DOD มาได้จังหวะที่ตลาดหุ้นกำลังขาดสีสัน และขาดอะไรใหม่ๆ และหุ้นตัวนี้เข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีมีที่มาไม่ธรรมดา.

จากการเมืองสู่ตลาดหุ้น DOD โดย มิตร กัลยาณมิตร เว็บ Share2Trade
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=2932
#share2trade #DDD #IPO

    ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยท่านผู้อ่านครับ ที่หายไป เนื่องจากผมป่วย เป็นไข้หวัด เลยทำให้หายไป แม้จะยังไม่หายดี แต่ก็พร้อมจะกลับมาให้ข้อมูลกับทุกท่านแล้วครับ ครั้งนี้มาพร้อมกับหุ้นน้องใหม่ DOD หรือ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) มาได้จังหวะที่ตลาดหุ้นกำลังขาดสีสัน และขาดอะไรใหม่ๆ และหุ้นตัวนี้เข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะมีที่มาไม่ธรรมดา


    จากจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัวนายตำรวจ ที่เคยทำหน้าที่ตรวจจับหลายเรื่อง อยู่มาหลายหน่วยงาน จนล่าสุดน่าจะอยู่ กองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ "พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ" ปัจจุบันเป็น ผกก.กลุ่มงานวิจัยฯ 3 วจ. และที่สำคัญเป็น "สามี" ของ "ศุภมาส อิศรภักดี" คนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเคยเป็น "นักการเมือง" มาก่อน จากพรรคไทยรักไทย จนกระทั่งตำแหน่งสุดท้าย คือ "โฆษกพรรคภูมิใจไทย"
    "ศุภมาศ อิศรภักดี" หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ผึ้ง" อดีตเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 13 (หลักสี่) พรรคไทยรักไทยในปี พ.ศ. 2544 และ ปี พ.ศ. 2548 ก่อนจะมาลงสมัครเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย โดยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 แต่ครั้งนี้ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร เขต 11 แพ้คะแนน "สุรชาติ เทียนทอง" ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ในทางการเมือง ตำแหน่งล่าสุด นอกจากเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย แล้วยังรั้งตำแหน่งโฆษกพรรคอีกด้วย
    อยู่ในแวดวงการเมือง อาจจะทำให้เครียด เลยหันมาทำธุรกิจ ไม่รู้ว่าจะเครียดเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ การเกิดขึ้นของ DOD หรือ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) ไม่ธรรมดาแน่นอน เริ่มจากคุณแม่สามี ก่อนจะถ่ายโอนให้มาเป็นของคุณลูก มีการปรับโครงสร้างใหม่ เพิ่มทุน แล้วก็ปรากฎชื่อของ "ศุภมาศ อิศรภักดี" มานั่งเป็นหัวเรือใหญ่ โดยมีครอบครัว "พรรธนประเทศ" ของสามีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
    ได้เจอกันครั้งแรก ในวันโรดโชว์ที่ตลาดหลักทรัพย์ "ศุภมาศ" หรือ ผึ้ง บอกว่า หุ้น DOD น่าสนใจ เพราะตลาดขาดของดี ของใหม่ ทำให้ไม่คึกคัก ก่อนจะมีสื่อมวลชนท่านหนึ่งถามว่า ราคาขายชอบราคาไหน ระหว่าง 8 และ 9 บาท ก่อนจะสรุปออกมาที่ 9.30 บาท และจะเข้าเทรดวันที่ 20 มิถุนายน นี้
    ในเชิงพื้นฐานของ "DOD" ราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ อยู่ประมาณ 11-12 บาท ในฐานะผู้ให้บริการครบวงจรด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะเป็นธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ให้ลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์และบริษัท Trading Company ทั่วไปในประเทศ ซึ่ง DOD เป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์ ผลิต ออกแบบตลอดจนให้บริการจดทะเบียนกับอย. และให้คำปรึกษาด้านการตลาด
    ตรงนี้ถือว่ามีความได้เปรียบ เพราะคิดค้น จัดการ รับจ้างผลิต ทำให้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ถ้ามีอัตราการเติบโตจริง จะทำให้แนวโน้มของ DOD จะเติบโตชัดเจนในฐานะต้นน้ำของอุตสาหกรรม และที่สำคัญก็คือ ความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับสูง GPM 60% และ NPM 37% ในปี 2560 ที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มผู้รับจ้างผลิตราว 23%
    จะว่าไปแล้วอุตสาหกรรมนี้หากใครติดตามจะพบว่า มีความแข็งแกร่งมาก เพราะมีความใกล้เคียง 1 ใน 4 ปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น การตื่นตัวเรื่องรักษาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั้งในไทย และต่างประเทศ กำลังส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ใคร คนใด หรือกลุ่มใดอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นทุกเพศทุกวัย บวกกับ เทคโนโลยีช่องทางการจัดจำหน่าย และตัวสินค้าที่พัฒนามากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงและบริโภค สุดท้ายล่าสุดนี้ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจแบบตรงไป ตรงมา เมื่อภาครัฐไล่ตรวจจับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน โฆษณาเกินจริง ก็จะเหลืออยู่กับ "ตัวจริง" เท่านั้น
    DOD เข้าตลาดเพื่อหวังเติบโตมากขึ้น โดยการสร้างโรงสกัดแห่งที่ 2 เพื่อต้องการเพิ่มรายได้จากการรับจ้างสกัดสารจากลูกค้าภายนอก และลดต้นทุนในการผลิตลง และต้องการปั้นสินค้าแบรนด์ตัวเอง 1% ในปี 2560 เป็น 10% ภายในปี 2563 โดยจะรุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยมองไกลไปถึงต่างประเทศ แต่ฟังดูแล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างจากรายอื่นๆ มากนัก เช่น ในจีน และกลุ่ม CLMV
    จาก "วิศวกรสาว" จากรั้วจามจุรี เคยทำงานตำแหน่งเอ็นจิเนียในบริษัทเอกชนประมาณ 6 ปี แม้เป็นอาชีพที่มั่นคง มีรายได้มากโข แต่ก็ไม่สามารถที่จะรั้งหัวใจเอาไว้ได้ จึงสลัดคราบเอ็นจิเนียริ่งสาวลงสู่สนามการเมือง และที่สำคัญ "เป็นการตัดสินใจเอง เพราะไม่ได้มีใครชักชวน" เริ่มต้นจากการสมัครเข้าเป็นสมาชิก "พรรคชาติพัฒนา" แต่ก็ไม่ได้รับเลือกให้ลงสนามเลือกตั้ง ก่อนจะตัดสินใจย้ายค่าย ไปสมัครเป็นสมาชิก "พรรคไทยรักไทย" ซึ่งขณะนั้นกำลังต้องการ "คนรุ่นใหม่ ไฟแรง" นักการเมืองหน้าใหม่ๆ ลงเล่นการเมือง โดยได้รับการสนับสนุนจาก "เสนาะ เทียนทอง" ให้ลงสมัครในนามพรรคไทยรักไทย "เขตหลักสี่" ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 และชนะการเลือกตั้ง ได้เข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นครั้งแรก จากกระแสความนิยมในพรรค ทำให้เธอได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น มีคะแนนมาในอันดับที่ 1
    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ กับ "วิกฤตทางการเมือง" หลังการปฏิวัติ 19 กันยาฯ "ศุภมาส" หรือคุณผึ้ง ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกับ "อนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จุดนี้เอง ที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองอีกครั้ง จากนักการเมือง มาสู่ธุรกิจร้านอาหาร จนกระทั่งมา DOD แต่ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น "เรณุมาส อิศรภักดี" พี่สาว ก็เป็นนักการเมืองด้วยเช่นกัน แต่เป็นสมาชิกสภากทม. หรือ สก. ส่วนคุณผึ้ง เคยเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัย "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี และคุ้นเคยงานในกระทรวงสาธารณะสุขดี จึงอย่าแปลกใจ ถ้าวันนี้ จะมาลุยงานด้านอาการเสริมความงาม และสุขภาพ
    การเทรดวันแรก ก็ต้องมาดูกัน ว่าหุ้นการเมืองรายนี้จะสร้างความประทับใจได้หรือไม่ เพราะคู่เปรียบอย่าง MEGA ก็เคยเล่นแบบหวือหวามาก่อนเหมือนกัน ในช่วงที่เข้าเทรดใหม่ๆ แต่ก็ทิ้งดิ่งในเวลาต่อมา แต่ปัจจุบันถือว่าทำได้ดี เพราะราคาได้กลับขึ้นมาอยู่ข้างบน ก็จะแฮปปี้สำหรับคนถือยาว แต่บรรดา "ขาช้อปเล่นสั้น" คงปาดน้ำตาไปตามระเบียบ หรือคู่เปรียบอีกราย APCO หุ้นเปลือกมังคุด เข้าตลาดมาใหม่ๆ ดูคึกคักดี แต่โดนอย.เบรคหน้าหงาย ทำให้วันนี้ อยู่ในอาการง่วงซึม ถือเป็นปัจจัยลบของหุ้นประเภทนี้ แม้ 2 รายที่ว่า จะมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน การทำการตลาดแตกต่างกัน แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือ "กลุ่มคนรักสุขภาพ"
    หุ้น MEGA และ APCO เทรดกันบนพีอีเฉลี่ย 32 เท่า บนพาร์ 0.50 บาท เท่ากัน แต่ที่น่าตกใจก็คือ กำไรต่อหุ้นของ DOD ช่วงไตรมาส 1 กระโดดมาก คือ กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.37 บาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว 0.11 บาท ถือว่ากระโดดมาก และปี 2560 ทั้งปี กำไรต่อหุ้นทำได้ที่ 0.47 บาท ขณะที่บุ๊คแวลู่ เดิม 0.95 บาท ปัจจุบัน 0.58 บาท (หลังจ่ายปันผล) อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.48 เท่า ถือว่าสูงอยู่ เป็นการปรับขึ้นหลังจ่ายเงินปันผล ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ที่ 0.90 เท่า เป็นการปรับเพิ่มขึ้นหลังบริษัทมีการจ่ายปันผลไปกว่า 100 ล้านบาท
    ราคาขายหุ้น 9.30 บาทต่อหุ้น เป็นราคาสูงสุด ในช่วงของการกำหนดราคา หากคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2560 ถึงไตรมาส 1 ปี 2561) จะเท่ากับ 219.87 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้จำนวน 410.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.54 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ประมาณ 17.22 เท่า เสมือนหนึ่งยังพอมีอัพไซด์ให้กับนักลงทุน เทียบกับพีอีของคู่เทียบอย่าง MEGA และ APCO
    สุดท้ายก็ต้องมาวัดกันที่ชื่อเสียงของ "ศุภมาส" หรือคุณผึ้ง ว่าจะขลังแค่ไหนในตลาดหุ้น เพราะที่นี่เป็นตลาดปราบเซียน และมีคนถามว่า นี่คือ "หุ้นการเมือง" ใช่หรือไม่ ตอบได้เลยว่า วันนี้ ทั้งพี่และน้อง อยู่ด้วยกันที่นี่ครับ ปี่กลองการเมืองยังไม่เริ่ม น่าจะไตรมาส 1 หรือ 2 ปีหน้า ก็อย่าเพิ่งคิดมาก บทบาทตรงนี้ จะเป็นตัววัดว่า "ฝีมือ" ของ  "วิศวกรสาว" จากรั้วจามจุรี จะทำได้ดีแค่ไหน และงบไตรมาส 1 จะเป็นฐานได้จริงหรือไม่ หรือแค่ไตรมาสเดียว ที่งบกระโดดแบบนี้
    เพราะทุกคนต้องตัดสินใจกันเองครับ !!

////////////////////////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/
                        www.share2trade.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่