ตามหัวข้อครับ แต่อาจจะยังไม่ชัดเจน จะลองขยายความดูนะครับ
.
ก่อนจะเคยกลายเป็นคนไร้ความเป็นมนุษย์เนี่ย.. ก่อนจะเล่า ต้องขยายความหมายคำว่า ไร้ความเป็นมนุษย์ของผมก่อน
เพราะ บางส่วนอาจจะแปลความหมายไปในทางลบ ทางไม่ดี ทางแย่ๆ
.
คนไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้ความรู้สึก ในความหมายของผมคือ
"ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แค้น ไม่ชอบ ไม่รัก ไม่ทุกข์ ไม่สุข"
"ไม่มีอะไรสำคัญ เหลือแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่เกิดมา มีความฝันอยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากมีนุ่นมีนั่น ไม่อยากนุ่นนั่นทุกอย่าง ถูกลบออกหมด"
"เหมือน ไม่มีสี แม้แต่หลายๆคนที่บอก เป็นดำ เป็นขาว เป็นเทา 3 สีพวกนี้ก็ไม่มีเลย"
(สำหรับคนไม่อยากอ่าน ข้ามไปล่างสุดของโพสได้เลย)
"เหมือนหุ่นยนต์ที่รอรับคำสั่ง ถ้าหมดประโยชน์ก็ทำลายทิ้งได้เลย หุ่นยนต์ไม่มีความเห็นหรือคัดค้านอะไรอยู่แล้ว"
...
ครับ
เมื่อก่อนจะกลายเป็นแบบนั้น ผมก็เป็นคนปกติ เป็นคนที่แข็งแกร่งซะด้วย ไม่อ่อนแอ คิดได้ EQ โบ๊ะบ๊ะ ปัญหามา ก็แก้ได้หมด
อารมณ์ดี สุขภาพจิต ดีปกติทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่ง.. ผมไปเจอรุ่นพี่คนนึง ผมนัดไปคุยปรึกษาอะไรต่างๆนาๆ
เรื่องทุกข์ร้อนใจ เพื่อนและงานต่างๆ เขาให้ประโยคแรกกับผม ในวินาทีแรกๆที่เจอกัน
"ต้องการอะไร" "แล้วพี่จะได้อะไร"
ผมก็ไม่ได้คิดมากกับประโยคคำถามพวกนี้ผมก็ตอบๆไป "ผมต้องการรู้______ครับ ส่วนพี่จะได้อะไรอันนี้ผมไม่รู้"
จากนั้นผมก็ค่อยๆคุยทีละหัวข้อ ก็มีหลายประเด็นที่ผมคุยไป เขาเน้นประโยคเดียวทุกหัวข้อที่คุยเลยครับ
จนทุกวันนี้ จำได้ไม่ลืม และคาดว่าจะไม่มีวันลืม นั่นคือ "แล้วมันจะไปสำคัญอะไร" "ที่แกทำไป มันได้อะไร"
ผมไม่เข้าใจคำตอบเลยว่า อ้าว ผมก็อยากทำไง เพราะนุ่น เพราะนี่ ก็ตอบๆไป
ผมยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ผมก็ตัดสินใจถามเขาว่า ทำไมถึงเน้นประโยคพวกนี้บ่อยจัง
เขาตอบ
"ฉันแค่ต้องการรู้ว่า ไอ้ที่แกทำมา มันสำคัญกับแกจริงๆหรอ มันได้ประโยชน์จริงๆหรอ ประโยชน์จริงๆที่แกหวัง
สิ่งที่แกต้องการจริงๆ มันคือสิ่งที่แกกำลังทำอยู่ ที่พยายามอยู่จริงๆหรอ"
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องของเขา เรื่องราวของเขา story โคตรหดหู่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือหลอก แต่น้ำเสียง วิธีการพูด
ผมว่าผมไม่โง่ด้วย ในเรื่องจับผิดถูก และดูคนออก เขาไม่มีเหตุผลที่จะโกหก
ทำให้ผมแบบเสียใจตามแบบใจจริง
ผมสรุปแค่ประโยคๆนะครับ ไม่เล่าเพราะจำไม่ได้ ไม่อยากเล่ามั่ว เรื่องยาวจริง
"ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ให้ฉันตายก็ได้เลยตอนนี้ มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ อะไรทำให้ฉันต้องมีชีวิตอยู่"
ในความหมายนี้ก็คือ แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่น่าจะมีแล้ว เพื่อนก็คงตายหมด แฟนก็คงทำร้ายยิ่งกว่าละคร ไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อ ต่างๆนาๆ เป็นต้น
เขาเปิดประตูอีกโลก เปิดโลกของเขาให้ผมดู มันทำให้สิ่งที่ผมลบหลู่อย่างแบบ คนซึมเศร้า คนฆ่าตัวตาย คนไม่มีความรู้สึก ต่างๆ
ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะยังไงคนเราก็ต้องมีความรู้สึก แล้วมีจริง
แล้วเขาก็ยัดคำพูดแบบ "เราจะได้อะไร" "มันจะสำคัญอะไร" ให้เราฟัง
จนผมบอกไปว่า เห้ย ถ้าคนมันไม่มีความรู้สึก แล้วมันก็จะทำให้รู้วิธีแก้ปัญหาต่างๆได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นก็ดีดิพี่ ผมก็อยากลองเป็นนะ
พี่เขาตอบ "เชื่อเถอะ แกไม่อยากเป็น ถ้าแกเป็นแกก็จะอยากกลับไปมีชีวิต"
ผมเงียบซักพักแล้วก็เออ ออ ตามเขาไป
เขาก็เล่าเรื่องหดหู่ เรื่องปรัชญาให้ฟัง เราก็เริ่มซึมซับความเป็นคนไร้ความเป็นมนุษย์
เริ่มทำให้ เอาเรื่องที่สำคัญ เรื่องที่คิดมาก คิดถึง ทุกข์ สุข ความฝันค่อยๆหายไป ผมรู้สึกอย่างนั้น
รู้ตัวอีกทีหลังจากใกล้จบการสนทนา ว่าผมรู้สึกว่าร่างกายโล่งมาก สมองโล่งสุดๆ แล้วไอ้ความที่คิดถึงเรื่องเก่าๆอย่างแฟนเก่าสุดเศร้า ก็ไม่รู้สึกห่าไร
ความฝันเอย สิ่งที่ผมต้องไปโรงเรียนนั้นเพราะเพื่อเอาความรู้ไปใช้ในอนาคตกับสิ่งที่ผมอยากทำเอย หลายๆอย่าง.. "จะไปสำคัญอะไร"
อารมณ์ที่มนุษย์มีก็กลายเป็นไม่มีเสียแล้ว.. พ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง คนรอบข้าง ให้ผมฆ่าซักคน ผมไม่รู้สึกเลยอ่ะ เฉยๆด้วย
ข้าวก็ไม่หิว ไม่ง่วง ไม่อะไรทั้งนั้น อ่ะมันเป็นช่วงที่ผมยังเรียน นศท. ผมคิดเรื่องไปเรียนในค่าย มันทำให้ผมมีความรู้สึกเว้ย
ที่ว่า.. รอให้เขาสั่ง เราก็ทำตาม รอให้เขาใช้งาน เราก็ทำตามหน้าที่ ให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งๆที่คนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ไม่อยากโดนสั่ง
ผมรู้สึกกลัวตัวเองตอนนั้นมากเลย ถ้าย้อนอดีตไปคุยกับตัวเองตอนนั้นได้นี่ ผมคงตัวสั่นไปคุยไปแน่ๆ
เรื่องราวที่เขาเล่า ประโยคที่เขาเน้นมา คำถามที่เราไม่เคยเจอ ทำให้ผมแม่งกลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ตัวนึงไปเลย
จากที่ชอบเล่นเกม ฟังเพลงอื่นๆ ก็เฉยๆ หลังจากวันนั้นคุยกันเสร็จ ถ้าเขาไม่บอกวิธีกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ผมนี่คงจะ นั่งเฉยๆ อาจจะไม่หายใจก็ได้ นั่งนิ่งๆ ในหัวสมองไม่มีอะไรเลย อารมณ์ ความรู้สึก ทุกๆอย่าง พ่อหรือแม่ที่เรารัก เราก็ไม่ได้รักแล้ว
เขาบอกวิธีมีแค่ 2 คือ
1.ไปฟังคนอื่นๆพูด อย่างแบบ ไปเฝือกชาวบ้านเขา ไปฟังคำนินทา ฟังเรื่องเล่า อยู่กับกลุ่มคนที่พูดคุยกัน
รับน้ำเสียง รับอารมณ์ รับสีหน้าคนอื่น เหมือนค่อยๆเติมสีจาก"คน"อื่น = ค่อยๆสร้างตัวเองให้เป็นคนปกติอีกครั้ง
2.ตามหาสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ สิ่งที่ทำให้เราต้องมีชีวิต สิ่งที่ทำให้เรามีหน้าที่ต้องทำอะไรบางอย่างในตอนที่มีชีวิต"
ถ้ารู้แล้ว เราก็จะรู้สึกว่าสำเร็จแล้ว รู้แล้ว = 50/50 สำเร็จเป้าหมายแล้วตาย/รู้เป้าหมายแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ด้วยที่ว่าผมบอกข้างต้นไป ผมแข็งแกร่ง ผมมั่นใจในตัวเอง ผมสามารถปรับอารมณ์ คุมตัวเองได้ทุกสถานการณ์
และปรับตัวได้ตลอดเวลา ผมจึงพยายามหาวิธีด้วยตัวเอง
(3.) ฝืนยิ้ม ฝืนว่ามีอารมณ์ มีความรู้สึก คิดว่าเรามี คิดว่าเราทำได้ เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่มองว่าเป็นเรื่องใหญ่
จริงๆมันก็เรื่องใหญ่เลยนะ ทำให้มนุษย์คนนึงกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้
จนกระทั่งผมแม่งกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง ผมก็กลับไปคิดดูว่า ที่กลายเป็นแบบนั้นอ่ะ มันมีทั้งดีและเสียยังไง
จะกลับมาประเด็นให้ได้นะครับ เผลอพิมพ์เพลิน
ข้อดี : พอในหัวมันโล่ง เพราะมันปัดความสำคัญ ความจำเป็นทุกอย่างที่เป็นของปลอม เพราะมันไม่ใช่สิ่งสำคัญจริงๆที่เกี่ยวกับว่า ทำให้มีชีวิตอยู่
แล้วมันได้รับเป้าหมาย หรือหน้าที่ สิ่งที่ต้องทำ หรือมีปัญหาอะไร จะรู้วิธีทันที และทำมันสำเร็จอย่างรวดเร็ว จะแก้ไขมันอย่างถูกจุด 100%
เหมือนคอมพิวเตอร์ถ้าคอมมันไม่ได้ติดตั้งอะไรเยอะแยะ แล้วมีแต่โปรแกรมที่จำเป็นที่ทำให้คอมมันเปิดได้อยู่
มันก็จะทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ ไหลลื่น ไม่ช้า หลุด กระตุกเลย และรู้ผลลัพธ์ทั้งผลกระทบ ดี และไม่ดี ที่จะเกิด
ไอ้นักจิตวิทยาบางคนที่พูดๆ ให้พวกเรานั้นตาสว่าง กลายเป็นเด็กเล็กๆไปเลย เหมือนไร้ประโยชน์ไปเลย
ข้อเสีย : ไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น จะทำผิดขั้นฆ่าคน ก็ไม่คิดอะไร สิ่งที่สำคัญที่ถูกปัดทิ้งไป ก็จะไม่ทำมันอีก หยุดทำหน้าด้านๆ
เช่น ไม่ไปเรียน ไม่หิวข้าว ไม่คุยกับใคร ถ้าไม่สำคัญจริงๆ ถ้าไม่เกี่ยวกับว่า ทำให้เรารู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็จะปัดทิ้งไปเลย
หรือแม้ความฝันที่เราอยากจะเป็น ตั้งแต่เด็กๆ แล้วความตั้งใจแรงกล้านั้น ก็ไม่อยากทำมันอีก เลิกกันด้านๆเลย
สีหน้าไม่แสดง ไม่อยากอะไรทั้งนั้น ไม่ทุกข์ ไม่สุข ถ้าถูกชวนอะไรก็จะถูกปิดกั้นปฏิเสธด้วยคำว่า "จะไปสำคัญอะไร เพื่อไร ไม่เอาไม่ทำไม่ไป"
ผมคิดว่าผมอยากกลับไปเป็นแบบนั้น แค่อยากกลับไปไม่มีความรู้สึกเฉยๆ แค่อารมณ์ความรู้สึก แต่เก็บความสำคัญที่เราจะทำไว้
ถึงจะเลือกไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปได้ ก็จะพยายามเก็บความสำคัญไว้ให้แน่นที่สุด จะได้ไม่เผลอปัดทิ้งไป
ขอโทษครับที่ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่เล่าไป มันตรงประเด็นกับหัวข้อมั้ย(?)
เป็นไปได้ก็อยากรู้ประสบการณ์ของคนที่เคยเป็นแบบนี้ หรือ ใกล้เคียงมาก่อนครับ มาแชร์กัน
และถ้าจำวิธีที่กลายเป็นแบบนี้ได้ก็บอกกันได้นะครับ ผมประสงค์อยากจะเป็น ผมคิดว่าดี ที่จะลองกลับไปเป็นอีกครั้งครับ
ส่วนเหตุผลที่อยากจะเป็นก็ ช่างมันเถอะ ผมอยากกลับไปเป็น .. 555
เคยกลายเป็นคนไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้ความรู้สึก อยากกลับไปเป็นแบบนั้น ใครเคยเป็น อยากได้วิธีครับ
.
ก่อนจะเคยกลายเป็นคนไร้ความเป็นมนุษย์เนี่ย.. ก่อนจะเล่า ต้องขยายความหมายคำว่า ไร้ความเป็นมนุษย์ของผมก่อน
เพราะ บางส่วนอาจจะแปลความหมายไปในทางลบ ทางไม่ดี ทางแย่ๆ
.
คนไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้ความรู้สึก ในความหมายของผมคือ
"ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แค้น ไม่ชอบ ไม่รัก ไม่ทุกข์ ไม่สุข"
"ไม่มีอะไรสำคัญ เหลือแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่เกิดมา มีความฝันอยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากมีนุ่นมีนั่น ไม่อยากนุ่นนั่นทุกอย่าง ถูกลบออกหมด"
"เหมือน ไม่มีสี แม้แต่หลายๆคนที่บอก เป็นดำ เป็นขาว เป็นเทา 3 สีพวกนี้ก็ไม่มีเลย"
(สำหรับคนไม่อยากอ่าน ข้ามไปล่างสุดของโพสได้เลย)
"เหมือนหุ่นยนต์ที่รอรับคำสั่ง ถ้าหมดประโยชน์ก็ทำลายทิ้งได้เลย หุ่นยนต์ไม่มีความเห็นหรือคัดค้านอะไรอยู่แล้ว"
...
ครับ
เมื่อก่อนจะกลายเป็นแบบนั้น ผมก็เป็นคนปกติ เป็นคนที่แข็งแกร่งซะด้วย ไม่อ่อนแอ คิดได้ EQ โบ๊ะบ๊ะ ปัญหามา ก็แก้ได้หมด
อารมณ์ดี สุขภาพจิต ดีปกติทุกอย่าง ไม่มีปัญหาอะไรเลย จนกระทั่ง.. ผมไปเจอรุ่นพี่คนนึง ผมนัดไปคุยปรึกษาอะไรต่างๆนาๆ
เรื่องทุกข์ร้อนใจ เพื่อนและงานต่างๆ เขาให้ประโยคแรกกับผม ในวินาทีแรกๆที่เจอกัน
"ต้องการอะไร" "แล้วพี่จะได้อะไร"
ผมก็ไม่ได้คิดมากกับประโยคคำถามพวกนี้ผมก็ตอบๆไป "ผมต้องการรู้______ครับ ส่วนพี่จะได้อะไรอันนี้ผมไม่รู้"
จากนั้นผมก็ค่อยๆคุยทีละหัวข้อ ก็มีหลายประเด็นที่ผมคุยไป เขาเน้นประโยคเดียวทุกหัวข้อที่คุยเลยครับ
จนทุกวันนี้ จำได้ไม่ลืม และคาดว่าจะไม่มีวันลืม นั่นคือ "แล้วมันจะไปสำคัญอะไร" "ที่แกทำไป มันได้อะไร"
ผมไม่เข้าใจคำตอบเลยว่า อ้าว ผมก็อยากทำไง เพราะนุ่น เพราะนี่ ก็ตอบๆไป
ผมยังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ผมก็ตัดสินใจถามเขาว่า ทำไมถึงเน้นประโยคพวกนี้บ่อยจัง
เขาตอบ
"ฉันแค่ต้องการรู้ว่า ไอ้ที่แกทำมา มันสำคัญกับแกจริงๆหรอ มันได้ประโยชน์จริงๆหรอ ประโยชน์จริงๆที่แกหวัง
สิ่งที่แกต้องการจริงๆ มันคือสิ่งที่แกกำลังทำอยู่ ที่พยายามอยู่จริงๆหรอ"
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องของเขา เรื่องราวของเขา story โคตรหดหู่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือหลอก แต่น้ำเสียง วิธีการพูด
ผมว่าผมไม่โง่ด้วย ในเรื่องจับผิดถูก และดูคนออก เขาไม่มีเหตุผลที่จะโกหก
ทำให้ผมแบบเสียใจตามแบบใจจริง
ผมสรุปแค่ประโยคๆนะครับ ไม่เล่าเพราะจำไม่ได้ ไม่อยากเล่ามั่ว เรื่องยาวจริง
"ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ให้ฉันตายก็ได้เลยตอนนี้ มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ อะไรทำให้ฉันต้องมีชีวิตอยู่"
ในความหมายนี้ก็คือ แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่น่าจะมีแล้ว เพื่อนก็คงตายหมด แฟนก็คงทำร้ายยิ่งกว่าละคร ไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อ ต่างๆนาๆ เป็นต้น
เขาเปิดประตูอีกโลก เปิดโลกของเขาให้ผมดู มันทำให้สิ่งที่ผมลบหลู่อย่างแบบ คนซึมเศร้า คนฆ่าตัวตาย คนไม่มีความรู้สึก ต่างๆ
ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพราะยังไงคนเราก็ต้องมีความรู้สึก แล้วมีจริง
แล้วเขาก็ยัดคำพูดแบบ "เราจะได้อะไร" "มันจะสำคัญอะไร" ให้เราฟัง
จนผมบอกไปว่า เห้ย ถ้าคนมันไม่มีความรู้สึก แล้วมันก็จะทำให้รู้วิธีแก้ปัญหาต่างๆได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นก็ดีดิพี่ ผมก็อยากลองเป็นนะ
พี่เขาตอบ "เชื่อเถอะ แกไม่อยากเป็น ถ้าแกเป็นแกก็จะอยากกลับไปมีชีวิต"
ผมเงียบซักพักแล้วก็เออ ออ ตามเขาไป
เขาก็เล่าเรื่องหดหู่ เรื่องปรัชญาให้ฟัง เราก็เริ่มซึมซับความเป็นคนไร้ความเป็นมนุษย์
เริ่มทำให้ เอาเรื่องที่สำคัญ เรื่องที่คิดมาก คิดถึง ทุกข์ สุข ความฝันค่อยๆหายไป ผมรู้สึกอย่างนั้น
รู้ตัวอีกทีหลังจากใกล้จบการสนทนา ว่าผมรู้สึกว่าร่างกายโล่งมาก สมองโล่งสุดๆ แล้วไอ้ความที่คิดถึงเรื่องเก่าๆอย่างแฟนเก่าสุดเศร้า ก็ไม่รู้สึกห่าไร
ความฝันเอย สิ่งที่ผมต้องไปโรงเรียนนั้นเพราะเพื่อเอาความรู้ไปใช้ในอนาคตกับสิ่งที่ผมอยากทำเอย หลายๆอย่าง.. "จะไปสำคัญอะไร"
อารมณ์ที่มนุษย์มีก็กลายเป็นไม่มีเสียแล้ว.. พ่อแม่ เพื่อน พี่น้อง คนรอบข้าง ให้ผมฆ่าซักคน ผมไม่รู้สึกเลยอ่ะ เฉยๆด้วย
ข้าวก็ไม่หิว ไม่ง่วง ไม่อะไรทั้งนั้น อ่ะมันเป็นช่วงที่ผมยังเรียน นศท. ผมคิดเรื่องไปเรียนในค่าย มันทำให้ผมมีความรู้สึกเว้ย
ที่ว่า.. รอให้เขาสั่ง เราก็ทำตาม รอให้เขาใช้งาน เราก็ทำตามหน้าที่ ให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งๆที่คนอื่นๆส่วนใหญ่ก็ไม่อยากโดนสั่ง
ผมรู้สึกกลัวตัวเองตอนนั้นมากเลย ถ้าย้อนอดีตไปคุยกับตัวเองตอนนั้นได้นี่ ผมคงตัวสั่นไปคุยไปแน่ๆ
เรื่องราวที่เขาเล่า ประโยคที่เขาเน้นมา คำถามที่เราไม่เคยเจอ ทำให้ผมแม่งกลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ตัวนึงไปเลย
จากที่ชอบเล่นเกม ฟังเพลงอื่นๆ ก็เฉยๆ หลังจากวันนั้นคุยกันเสร็จ ถ้าเขาไม่บอกวิธีกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ผมนี่คงจะ นั่งเฉยๆ อาจจะไม่หายใจก็ได้ นั่งนิ่งๆ ในหัวสมองไม่มีอะไรเลย อารมณ์ ความรู้สึก ทุกๆอย่าง พ่อหรือแม่ที่เรารัก เราก็ไม่ได้รักแล้ว
เขาบอกวิธีมีแค่ 2 คือ
1.ไปฟังคนอื่นๆพูด อย่างแบบ ไปเฝือกชาวบ้านเขา ไปฟังคำนินทา ฟังเรื่องเล่า อยู่กับกลุ่มคนที่พูดคุยกัน
รับน้ำเสียง รับอารมณ์ รับสีหน้าคนอื่น เหมือนค่อยๆเติมสีจาก"คน"อื่น = ค่อยๆสร้างตัวเองให้เป็นคนปกติอีกครั้ง
2.ตามหาสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ สิ่งที่ทำให้เราต้องมีชีวิต สิ่งที่ทำให้เรามีหน้าที่ต้องทำอะไรบางอย่างในตอนที่มีชีวิต"
ถ้ารู้แล้ว เราก็จะรู้สึกว่าสำเร็จแล้ว รู้แล้ว = 50/50 สำเร็จเป้าหมายแล้วตาย/รู้เป้าหมายแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ด้วยที่ว่าผมบอกข้างต้นไป ผมแข็งแกร่ง ผมมั่นใจในตัวเอง ผมสามารถปรับอารมณ์ คุมตัวเองได้ทุกสถานการณ์
และปรับตัวได้ตลอดเวลา ผมจึงพยายามหาวิธีด้วยตัวเอง
(3.) ฝืนยิ้ม ฝืนว่ามีอารมณ์ มีความรู้สึก คิดว่าเรามี คิดว่าเราทำได้ เห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่มองว่าเป็นเรื่องใหญ่
จริงๆมันก็เรื่องใหญ่เลยนะ ทำให้มนุษย์คนนึงกลายเป็นตัวอะไรไม่รู้
จนกระทั่งผมแม่งกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง ผมก็กลับไปคิดดูว่า ที่กลายเป็นแบบนั้นอ่ะ มันมีทั้งดีและเสียยังไง
จะกลับมาประเด็นให้ได้นะครับ เผลอพิมพ์เพลิน
ข้อดี : พอในหัวมันโล่ง เพราะมันปัดความสำคัญ ความจำเป็นทุกอย่างที่เป็นของปลอม เพราะมันไม่ใช่สิ่งสำคัญจริงๆที่เกี่ยวกับว่า ทำให้มีชีวิตอยู่
แล้วมันได้รับเป้าหมาย หรือหน้าที่ สิ่งที่ต้องทำ หรือมีปัญหาอะไร จะรู้วิธีทันที และทำมันสำเร็จอย่างรวดเร็ว จะแก้ไขมันอย่างถูกจุด 100%
เหมือนคอมพิวเตอร์ถ้าคอมมันไม่ได้ติดตั้งอะไรเยอะแยะ แล้วมีแต่โปรแกรมที่จำเป็นที่ทำให้คอมมันเปิดได้อยู่
มันก็จะทำงานได้อย่างประสิทธิภาพ ไหลลื่น ไม่ช้า หลุด กระตุกเลย และรู้ผลลัพธ์ทั้งผลกระทบ ดี และไม่ดี ที่จะเกิด
ไอ้นักจิตวิทยาบางคนที่พูดๆ ให้พวกเรานั้นตาสว่าง กลายเป็นเด็กเล็กๆไปเลย เหมือนไร้ประโยชน์ไปเลย
ข้อเสีย : ไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น จะทำผิดขั้นฆ่าคน ก็ไม่คิดอะไร สิ่งที่สำคัญที่ถูกปัดทิ้งไป ก็จะไม่ทำมันอีก หยุดทำหน้าด้านๆ
เช่น ไม่ไปเรียน ไม่หิวข้าว ไม่คุยกับใคร ถ้าไม่สำคัญจริงๆ ถ้าไม่เกี่ยวกับว่า ทำให้เรารู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็จะปัดทิ้งไปเลย
หรือแม้ความฝันที่เราอยากจะเป็น ตั้งแต่เด็กๆ แล้วความตั้งใจแรงกล้านั้น ก็ไม่อยากทำมันอีก เลิกกันด้านๆเลย
สีหน้าไม่แสดง ไม่อยากอะไรทั้งนั้น ไม่ทุกข์ ไม่สุข ถ้าถูกชวนอะไรก็จะถูกปิดกั้นปฏิเสธด้วยคำว่า "จะไปสำคัญอะไร เพื่อไร ไม่เอาไม่ทำไม่ไป"
ผมคิดว่าผมอยากกลับไปเป็นแบบนั้น แค่อยากกลับไปไม่มีความรู้สึกเฉยๆ แค่อารมณ์ความรู้สึก แต่เก็บความสำคัญที่เราจะทำไว้
ถึงจะเลือกไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปได้ ก็จะพยายามเก็บความสำคัญไว้ให้แน่นที่สุด จะได้ไม่เผลอปัดทิ้งไป
ขอโทษครับที่ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่เล่าไป มันตรงประเด็นกับหัวข้อมั้ย(?)
เป็นไปได้ก็อยากรู้ประสบการณ์ของคนที่เคยเป็นแบบนี้ หรือ ใกล้เคียงมาก่อนครับ มาแชร์กัน
และถ้าจำวิธีที่กลายเป็นแบบนี้ได้ก็บอกกันได้นะครับ ผมประสงค์อยากจะเป็น ผมคิดว่าดี ที่จะลองกลับไปเป็นอีกครั้งครับ
ส่วนเหตุผลที่อยากจะเป็นก็ ช่างมันเถอะ ผมอยากกลับไปเป็น .. 555