ถ้ากรุงเทพเราสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่างๆครบตามแผน+รถไฟความเร็วสูง ไม่ต้องมองเวียดนามเลยครับ(ทิ้งขาด) จี้ตูดมาเลย์แน่นอน

เห็นแนวโน้มต่างๆ จากข่าวหลายๆแหล่ง ผมรู้สึกกังวล ว่าทำไมนักวิชาการต่างๆเราถึงมักจะมองด้านเดียว การจะทำนายอนาคต ต้องศึกษาให้ครอบคลุมทุกๆด้าน โชคดีที่ผมเรียนภูมิศาสตร์เมืองมา(มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งของไทย) รู้สึกตะขิดตะขวงใจมาก จึงอยากจะวิเคราะห์ตามความรู้ที่ผมได้รู้มา ดังนี้

1. เห็นมีหลายคนกังวลว่าอีก 30 ปี คือในปี 2050 เวียดนามจะมีGDP โตกว่าไทย ท่านทั้งหลายไม่ต้องกังวล เวียดนาม GDP โตกว่าไทยแน่นอนประชากรเวียดนาม110 ล้านคน+ GDP รวมของเวียดนามจะต้องแซงไทย ถ้าในปี 2050 GDP เวียดนามแซงไทยไม่ได้ เวียดนามจะอาการหนักมาก เพราะประชากรมีจำนวนมาก และเป็นประชากรวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ (GDPที่กล่าวถึง คือ เงินหมุนเวียนในประเทศ เขาเรียก GDP ใช่ไหมครับ กลัวใช้คำผิด)
2. ประชากรไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัย ประชากรไทยในปี2050 จะมีราวๆ75-80 ล้านคน หลายคนวิตกกังวลว่า จะไม่มีกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่แบบนั้น อุตสาหกรรมและงานบริการในปัจจุบัน คนไทยก็ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกันอยู่แล้ว แต่ในอุตสาหกรรมระดับล่างๆ ใช้แรงงานเยอะๆ ประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านต่างหากที่เป็นคนขับดันเศรษฐกิจมานานแล้ว ดังนั้นในปี 2050 ก็จะยังเป็นแบบเดิม เจ้าของธุรกิจ งานบริการจะเป็นคนไทย ส่วนการใช้แรงงานต่างๆ มักจะเป็นเพื่อนบ้าน
3. ภายในปี 2050 ระบบรถไฟสายสีต่างๆของไทย จะครอบคลุมทั้งกรุงเทพ และกระจายออกไปยังปริมณฑลทั้งหมด กรุงเทพจะยกระดับเป็นอภิมหานคร+นนทบุรี+สมุทรปราการ+ปทุมธานี(บางส่วน) โดยถ้าวัดเฉพาะกรุงเทพ เหนือกว่ากัวลาลัมเปอร์แน่นอน (แต่รวมทั้งประเทศน่าจะยังแพ้มาเลย์อยู่ แต่บีบเข้าใกล้กันมากขึ้น) ส่วนเวียดนามพึ่งเริ่มสร้างรถไฟ city line สายแรกๆในปัจจุบัน อีก30ปี ไม่มีทางสร้างครอบคลุม โฮจิมินทร์หรือฮานอยได้แน่นอน ดังนั้นเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ+สาธารณูปโภคพื้นฐาน ยังไงเวียดนามก็ยกระดับขึ้นมาสู้ไทยไม่ได้ เพราะเราเริ่มก่อนมานานและพัฒนาทุกวัน (ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเห็นเป็นสิ่งง่ายๆ แต่จริงๆแล้ว ใช้งบลงทุนมหาศาลและใช้เวลามาก ดังนั้นแล้วระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ เวียดนามตามไทยห่างครับ ห่างมากด้วย
4. เวียดนามจะยกระดับตนเองจากประเทศคู่ค้ามากลายเป็นคู่แข่งไทยอย่างเต็มตัว สินค้าหลายๆชนิดจะต้องมีการปรับตัว เพราะสินค้าเวียดนามจะราคาถูกกว่าของไทย ทำให้ขายได้มากกว่า(ตรงนี้ภาคธุรกิจต้องมีการเปลี่ยนและปรับอย่างมาก)
5. จากระบบสาธารณูปโภค (ตามข้อ3) ระบบมวลชนทางราง และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากที่ไทยบูมเรื่องการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การท่องเที่ยวจะยิ่งบูมมากกว่าเดิม GDPหลักของไทยจะกลายมาเป็นการท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว แซงหน้าการส่งออกชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และแผงวงจรอิเลคโทรนิกส์
6. มีเรื่องเดียวที่น่าเป็นห่วง คือ การศึกษาของประชากร โดยเฉพาะขั้นพื้นฐาน ถ้าไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ในปี 2050 การศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียนแน่นอน ความห่างระหว่างคนเรียนเก่งกับคนเรียนไม่เก่งจะห่างกันมากกกก คนเรียนเก่งของไทยในระดับมหาวิทยาลัยรัฐบาลจะอยู่ในระดับเดียวกับมาเลเซีย(ที่2หรือ3ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์) แต่สำหรับคนที่เรียนไม่เก่งจะอยู่ในระดับต่ำกว่าลาวหรือกัมพูชาอีก (ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การศึกษาขั้นพื้นฐานไทย รั้งท้ายแน่นอน)

**ดังนั้น ในปี2050 ที่มีนักวิชาการวิเคราะห์อะไรต่างๆ ถ้าดูที่จำนวนเงินในระบบ เวียดนามแซงไทยแน่นอน ด้วยจำนวนประชากร 110ล้านคน+ รวมทั้งด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานที่นำหน้าไทยเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ต้องมาเทียบเลยครับ ห่างจากไทยสุดกู่ ในทุกๆด้าน กรุงเทพจะกลายเป็นอภิมหานครของโลกอย่างเต็มตัวช่องว่างระหว่างไทยและมาเลย์จะบีบเข้าหากัน มากกว่าที่เวียดนามจะบีบเข้าหาไทยซะอีก ส่วนไทยจะแซงมาเลย์ได้หรือไม่ได้(ส่วนตัวคิดว่าแซงมาเลย์ไม่ได้) จะต้องใช้ต่างจังหวัดเป็นตัววัด ซึ่งในอีก 30 ปี ผมไม่ทราบว่าต่างจังหวัดของเราจะพัฒนาอะไรไปบ้าง ดังนั้นจึงประเมินไม่ออกครับ  เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเวียดนามเลย  เรามาช่วยกันดีกว่าว่าจะพัฒนาประเทศยังไงถึงจะแซงมาเลย์ได้ เพราะไทยมีศักยภาพและพร้อมมากๆที่จะแซงมาเลย์จริงๆ ถ้าร่วมกันทุกฝ่าย**

ป.ล. ภาพรวมเวียดนามจะแซงไทยได้ในปี 2050 ตามที่นักวิชาการต่างๆกังวล คือ ไทยเราเกิดภัยธรรมชาติแบบรุนแรง เกิดวิกฤติเศรษฐกิจแบบหนักๆอีกครั้งหรือเกิดสงครามกลางเมือง แบบนี้แหละครับ เวียดนามถึงจะแซงไทยได้จริงๆในปี 2050
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่