เรื่องสั้นวันพุธ (6 มิ.ย. 61) : ครบวงจร

เรื่องสั้นวันพุธ...........ครบวงจร
โดย ลิอ่อง


    ยามตะวันเคลื่อนดวงสูงพอที่จะฉายแสงกราดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน หญิงชราร่างสันทัดนั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นขนุน นิ้วมือหยาบกร้านของนางจับฝาจุกขวดพลาสติกปิดลงบนปากขวด แล้วหมุนเกลียวจนแน่น ข้างกายมีขวดชนิดเดียวกันกระจัดกระจายรอบอ่างพลาสติกใบใหญ่ที่มีน้ำสีเหลืองหนืดๆ ส่งกลิ่นหอมของมะกรูดฟุ้งไปทั่วบริเวณ

    หลังจากได้สูตรน้ำยาทำความสะอาดจากหลวงพ่อวัดใหญ่กลางหมู่บ้าน และทดลองทำใช้เองจนคล่องแล้ว นางก็ตั้งใจทำขาย แต่มาวิตกตรงที่ไม่รู้จะไปขายที่ไหนเพราะร้านค้าที่ตลาดในอำเภอก็ไม่สนใจ กำลังจะฝากวางขายตามร้านค้าในหมู่บ้าน ก็พอดีมีโครงการศูนย์สาธิตการตลาดขึ้นมาเมื่อสองเดือนก่อน นางจึงดีใจนักหนา

    “ศูนย์ฯของเราครบวงจรครับพ่อแม่พี่น้อง เราให้ชาวบ้านเข้าหุ้นด้วย และจะส่งเสริมให้ชาวบ้านทำสินค้า ทำแล้วก็ส่งมาขายที่นี่ พอได้เงินก็จะแบ่งผลกำไรให้สมาชิกที่เป็นหุ้นส่วน สนองตอบนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้ชุมชนของเราเข้มแข็ง...”

      ลุงพลอย สารวัตรกำนัน พูดผ่านเครื่องขยายเสียงในวันประชุมลูกบ้านอย่างโฆษกมืออาชีพ ก่อนจะขอเสียงที่ประชุมรับรองมติ เพื่อหาข้อสรุปการนำเงินสามแสนบาทมาพัฒนาหมู่บ้านตามโครงการภาษาฝรั่งที่นางไม่เข้าใจ

    และหลังจากมีคนเสนอความต้องการเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมาเกือบสิบข้อ ในที่สุด เรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างศูนย์สาธิตการตลาดครบวงจรก็กลายเป็นที่สนใจของชาวบ้านส่วนใหญ่มากกว่าเรื่องศูนย์ฝึกอาชีพ รถโดยสารจากหมู่บ้านไปโรงพยาบาล สถานที่ออกกำลังกายและสวนหย่อมรอบสระน้ำหลังหมู่บ้าน

    นางกรอกน้ำสีเหลืองนั้นใส่ในขวดที่เหลือ นึกของคุณหลวงพ่อที่พาชาวบ้านเก็บลูกมะกรูด มะนาว มะยม มะเฟืองที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้านหรือไร่นา มาทำน้ำยาล้างจานและซักผ้าอย่างง่ายๆ ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงนัก

    “งั้นแม่ก็ทำของขายไปเถิด ฉันจะเอาไอ้นายไปเลี้ยงเอง”

    ลูกสะใภ้ม่ายของนางเอ่ยปากเมื่อนางเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตอนที่หล่อนกลับมาเยี่ยมลูกยามสงกรานต์ที่ผ่านมา หล่อนต้องหาเงินเลี้ยงลูกน้อยด้วยงานรับจ้างที่บ้านเกิดในจังหวัดข้างเคียง หลังจากลูกชายของนางตายไปเพราะถูกรถชน

    หลานชายอายุสองขวบพ้นอกนางไปได้สี่ห้าวันแล้ว ออกจะคิดถึงมันมากอยู่ แต่ก็พยายามตัดใจ ใช้สมาธิกับงานตรงหน้า ขณะเรียงขวดใส่รถเข็นเตรียมเอาไปส่งนางก็นึกถึงสายพิณ คนคุ้นเคยในหมู่บ้านที่ใจตรงกัน

    “ฉันว่าจะตำพริกแกงใส่ถุงไปฝากขายนะยาย ดีมั้ย ?”

    สายพิณเข้ามาคุยด้วยหลังจากเลิกประชุมวันนั้น แต่นางยังไม่รู้ว่าหล่อนทำพริกแกงไปส่งที่ร้านค้าศูนย์ฯหรือยัง

    แล้วนางก็เห็นกระจาดไม้ไผ่ใส่ถุงพริกแกงถุงละห้าบาทของสายพิณวางอยู่ที่ชั้นวางของ เมื่อเดินเข้าไปส่งของที่ร้านค้านั้นเป็นครั้งแรก
ศูนย์สาธิตการตลาดก่อด้วยอิฐบล็อกฉาบปูนในที่ดินขนาดยี่สิบตารางวา ประตูเป็นแผ่นเหล็กเลื่อนอย่างร้านค้าทั่วไป  ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายดอกดวงสีสด ตู้เย็นสำหรับแช่เครื่องดื่มขนาดใหญ่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง สินค้าหลายชนิดถูกจัดเรียงไว้เหมือนกับร้านค้าสะดวกซื้อในตัวอำเภอ

        “หักห้าเปอร์เซ็นต์เด้อยาย แล้วค่อยมาจ่ายเงินกันตอนสิ้นเดือน”

       ลูกสาวตาเหลียว กรรมการศูนย์สาธิตการตลาดอีกคนหนึ่งที่เป็นพนักงานขายของร้องบอก ก่อนจะรับสินค้าของนางไปเรียงไว้เป็นแถวบนชั้นวางสินค้าใกล้กับผงซักฟอก      

       “ไม่มีฉลากติดรึ ?” หล่อนขมวดคิ้ว จับขวดหันไปมา

       “ยายไม่รู้แห่งทำดอกนางเอ้ย” หญิงชราตอบซื่อๆ “เอาสีเขียนให้ยายไม่ได้รึ ?”

       หญิงสาวทำหน้าตาแปลกๆ เบะปากนิดหนึ่ง

       “ใครเล่าทำพัดมาขาย ?” นางถามเมื่อมองไปที่ตู้กระจกริมผนังด้านหนึ่ง ภายในมีพัดที่สานจากตอกไม้ไผ่ชุบสีวางเรียงรายหลายอัน

       “ตาสาย”

       หล่อนตอบแล้วเดินไปที่หน้าร้านเพื่อคุยกับลูกค้าคนใหม่ ปล่อยให้นางยืนดูข้าวของในร้านเงียบๆ ก่อนจะลากรถเข็นเปล่าที่ขอยืมมาเดินกลับไปทางเก่า



        หญิงชราไม่ได้ไปศูนย์ฯอีกเลยจนเกือบปลายเดือน เพราะเหตุว่าข้างบ้านมีคนตายติดๆ กันสองราย รายแรกเป็นคนแก่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ต่อมาเป็นเด็กวัยรุ่นเมาเหล้าขับรถไปชนเสาไฟฟ้า นางจึงไปช่วยเจ้าภาพทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อ หั่นผัก หุงต้มแกง ล้างถ้วยชามอยู่หลังครัวตามแต่เจ้าภาพจะบอก เสร็จงานก็จ่ายเงินให้เป็นค่าแรงพร้อมแบ่งอาหารให้ไปกินที่บ้าน

         คืนแรกของงานศพที่สอง ถ้วยชามใช้แล้วถูกขนใส่เข่งเข้ามา นางต้องกวาดเศษอาหารออกเสียก่อนที่จะล้างออกด้วยน้ำเปล่า แล้วจึงขัดถูด้วยน้ำยาล้างจาน แวบหนึ่งที่นางชะงักมือ หยิบขวดน้ำยาล้างจานพลาสติกสีเหลืองเข้มมีฉลากอย่างที่คนใช้กันทั่วไปขึ้นมาดู แล้วก็นึกโมโหตัวเองที่ลืมแนะนำเจ้าภาพว่านางก็ทำขาย และยังมั่นใจว่าของมีคุณภาพดีมากกว่าของจากโรงงานเสียอีก    

(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่