สวัสดีค่ะ _/|\_ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เรามาตั้ง เรื่องแท็คเอยอะไรเอยก็งงๆอยู่บ้าง เราดูตัวอย่างจากรีวิวของท่านอื่นเอาค่ะ ดังนั้นถ้าหากว่ามีข้อผิดพลาดหรือควรจะแก้ไขอย่างไร ต้องขออภัยและรบกวนช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
วันนี้เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่บริติช เคานซิลค่ะ คือเราคิดว่าเรามีประสบการณ์การเรียนกับที่นี่มาค่อนข้างนานเราก็เลยอยากจะแชร์อะไรที่เราพอจะแชร์ได้บ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ เราจะพยายามไม่ให้ยาวเกินไป
ต้องขอเล่าย้อนก่อนว่าเราเคยเรียนที่นี่ครั้งแรกเลยตอนเราม.ปลาย (ตอนนี้เราเรียนจบป.ตรีแล้วนะคะ- เริ่มแก่) ซึ่งช่วงก่อนหน้านั้นจนถึงตอนม.ปลาย เราเคยเรียนอังกฤษเพิ่มแค่ตามร.ร.กวดวิชาทั่วๆไป อารมณ์ประมาณว่าเรียนเพื่อติวสอบอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ การเรียนที่โรงเรียนกับกวดวิชาเนี่ยทำให้พื้นฐานแกรมม่าร์เราค่อนข้างดี ทีนี้คุณแม่เราก็มีความรู้สึกว่าอยากให้เราได้ฝึกการพูดการฟัง ทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ไม่ใช่แค่ไว้ทำข้อสอบ ก็เลยเลียบๆเคียงๆเราว่าอยากลองเรียนที่สถาบันภาษาดูมั้ย คือตอนนั้นก็นึกถึงแค่บริติชนะคะ เพราะว่าเราก็เออๆออๆไปตามคุณแม่ บวกกับตอนนั้นโรงเรียนที่เราเรียนก็อยู่โซนสยาม-มาบุญครอง เราเรียนกวดวิชาก็ที่สยามสแควร์ บริติชฯตัวสาขาใหญ่ก็อยู่ที่ข้างศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก็เลยเป็นอันว่าลองดูที่นี่ละกัน (แต่ตอนนี้เรามาเรียนที่สาขาเซ็นแจ้งฯเป็นหลักแล้วนะคะ เพราะว่ามันใกล้บ้าน สะดวกสำหรับเรา แล้วเราก็แฮปปี้กับที่นี่หลายๆอย่างด้วย)
ตอนนั้นคุณแม่ก็พาเราไปสอบถามข้อมูลเรื่องคอร์สเรียนค่ะ เอาจริงๆก็จำไม่ได้อะค่ะว่าคุยอะไรกันบ้าง หลายปีแล้วเนาะ = =’ (ประมาณปี 2008- 2009 ได้) เราก็ต้องสอบวัดระดับก่อนค่ะเพื่อที่จะได้ทราบว่าเราอยู่เลเวลไหน มีคอร์สอะไรที่เราเหมาะสม ฯลฯ และตอนนั้นเราก็ได้ผลคะแนนว่าอยู่ Pre-Intermediate ค่ะ จริงๆมันแบ่งย่อยกว่านั้นด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะPre-Intermediate A,B,C,D อะไรเนี่ยแหละ แต่เราจำไม่ได้แล้วว่าเราได้เกรดไรมา คอร์สเรียนที่ลงตอนนั้นเป็น General English สาขาสยามฯค่ะ ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าทางบริติชฯจะยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาเป็น MyClass แทนหมด (ไม่แน่ใจมากนะคะ อาจจะต้องลองถามกับทางโรงเรียนอีกทีว่ายังมี General อยู่มั้ย อาจจะมีสำหรับคลาสเด็กๆมั้งนะ) เราเรียนตัว General English จนจบเลเวล Pre-Int ค่ะ แล้วพอดีเพื่อนๆในห้องที่เรียนด้วยกันเขาไม่มากันแล้ว อาจารย์ที่สอนเราเขาก็ลาออกกลับไปอยู่กับครอบครัวที่อังกฤษ ก็เลยเป็นอันว่าพอจบคอร์สนั้นก็พักไว้ยาว กลับมาเรียนใหม่อีกทีก็คือ myClass แต่ที่สาขาแจ้งวัฒนะ เดี๋ยวเราจะพูดถึง การสอบวัดระดับ และตัวmyclass ตามลำดับนะคะ
การสอบวัดระดับ
ตอนครั้งแรกที่เราไปคุยสอบถามข้อมูล เราก็ตกลงที่จะสอบวัดระดับดู พี่เจ้าหน้าที่เขาก็จะให้เราทำแบบสอบถามสั้นๆ ก่อน พร้อมกับสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ ณ ตรงเคาท์เตอร์นั่นเลยค่ะ เราจำได้ว่าเราตื่นเต้นหน่อยๆ คือเราไม่เคยพูดภาษาอังกฤษกับใครมาก่อนตัว-ตัวอย่างงั้นเลยอะค่ะ TT ที่ผ่านมาเคยเจอแต่นักท่องเที่ยวถามทางสั้นๆ (แล้วตอนนั้น เราจำได้แม่นว่าพี่จนทผู้ชายหน้าตาดีมากกก เราก็เลยยิ่งเขินหนักไปอีก 5555) พอเขาได้ข้อมูลว่านี่เราตอบได้ประมาณนี้ เขาก็จะเอาข้อสอบมาให้เราทำ ซึ่งเราต้องเข้าไปทำในห้องแยกออกไปละค่ะ ก็จะไม่ให้ใช้มือถือ ไม่เปิด dictionary เรื่องระยะเวลานี่น่าจะชั่วโมงนึงได้
อันนี้เนี่ยเรามาทราบทีหลังตอนที่มาลงเรียนที่เซ็นแจ้งฯว่ามันมีข้อสอบหลายชุด แล้วแต่ว่าเขาจะหยิบชุดไหนให้เราทำ โดยการเลือกชุดข้อสอบเนี่ย จนท.เขาจะดูจากการตอบแบบทดสอบกับสัมภาษณ์เบื้องต้นตรงเคาท์เตอร์อะค่ะ แล้วก็เลือกที่เหมาะกับนักเรียนคนนั้นๆ ผลการเกณฑ์การตัดคะแนนคิดยังไงอันนี้เราก็ไม่ทราบ แต่ว่าพอทำแบบทดสอบเขียนในห้องเสร็จ ต้องไปสอบพูดคุยกับอาจารย์ต่างชาติอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ผลจะออกมาแบบว่า officialว่าอยู่ level ไหน ตอนนั้นเราจำได้ว่าตอนสอบพูด อาจารย์ก็ถามคำถามเกี่ยวกับตัวเราปกติๆก่อน เช่น มีพี่น้องมั้ย งานอดิเรกชอบทำอะไร แล้วคำถามก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเราตอบอาจารย์แบบ ถามคำตอบคำมากอะค่ะ คือเราฟังออกแต่มันตอบได้แค่นั้นง่ะ TT ละสุดท้าย อาจจะเนื่องจากว่าคะแนนเรามันอยู่ครึ่งๆกลางๆระหว่างสองเลเวล อาจารย์ก็ถามคำถามเกี่ยวกับแกรมม่าร์เบื้องต้น ตอนนั้นถามเราว่ารู้จัก Perfect Tense มั้ย เราก็บอกเรารู้จักค่ะ แต่ว่าเราไม่รู้จะใช้ใน daily life ยังไงเลย (อนาถตัวเองตอนนั้นจริงจัง) อาจารย์ก็บอกว่าโอเค งั้นอยู่ Pre-Intermediate ไปก่อนน่าจะเหมาะกว่าไร นั่นแหละค่ะ
ตอนเรากลับมาเรียนที่สาขาแจ้งฯ เราก็สอบวัดระดับอีกครั้ง เราได้ Upper Intermediate (ในที่สุดก็พัฒนา) ความปลื้มของเราตอนมาสอบถามและสอบวัดระดับที่นี่คือ เราบอกพี่ที่เคาท์เตอร์ไปว่าเราเคยเรียนกับบริติชฯ มาก่อนสมัยยังใสๆ.... เขาก็ถามว่าเกิน (น่าจะ) 5 ปีหรือยังคะ เพราะว่าถ้าไม่เกินมันจะสอบวัดระดับฟรีเลย แต่ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจ พี่เขาก็เช็คๆๆให้ในระบบของเขาแหละนะคะ ผลก็คือยังไม่เกินค่ะ เราได้สอบฟรี <3
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถให้คำตอบเรื่องค่าสอบวัดระดับได้ว่าตอนนี้มันเท่าไร ขอโทษเด้อค่า เห็นกระทู้อื่นเค้าว่า 600 บาท นะ บางอันก็ว่าฟรี ยังไงถามทางโรงเรียนเขาดูอีกทีค่ะ
ขั้นตอนการสอบวัดระดับก็เหมือนเดิมๆค่ะ ข้อสอบที่เราได้ก็กลางๆ สำหรับเราตอนนั้นก็ไม่ถือว่าง่ายค่ะ มีบาลงข้อทำไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แบบว่า โอ้มายก้อด นี่เอาอะไรมาให้ทำเนี้ยยยยยย นะคะ
MyClass
What is MyClass?
ตอนแรกที่เราเห็นads ของมายคลาสคือบนรถไฟฟ้า ช่วงนั้นมายคลาสเพิ่งโปรโมต แล้วเราก็ยังเรียนมหาลัยอยู่ เราเรียนคณะที่ต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆจริงๆค่ะ(ไม่ได้แปลว่าเราอ่านหนังสือเยอะ หว่ายย) ดังนั้นเราจึงไม่ได้สนใจมายคลาสมันเลยยยยยย เห็นโฆษณาผ่านๆตาเท่านั้น ละก็เลยปล่อยผ่านไปจนกระทั่งเรียนจบ มาทราบตอนที่สอบถามกับที่สาขาแจ้งวัฒนะ ว่าเราเลือกเวลาเรียนได้ แล้วก็เรียนสาขาไหนก็ได้ แต่ว่าเขาก็จะมีรอบเวลาให้ตามตาราง ตอนแรกที่ฟังเขาอธิบาย คุณแม่ (สปอนเซอร์หลักของชีวิตนี้) กับเราก็นั่งงง คือมันยังไงนะ เจ้าหน้าที่เขาก็อธิบายว่า ให้ลองนึกถึงเวลาเราจองตั๋วดูหนังน่ะค่ะ คือเราก็จะมีรอบมาให้ แล้วก็ถ้านักเรียนสะดวกเข้ามาเวลาไหนก็ Book เวลาเรียนตามนั้นตอนเรา register คอร์สนี้ พี่เจ้าหน้าที่ก็จะมีการเปิด account มายคลาสให้ แล้วก็ช่วยอธิบายการ book เวลาเรียน แล้วก็การใช้ account ค่ะ รายละเอียดก็เยอะอยู่ค่ะ ซึ่งพี่จนทที่แจ้งฯก็ช่วยอธิบายดี
ตอนนั้นเราตัดสินใจลงไป 60 credits มันมีโปรโมชั่นพอดี (รู้สึกว่าจะแพ้คำนี้ – แต่หลังๆนี่ไม่มีโปรเลยค่ะ ไม่รู้แบบไหนทำให้จนได้ง่ายกว่ากันนะ) กับทางบัตรเครดิตแล้วก็แถม 5 credits รวมทั้งหมด 65 credits ค่ะ มีวันหมดอายุ** ซึ่งจะแล้วแต่ปริมาณเครดิตที่เราลงไว้ อย่างของเรานี่ 60 credits มันอยู่ได้ 1 ปี (1 credit คือ 1 class เรียน คลาสนึงก็ 1.30 ชั่วโมงค่ะ)
การเรียนการสอนในห้องเป็นยังไง?
อย่างที่บอกไปข้างต้น เราจะเรียนที่แจ้งวัฒนะเป็นหลักค่ะ เพราะว่าช่วงหลังนี้เราสะดวกที่นี่มากกว่า ก็มีไปสยามบ้างแล้วแต่อารมณ์ เวลาและโอกาส และเนื่องจากว่านักเรียน Upper Int ที่มาเรียนที่แจ้งฯนี่มีน้อยมากกกก มากกกกก มากกกกกก น้อยมากๆที่ว่านี่คือส่วนมากแล้วมีเราเรียนคนเดียวค่ะ (บางทีก็ดี บางทีก็เหงาเนอะ) มายคลาสของเราก็เลยจะค่อนข้าง exclusive มาก เรียนคนเดียวบ่อยมากจนสนิทกับอาจารย์ไปเลย ก็ได้พูดเยอะมากจริง อาจารย์เขาจะพยายาม encourage ให้เราพูดค่ะ (คอแห้ง)
จริงๆช่วงแรกๆก็มีเพื่อนนะคะ อายุเท่ากันคนนึง ละก็เป็นรุ่นน้องคนนึง เจอกันบ่อยจนสนิทกันหมด ถ้าวันอาทิตย์นี่จะมีลุงๆป้าๆมาเรียนด้วยบ้าง (แต่ต่อหน้าเขาเราก็เรียกพี่ เขาจะได้ชื่นใจ แฮ่) แต่พอเราเรียนได้สักประมาณสามเดือน เพื่อนๆลุงๆป้าๆเครดิตหมดแล้วและไม่ต่อ มีน้องคนนึงเค้าปล่อยเครดิต expired ไป ก็ทิ้งเราไว้ที่นี่คนเดียวT_T
การเรียนมายคลาสนี่จะมี Theme batch ค่ะ เช่น Culture, Office, Academic ฯลฯ แล้วก็จะแบ่งเป็นหัวข้อเล็กๆอีกที อย่างเช่นล่าสุดเราเรียนหัวข้อ That’s a good advice ซึ่งเป็นหัวข้อใน batch ของ Requests, agreements and solutions ก็จะเรียนทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนในคลาส ลักษณะการใช้ภาษา/ สำนวน/ คำศัพท์/ สถานการณ์จำลองก็จะเป็นไรที่เกี่ยวกับหัวข้อค่ะ หัวข้อที่เราเรียนนี่จะฟังกับพูดเยอะหน่อย แต่บางหัวข้อก็อาจจะไปหนักที่อ่านกับเขียนค่ะ
เนื่องจากว่า center ที่แจ้งฯนี่มันก็จะไม่ได้ใหญ่มาก นักเรียนมาน้อยหน่อย คลาสUpper Int นี่เรายังไม่เคยเรียนกับคนอื่นเกิน 6 คนเลยค่ะ เพราะฉะนั้นนอกจากจะฟัง อ่าน เขียนแล้ว เราได้พูดเยอะมาก ทุกคนก็ได้เวลาพูดเท่าๆกันหมดค่ะ ซึ่งถ้าเวลาได้ session พูดกับเพื่อนๆในห้อง (เราอยากจะแนะนำว่าเวลาที่เค้าเปิดโอกาสให้พูดก็พยายามพูดนะคะ ไม่งั้นนั่งเงียบๆเสียดายค่ะ อุตส่าห์มาเรียน) แล้วเวลาพูดอาจารย์ก็จะคอยแก้แกรมมาร์ให้ด้วยหลังจบ session หรือตอนท้ายคาบ เวลามีข้อสงสัยก็ถามได้ในคลาสแบบไม่ค่อยเขินเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวเราชอบนะคะ ส่วนที่สยามเราไปบางครั้ง สองสามครั้งที่เราไปก็คนเยอะกว่าที่เซนแจ้งฯ (คลาสที่เราไปที่สยามตอนนั้นมีนักเรียนประมาณ 12 คน สูงสุดในคลาสที่เราเคยไปคือ 19 คนค่ะ) แต่ว่าถึงคนเยอะกว่ายังไงก็ได้พูดครบทุกคนแน่ๆค่ะ
เดี๋ยวมาต่อ Note+Opinion นะคะ ><
[CR] แชร์ประสบการณ์เรียน MyClass ที่ British Council (สาขาแจ้งวัฒนะ + สยามสแควร์)
วันนี้เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่บริติช เคานซิลค่ะ คือเราคิดว่าเรามีประสบการณ์การเรียนกับที่นี่มาค่อนข้างนานเราก็เลยอยากจะแชร์อะไรที่เราพอจะแชร์ได้บ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ เราจะพยายามไม่ให้ยาวเกินไป
ต้องขอเล่าย้อนก่อนว่าเราเคยเรียนที่นี่ครั้งแรกเลยตอนเราม.ปลาย (ตอนนี้เราเรียนจบป.ตรีแล้วนะคะ- เริ่มแก่) ซึ่งช่วงก่อนหน้านั้นจนถึงตอนม.ปลาย เราเคยเรียนอังกฤษเพิ่มแค่ตามร.ร.กวดวิชาทั่วๆไป อารมณ์ประมาณว่าเรียนเพื่อติวสอบอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ การเรียนที่โรงเรียนกับกวดวิชาเนี่ยทำให้พื้นฐานแกรมม่าร์เราค่อนข้างดี ทีนี้คุณแม่เราก็มีความรู้สึกว่าอยากให้เราได้ฝึกการพูดการฟัง ทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ไม่ใช่แค่ไว้ทำข้อสอบ ก็เลยเลียบๆเคียงๆเราว่าอยากลองเรียนที่สถาบันภาษาดูมั้ย คือตอนนั้นก็นึกถึงแค่บริติชนะคะ เพราะว่าเราก็เออๆออๆไปตามคุณแม่ บวกกับตอนนั้นโรงเรียนที่เราเรียนก็อยู่โซนสยาม-มาบุญครอง เราเรียนกวดวิชาก็ที่สยามสแควร์ บริติชฯตัวสาขาใหญ่ก็อยู่ที่ข้างศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก็เลยเป็นอันว่าลองดูที่นี่ละกัน (แต่ตอนนี้เรามาเรียนที่สาขาเซ็นแจ้งฯเป็นหลักแล้วนะคะ เพราะว่ามันใกล้บ้าน สะดวกสำหรับเรา แล้วเราก็แฮปปี้กับที่นี่หลายๆอย่างด้วย)
ตอนนั้นคุณแม่ก็พาเราไปสอบถามข้อมูลเรื่องคอร์สเรียนค่ะ เอาจริงๆก็จำไม่ได้อะค่ะว่าคุยอะไรกันบ้าง หลายปีแล้วเนาะ = =’ (ประมาณปี 2008- 2009 ได้) เราก็ต้องสอบวัดระดับก่อนค่ะเพื่อที่จะได้ทราบว่าเราอยู่เลเวลไหน มีคอร์สอะไรที่เราเหมาะสม ฯลฯ และตอนนั้นเราก็ได้ผลคะแนนว่าอยู่ Pre-Intermediate ค่ะ จริงๆมันแบ่งย่อยกว่านั้นด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะPre-Intermediate A,B,C,D อะไรเนี่ยแหละ แต่เราจำไม่ได้แล้วว่าเราได้เกรดไรมา คอร์สเรียนที่ลงตอนนั้นเป็น General English สาขาสยามฯค่ะ ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าทางบริติชฯจะยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาเป็น MyClass แทนหมด (ไม่แน่ใจมากนะคะ อาจจะต้องลองถามกับทางโรงเรียนอีกทีว่ายังมี General อยู่มั้ย อาจจะมีสำหรับคลาสเด็กๆมั้งนะ) เราเรียนตัว General English จนจบเลเวล Pre-Int ค่ะ แล้วพอดีเพื่อนๆในห้องที่เรียนด้วยกันเขาไม่มากันแล้ว อาจารย์ที่สอนเราเขาก็ลาออกกลับไปอยู่กับครอบครัวที่อังกฤษ ก็เลยเป็นอันว่าพอจบคอร์สนั้นก็พักไว้ยาว กลับมาเรียนใหม่อีกทีก็คือ myClass แต่ที่สาขาแจ้งวัฒนะ เดี๋ยวเราจะพูดถึง การสอบวัดระดับ และตัวmyclass ตามลำดับนะคะ
การสอบวัดระดับ
ตอนครั้งแรกที่เราไปคุยสอบถามข้อมูล เราก็ตกลงที่จะสอบวัดระดับดู พี่เจ้าหน้าที่เขาก็จะให้เราทำแบบสอบถามสั้นๆ ก่อน พร้อมกับสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ ณ ตรงเคาท์เตอร์นั่นเลยค่ะ เราจำได้ว่าเราตื่นเต้นหน่อยๆ คือเราไม่เคยพูดภาษาอังกฤษกับใครมาก่อนตัว-ตัวอย่างงั้นเลยอะค่ะ TT ที่ผ่านมาเคยเจอแต่นักท่องเที่ยวถามทางสั้นๆ (แล้วตอนนั้น เราจำได้แม่นว่าพี่จนทผู้ชายหน้าตาดีมากกก เราก็เลยยิ่งเขินหนักไปอีก 5555) พอเขาได้ข้อมูลว่านี่เราตอบได้ประมาณนี้ เขาก็จะเอาข้อสอบมาให้เราทำ ซึ่งเราต้องเข้าไปทำในห้องแยกออกไปละค่ะ ก็จะไม่ให้ใช้มือถือ ไม่เปิด dictionary เรื่องระยะเวลานี่น่าจะชั่วโมงนึงได้
อันนี้เนี่ยเรามาทราบทีหลังตอนที่มาลงเรียนที่เซ็นแจ้งฯว่ามันมีข้อสอบหลายชุด แล้วแต่ว่าเขาจะหยิบชุดไหนให้เราทำ โดยการเลือกชุดข้อสอบเนี่ย จนท.เขาจะดูจากการตอบแบบทดสอบกับสัมภาษณ์เบื้องต้นตรงเคาท์เตอร์อะค่ะ แล้วก็เลือกที่เหมาะกับนักเรียนคนนั้นๆ ผลการเกณฑ์การตัดคะแนนคิดยังไงอันนี้เราก็ไม่ทราบ แต่ว่าพอทำแบบทดสอบเขียนในห้องเสร็จ ต้องไปสอบพูดคุยกับอาจารย์ต่างชาติอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ผลจะออกมาแบบว่า officialว่าอยู่ level ไหน ตอนนั้นเราจำได้ว่าตอนสอบพูด อาจารย์ก็ถามคำถามเกี่ยวกับตัวเราปกติๆก่อน เช่น มีพี่น้องมั้ย งานอดิเรกชอบทำอะไร แล้วคำถามก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเราตอบอาจารย์แบบ ถามคำตอบคำมากอะค่ะ คือเราฟังออกแต่มันตอบได้แค่นั้นง่ะ TT ละสุดท้าย อาจจะเนื่องจากว่าคะแนนเรามันอยู่ครึ่งๆกลางๆระหว่างสองเลเวล อาจารย์ก็ถามคำถามเกี่ยวกับแกรมม่าร์เบื้องต้น ตอนนั้นถามเราว่ารู้จัก Perfect Tense มั้ย เราก็บอกเรารู้จักค่ะ แต่ว่าเราไม่รู้จะใช้ใน daily life ยังไงเลย (อนาถตัวเองตอนนั้นจริงจัง) อาจารย์ก็บอกว่าโอเค งั้นอยู่ Pre-Intermediate ไปก่อนน่าจะเหมาะกว่าไร นั่นแหละค่ะ
ตอนเรากลับมาเรียนที่สาขาแจ้งฯ เราก็สอบวัดระดับอีกครั้ง เราได้ Upper Intermediate (ในที่สุดก็พัฒนา) ความปลื้มของเราตอนมาสอบถามและสอบวัดระดับที่นี่คือ เราบอกพี่ที่เคาท์เตอร์ไปว่าเราเคยเรียนกับบริติชฯ มาก่อนสมัยยังใสๆ.... เขาก็ถามว่าเกิน (น่าจะ) 5 ปีหรือยังคะ เพราะว่าถ้าไม่เกินมันจะสอบวัดระดับฟรีเลย แต่ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจ พี่เขาก็เช็คๆๆให้ในระบบของเขาแหละนะคะ ผลก็คือยังไม่เกินค่ะ เราได้สอบฟรี <3
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถให้คำตอบเรื่องค่าสอบวัดระดับได้ว่าตอนนี้มันเท่าไร ขอโทษเด้อค่า เห็นกระทู้อื่นเค้าว่า 600 บาท นะ บางอันก็ว่าฟรี ยังไงถามทางโรงเรียนเขาดูอีกทีค่ะ
ขั้นตอนการสอบวัดระดับก็เหมือนเดิมๆค่ะ ข้อสอบที่เราได้ก็กลางๆ สำหรับเราตอนนั้นก็ไม่ถือว่าง่ายค่ะ มีบาลงข้อทำไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แบบว่า โอ้มายก้อด นี่เอาอะไรมาให้ทำเนี้ยยยยยย นะคะ
MyClass
What is MyClass?
ตอนแรกที่เราเห็นads ของมายคลาสคือบนรถไฟฟ้า ช่วงนั้นมายคลาสเพิ่งโปรโมต แล้วเราก็ยังเรียนมหาลัยอยู่ เราเรียนคณะที่ต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆจริงๆค่ะ(ไม่ได้แปลว่าเราอ่านหนังสือเยอะ หว่ายย) ดังนั้นเราจึงไม่ได้สนใจมายคลาสมันเลยยยยยย เห็นโฆษณาผ่านๆตาเท่านั้น ละก็เลยปล่อยผ่านไปจนกระทั่งเรียนจบ มาทราบตอนที่สอบถามกับที่สาขาแจ้งวัฒนะ ว่าเราเลือกเวลาเรียนได้ แล้วก็เรียนสาขาไหนก็ได้ แต่ว่าเขาก็จะมีรอบเวลาให้ตามตาราง ตอนแรกที่ฟังเขาอธิบาย คุณแม่ (สปอนเซอร์หลักของชีวิตนี้) กับเราก็นั่งงง คือมันยังไงนะ เจ้าหน้าที่เขาก็อธิบายว่า ให้ลองนึกถึงเวลาเราจองตั๋วดูหนังน่ะค่ะ คือเราก็จะมีรอบมาให้ แล้วก็ถ้านักเรียนสะดวกเข้ามาเวลาไหนก็ Book เวลาเรียนตามนั้นตอนเรา register คอร์สนี้ พี่เจ้าหน้าที่ก็จะมีการเปิด account มายคลาสให้ แล้วก็ช่วยอธิบายการ book เวลาเรียน แล้วก็การใช้ account ค่ะ รายละเอียดก็เยอะอยู่ค่ะ ซึ่งพี่จนทที่แจ้งฯก็ช่วยอธิบายดี
ตอนนั้นเราตัดสินใจลงไป 60 credits มันมีโปรโมชั่นพอดี (รู้สึกว่าจะแพ้คำนี้ – แต่หลังๆนี่ไม่มีโปรเลยค่ะ ไม่รู้แบบไหนทำให้จนได้ง่ายกว่ากันนะ) กับทางบัตรเครดิตแล้วก็แถม 5 credits รวมทั้งหมด 65 credits ค่ะ มีวันหมดอายุ** ซึ่งจะแล้วแต่ปริมาณเครดิตที่เราลงไว้ อย่างของเรานี่ 60 credits มันอยู่ได้ 1 ปี (1 credit คือ 1 class เรียน คลาสนึงก็ 1.30 ชั่วโมงค่ะ)
การเรียนการสอนในห้องเป็นยังไง?
อย่างที่บอกไปข้างต้น เราจะเรียนที่แจ้งวัฒนะเป็นหลักค่ะ เพราะว่าช่วงหลังนี้เราสะดวกที่นี่มากกว่า ก็มีไปสยามบ้างแล้วแต่อารมณ์ เวลาและโอกาส และเนื่องจากว่านักเรียน Upper Int ที่มาเรียนที่แจ้งฯนี่มีน้อยมากกกก มากกกกก มากกกกกก น้อยมากๆที่ว่านี่คือส่วนมากแล้วมีเราเรียนคนเดียวค่ะ (บางทีก็ดี บางทีก็เหงาเนอะ) มายคลาสของเราก็เลยจะค่อนข้าง exclusive มาก เรียนคนเดียวบ่อยมากจนสนิทกับอาจารย์ไปเลย ก็ได้พูดเยอะมากจริง อาจารย์เขาจะพยายาม encourage ให้เราพูดค่ะ (คอแห้ง)
จริงๆช่วงแรกๆก็มีเพื่อนนะคะ อายุเท่ากันคนนึง ละก็เป็นรุ่นน้องคนนึง เจอกันบ่อยจนสนิทกันหมด ถ้าวันอาทิตย์นี่จะมีลุงๆป้าๆมาเรียนด้วยบ้าง (แต่ต่อหน้าเขาเราก็เรียกพี่ เขาจะได้ชื่นใจ แฮ่) แต่พอเราเรียนได้สักประมาณสามเดือน เพื่อนๆลุงๆป้าๆเครดิตหมดแล้วและไม่ต่อ มีน้องคนนึงเค้าปล่อยเครดิต expired ไป ก็ทิ้งเราไว้ที่นี่คนเดียวT_T
การเรียนมายคลาสนี่จะมี Theme batch ค่ะ เช่น Culture, Office, Academic ฯลฯ แล้วก็จะแบ่งเป็นหัวข้อเล็กๆอีกที อย่างเช่นล่าสุดเราเรียนหัวข้อ That’s a good advice ซึ่งเป็นหัวข้อใน batch ของ Requests, agreements and solutions ก็จะเรียนทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนในคลาส ลักษณะการใช้ภาษา/ สำนวน/ คำศัพท์/ สถานการณ์จำลองก็จะเป็นไรที่เกี่ยวกับหัวข้อค่ะ หัวข้อที่เราเรียนนี่จะฟังกับพูดเยอะหน่อย แต่บางหัวข้อก็อาจจะไปหนักที่อ่านกับเขียนค่ะ
เนื่องจากว่า center ที่แจ้งฯนี่มันก็จะไม่ได้ใหญ่มาก นักเรียนมาน้อยหน่อย คลาสUpper Int นี่เรายังไม่เคยเรียนกับคนอื่นเกิน 6 คนเลยค่ะ เพราะฉะนั้นนอกจากจะฟัง อ่าน เขียนแล้ว เราได้พูดเยอะมาก ทุกคนก็ได้เวลาพูดเท่าๆกันหมดค่ะ ซึ่งถ้าเวลาได้ session พูดกับเพื่อนๆในห้อง (เราอยากจะแนะนำว่าเวลาที่เค้าเปิดโอกาสให้พูดก็พยายามพูดนะคะ ไม่งั้นนั่งเงียบๆเสียดายค่ะ อุตส่าห์มาเรียน) แล้วเวลาพูดอาจารย์ก็จะคอยแก้แกรมมาร์ให้ด้วยหลังจบ session หรือตอนท้ายคาบ เวลามีข้อสงสัยก็ถามได้ในคลาสแบบไม่ค่อยเขินเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวเราชอบนะคะ ส่วนที่สยามเราไปบางครั้ง สองสามครั้งที่เราไปก็คนเยอะกว่าที่เซนแจ้งฯ (คลาสที่เราไปที่สยามตอนนั้นมีนักเรียนประมาณ 12 คน สูงสุดในคลาสที่เราเคยไปคือ 19 คนค่ะ) แต่ว่าถึงคนเยอะกว่ายังไงก็ได้พูดครบทุกคนแน่ๆค่ะ
เดี๋ยวมาต่อ Note+Opinion นะคะ ><
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้