ก่อนที่จะได้อธิบายขยายความตามหัวข้อกระทู้ที่ตั้งไว้นั้น
อรชุนต้องขอออกตัวก่อนว่าตัวผมเองเป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่ผู้รู้
ทั้งการศึกษาธรรมะและการปฏิบัติธรรมก็ยังทำไปตามใจชอบอีกด้วย
จึงไม่ได้มีหลักสูตรหรือหลักการอะไรมาเป็นเครื่องประกอบมากมายนัก
การอธิบายธรรมะตามที่ตนเองเข้าใจจึงขอใช้สำนวนแบบชาวบ้านก็แล้วกัน
และให้ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเพียงแค่นั้น
ซึ่งจะเข้าใจผิดหรือถูกอย่างไรขอให้ท่านใช้สติปัญญาของตนพิจรณาตามเนื้อความดังนี้
เวทนาทางใจนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัญญาและสังขารในลักษณะที่ว่า
สัญญาและสังขารที่ทำเอาไว้เป็นอย่างไรเราก็ต้องเสวยอารมณ์ตามนั้น
โดยเฉพาะการสมมติขึ้นซึ่งสภาวะแก่สิ่งต่างๆ ให้เห็นว่ามีสูงมีต่ำหรือมีดีมีชั่ว เป็นต้น
สภาวะเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความคิดที่เป็นตัณหาหรือเหตุแห่งทุกข์
การละการปรุงแต่งประเภทนี้จึงได้ชื่อว่าขึ้นสู่ทางสายกลาง
และตรงทางสายกลางนี่เองที่ทำให้เราได้รู้ถึงพุทธิแห่งตนหรือความเป็นพุทธะอันสงบ
ซึ่งการละการปรุงแต่งอย่างนี้นั้นก็เป็นการละความยินดียินร้ายที่จะนำพาไปสู่แดนเกิดได้ครับ
อรชุนขออธิบายสั้นๆ แล้วกันนะครับ เพราะเรื่องมันก็สั้นๆ อยู่แล้ว
อธิบายใส่รายละเอียดให้ยืดยาวไปก็เป็นการเฝือเสียเปล่าๆ
และหากท่านเห็นว่าเนื้อความที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้นนี้ มีความผิดพลาดประการใด
อรชุนก็ขอรบกวนให้ท่านช่วยแนะนำแก่อรชุนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยนะครับ
อนึ่งการได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับเพื่อนๆ ในที่นี้ บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีกำลังใจ
เพิ่มขึ้นได้เหมือนกันครับ เพราะว่าคนรอบข้างนั้นไม่มีใครสนใจอะไรแบบเราเลยนั่นเอง
พุทธิ คือทางสายกลาง
อรชุนต้องขอออกตัวก่อนว่าตัวผมเองเป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่ผู้รู้
ทั้งการศึกษาธรรมะและการปฏิบัติธรรมก็ยังทำไปตามใจชอบอีกด้วย
จึงไม่ได้มีหลักสูตรหรือหลักการอะไรมาเป็นเครื่องประกอบมากมายนัก
การอธิบายธรรมะตามที่ตนเองเข้าใจจึงขอใช้สำนวนแบบชาวบ้านก็แล้วกัน
และให้ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเพียงแค่นั้น
ซึ่งจะเข้าใจผิดหรือถูกอย่างไรขอให้ท่านใช้สติปัญญาของตนพิจรณาตามเนื้อความดังนี้
เวทนาทางใจนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัญญาและสังขารในลักษณะที่ว่า
สัญญาและสังขารที่ทำเอาไว้เป็นอย่างไรเราก็ต้องเสวยอารมณ์ตามนั้น
โดยเฉพาะการสมมติขึ้นซึ่งสภาวะแก่สิ่งต่างๆ ให้เห็นว่ามีสูงมีต่ำหรือมีดีมีชั่ว เป็นต้น
สภาวะเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความคิดที่เป็นตัณหาหรือเหตุแห่งทุกข์
การละการปรุงแต่งประเภทนี้จึงได้ชื่อว่าขึ้นสู่ทางสายกลาง
และตรงทางสายกลางนี่เองที่ทำให้เราได้รู้ถึงพุทธิแห่งตนหรือความเป็นพุทธะอันสงบ
ซึ่งการละการปรุงแต่งอย่างนี้นั้นก็เป็นการละความยินดียินร้ายที่จะนำพาไปสู่แดนเกิดได้ครับ
อรชุนขออธิบายสั้นๆ แล้วกันนะครับ เพราะเรื่องมันก็สั้นๆ อยู่แล้ว
อธิบายใส่รายละเอียดให้ยืดยาวไปก็เป็นการเฝือเสียเปล่าๆ
และหากท่านเห็นว่าเนื้อความที่ได้อธิบายไว้ในข้างต้นนี้ มีความผิดพลาดประการใด
อรชุนก็ขอรบกวนให้ท่านช่วยแนะนำแก่อรชุนให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยนะครับ
อนึ่งการได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับเพื่อนๆ ในที่นี้ บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีกำลังใจ
เพิ่มขึ้นได้เหมือนกันครับ เพราะว่าคนรอบข้างนั้นไม่มีใครสนใจอะไรแบบเราเลยนั่นเอง