‘ดุสิตโพล’ สำรวจ ‘คนไทยกับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ’ คาด ‘แฮร์ริส’ คว้าชัย
https://www.dailynews.co.th/news/4015256/
สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจความคิดเห็น คนไทย กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024 ชี้ นโยบาย “America First” อาจกีดกันการค้ากับไทยด้วยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น คาด 'แฮร์ริส' คว้าชัย
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “
คนไทยกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,247 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 77.47 อยากให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ให้ข้อมูลครบถ้วน ร้อยละ 67.74 โดยมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลต่อไทยในด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าระหว่างกัน ร้อยละ 73.70 หลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม ร้อยละ 57.02 โดยคิดว่าคามาลา แฮร์ริส (พรรคเดโมแครต) จะชนะการเลือกตั้ง ร้อยละ 43.06
น.ส.
พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจติดตามข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยคาดหวังให้สื่อไทยรายงานอย่างเป็นกลาง ครบถ้วน และวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทย ในด้านเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้คาดว่าคามาลา แฮร์ริสจะชนะ โดยมีคะแนนนำไม่เกิน 5% ซึ่งสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักในสหรัฐฯ จึงต้องจับตาดูว่าผลจริง จะเป็นอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.
รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศรวมถึงไทย เนื่องจากผลกระทบของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ต่อเศรษฐกิจ การเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเผยว่า 77.47% ของคนไทยติดตามการเลือกตั้ง โดยสนใจทิศทางนโยบายเศรษฐกิจที่อาจมีต่ออาเซียน (73.70%) หากคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตชนะ นโยบายการค้าเสรีระหว่างประเทศอาจขยายตัว โดยเฉพาะกับจีนและอาเซียน ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ภาคการผลิตไทยเติบโต แม้ GDP ไทยจะคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ในปี 2567 แต่อุตสาหกรรมการผลิตไทยอาจได้ประโยชน์หากท่าทีของแฮร์ริสสนับสนุนการค้าเสรี ในทางกลับกันหากโดนัลด์ ทรัมป์
สรุปวิเคราะห์ผลโพล : คนไทยกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024 จากพรรครีพับลิกันชนะ นโยบาย “America First” อาจกีดกันการค้ากับไทยด้วยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและเงื่อนไขทางการค้า ซึ่งจะส่งผลลบต่อภาคการผลิตและส่งออก รัฐบาลไทยจึงต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมการผลิตให้ทันสมัยและพัฒนาโครงสร้างการเงินเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมให้แข่งขันได้ ในตลาดโลก
อุทัยฯยังระทม 2 ตำบลน้ำท่วมขังมา 7 วันแล้ว ประปาใช้ไม่ได้ วอนช่วยส่งข้าวสาร-อาหารแห้ง
https://www.matichon.co.th/region/news_4867505
จังหวัดอุทัยธานี 2 หมู่บ้านใน 2 ตำบลอ่วม น้ำท่วมขังมานานกว่า 7 วัน น้ำประปาใช้ไม่ได้ ต้องซื้อน้ำขวดมาใช้หุงต้มทดแทน ยังคงเฝ้าระวังน้ำเพิ่มระดับขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี หลังเขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาลดลง วัดได้ 1,892 ลบ.ม./วิ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำที่ 1,699 ลบ.ม./วิ เพื่อทรงตัวระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ 17.29 ม.รทก. ซึ่งยังคงส่งผลให้ 2 หมู่บ้านใน 2 ตำบล อย่างหมู่ 1 ต.เกาะเทโพ และหมู่ 6 ต.ท่าซุง ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกัน พบว่ามีบ้านเรือนที่พักอาศัย ถูกน้ำท่วมขังแล้วประมาณ 147 หลังคาเรือน ตลอดจนพื้นที่การเกษตรทั้งนาข้าว พืชสวน พืชไร่ และผักสวนครัว ต่างถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน โดยระดับน้ำท่วมสูงอยู่ที่ประมาณ 20-30 เซนติเมตร
โดย นาง
อำนวย แก้วซุง อายุ 65 ปี และนาย
จเร แก้วซุง อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า บ้านตนอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ดังกล่าวนั้นจะมีน้ำเข้าท่วมเกือบจะทุกปี โดยปีนี้นั้นน้ำเข้าท่วมมา 3 ครั้งในเดือนเดียวกัน โดยครั้งล่าสุดนี้ท่วมขังมาประมาณ 1 อาทิตย์กว่าแล้ว ซึ่งตอนนี้อยากได้ข้าวสารอาหารแห้งไว้กักตุนเพื่อไว้รับประทานในยามฉุกเฉิน ประกอบกับน้ำประปาในหมู่บ้านเริ่มใช้ไม่ได้เพราะสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาจึงมีสีคล้ายโคลน ไม่สามารถใช้หุงข้าวได้ จึงต้องซื้อน้ำที่บรรจุใส่ถังและขวดที่ร้านค้าในหมู่บ้านมาใช้แทน ซึ่งก็หวังว่าน้ำนั้นจะลดในเร็ววันนี้ และยังคงต้องเฝ้าระวังว่าระดับน้ำนั้นจะท่วมสูงขึ้นอีกหรือไม่
ตลาดรับสร้างบ้านอ่วม 2 เด้ง กู้ไม่ผ่านพุ่ง 30% ลูกค้าชะลอทำสัญญา ไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4867419
ตลาดรับสร้างบ้านอ่วม 2 เด้ง กู้ไม่ผ่านพุ่ง 30% ลูกค้าชะลอทำสัญญา ไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ
นาย
วรวุฒิ กาญจนกูล ประธานบริหาร บริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด และ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้าน ไม่ต่างจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยยังได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อหรือรีเจ็กต์แรต 20-30% สำหรับกลุ่มตลาดไม่เกิน 5 ล้านบาท และเริ่มลามไปยังกลุ่มมากกว่า 10 ล้านบาท
ประกอบกับลูกค้าที่จองเพื่อเอาโปรโมชั่นในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18- 22 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ยังชะลอการตัดสินใจทำสัญญาก่อสร้าง คิดเป็นสัดส่วน 30% ทำให้ยอดขายปีนี้ของแต่ละบริษัทลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“
ดังนั้นทำให้ในปีนี้ผู้ประกอบการจึงยังไม่ปรับราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น แม้จะมีวัสดุบางรายการที่ราคาขยับขึ้นไปบ้างและรอดูสถานการณ์ในปี 2568 เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยกดดันกำลังซื้อในตลาด แม้ว่าอัตราดอกบี้ยนโยบายจะปรับลดลงแล้ว แต่คนยังไม่มีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ จึงไม่กล้านำเงินออกมาใช้จ่าย ตอนนี้ผู้ประกอบต้องทำโปรโมชั่นโค้งสุดท้ายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าปิดดีลทำสัญญาภายในสิ้นปีนี้” นายวรวุฒิกล่าว
JJNY : ‘ดุสิตโพล’คาด ‘แฮร์ริส’คว้าชัย│อุทัยฯ ยังระทม│ตลาดรับสร้างบ้านอ่วม 2เด้ง│อินโดนีเซียไม่พอใจเรือจีน“ละเมิดน่านน้ำ”
https://www.dailynews.co.th/news/4015256/
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,247 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคม 2567 พบว่า กลุ่มตัวอย่างสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 77.47 อยากให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ให้ข้อมูลครบถ้วน ร้อยละ 67.74 โดยมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลต่อไทยในด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าระหว่างกัน ร้อยละ 73.70 หลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม ร้อยละ 57.02 โดยคิดว่าคามาลา แฮร์ริส (พรรคเดโมแครต) จะชนะการเลือกตั้ง ร้อยละ 43.06
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจติดตามข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยคาดหวังให้สื่อไทยรายงานอย่างเป็นกลาง ครบถ้วน และวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทย ในด้านเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้คาดว่าคามาลา แฮร์ริสจะชนะ โดยมีคะแนนนำไม่เกิน 5% ซึ่งสอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักในสหรัฐฯ จึงต้องจับตาดูว่าผลจริง จะเป็นอย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศรวมถึงไทย เนื่องจากผลกระทบของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ต่อเศรษฐกิจ การเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเผยว่า 77.47% ของคนไทยติดตามการเลือกตั้ง โดยสนใจทิศทางนโยบายเศรษฐกิจที่อาจมีต่ออาเซียน (73.70%) หากคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตชนะ นโยบายการค้าเสรีระหว่างประเทศอาจขยายตัว โดยเฉพาะกับจีนและอาเซียน ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ภาคการผลิตไทยเติบโต แม้ GDP ไทยจะคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ในปี 2567 แต่อุตสาหกรรมการผลิตไทยอาจได้ประโยชน์หากท่าทีของแฮร์ริสสนับสนุนการค้าเสรี ในทางกลับกันหากโดนัลด์ ทรัมป์
สรุปวิเคราะห์ผลโพล : คนไทยกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2024 จากพรรครีพับลิกันชนะ นโยบาย “America First” อาจกีดกันการค้ากับไทยด้วยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นและเงื่อนไขทางการค้า ซึ่งจะส่งผลลบต่อภาคการผลิตและส่งออก รัฐบาลไทยจึงต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมการผลิตให้ทันสมัยและพัฒนาโครงสร้างการเงินเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมให้แข่งขันได้ ในตลาดโลก
อุทัยฯยังระทม 2 ตำบลน้ำท่วมขังมา 7 วันแล้ว ประปาใช้ไม่ได้ วอนช่วยส่งข้าวสาร-อาหารแห้ง
https://www.matichon.co.th/region/news_4867505
จังหวัดอุทัยธานี 2 หมู่บ้านใน 2 ตำบลอ่วม น้ำท่วมขังมานานกว่า 7 วัน น้ำประปาใช้ไม่ได้ ต้องซื้อน้ำขวดมาใช้หุงต้มทดแทน ยังคงเฝ้าระวังน้ำเพิ่มระดับขึ้นอีก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี หลังเขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน โดยปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาลดลง วัดได้ 1,892 ลบ.ม./วิ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงระบายน้ำที่ 1,699 ลบ.ม./วิ เพื่อทรงตัวระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาที่ 17.29 ม.รทก. ซึ่งยังคงส่งผลให้ 2 หมู่บ้านใน 2 ตำบล อย่างหมู่ 1 ต.เกาะเทโพ และหมู่ 6 ต.ท่าซุง ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกัน พบว่ามีบ้านเรือนที่พักอาศัย ถูกน้ำท่วมขังแล้วประมาณ 147 หลังคาเรือน ตลอดจนพื้นที่การเกษตรทั้งนาข้าว พืชสวน พืชไร่ และผักสวนครัว ต่างถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน โดยระดับน้ำท่วมสูงอยู่ที่ประมาณ 20-30 เซนติเมตร
โดย นางอำนวย แก้วซุง อายุ 65 ปี และนายจเร แก้วซุง อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า บ้านตนอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ดังกล่าวนั้นจะมีน้ำเข้าท่วมเกือบจะทุกปี โดยปีนี้นั้นน้ำเข้าท่วมมา 3 ครั้งในเดือนเดียวกัน โดยครั้งล่าสุดนี้ท่วมขังมาประมาณ 1 อาทิตย์กว่าแล้ว ซึ่งตอนนี้อยากได้ข้าวสารอาหารแห้งไว้กักตุนเพื่อไว้รับประทานในยามฉุกเฉิน ประกอบกับน้ำประปาในหมู่บ้านเริ่มใช้ไม่ได้เพราะสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาจึงมีสีคล้ายโคลน ไม่สามารถใช้หุงข้าวได้ จึงต้องซื้อน้ำที่บรรจุใส่ถังและขวดที่ร้านค้าในหมู่บ้านมาใช้แทน ซึ่งก็หวังว่าน้ำนั้นจะลดในเร็ววันนี้ และยังคงต้องเฝ้าระวังว่าระดับน้ำนั้นจะท่วมสูงขึ้นอีกหรือไม่
ตลาดรับสร้างบ้านอ่วม 2 เด้ง กู้ไม่ผ่านพุ่ง 30% ลูกค้าชะลอทำสัญญา ไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4867419
ตลาดรับสร้างบ้านอ่วม 2 เด้ง กู้ไม่ผ่านพุ่ง 30% ลูกค้าชะลอทำสัญญา ไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจ
นายวรวุฒิ กาญจนกูล ประธานบริหาร บริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด และ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้าน ไม่ต่างจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยยังได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อหรือรีเจ็กต์แรต 20-30% สำหรับกลุ่มตลาดไม่เกิน 5 ล้านบาท และเริ่มลามไปยังกลุ่มมากกว่า 10 ล้านบาท
ประกอบกับลูกค้าที่จองเพื่อเอาโปรโมชั่นในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2024 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18- 22 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ยังชะลอการตัดสินใจทำสัญญาก่อสร้าง คิดเป็นสัดส่วน 30% ทำให้ยอดขายปีนี้ของแต่ละบริษัทลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ดังนั้นทำให้ในปีนี้ผู้ประกอบการจึงยังไม่ปรับราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น แม้จะมีวัสดุบางรายการที่ราคาขยับขึ้นไปบ้างและรอดูสถานการณ์ในปี 2568 เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยกดดันกำลังซื้อในตลาด แม้ว่าอัตราดอกบี้ยนโยบายจะปรับลดลงแล้ว แต่คนยังไม่มีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ จึงไม่กล้านำเงินออกมาใช้จ่าย ตอนนี้ผู้ประกอบต้องทำโปรโมชั่นโค้งสุดท้ายออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าปิดดีลทำสัญญาภายในสิ้นปีนี้” นายวรวุฒิกล่าว