รัสเซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย มีประชากรประมาณ 143 ล้านคนอาณาเขตของรัสเซียครอบคลุมเอเชียเหนือทั้งหมดและ 40% ของยุโรป เนื่องจากมีอาณาเขตกว้างใหญ่รัสเซียจึงมีถึง 11 เขตเวลา มีสิ่งแวดล้อมและธรณีสัณฐานหลากหลาย มีปริมาณทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงานสำรองใหญ่ที่สุดของโลก จึงเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก รัสเซียมีพื้นที่ป่าไม้สงวนใหญ่ที่สุดในโลก และถูกเรียกว่าเป็น "ปอดของยุโรป" อีกทั้งทะเลสาบในรัสเซียบรรจุน้ำจืดประมาณหนึ่งในสี่ของโลกอีกด้วย
ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน Chasing my dream
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางตามฝันวัยเด็ก หลังจากได้เห็นรายการท่องเที่ยวที่พาไปประเทศรัสเซียจากทางโทรทัศน์ สิ่งที่จำได้ติดตาและเป็นแรงบันดาลใจให้ไปรัสเซียก็คือตุ๊กตาแม่ลูกดก ในความรู้สึกตอนนั้นว่ามันแปลกและก็ดูสวยดี อยากได้เป็นเจ้าของตุ๊กตาแบบนี้บ้าง วันหนึ่งต้องไปซื้อมาให้ได้ (ดูมีความคิดไร้สาระ)
การตัดสินใจไปรัสเซียก็ง่ายดายขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ น้องที่ทำงานได้ล่วงหน้าไปมาแล้ว ทำให้สามารถตามรอยและมีข้อมูลมากขึ้น ประกอบกับไฟลท์บินตรงของการบินไทยกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว การวางแผนทริปนี้จึงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากนั้นก็เฝ้ารอตั๋วลดราคาของการบินไทย ช่วงหน้าหนาวเป็นช่วงการเดินทางที่ชอบที่สุด เพราะได้เห็นหิมะที่เมืองไทยไม่มี อีกทั้งนักท่องเที่ยวน้อยทำให้ได้เที่ยวชิลๆแบบไม่ต้องแย่งใคร แต่ข้อเสียก็คือเวลากลางวันจะสั้นทำให้เที่ยวได้น้อยที่ ดังนั้นแผนการเดินทางจะเป็นแบบสบายๆ ไม่อยากรีบร้อนต้องเก็บให้ครบอะไร ก็เลยไปแต่ที่สะดวก และชอบเป็นการส่วนตัว การเดินทางไม่ซับซ้อนมากนัก
ตั๋วการบินไทยชั้นประหยัดที่ได้ หลังจากเฝ้ารอราคาลงประมาณ 2 เดือน และจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน ตั๋วสำหรับสองคนอยู่ที่ราคา 45,180 ใช้ไมล์ 7500 ลดราคาเหลือ 43,330 ราคาต่อคนก็ 21,665 พอๆกะตั๋วที่จองไปซัปโปโรเมื่อปีที่แล้วเลย หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยก็เริ่มอ่านรีวิวจากคนที่เดินทางไปมาแล้วศึกษาเส้นทางการเดินทาง และวิธีการจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า ส่วนค่าเดินทางต่างๆ จะสรุปให้ในตอนสุดท้ายนะคะ
ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปโซนยุโรปเป็นครั้งแรก แต่ก็ถือว่าสะดวกเพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวในรัสเซียโดยถือพาสปอร์ตสัญชาติไทยไม่ต้องขอวีซ่า และพำนักในรัสเซียได้เป็นระยะเวลา 30 วัน เพียงแต่ต้องทำรีจิสเตอร์หรือลงทะเบียนสำหรับการพำนักในรัสเซีย ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วันนับตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึง แต่จริงๆแล้วทำตั้งแต่วันแรกที่ถึงเลยดีกว่าค่ะ ตามอ่านดูละกันนะคะว่าทำไม 555 (เรียกเรทติ้งนิดนึง)
เงินทองไม่เข้าใคร ออกใคร
หลังจากฟังคำบอกเล่าถึงเรื่องการล้วงกระเป๋าของรีวิวต่างๆแล้ว มีความหลอนระดับ 10 ดังนั้นทริปนี้จึงแบ่งเงินเป็นถุงเล็กๆและพกไว้ในกระเป๋าสะพาย 5 ที่ด้วยกัน ก่อนไปได้แลกเงินที่ ซุปเปอร์ริชสีเขียว อัตราค่าเงินอยู่ที่ 1 รูเบิล เท่ากับ 56 สตางค์ แลกเงินสดทั้งหมด 55,000 รูเบิล สำหรับสองคน โดยเก็บในกระเป๋าเงินปกติของตัวเองและคุณสามีคนละ 10,000 กระเป๋าเล็กผูกห่วงไว้ 10,000 กระเป๋าเล็กร้อยรูซิปในกระเป๋าแล้วยัดไว้ในข้างในรูดซิปทับ 15,000 และกระเป๋าเล็กผูกห่วงยัดไว้ในกระเป๋าลับของกระเป๋าสะพายอีก 10,000 อ้อลืมบอกว่าใช้กระเป๋า back bag ซึ่งด้านในมีช่องและห่วงให้ผูกเยอะ ถึงล้วงได้ก็เอาไปไม่ได้ เพราะผูกไว้ 555 ส่วนเงินที่จะใช้ในแต่ละวันก็จะแบ่งใส่กระเป๋าผ้าใบเล็กๆ พอสำหรับหยิบใช้ต่อวันเท่านั้น ทำให้แลดูซอมซ่อและจน พวกมิจฉาชีพจะได้ไม่อยากล้วงให้เสียเวลา
Day 1 - 25/01/2018
ไปไง มาไง กับการบินไทย
เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางกันเลยดีกว่า เที่ยวบินที่จองออกเดินทางเวลา 10:50 จากสนามบินสุวรรณภูมิ และถึงสนามบินดามาเดียดาวา ที่มอสโก เวลา 17:10 ขอรีวิวการเดินทางโดยการบินไทยไปด้วยเลย เข้าใจว่าเป็นคนไทยเพียง 2 คนที่นั่งชั้นประหยัด เพราะได้ยินวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่การบินไทยคุยกันตั้งแต่นั่งรถบัสจากเกทไปขึ้นเครื่องเลย ผู้โดยสารเกือบทั้งลำน่าจะเป็นคนรัสเซีย เหมือนกรุ๊ปทัวร์มาเมืองไทย และกำลังจะกลับ แถมเต็มทุกที่นั่ง มีเพียงที่ข้างเราเท่านั้นที่ว่าง 1 ที่ หลังจากขึ้นเครื่องไปคุณแอร์โฮสเตสก็เริ่มแวะเวียนมาถามเรื่องที่นั่งว่าอยากเปลี่ยนที่นั่งไหม ขอความสมัครใจ แต่ยืนยันไปว่าจะไม่เปลี่ยนเพราะที่นั่งที่จองมาจะเป็นแถวสุดท้ายใกล้กับห้องน้ำ จริงๆตอนจองยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะ แต่เพราะเห็นว่าเป็นการเดินทางระยะไกลกลัวว่าถ้าเข้าห้องน้ำแล้วต้องเดินไปมาบ่อยๆ คนอื่นจะรำคาญ แต่ในความเป็นจริงผู้โดยสารทั้งเครื่องเดินกันทั้งวันค่ะท่านผู้ชม แทบจะไม่ยอมนั่งที่กันเลย เดินออกกำลังกายบ้าง เดินอุ้มลูกบ้าง ส่วนเราตลอดการเดินทางสิบกว่าชั่วโมงเข้าห้องน้ำไป 2-3 ครั้งเอง ส่วนที่นั่งชั้นประหยัดก็กว้างใช้ได้นะคะ
นั่งเครื่องไปได้สักชั่วโมง ก็เริ่มเสริฟอาหารเที่ยงค่ะ มาดูหน้าตาอาหารของการบินไทยในไฟล์ทนี้ คือกระเพราหมูไข่ดาว กับของหวานเป็นทีรามิสุ
หลังจากทานอาหารและเดินทางไปได้ 3 -4 ชั่วโมง คุณพี่แอร์ก็กลับมาขอให้ย้ายที่นั่งเนื่องจากว่ามีผู้โดยสารไม่สบายท้องเสียและเดินแก้ผ้าไปทั่ว (จากคำบอกเล่าของพี่แอร์ แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยตาค่ะ) ทางพี่แอร์เลยอยากได้ที่นั่งใกล้ห้องน้ำให้ผู้โดยสารท่านนั้น จึงขอให้ย้ายไปนั่งชั้นธุรกิจแทน
เลยได้เก็บภาพที่นั่งในชั้นธุรกิจของการบินไทยมาฝาก เผื่อใครสนใจใช้บริการ และอาหารมื้อเย็นเป็นฉู่ฉี่ปลากับสตูไก่
ตม ไม่ยากอย่างที่คิด
การเดินทางราบรื่นและถึงตามกำหนดเวลา เวลาที่มอสโกจะช้ากว่าที่เมืองไทยประมาณ 4 ชั่วโมง และต่อจากนี้เป็นการผจญภัยในดินแดนที่เราไม่เคยไปมาก่อน เนื่องจากว่านั่งอยู่ชั้นธุรกิจเลยได้ลงจากเครื่องก่อน จากนั้นก็มาที่ด่านต่อไปคือตรวจคนเข้าเมือง ตามที่ได้อ่านมาบ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่บางคนอาจไม่รู้ว่าผู้ถือพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ก็เลยเซฟไฟล์เอกสารข้อตกลงไทย-รัสเซีย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซียมาด้วย แต่ถึงเวลาจริง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรแถมเจอเจ้าหน้าที่สาวรัสเซียเฟี้ยวๆ แบบเจาะจมูก พยายามทำตาโตเพ่งเรา เราก็เลยอมยิ้มทำตาโตจ้องกลับบ้าง สุดท้ายก็หลุดขำกันทั้งคู่ ตลกดีค่ะ ก็ผ่านมาแบบง่ายๆโดยไม่ได้ขอดูอะไรสักอย่าง เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์ใบผ่านเข้าเมืองให้เซ็น แล้วให้เราเก็บไว้หนึ่งใบ ต้องระวังอย่างมากห้ามทำหาย ขากลับเจ้าหน้าที่จะตรวจใบนี้แล้วเก็บไปค่ะ
หลังรับกระเป๋าที่สายพานก็มีตู้ซื้อตั๋ว AeroExpress อยู่ข้างๆ ซื้อตั๋วตรงนี้ได้เลย กดภาษาอังกฤษแล้วใส่เงินสด ตั๋วจะออกมาเป็นสลิปพร้อม QRโค้ดให้แสกนเข้าที่ประตูเข้าสถานีรถไฟค่ะ ประตูทางเข้าที่รัสเซียมีสำหรับทั้งผู้โดยสารและผู้โดยสารพร้อมกระเป๋าค่ะ
แด่ world wide communication
สิ่งสำคัญสำหรับทริปนี้ที่ขาดไม่ได้คือ อินเตอร์เน็ต เพราะต้องใช้ทั้ง แผนที่การเดินทาง (google map) แผนที่ในเมโทร (Yandex Metro) และวุ้นแปลภาษา (google translate) อีกด้วย ไหนจะต้องติดต่องานกับที่ออฟฟิศ เผื่องานที่ฝากไว้มีปัญหา งานนี้เลยต้องเสียค่าซิมราคาคนละ 1000 รูเบิล ตามที่รีวิวและน้องที่ทำงานบอกว่ามีร้านขายซิมอยู่หลายร้าน แต่ตอนเราไปถึงเป็นเวลาเย็นแล้ว เจออยู่แค่เจ้าเดียวก็เลยไม่มีตัวเลือก ต้องซื้อไป คนขายก็ใส่ซิมและเปิดบริการให้เรียบร้อย แต่เจ้านี้สัญญาณเน็ตค่อนข้างช้า แต่ไม่จำกัด แล้วก็โทรออกก็ไม่ได้ หรือเราไม่รู้วิธีโทรออกก็ไม่รู้ ลองกดเบอร์ที่ให้มาแล้วโทรหากันไม่ได้ แถมราคาก็แพงกว่าที่คนอื่นรีวิวไว้ด้วย
ซื้อเสร็จเดินออกมาออกจากสนามบินประตูนี้
มองไปก็เป็นทางเดินไปยังทางเข้า AeroExpress
ความช่วยเหลือจะมาหาผู้ที่ร้องขอเสมอ (ฟังคุ้นๆประหนึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์)
จากสนามบินนั่งรถไฟ AeroExpress ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสถานี Paveletskaya ปลายสายของ AeroExpress แล้วเดินตามคนหมู่มากไปยังสถานีเมโทร Paveletskaya (Павелецкая) ซึ่งเชื่อมต่อทั้งสายสีเขียวและสีน้ำตาล ซื้อตั๋วเมโทรแบบราย 20 เที่ยว ตั๋วที่นี่หนึ่งใบใช้ได้หลายคน ไม่จำเป็นต้องซื้อคนละใบ เพราะยิ่งซื้อจำนวนเที่ยวมากๆราคายิ่งถูกค่ะ
แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย 5 สีน้ำตาล Circle Line ไปยังสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) กว่าจะหาทางเข้าสถานีเพื่อจะลงใต้ดินได้ เดินงงๆ อยู่สองสามรอบ ลงไปแล้วก็ยังหาทางไปขึ้นรถไฟสายสีน้ำตาลไม่ได้สุดท้ายต้องมองหาหนุ่มๆรัสเซียหน้าตาดีเพื่อถามทาง เพียงแค่ถามคนแรกก็ได้คำตอบเป็นภาษาอังกฤษเลย จริงๆก็แค่ลงไปตามป้ายที่มีแถบสีอยู่ข้างบนแล้วก็มองหาสถานีที่จะไปว่าอยู่ด้านไหน แต่ที่ยากคือวันแรก รู้สึกมึนกับภาษารัสเซีย (จริงๆแล้วงงทั้งทริปนั่นแหละ) ปกติเวลานั่งรถไฟในญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ก็ยังมีป้ายภาษาอังกฤษแบบทับศัพท์อยู่บ้าง แต่นี่เป็นภาษารัสเซียล้วน ตั้งตัวไม่ทัน จะเปิดโทรศัพท์ก็เกะกะคนอื่นต้องหาที่หลบมุม ตอนถามก็เปิดโทรศัพท์ที่ลงแอพพลิเคชันของเมโทรไว้ให้เค้าดูชื่อสถานีที่จะไป ส่วนเราเหวอไปประมาณนึงคือแทนที่เค้าจะดู แต่กลับฉวยโทรศัพท์เราเอาไปถือไว้ แวบแรกก็แอบกลัวนิดนึงว่าจะโดนตบมือถือหรือเปล่า เป็นไอโฟน8 ที่เพิ่งถอยมาด้วย สุดท้ายหลังจากเค้าถือโทรศัพท์ชี้ไปชี้มาเพื่อบอกทางสักพักก็คืนโทรศัพท์มาให้ เฮ้อค่อยยังชั่ว ไม่โดนอะไรตั้งแต่วันแรก
นั่งรถไฟไปจนถึงสถานี Komsomolskaya ก็หาทางออกไม่เจออีก เดินวนไปมางงๆ ว่าจะออกทางไหนดีอยู่สักพัก ก็มีหนุ่มรัสเซียเดินมาถามว่าจะให้ช่วยอะไรมั้ย ตอนแรกก็ค่อนข้างลังเล แต่จากที่น้องที่ทำงานเล่าว่าคนรัสเซียเป็นแบบนี้ค่อนข้างมีน้ำใจ ก็เลยถามทางออกไปโรงแรมที่พักกับเค้า เค้าก็ใช้มือถือช่วยเราหาชื่อโรงแรมและทางไปแล้วสุดท้ายก็พาเราไปส่งถึงฝั่งทางไปโรงแรม แถมเรายังขอให้ช่วยอธิบายทางเข้าสถานี Leningradsky ที่ต้องขึ้นรถไฟไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กวันพรุ่งนี้อีกด้วย เราแปลกใจกับความช่วยเหลือขนาดนี้ก็เลยถามว่าจะมาทางนี้อยู่แล้วหรือเปล่า เค้าบอกเปล่า มาส่งเฉยๆ พอเราถามว่าต้องข้ามไปฝั่งตรงข้ามใช่ไหม ก็ทำท่าจะพาเราไปต่อ จนต้องบอกว่าไม่เป็นไร เราไปเองได้ เกรงใจมากๆ ระหว่างทางขึ้นบันไดเลื่อนรถไฟใต้ดินหนุ่มคนนี้ก็เล่าว่าบันไดเลื่อนของสถานีนี้ยาว 60 เมตรเชียวนะ
[CR] Travel Diary to Russia - ปลายทางที่มอสโก My destination is Moscow
รัสเซีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย มีประชากรประมาณ 143 ล้านคนอาณาเขตของรัสเซียครอบคลุมเอเชียเหนือทั้งหมดและ 40% ของยุโรป เนื่องจากมีอาณาเขตกว้างใหญ่รัสเซียจึงมีถึง 11 เขตเวลา มีสิ่งแวดล้อมและธรณีสัณฐานหลากหลาย มีปริมาณทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงานสำรองใหญ่ที่สุดของโลก จึงเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก รัสเซียมีพื้นที่ป่าไม้สงวนใหญ่ที่สุดในโลก และถูกเรียกว่าเป็น "ปอดของยุโรป" อีกทั้งทะเลสาบในรัสเซียบรรจุน้ำจืดประมาณหนึ่งในสี่ของโลกอีกด้วย
ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน Chasing my dream
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางตามฝันวัยเด็ก หลังจากได้เห็นรายการท่องเที่ยวที่พาไปประเทศรัสเซียจากทางโทรทัศน์ สิ่งที่จำได้ติดตาและเป็นแรงบันดาลใจให้ไปรัสเซียก็คือตุ๊กตาแม่ลูกดก ในความรู้สึกตอนนั้นว่ามันแปลกและก็ดูสวยดี อยากได้เป็นเจ้าของตุ๊กตาแบบนี้บ้าง วันหนึ่งต้องไปซื้อมาให้ได้ (ดูมีความคิดไร้สาระ)
การตัดสินใจไปรัสเซียก็ง่ายดายขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ น้องที่ทำงานได้ล่วงหน้าไปมาแล้ว ทำให้สามารถตามรอยและมีข้อมูลมากขึ้น ประกอบกับไฟลท์บินตรงของการบินไทยกลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว การวางแผนทริปนี้จึงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากนั้นก็เฝ้ารอตั๋วลดราคาของการบินไทย ช่วงหน้าหนาวเป็นช่วงการเดินทางที่ชอบที่สุด เพราะได้เห็นหิมะที่เมืองไทยไม่มี อีกทั้งนักท่องเที่ยวน้อยทำให้ได้เที่ยวชิลๆแบบไม่ต้องแย่งใคร แต่ข้อเสียก็คือเวลากลางวันจะสั้นทำให้เที่ยวได้น้อยที่ ดังนั้นแผนการเดินทางจะเป็นแบบสบายๆ ไม่อยากรีบร้อนต้องเก็บให้ครบอะไร ก็เลยไปแต่ที่สะดวก และชอบเป็นการส่วนตัว การเดินทางไม่ซับซ้อนมากนัก
ตั๋วการบินไทยชั้นประหยัดที่ได้ หลังจากเฝ้ารอราคาลงประมาณ 2 เดือน และจองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน ตั๋วสำหรับสองคนอยู่ที่ราคา 45,180 ใช้ไมล์ 7500 ลดราคาเหลือ 43,330 ราคาต่อคนก็ 21,665 พอๆกะตั๋วที่จองไปซัปโปโรเมื่อปีที่แล้วเลย หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยก็เริ่มอ่านรีวิวจากคนที่เดินทางไปมาแล้วศึกษาเส้นทางการเดินทาง และวิธีการจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า ส่วนค่าเดินทางต่างๆ จะสรุปให้ในตอนสุดท้ายนะคะ
ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปโซนยุโรปเป็นครั้งแรก แต่ก็ถือว่าสะดวกเพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวในรัสเซียโดยถือพาสปอร์ตสัญชาติไทยไม่ต้องขอวีซ่า และพำนักในรัสเซียได้เป็นระยะเวลา 30 วัน เพียงแต่ต้องทำรีจิสเตอร์หรือลงทะเบียนสำหรับการพำนักในรัสเซีย ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วันนับตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึง แต่จริงๆแล้วทำตั้งแต่วันแรกที่ถึงเลยดีกว่าค่ะ ตามอ่านดูละกันนะคะว่าทำไม 555 (เรียกเรทติ้งนิดนึง)
เงินทองไม่เข้าใคร ออกใคร
หลังจากฟังคำบอกเล่าถึงเรื่องการล้วงกระเป๋าของรีวิวต่างๆแล้ว มีความหลอนระดับ 10 ดังนั้นทริปนี้จึงแบ่งเงินเป็นถุงเล็กๆและพกไว้ในกระเป๋าสะพาย 5 ที่ด้วยกัน ก่อนไปได้แลกเงินที่ ซุปเปอร์ริชสีเขียว อัตราค่าเงินอยู่ที่ 1 รูเบิล เท่ากับ 56 สตางค์ แลกเงินสดทั้งหมด 55,000 รูเบิล สำหรับสองคน โดยเก็บในกระเป๋าเงินปกติของตัวเองและคุณสามีคนละ 10,000 กระเป๋าเล็กผูกห่วงไว้ 10,000 กระเป๋าเล็กร้อยรูซิปในกระเป๋าแล้วยัดไว้ในข้างในรูดซิปทับ 15,000 และกระเป๋าเล็กผูกห่วงยัดไว้ในกระเป๋าลับของกระเป๋าสะพายอีก 10,000 อ้อลืมบอกว่าใช้กระเป๋า back bag ซึ่งด้านในมีช่องและห่วงให้ผูกเยอะ ถึงล้วงได้ก็เอาไปไม่ได้ เพราะผูกไว้ 555 ส่วนเงินที่จะใช้ในแต่ละวันก็จะแบ่งใส่กระเป๋าผ้าใบเล็กๆ พอสำหรับหยิบใช้ต่อวันเท่านั้น ทำให้แลดูซอมซ่อและจน พวกมิจฉาชีพจะได้ไม่อยากล้วงให้เสียเวลา
Day 1 - 25/01/2018
ไปไง มาไง กับการบินไทย
เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางกันเลยดีกว่า เที่ยวบินที่จองออกเดินทางเวลา 10:50 จากสนามบินสุวรรณภูมิ และถึงสนามบินดามาเดียดาวา ที่มอสโก เวลา 17:10 ขอรีวิวการเดินทางโดยการบินไทยไปด้วยเลย เข้าใจว่าเป็นคนไทยเพียง 2 คนที่นั่งชั้นประหยัด เพราะได้ยินวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่การบินไทยคุยกันตั้งแต่นั่งรถบัสจากเกทไปขึ้นเครื่องเลย ผู้โดยสารเกือบทั้งลำน่าจะเป็นคนรัสเซีย เหมือนกรุ๊ปทัวร์มาเมืองไทย และกำลังจะกลับ แถมเต็มทุกที่นั่ง มีเพียงที่ข้างเราเท่านั้นที่ว่าง 1 ที่ หลังจากขึ้นเครื่องไปคุณแอร์โฮสเตสก็เริ่มแวะเวียนมาถามเรื่องที่นั่งว่าอยากเปลี่ยนที่นั่งไหม ขอความสมัครใจ แต่ยืนยันไปว่าจะไม่เปลี่ยนเพราะที่นั่งที่จองมาจะเป็นแถวสุดท้ายใกล้กับห้องน้ำ จริงๆตอนจองยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะ แต่เพราะเห็นว่าเป็นการเดินทางระยะไกลกลัวว่าถ้าเข้าห้องน้ำแล้วต้องเดินไปมาบ่อยๆ คนอื่นจะรำคาญ แต่ในความเป็นจริงผู้โดยสารทั้งเครื่องเดินกันทั้งวันค่ะท่านผู้ชม แทบจะไม่ยอมนั่งที่กันเลย เดินออกกำลังกายบ้าง เดินอุ้มลูกบ้าง ส่วนเราตลอดการเดินทางสิบกว่าชั่วโมงเข้าห้องน้ำไป 2-3 ครั้งเอง ส่วนที่นั่งชั้นประหยัดก็กว้างใช้ได้นะคะ
นั่งเครื่องไปได้สักชั่วโมง ก็เริ่มเสริฟอาหารเที่ยงค่ะ มาดูหน้าตาอาหารของการบินไทยในไฟล์ทนี้ คือกระเพราหมูไข่ดาว กับของหวานเป็นทีรามิสุ
หลังจากทานอาหารและเดินทางไปได้ 3 -4 ชั่วโมง คุณพี่แอร์ก็กลับมาขอให้ย้ายที่นั่งเนื่องจากว่ามีผู้โดยสารไม่สบายท้องเสียและเดินแก้ผ้าไปทั่ว (จากคำบอกเล่าของพี่แอร์ แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยตาค่ะ) ทางพี่แอร์เลยอยากได้ที่นั่งใกล้ห้องน้ำให้ผู้โดยสารท่านนั้น จึงขอให้ย้ายไปนั่งชั้นธุรกิจแทน
เลยได้เก็บภาพที่นั่งในชั้นธุรกิจของการบินไทยมาฝาก เผื่อใครสนใจใช้บริการ และอาหารมื้อเย็นเป็นฉู่ฉี่ปลากับสตูไก่
ตม ไม่ยากอย่างที่คิด
การเดินทางราบรื่นและถึงตามกำหนดเวลา เวลาที่มอสโกจะช้ากว่าที่เมืองไทยประมาณ 4 ชั่วโมง และต่อจากนี้เป็นการผจญภัยในดินแดนที่เราไม่เคยไปมาก่อน เนื่องจากว่านั่งอยู่ชั้นธุรกิจเลยได้ลงจากเครื่องก่อน จากนั้นก็มาที่ด่านต่อไปคือตรวจคนเข้าเมือง ตามที่ได้อ่านมาบ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่บางคนอาจไม่รู้ว่าผู้ถือพาสปอร์ตไทยสามารถเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า ก็เลยเซฟไฟล์เอกสารข้อตกลงไทย-รัสเซีย ทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซียมาด้วย แต่ถึงเวลาจริง เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถามอะไรแถมเจอเจ้าหน้าที่สาวรัสเซียเฟี้ยวๆ แบบเจาะจมูก พยายามทำตาโตเพ่งเรา เราก็เลยอมยิ้มทำตาโตจ้องกลับบ้าง สุดท้ายก็หลุดขำกันทั้งคู่ ตลกดีค่ะ ก็ผ่านมาแบบง่ายๆโดยไม่ได้ขอดูอะไรสักอย่าง เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์ใบผ่านเข้าเมืองให้เซ็น แล้วให้เราเก็บไว้หนึ่งใบ ต้องระวังอย่างมากห้ามทำหาย ขากลับเจ้าหน้าที่จะตรวจใบนี้แล้วเก็บไปค่ะ
หลังรับกระเป๋าที่สายพานก็มีตู้ซื้อตั๋ว AeroExpress อยู่ข้างๆ ซื้อตั๋วตรงนี้ได้เลย กดภาษาอังกฤษแล้วใส่เงินสด ตั๋วจะออกมาเป็นสลิปพร้อม QRโค้ดให้แสกนเข้าที่ประตูเข้าสถานีรถไฟค่ะ ประตูทางเข้าที่รัสเซียมีสำหรับทั้งผู้โดยสารและผู้โดยสารพร้อมกระเป๋าค่ะ
แด่ world wide communication
สิ่งสำคัญสำหรับทริปนี้ที่ขาดไม่ได้คือ อินเตอร์เน็ต เพราะต้องใช้ทั้ง แผนที่การเดินทาง (google map) แผนที่ในเมโทร (Yandex Metro) และวุ้นแปลภาษา (google translate) อีกด้วย ไหนจะต้องติดต่องานกับที่ออฟฟิศ เผื่องานที่ฝากไว้มีปัญหา งานนี้เลยต้องเสียค่าซิมราคาคนละ 1000 รูเบิล ตามที่รีวิวและน้องที่ทำงานบอกว่ามีร้านขายซิมอยู่หลายร้าน แต่ตอนเราไปถึงเป็นเวลาเย็นแล้ว เจออยู่แค่เจ้าเดียวก็เลยไม่มีตัวเลือก ต้องซื้อไป คนขายก็ใส่ซิมและเปิดบริการให้เรียบร้อย แต่เจ้านี้สัญญาณเน็ตค่อนข้างช้า แต่ไม่จำกัด แล้วก็โทรออกก็ไม่ได้ หรือเราไม่รู้วิธีโทรออกก็ไม่รู้ ลองกดเบอร์ที่ให้มาแล้วโทรหากันไม่ได้ แถมราคาก็แพงกว่าที่คนอื่นรีวิวไว้ด้วย
ซื้อเสร็จเดินออกมาออกจากสนามบินประตูนี้
มองไปก็เป็นทางเดินไปยังทางเข้า AeroExpress
ความช่วยเหลือจะมาหาผู้ที่ร้องขอเสมอ (ฟังคุ้นๆประหนึ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์)
จากสนามบินนั่งรถไฟ AeroExpress ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงสถานี Paveletskaya ปลายสายของ AeroExpress แล้วเดินตามคนหมู่มากไปยังสถานีเมโทร Paveletskaya (Павелецкая) ซึ่งเชื่อมต่อทั้งสายสีเขียวและสีน้ำตาล ซื้อตั๋วเมโทรแบบราย 20 เที่ยว ตั๋วที่นี่หนึ่งใบใช้ได้หลายคน ไม่จำเป็นต้องซื้อคนละใบ เพราะยิ่งซื้อจำนวนเที่ยวมากๆราคายิ่งถูกค่ะ
แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย 5 สีน้ำตาล Circle Line ไปยังสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) กว่าจะหาทางเข้าสถานีเพื่อจะลงใต้ดินได้ เดินงงๆ อยู่สองสามรอบ ลงไปแล้วก็ยังหาทางไปขึ้นรถไฟสายสีน้ำตาลไม่ได้สุดท้ายต้องมองหาหนุ่มๆรัสเซียหน้าตาดีเพื่อถามทาง เพียงแค่ถามคนแรกก็ได้คำตอบเป็นภาษาอังกฤษเลย จริงๆก็แค่ลงไปตามป้ายที่มีแถบสีอยู่ข้างบนแล้วก็มองหาสถานีที่จะไปว่าอยู่ด้านไหน แต่ที่ยากคือวันแรก รู้สึกมึนกับภาษารัสเซีย (จริงๆแล้วงงทั้งทริปนั่นแหละ) ปกติเวลานั่งรถไฟในญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ก็ยังมีป้ายภาษาอังกฤษแบบทับศัพท์อยู่บ้าง แต่นี่เป็นภาษารัสเซียล้วน ตั้งตัวไม่ทัน จะเปิดโทรศัพท์ก็เกะกะคนอื่นต้องหาที่หลบมุม ตอนถามก็เปิดโทรศัพท์ที่ลงแอพพลิเคชันของเมโทรไว้ให้เค้าดูชื่อสถานีที่จะไป ส่วนเราเหวอไปประมาณนึงคือแทนที่เค้าจะดู แต่กลับฉวยโทรศัพท์เราเอาไปถือไว้ แวบแรกก็แอบกลัวนิดนึงว่าจะโดนตบมือถือหรือเปล่า เป็นไอโฟน8 ที่เพิ่งถอยมาด้วย สุดท้ายหลังจากเค้าถือโทรศัพท์ชี้ไปชี้มาเพื่อบอกทางสักพักก็คืนโทรศัพท์มาให้ เฮ้อค่อยยังชั่ว ไม่โดนอะไรตั้งแต่วันแรก
นั่งรถไฟไปจนถึงสถานี Komsomolskaya ก็หาทางออกไม่เจออีก เดินวนไปมางงๆ ว่าจะออกทางไหนดีอยู่สักพัก ก็มีหนุ่มรัสเซียเดินมาถามว่าจะให้ช่วยอะไรมั้ย ตอนแรกก็ค่อนข้างลังเล แต่จากที่น้องที่ทำงานเล่าว่าคนรัสเซียเป็นแบบนี้ค่อนข้างมีน้ำใจ ก็เลยถามทางออกไปโรงแรมที่พักกับเค้า เค้าก็ใช้มือถือช่วยเราหาชื่อโรงแรมและทางไปแล้วสุดท้ายก็พาเราไปส่งถึงฝั่งทางไปโรงแรม แถมเรายังขอให้ช่วยอธิบายทางเข้าสถานี Leningradsky ที่ต้องขึ้นรถไฟไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กวันพรุ่งนี้อีกด้วย เราแปลกใจกับความช่วยเหลือขนาดนี้ก็เลยถามว่าจะมาทางนี้อยู่แล้วหรือเปล่า เค้าบอกเปล่า มาส่งเฉยๆ พอเราถามว่าต้องข้ามไปฝั่งตรงข้ามใช่ไหม ก็ทำท่าจะพาเราไปต่อ จนต้องบอกว่าไม่เป็นไร เราไปเองได้ เกรงใจมากๆ ระหว่างทางขึ้นบันไดเลื่อนรถไฟใต้ดินหนุ่มคนนี้ก็เล่าว่าบันไดเลื่อนของสถานีนี้ยาว 60 เมตรเชียวนะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น