โละข้าวล็อตสุดท้าย ปิดตำนาน18 ล้านตัน
พาณิชย์เตรียมเปิดประมูลข้าวในสต๊อกล็อตสุดท้ายกว่า 2 ล้านตันสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน มั่นใจเอกชนกลุ่มเอทานอลแห่ประมูลเหตุวัตถุดิบมันเส้นแพง คาดมหากาพย์สต๊อกระบายข้าว 18 ล้านตันสิ้นสุดลงในงวดนี้
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมได้เปิดประกาศทีโออาร์ระบายข้าวล็อตสุดท้ายในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งเป็นข้าวสารในกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 ครั้งที่ 1/2561 โดยกลุ่มที่ 2 คือข้าวสารสำหรับเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 1.5 ล้านตัน และข้าวกลุ่มที่ 3 ข้าวสารสำหรับอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณเกือบ 5 แสนตัน รวมทั้ง 2 กลุ่มประมาณ 2 ล้านตัน เปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติในวันที่ 11 มิถุนายน และยื่นซองเสนอซื้อ ในวันที่ 14-15 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากกระทรวงพาณิชย์สามารถระบายได้หมด 2 ล้านตัน จะถือว่าเป็นการเคลียร์ข้าวที่มาจากโครงการรับจำนำข้าวจากทั้งหมดกว่า 18 ล้านตันได้หมดทั้งสต๊อกแล้ว
ทั้งนี้มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล เพราะจากการหารือกับผู้ประกอบการเอทานอล พบว่าวัตถุดิบอย่างมันสำปะหลังมีราคาแพงขึ้น โดยปัจจุบันมันเส้นมีราคากิโลกรัมละ 7 บาท ดังนั้นข้าวที่กระทรวงนำออกมาประมูลน่าจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการได้
“การประมูลรอบนี้มั่นใจว่าน่าจะขายได้ทั้งหมด เพราะเป็นข้าวกลุ่มสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นการซื้อขายข้าวจะเป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนข้าวที่ติดคดีความยังส่งมอบไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.)และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จะเป็นผู้ดำเนินการและติดตามต่อไป
ส่วนการประมูลข้าวทั่วไปปริมาณ 4.3 หมื่นตัน เมื่อเดือนที่ผ่านมานั้นล่าสุดคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน มูลค่าเสนอซื้อ 534.08 ล้านบาท
หลังจากนี้กรม จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการต่อไป
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,372 วันที่ 7-9 มิ.ย. 2561
http://www.thansettakij.com/content/287265
ติดตามอ่านข่าวเกี่ยวกับจำนำข้าวที่ผ่านมากันนะคะ....👇👇👇👇👇👇👇
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
สต็อกข้าว 18 ล้านตัน บทเรียนจำนำข้าวทุกเมล็ด ขาดทุนเพิ่ม 1.9 – 3.3 แสนล้านบาท – ธ.ก.ส. ตั้งบัญชีรอ คลังใช้หนี้ 2 แสนล้าน
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปสต็อกข้าวและผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดเป็นจำนวนเท่าใด โดยทีมตรวจสต็อกข้าวระบุว่าสัปดาห์นี้อาจจะแถลงข้อเท็จจริงได้ แต่ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจกแจง หลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า จากข้อมูลของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2557 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีข้าวสารคงค้างอยู่ในสต็อก 18 ล้านตัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นข้าวคุณภาพดี 10% ข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน 70% ข้าวป่นหรือข้าวเสื่อมสภาพมีประมาณ 5% และข้าวสูญหายอีก 1 แสนตัน ซึ่งสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าสต็อกข้าว 18 ล้านตัน มีข้าวด้อยคุณภาพกว่า 80% ของปริมาณข้าวทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางปี 2556 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าเคยนำเสนอสูตรคำนวณราคาต้นทุนข้าวสาร โดยอ้างอิงจากผลการศึกษา “ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า” ที่ระบุว่า “ข้าวเปลือก 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม) นำมาสีแปรสภาพได้ข้าวสาร 0.66 ตัน (660 กิโลกรัม)” หากรัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 14,500 บาท นำไปสีแปรสภาพเพื่อให้ได้ข้าวสารน้ำหนัก 1 ตัน จะมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 22,000 บาท ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีข้าวค้างสต็อก 18 ล้านตัน หมายความว่าข้าวสารของรัฐบาลลอตนี้มีต้นทุนประมาณ 396,000 ล้านบาท
หากนำข้อมูลผลการสำรวจปริมาณข้าวสาร 18 ล้านตัน ที่ค้างอยู่ในสต็อกตามข้อมูลข้างต้น มาวิเคราะห์ตามสูตรคำนวณดังกล่าวจะพบว่า ข้าวสารที่อยู่ในสต็อกของรัฐบาลที่ปริมาณข้าวมากที่สุด อันดับที่ 1 คือ ข้าวด้อยคุณภาพ มีปริมาณ 15.2 ล้านตัน ต้นทุนอยู่ที่ 334,382 ล้านบาท อันดับที่ 2 เป็นข้าวคุณภาพดี มีปริมาณ 1.8 ล้านตัน ต้นทุน 39,600 ล้านบาท ถัดไปเป็นข้าวเน่า ข้าวป่น 9 แสนตัน ต้นทุน 19,800 ล้านบาท และข้าวหายอีก 1 แสนตัน ต้นทุน 2,218 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ระบุว่าข้าวสารในสต็อกรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นข้าวด้อยคุณภาพ 85% ดังนั้น แนวทางในการบริหารจัดการข้าวในสต็อกให้เกิดผลขาดทุนน้อยที่สุดจึงขึ้นอยู่กับจังหวะและฝีมือในการระบายข้าวด้อยคุณภาพของกระทรวงพาณิชย์ หากระบายช้า ข้าวด้อยคุณภาพก็จะกลายเป็นข้าวเน่า แต่ถ้าระบายเร็วจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ เป็นต้น
แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็นว่าจากข้อมูลดังกล่าว หากประมาณการผลขาดทุนจากการระบายข้าวสาร 18 ล้านตัน โดยเป็นข้าวด้อยคุณภาพซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 85% ภายใต้สมมุติฐานข้าวคุณภาพดีขายที่ราคา 12,000 บาทต่อตัน (ปกติขายได้ตันละ 10,000-11,000 บาท) ส่วนข้าวเน่า ข้าวป่น ข้าวสูญหาย ขายไม่ได้ ไม่มีราคา
กรณีที่ 1 เลวร้ายที่สุด กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 3,000 บาท คาดว่าจะมีรายได้จากการระบายข้าวลอตนี้ 67,198 ล้านบาท ต้นทุนอยู่ที่ 334,382 ล้านบาท รัฐบาลขาดทุน 328,802 ล้านบาท
กรณีที่ 2 กรณีกระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 6,000 บาท คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าวลอตนี้ 112,795 ล้านบาท ขาดทุน 283,205 ล้านบาท
กรณีที่ 3 ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 9,000 บาท คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าว 158,393 ล้านบาท ขาดทุน 237,607 ล้านบาท
และกรณีที่ 4 สถานการณ์ดีมาก กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพได้ราคาเท่ากับข้าวคุณภาพดี ตันละ 12,000 คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าว 203,990 ล้านบาท ขาดทุน 192,010 ล้านบาท
สรุป หากกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวจนครบ 18 ล้านตัน คาดว่า รัฐบาลจะขาดทุนขั้นต่ำ 192,010 ล้านบาท และขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 328,802 ล้านบาท
https://thaipublica.org/2014/11/the-governments-rice-stocks/
คงพอจำกันได้ว่าหลังการปฏิวัติ รัฐบาลลุงตู่ต้องมาเจอกับปัญหาสต๊อกข้าวคงค้างถึง 18 ล้านตันเศษ จากการจำนำข้าวในอดีต โดยเฉพาะการรับจำนำในราคาที่สูงเกินกว่าปกติ ทำให้ต้องหาทางระบาย ขายส่ง เลหลังไปตลอดระยะเวลา
อ่านต่อได้ที่ :
https://www.posttoday.com/columnist/475157
ปิดฉาก!จำนำข้าว'ยิ่งลักษณ์'ประเมินขาดทุน5แสนล้าน
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/588769
ชำแหละหนังสือ ‘ทำลายจำนำข้าวแต่ฆ่าชาวนา’ ยาพิษฟอกปู!
หมอวรงค์” โพสต์ซีรีย์มันหยดติ๋ง!ชำแหละหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของอดีตสส.พรรคเพื่อไทยบิดเบือนข้อเท็จจริง-เล่นเกมการเมืองหวังฟอก “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบาก เตือนระวังระยะยาวจะกลายเป็นน้ำผึ้งอาบยาพิษ
หนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของอดีตสส.พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายสุรสาล ผาสุข อดีตส.ส.สิงห์บุรี, นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี และ นายนิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งมีการเปิดตัวเมื่อ 25 มีนาคมที่ผ่านมาและได้วางขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติอยู่ในขณะนี้นั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในหมู่คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกันอีกด้านก็มีการวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเล่มนี้อย่างกว้างขวางว่าเนื้อหาสาระไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าฟอกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งต้องคดีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว และถูกคำสั่งทางการปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายอีกเป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เมื่อครั้งเป็นสส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ มีบทบาทโดดเด่นในการตรวจสอบนโยบายโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มาต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาได้โพสต์ข้อความเป็นซีรีย์ ผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom เรื่อง “ใครทำลายจำนำข้าว ใครฆ่าชาวนา ?(ตอนที่ 1)”
นพ.วรงค์ โพสต์ว่า “ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของทีมงานพรรคเพื่อไทย นึกว่าจะมีอะไรใหม่ เพราะอุตส่าห์ให้คนไปซื้อที่สัปดาห์หนังสือ คิดว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ สีข้างจะบวม เพราะทั้งแถ ถูและไถ
สาระโดยรวมไม่มีอะไรใหม่ พยายามอ่านแยกน้ำแยกเนื้อแล้ว โดยรวมมีน้ำ 80% และมีเนื้อ 20% วกไปวนมา และในเนื้อพอแยกได้เป็น 2 ส่วน
1.พยายามเกาะกระแส ความลำบากของพี่น้องชาวนา โดยอ้างว่าการรับจำนำข้าวเปลือก 15000 บาทต่อตันนั้น ต้องการช่วยชาวนา โดยมีเป้าหมายเอาพี่น้องชาวนามาบังหน้า
ไม่มีใครปฎิเสธว่า นโยบายช่วยชาวนาของทุกพรรคการเมือง ชาวนาได้ประโยชน์ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ให้ไปนั้นถึงมือชาวนาทั้งหมดหรือไม่ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำไปนั้น จากยอดชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน แต่มีชาวนาเข้าร่วมเพียง 1.7 ล้านครัวเรือน จะอ้างว่าชาวนาที่ไม่ได้เข้าร่วม จะมีโรงสีมาแย่งซื้อข้าว ราคาเท่ากับโครงการจำนำนั้น ไม่เป็นความจริงเนื่องจากนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังตกที่นั่งลำบาก แผนที่จะบิดเบือนข้อมูลก็ทำได้ไม่ถนัด เพราะทุกฝ่ายเขาตามทัน และมีการชี้แจงข้อมูลเพื่อหักล้างตลอด
ทางเดียวที่นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามทำก็คือ พยายามสร้างกระแสพี่น้องชาวนาขึ้นมา ซึ่งเกมส์การเมืองแบบนี้เคยเห็นมาตลอด นี่จึงเป็นเจตนาของหนังสือเล่มนี้ วันนี้พี่น้องชาวนาเขาตามทันกันแล้วว่า นี่คือยาพิษอาบน้ำผึ้ง ดีช่วงแรก แต่เสียหายภายหลัง
2. สาระหลักของหนังสือเล่มนี้ เป็นปากเสียงแทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกชี้มูลต่อป.ป.ช.และเรื่องขึ้นไปสู่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งศาลปกครองกรณีค่าเสียหาย
ผมประเมินแล้ว แทบจะเป็นสาระหลักของหนังสือเล่มนี้ ที่เป็นปากเสียงแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อคดีจำนำข้าว ถือว่าท้าทายคำสั่งศาลฎีกาเป็นอย่างมาก ที่ไม่ให้แสดงความคิดเห็นเพื่อชี้นำคดี และเป็นบทถนัดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง มีแต่บิดเบือนและโทษผู้อื่น โดยกล่าวหาคนอื่นบิดเบือน
ที่สำคัญยังมีการนำความเห็นแย้งของตุลากาลศาลปกครองเสียงข้างน้อยมาตีพิมพ์ เพื่อให้เกิดความสับสน กรณีศาลปกครองกลางไม่คุ้มครองชั่วคราวนายบุญทรงและพวกรวม 6รายในคดียึดและอายัดทรัพย์ ปกติแล้วควรจะต้องตีพิมพ์ความเห็นของตุลาการเสียงข้างมากด้วย แต่ไม่มีการนำมาตีพิมพ์ แต่ตีพิมพ์เฉพาะความเห็นแย้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ยังมีต่อค่ะ...👇👇👇👇👇👇👇👇
🍯~มาลาริน~ข้าวด้อยคุณภาพ ข้าวเน่า ข้าวป่น ข้าวหายจากจำนำข้าว จบเสียทีนะคะ..โละข้าวล็อตสุดท้าย ปิดตำนาน18 ล.ต.
โละข้าวล็อตสุดท้าย ปิดตำนาน18 ล้านตัน
พาณิชย์เตรียมเปิดประมูลข้าวในสต๊อกล็อตสุดท้ายกว่า 2 ล้านตันสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน มั่นใจเอกชนกลุ่มเอทานอลแห่ประมูลเหตุวัตถุดิบมันเส้นแพง คาดมหากาพย์สต๊อกระบายข้าว 18 ล้านตันสิ้นสุดลงในงวดนี้
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมได้เปิดประกาศทีโออาร์ระบายข้าวล็อตสุดท้ายในสต๊อกรัฐบาล ซึ่งเป็นข้าวสารในกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 ครั้งที่ 1/2561 โดยกลุ่มที่ 2 คือข้าวสารสำหรับเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ปริมาณ 1.5 ล้านตัน และข้าวกลุ่มที่ 3 ข้าวสารสำหรับอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ปริมาณเกือบ 5 แสนตัน รวมทั้ง 2 กลุ่มประมาณ 2 ล้านตัน เปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติในวันที่ 11 มิถุนายน และยื่นซองเสนอซื้อ ในวันที่ 14-15 มิถุนายนนี้ ซึ่งหากกระทรวงพาณิชย์สามารถระบายได้หมด 2 ล้านตัน จะถือว่าเป็นการเคลียร์ข้าวที่มาจากโครงการรับจำนำข้าวจากทั้งหมดกว่า 18 ล้านตันได้หมดทั้งสต๊อกแล้ว
ทั้งนี้มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล เพราะจากการหารือกับผู้ประกอบการเอทานอล พบว่าวัตถุดิบอย่างมันสำปะหลังมีราคาแพงขึ้น โดยปัจจุบันมันเส้นมีราคากิโลกรัมละ 7 บาท ดังนั้นข้าวที่กระทรวงนำออกมาประมูลน่าจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการได้
“การประมูลรอบนี้มั่นใจว่าน่าจะขายได้ทั้งหมด เพราะเป็นข้าวกลุ่มสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นการซื้อขายข้าวจะเป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนข้าวที่ติดคดีความยังส่งมอบไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.)และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จะเป็นผู้ดำเนินการและติดตามต่อไป
ส่วนการประมูลข้าวทั่วไปปริมาณ 4.3 หมื่นตัน เมื่อเดือนที่ผ่านมานั้นล่าสุดคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด จำนวน 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน มูลค่าเสนอซื้อ 534.08 ล้านบาท
หลังจากนี้กรม จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวสารกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ภายใน 15 วันทำการต่อไป
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,372 วันที่ 7-9 มิ.ย. 2561
http://www.thansettakij.com/content/287265
ติดตามอ่านข่าวเกี่ยวกับจำนำข้าวที่ผ่านมากันนะคะ....👇👇👇👇👇👇👇
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
สต็อกข้าว 18 ล้านตัน บทเรียนจำนำข้าวทุกเมล็ด ขาดทุนเพิ่ม 1.9 – 3.3 แสนล้านบาท – ธ.ก.ส. ตั้งบัญชีรอ คลังใช้หนี้ 2 แสนล้าน
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสรุปสต็อกข้าวและผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดเป็นจำนวนเท่าใด โดยทีมตรวจสต็อกข้าวระบุว่าสัปดาห์นี้อาจจะแถลงข้อเท็จจริงได้ แต่ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจกแจง หลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า จากข้อมูลของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2557 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีข้าวสารคงค้างอยู่ในสต็อก 18 ล้านตัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นข้าวคุณภาพดี 10% ข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน 70% ข้าวป่นหรือข้าวเสื่อมสภาพมีประมาณ 5% และข้าวสูญหายอีก 1 แสนตัน ซึ่งสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าสต็อกข้าว 18 ล้านตัน มีข้าวด้อยคุณภาพกว่า 80% ของปริมาณข้าวทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ช่วงกลางปี 2556 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าเคยนำเสนอสูตรคำนวณราคาต้นทุนข้าวสาร โดยอ้างอิงจากผลการศึกษา “ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า” ที่ระบุว่า “ข้าวเปลือก 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม) นำมาสีแปรสภาพได้ข้าวสาร 0.66 ตัน (660 กิโลกรัม)” หากรัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 14,500 บาท นำไปสีแปรสภาพเพื่อให้ได้ข้าวสารน้ำหนัก 1 ตัน จะมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 22,000 บาท ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีข้าวค้างสต็อก 18 ล้านตัน หมายความว่าข้าวสารของรัฐบาลลอตนี้มีต้นทุนประมาณ 396,000 ล้านบาท
หากนำข้อมูลผลการสำรวจปริมาณข้าวสาร 18 ล้านตัน ที่ค้างอยู่ในสต็อกตามข้อมูลข้างต้น มาวิเคราะห์ตามสูตรคำนวณดังกล่าวจะพบว่า ข้าวสารที่อยู่ในสต็อกของรัฐบาลที่ปริมาณข้าวมากที่สุด อันดับที่ 1 คือ ข้าวด้อยคุณภาพ มีปริมาณ 15.2 ล้านตัน ต้นทุนอยู่ที่ 334,382 ล้านบาท อันดับที่ 2 เป็นข้าวคุณภาพดี มีปริมาณ 1.8 ล้านตัน ต้นทุน 39,600 ล้านบาท ถัดไปเป็นข้าวเน่า ข้าวป่น 9 แสนตัน ต้นทุน 19,800 ล้านบาท และข้าวหายอีก 1 แสนตัน ต้นทุน 2,218 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ระบุว่าข้าวสารในสต็อกรัฐบาลส่วนใหญ่เป็นข้าวด้อยคุณภาพ 85% ดังนั้น แนวทางในการบริหารจัดการข้าวในสต็อกให้เกิดผลขาดทุนน้อยที่สุดจึงขึ้นอยู่กับจังหวะและฝีมือในการระบายข้าวด้อยคุณภาพของกระทรวงพาณิชย์ หากระบายช้า ข้าวด้อยคุณภาพก็จะกลายเป็นข้าวเน่า แต่ถ้าระบายเร็วจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ เป็นต้น
แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็นว่าจากข้อมูลดังกล่าว หากประมาณการผลขาดทุนจากการระบายข้าวสาร 18 ล้านตัน โดยเป็นข้าวด้อยคุณภาพซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 85% ภายใต้สมมุติฐานข้าวคุณภาพดีขายที่ราคา 12,000 บาทต่อตัน (ปกติขายได้ตันละ 10,000-11,000 บาท) ส่วนข้าวเน่า ข้าวป่น ข้าวสูญหาย ขายไม่ได้ ไม่มีราคา
กรณีที่ 1 เลวร้ายที่สุด กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 3,000 บาท คาดว่าจะมีรายได้จากการระบายข้าวลอตนี้ 67,198 ล้านบาท ต้นทุนอยู่ที่ 334,382 ล้านบาท รัฐบาลขาดทุน 328,802 ล้านบาท
กรณีที่ 2 กรณีกระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 6,000 บาท คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าวลอตนี้ 112,795 ล้านบาท ขาดทุน 283,205 ล้านบาท
กรณีที่ 3 ขายข้าวด้อยคุณภาพตันละ 9,000 บาท คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าว 158,393 ล้านบาท ขาดทุน 237,607 ล้านบาท
และกรณีที่ 4 สถานการณ์ดีมาก กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวด้อยคุณภาพได้ราคาเท่ากับข้าวคุณภาพดี ตันละ 12,000 คาดว่ารัฐบาลมีรายได้จากการระบายข้าว 203,990 ล้านบาท ขาดทุน 192,010 ล้านบาท
สรุป หากกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าวจนครบ 18 ล้านตัน คาดว่า รัฐบาลจะขาดทุนขั้นต่ำ 192,010 ล้านบาท และขาดทุนสูงสุดไม่เกิน 328,802 ล้านบาท
https://thaipublica.org/2014/11/the-governments-rice-stocks/
คงพอจำกันได้ว่าหลังการปฏิวัติ รัฐบาลลุงตู่ต้องมาเจอกับปัญหาสต๊อกข้าวคงค้างถึง 18 ล้านตันเศษ จากการจำนำข้าวในอดีต โดยเฉพาะการรับจำนำในราคาที่สูงเกินกว่าปกติ ทำให้ต้องหาทางระบาย ขายส่ง เลหลังไปตลอดระยะเวลา
อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/columnist/475157
ปิดฉาก!จำนำข้าว'ยิ่งลักษณ์'ประเมินขาดทุน5แสนล้าน
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/588769
ชำแหละหนังสือ ‘ทำลายจำนำข้าวแต่ฆ่าชาวนา’ ยาพิษฟอกปู!
หมอวรงค์” โพสต์ซีรีย์มันหยดติ๋ง!ชำแหละหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของอดีตสส.พรรคเพื่อไทยบิดเบือนข้อเท็จจริง-เล่นเกมการเมืองหวังฟอก “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบาก เตือนระวังระยะยาวจะกลายเป็นน้ำผึ้งอาบยาพิษ
หนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของอดีตสส.พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายสุรสาล ผาสุข อดีตส.ส.สิงห์บุรี, นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี, นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี และ นายนิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งมีการเปิดตัวเมื่อ 25 มีนาคมที่ผ่านมาและได้วางขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติอยู่ในขณะนี้นั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในหมู่คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกันอีกด้านก็มีการวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเล่มนี้อย่างกว้างขวางว่าเนื้อหาสาระไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าฟอกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งต้องคดีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว และถูกคำสั่งทางการปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายอีกเป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทอีกด้วย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เมื่อครั้งเป็นสส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ มีบทบาทโดดเด่นในการตรวจสอบนโยบายโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มาต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมาได้โพสต์ข้อความเป็นซีรีย์ ผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom เรื่อง “ใครทำลายจำนำข้าว ใครฆ่าชาวนา ?(ตอนที่ 1)”
นพ.วรงค์ โพสต์ว่า “ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ “ทำลายจำนำข้าว แต่ฆ่าชาวนา” ของทีมงานพรรคเพื่อไทย นึกว่าจะมีอะไรใหม่ เพราะอุตส่าห์ให้คนไปซื้อที่สัปดาห์หนังสือ คิดว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ สีข้างจะบวม เพราะทั้งแถ ถูและไถ
สาระโดยรวมไม่มีอะไรใหม่ พยายามอ่านแยกน้ำแยกเนื้อแล้ว โดยรวมมีน้ำ 80% และมีเนื้อ 20% วกไปวนมา และในเนื้อพอแยกได้เป็น 2 ส่วน
1.พยายามเกาะกระแส ความลำบากของพี่น้องชาวนา โดยอ้างว่าการรับจำนำข้าวเปลือก 15000 บาทต่อตันนั้น ต้องการช่วยชาวนา โดยมีเป้าหมายเอาพี่น้องชาวนามาบังหน้า
ไม่มีใครปฎิเสธว่า นโยบายช่วยชาวนาของทุกพรรคการเมือง ชาวนาได้ประโยชน์ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ให้ไปนั้นถึงมือชาวนาทั้งหมดหรือไม่ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำไปนั้น จากยอดชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน แต่มีชาวนาเข้าร่วมเพียง 1.7 ล้านครัวเรือน จะอ้างว่าชาวนาที่ไม่ได้เข้าร่วม จะมีโรงสีมาแย่งซื้อข้าว ราคาเท่ากับโครงการจำนำนั้น ไม่เป็นความจริงเนื่องจากนางสาวยิ่งลักษณ์กำลังตกที่นั่งลำบาก แผนที่จะบิดเบือนข้อมูลก็ทำได้ไม่ถนัด เพราะทุกฝ่ายเขาตามทัน และมีการชี้แจงข้อมูลเพื่อหักล้างตลอด
ทางเดียวที่นางสาวยิ่งลักษณ์พยายามทำก็คือ พยายามสร้างกระแสพี่น้องชาวนาขึ้นมา ซึ่งเกมส์การเมืองแบบนี้เคยเห็นมาตลอด นี่จึงเป็นเจตนาของหนังสือเล่มนี้ วันนี้พี่น้องชาวนาเขาตามทันกันแล้วว่า นี่คือยาพิษอาบน้ำผึ้ง ดีช่วงแรก แต่เสียหายภายหลัง
2. สาระหลักของหนังสือเล่มนี้ เป็นปากเสียงแทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ถูกชี้มูลต่อป.ป.ช.และเรื่องขึ้นไปสู่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งศาลปกครองกรณีค่าเสียหาย
ผมประเมินแล้ว แทบจะเป็นสาระหลักของหนังสือเล่มนี้ ที่เป็นปากเสียงแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อคดีจำนำข้าว ถือว่าท้าทายคำสั่งศาลฎีกาเป็นอย่างมาก ที่ไม่ให้แสดงความคิดเห็นเพื่อชี้นำคดี และเป็นบทถนัดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเอง มีแต่บิดเบือนและโทษผู้อื่น โดยกล่าวหาคนอื่นบิดเบือน
ที่สำคัญยังมีการนำความเห็นแย้งของตุลากาลศาลปกครองเสียงข้างน้อยมาตีพิมพ์ เพื่อให้เกิดความสับสน กรณีศาลปกครองกลางไม่คุ้มครองชั่วคราวนายบุญทรงและพวกรวม 6รายในคดียึดและอายัดทรัพย์ ปกติแล้วควรจะต้องตีพิมพ์ความเห็นของตุลาการเสียงข้างมากด้วย แต่ไม่มีการนำมาตีพิมพ์ แต่ตีพิมพ์เฉพาะความเห็นแย้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ยังมีต่อค่ะ...👇👇👇👇👇👇👇👇