมากๆ และน่าจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่เราจะได้เจอหลักๆ ในเรื่องเลยก็คือ ตัวละครทุกตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่มีมิติความเป็นคน และปมเป็นของตัวเองแบบชัดเจน ไม่จะทั้ง Waikiki ถึงปมที่ทำให้ต้องมาทำงานเป็นอาชญากร, Nice อาชญากรระดับพระกาฬ ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังกับ Waikiki, Jean กับเหตุผลในการมาทำหน้าที่เป็นพยาบาลใน Hotel Artemis, Everest กับเหตุผลที่ยังอยู่เป็นผู้ช่วย, Morgan กับเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิต, The Wolf King อาชญากรตัวพ่อ ที่มีด้านที่อ่อนแอของตัวเอง ซึ่งทุกๆ ตัวละคร หากอยู่ภายนอก ในโลกที่แสนวุ่นวาย อาจจะเป็นคนพิเศษที่มีความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจน แต่พอมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ทุกคนคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีอารมณ์ มีความรู้สึก
ในพาร์ทของฉากแอคชั่นของเรื่อง ซึ่งถือว่ามีน้อยนิดกว่าที่คาดคิดไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถึงจะมีไม่เยอะ แต่ก็ทำให้เรารู้สึกประทับใจ เพราะฉากแอคชั่นในเรื่องถือว่า design ออกมาได้ดิบและดุจริงๆ ไม่จำเป็นว่าต้องยิ่งใหญ่เวอร์วังเหมือนหนังนักฆ่าเรื่องอื่น สำหรับเรื่องนี้ มาน้อยแต่ร้อยเปอร์ก็เพียงพอแล้ว
อีกสิ่งที่ชอบไม่แพ้การเล่าเรื่องและตัวละคร คือประเด็นในหนัง ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ คือ “อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน” มันคือประโยคที่แสดงถึงสถานภาพของตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง ซึ่งพอเราคิดแบบนี้ตามตัวละคร เราก็จะเข้าใจเลยว่า ในชีวิตบางที สิ่งที่เราฝันไว้ สิ่งที่เราต้องการ มันอาจจะอยู่ไกลจากสิ่งที่เราสามารถไขว่คว้าได้ บางทีการที่เรามองแต่สิ่งนั้นมันก็อาจจะทำให้เราเกิดแต่ความทุกข์ไปเท่านั้น สู้อยู่กับสิ่งที่มี และทำแค่ในสิ่งที่เราทำได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
อีกประเด็นที่เราชอบก็คือ “การออกไม่ง่ายเหมือนเข้า แต่ก็ไม่ยาก” ในช่วงเวลาหนึ่ง การก้าวข้ามผ่านตัวเรามันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากมากเกินกว่าเราจะทำ แต่มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก ลองพยายามสู้กับตัวเองดูสิ ลองพยายามทำมันให้เต็มที่ เพราะการออกไม่ง่ายเหมือนเข้า แต่ก็ไม่ยากหรอกนะ ซึ่งในหนังเราจะเจอสถานการณ์ที่พูดถึงประโยคนี้อย่างชัดเจน และนั่นจะเป็นอีกก้าวของตัวละครที่จะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้
โดยรวม Hotel Artemis คือหนังที่เล่าเรื่องสนุกด้วยสถานการณ์ที่ค่อยๆ คลายปมตัวละครในเรื่อง พร้อมทั้งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสถานที่เพียงหนึ่งเดียวของ LA ที่น่าจะสงบสุขที่สุด พร้อมทั้งเราจะได้เห็นด้านที่อ่อนแอและต้องได้รับการรักษาของหลากหลายตัวละครในเรื่อง
FB Page:
https://www.Facebook.com/23SCENES
[SR] Movie Review : Hotel Artemis - โรงแรมโคตรมหาโจร [8.5/10]
feature film, crime
เรื่อง: Hotel Artemis (Drew Pearce, 2018)
คะแนน: 8.5/10
หนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตในปี ค.ศ. 2028 ที่ Los Angeles กำลังเข้าสู่ยุควิกฤต เมื่อโลกกำลังขาดแคลนน้ำสะอาด ผู้คนต่างลุกฮือขึ้นก่อม๊อบ มีสองพี่น้อง Waikiki และ Honolulu ได้เข้าไปปล้นแบงค์ ในระหว่างที่กำลังหนีจากการจับกุม น้องชายได้ถูกยิงเข้า พี่ชายจึงต้องพาน้องชายไป Hotel Artemis โรงพยาบาลสำหรับอาชญากรเท่านั้น โดยมีคนดูแลคือ Jean และ Everest
ชอบการ setting โลกอนาคต ที่โลกข้างนอกวุ่นวายไปหมด แต่ในขณะเดียวกัน Hotel Artemis โรงพยาบาลที่น่าจะเป็นสถานที่เดียวที่สงบสุขที่สุด ก็ดันต้องมาวุ่นวายเพราะสถานการณ์ต่างๆ และคนไข้ต่างๆ ที่เข้ามาพัก ซึ่งถึงแม้โรงพยาบาลนี้จะมีกฎในการอยู่ร่วมกันชัดเจน แต่จนแล้วจนรอด ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอยู่ดี
งาน production design ในหนังทำออกมาได้เจ๋งมากๆ ต้องยอมรับถึงการออกแบบตัว Hotel Artemis ซึ่งเป็นเหมือนอีกหนึ่งตัวละครหลักของเรื่อง ที่ตลอดระยะเวลาของหนัง เราจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้ตลอดเวลา แต่กลับไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรเลย คือแค่ตัวโรงพยาบาลก็ออกแบบมาให้ดึงดูดผู้ชมได้แล้ว
Jodie Foster ซึ่งรับบทเป็น Jean Thomas นางพยาบาลประจำ Hotel Artemis ที่ต้องบอกตรงๆ ว่าเป็นตัวละครที่แบกน้ำหนักทั้งเรื่องไว้เกือบทั้งหมด การแสดงของ Jodie คือสิ่งที่ดีงามและไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เพราะนอกจากการแสดงที่สมจริง พาร์ทดราม่าเธอยังสามารถเล่นออกมาให้เรารู้สึกร่วมไปกับเธอได้จริงๆ
อีกสิ่งที่เราชอบมากๆ และน่าจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่เราจะได้เจอหลักๆ ในเรื่องเลยก็คือ ตัวละครทุกตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่มีมิติความเป็นคน และปมเป็นของตัวเองแบบชัดเจน ไม่จะทั้ง Waikiki ถึงปมที่ทำให้ต้องมาทำงานเป็นอาชญากร, Nice อาชญากรระดับพระกาฬ ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังกับ Waikiki, Jean กับเหตุผลในการมาทำหน้าที่เป็นพยาบาลใน Hotel Artemis, Everest กับเหตุผลที่ยังอยู่เป็นผู้ช่วย, Morgan กับเบื้องลึกเบื้องหลังชีวิต, The Wolf King อาชญากรตัวพ่อ ที่มีด้านที่อ่อนแอของตัวเอง ซึ่งทุกๆ ตัวละคร หากอยู่ภายนอก ในโลกที่แสนวุ่นวาย อาจจะเป็นคนพิเศษที่มีความสามารถของตัวเองอย่างชัดเจน แต่พอมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ทุกคนคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีอารมณ์ มีความรู้สึก
ในพาร์ทของฉากแอคชั่นของเรื่อง ซึ่งถือว่ามีน้อยนิดกว่าที่คาดคิดไว้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถึงจะมีไม่เยอะ แต่ก็ทำให้เรารู้สึกประทับใจ เพราะฉากแอคชั่นในเรื่องถือว่า design ออกมาได้ดิบและดุจริงๆ ไม่จำเป็นว่าต้องยิ่งใหญ่เวอร์วังเหมือนหนังนักฆ่าเรื่องอื่น สำหรับเรื่องนี้ มาน้อยแต่ร้อยเปอร์ก็เพียงพอแล้ว
อีกสิ่งที่ชอบไม่แพ้การเล่าเรื่องและตัวละคร คือประเด็นในหนัง ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ คือ “อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน” มันคือประโยคที่แสดงถึงสถานภาพของตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง ซึ่งพอเราคิดแบบนี้ตามตัวละคร เราก็จะเข้าใจเลยว่า ในชีวิตบางที สิ่งที่เราฝันไว้ สิ่งที่เราต้องการ มันอาจจะอยู่ไกลจากสิ่งที่เราสามารถไขว่คว้าได้ บางทีการที่เรามองแต่สิ่งนั้นมันก็อาจจะทำให้เราเกิดแต่ความทุกข์ไปเท่านั้น สู้อยู่กับสิ่งที่มี และทำแค่ในสิ่งที่เราทำได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
อีกประเด็นที่เราชอบก็คือ “การออกไม่ง่ายเหมือนเข้า แต่ก็ไม่ยาก” ในช่วงเวลาหนึ่ง การก้าวข้ามผ่านตัวเรามันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากมากเกินกว่าเราจะทำ แต่มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก ลองพยายามสู้กับตัวเองดูสิ ลองพยายามทำมันให้เต็มที่ เพราะการออกไม่ง่ายเหมือนเข้า แต่ก็ไม่ยากหรอกนะ ซึ่งในหนังเราจะเจอสถานการณ์ที่พูดถึงประโยคนี้อย่างชัดเจน และนั่นจะเป็นอีกก้าวของตัวละครที่จะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้
โดยรวม Hotel Artemis คือหนังที่เล่าเรื่องสนุกด้วยสถานการณ์ที่ค่อยๆ คลายปมตัวละครในเรื่อง พร้อมทั้งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสถานที่เพียงหนึ่งเดียวของ LA ที่น่าจะสงบสุขที่สุด พร้อมทั้งเราจะได้เห็นด้านที่อ่อนแอและต้องได้รับการรักษาของหลากหลายตัวละครในเรื่อง
FB Page: https://www.Facebook.com/23SCENES
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้