ADHD Schizophrenia OCS แจ๊คพ๊อตแรกนั่นคงจะเป็นที่รู้จักกันแล้วนะครับ ส่วนเจ้าชื่อโรคแปลกๆออกเสียงยากๆโรคที่สองนั้น แปลเป็นไทยว่า จิตเภท หรือ จะแปลให้บ้านๆไปอีกก็พวกหูแว่วภาพหลอนนั่นแหละครับ ส่วนโรคสุดท้ายนั่น ภาษาบ้านๆก็ ย้ำคิดย้ำทำ
จะอวด เอ๊ย จะบอกว่า ยัยเฟิร์นของผมเหมาเรียบค่าาา
วันนี้จะพามารายงานตัวครับ ว่าไปถึงไหนยังไงกันแล้วสำหรับเราสองคนพ่อลูก
ในด้านการศึกษา ก็นะ เธอเอวังตั้งแต่ม.3แล้วครับ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น จริงๆจะฝืนไปให้ได้ ม.6 มันก็พอไหว แต่หันกลับมาคุยกับเธอและครอบครัวแล้ว อืม … ทนทรมานสาหัสสากรรจ์ให้จบม.6แล้ว จะได้อะไรขึ้นมา ได้วุฒิม. 6 หรือ ได้วุฒิ ป.ตรีมา ก็เอามาประกอบอาชีพอะไรไม่ได้อยู่ดี ก็เลยตกลงว่า พอล่ะ อ่านออกเขียนได้ พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย บวกลบคูณหาร ทดเลข ทอนเงิน ถูกต้อง ก็โอเคล่ะ
ก็เลยให้เขาออกจากระบบการศึกษาแบบตีกรอบ หันมาฝึกหาอาชีพที่ชอบทำกันดีกว่า แน่นอว่าเธอชอบมาก 555 เลิกเรียนเสียที
ทำขนมปัง ทำอาหาร จัดดอกไม้ นวดแผนไทย ร้อยลูกปัด อาคิโด นักเขียน ปลูกต้นไม้ ทำปุ๋ย บลาๆ หาอะไรหัด หาอะไรทำไปเรื่อย อะไรที่เขาชอบทำ ผมก็พาไปเรียน พาไปหัด ก็สนุกดี คือ ไม่บังคับเขา แค่บอกว่าโลกนี้มันมีอะไรน่าทำบ้าง อยากทำอะไร อยากหัดอะไร บอกพ่อ เดี๋ยวพ่อจัดให้ อารมณ์นั้น
บางเรื่องก็เรียนก็หัดไปได้ครึ่งๆกลางๆ ก็บอกว่าไม่ชอบ บางเรื่องเปิดยูทูบดูไปสักพักก็ไม่เอาล่ะ 555
บางเรื่องก็ทำไปจนสุดแล้วพบว่า อืม ไม่ชอบ เช่น ไปเรียนนวดแผนโบราณมาครบหลักสูตรกระทรวงฯเลย สอบผ่านด้วย ได้ใบประกาศมา ผมจ้างเธอนวด ช.ม.ล่ะ 250 อยู่พักหนึ่ง พอให้ไปสมัครทำงานที่ร้านนวดจริงๆ เธอไม่ชอบซะงั้น 555
ระหว่างหัดโน้นหัดนี่ก็ให้ไปเป็นคนใช้ในครัวที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ล้างจ้าน หั่นผัก เด็ดผัก จัดโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร ล้างห้องน้ำ บลาๆ ก็คนใช้ดีๆนี่แหละ
พออายุครบ 18 จ้างงานได้ ก็เลยให้ทำงานต่อไปเลย (ได้งานตามมาตรา 35 พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ) แต่คราวนี้ได้อัพเกรด เป็นผู้ช่วยครูดูแลเด็ก ป.5 งานสบายขึ้นมาหน่อย
ระหว่างนี้ ก็หัดอาชีพโน้นนี่นั่นไป แล้วแต่เธออยากจะทำ อยากจะหัดอะไร คิดว่าสักวันก็น่าจะเจออะไรที่เธอทำแล้วชอบจริงๆ
นี่ครับ ภาพเธอไปทำงานวันแรก ในฐานะลูกจ้าง มีเงินเดือน ตั้ง 9000 บาทแน่ะ ค่าแรงขั้นต่ำพอดีเลยค่า มีเครื่องแบบด้วย
เธอจะดูสมบูรณ์ๆหน่อยๆ ก็อ้วนนั่นแหละ 555 เพราะยาจิตเวชที่ทานมันทำให้นน.ขึ้นเอาๆ แถมทานยา ADHD ก็ไม่ได้ ยา ADHDมันไปกระตุ้นอาการจิตเภทกับย้ำคิดย้ำทำ ก็เลยต้องเลือกรักษาไอ้ที่มันแย่สุดก่อน คือ คุมจิตเภทเป็นหลัก ย้ำคิดย้ำทำก็เป็นความสำคัญอันดับสอง ส่วน ADHD เอาไว้ท้ายสุด คือ ไม่ต้องรักษามันเลย
555 ปรับยากันยิ่งกว่าผสมสูตรค็อกเทล
เวลาเธอไปทำงานก็ลงรถไฟใต้ดิน ไปต่อรถเมล์ ไปกลับเอง เอาเงินเดือนเป็นค่ารถเมล์ พอดีว่ารถไฟใต้ดินใช้บัตรผู้พิการขึ้นฟรี ก็สบายไป เสียแต่ค่ารถเมล์ครึ่งราคา เธอบอกว่า หนูโชว์บัตรฯให้กระเป๋ารถเมล์ พี่กระเป๋ารถเมล์คิดหนูครึ่งเดียว
สำหรับเด็กหลายๆคนในวัยนี้ การเดินทางแค่นี้เป็นเรื่องขี้ผง แต่สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นความสำเร็จชิ้นโบว์แดงเลย หัดกันเลือดตาแทบกระเด็น จนตอนนี้เธอสามารถไปไหนด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดินและบีทีเอสได้เองแล้ว ลบคำสบประมาทของใครต่อใครหลายคน
ส่วนมื้อเที่ยงผมให้เธอเลือกว่า ถ้าเอาข้าวกล่องไปก็ไม่ต้องเสียเงินค่าข้าวเที่ยง เพราะผมให้เธอรับผิดชอบค่าเดินทางและค่ามื้อกลางวันเอง เธอก็งก 555 จัดข้าวกล่องไปกินเอง
พอได้เงินเดือน ก็สอนเธอทำบัญชี
ผมก็เลือกเอาแบบง่ายๆ ผมไม่ใช่นักบัญชี เป็นแค่วิศวกร ก็กะๆเอาหาแบบเบสิกๆที่สุด ไม่เอาละเอียด หรือ แม่นยำนัก มั่วๆไปก่อน เอาแค่ให้เธอเข้าใจหลักการ นั่งกำกับเธอทำบัญชีทุกเย็นวันอาทิตย์ สรุปเป็นเดือนๆไป นี่ก็เพิ่งทำได้เดือนพ.ค.เดือนแรก
เมื่อวานเป็นวันสรุปยอดของเดือน พ.ค. ว่าจะต้องเอาเงินฝากเข้าบัญชีเธอเท่าไร พอทำเสร็จ เธอดูรายการที่ทำแล้ว พูดเปรยๆขึ้นมาว่า
“เออ เนอะ มีรายได้เข้ามาบรรทัดเดียวเอง ที่เหลือเป็นรายจ่ายหมดเลย”
ผมแอบดีใจเล็กๆกับบทเรียนง่ายๆที่เธอค้นพบได้เองว่า … ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมันก็แบบนี้ล่ะ (ลูกเอ๋ย 555)
แต่เดือนหน้า เขาจะได้เรียนรู้เพิ่มอีกว่า รายรับจะมีเพิ่มขึ้นอีก 1 บรรทัด นั่นคือ เงินที่เหลือเก็บจาก เดือนนี้ (56.75 บาท นั่นแหละ) ถึงจะไม่มากมาย แต่เธอก็จะได้เข้าใจในหลักการยกยอดทบเงิน และ การเก็บสะสมน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
วันนี้เอาเงินไปฝากเข้าบัญชีเขาตามสัญญา 6501 บาท
พูดเลย ไม่อายครับ น้ำตาซึมๆ ดีใจ ภูมิใจที่เด็กพิการบกพร่องทางสติปัญญาอย่างเธอ โดนใครๆสบประมาท เธอหาเงินได้เอง ทำบัญชีได้ เก็บเงิน มีเงินเหลือ
สัปดาห์ที่แล้ว เธอบอกว่า เธออยากเรียนหนังสือเพิ่ม เพราะว่าจะได้มีความรู้หาเงินได้มากกว่านี้ อยากได้ปริญญา ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำได้แค่ไหน แต่หน้าที่พ่อก็คือสนับสนุนฝันของเธอ อยากจะไปเรียนพ่อก็จะหาที่ให้เรียน
เนื่องจากเธออายุเกินการศึกษาภาคปกติ ก็เลยลองให้เธอไปเรียนพิเศษแถวบ้าน ถ้าเรียนแล้วโอเค ไปรอด ก็ค่อยว่ากันต่อไป อย่างหนึ่งที่เรียนรู้จากการเลี้ยงดูเธอก็คือการไม่หวังไม่วางอะไรไปไกล เอาไปทีล่ะขั้นเล็กๆ ถ้าสำเร็จก็กระเถิบไปต่อ ไม่สำเร็จก็กลับไปตั้งต้นกันใหม่
เมื่อเสาร์ที่แล้วก็ไปทดลองเรียนฟรี เธอบอกชอบ สนุก ก็โอเค วันนี้ผมก็ไปจ่ายตังค์ …
ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ แต่ลึกๆก็ยังภูมิใจว่าทั้งๆที่เธอรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร แต่เธอก็ยังอยากเรียนหนังสือ แค่นี้ก็ดีแล้ว ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะลูกรัก
หนทางนี้ยังอีกยาวไกล …
ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็จะอยู่กับหนูตลอดไป …
… พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
4 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ADHD Schizophrenia OCS อย่างหนูก็ทำงานได้นะคะ – น้องเฟิร์นเจ้าเก่าจ้า
จะอวด เอ๊ย จะบอกว่า ยัยเฟิร์นของผมเหมาเรียบค่าาา
วันนี้จะพามารายงานตัวครับ ว่าไปถึงไหนยังไงกันแล้วสำหรับเราสองคนพ่อลูก
ในด้านการศึกษา ก็นะ เธอเอวังตั้งแต่ม.3แล้วครับ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น จริงๆจะฝืนไปให้ได้ ม.6 มันก็พอไหว แต่หันกลับมาคุยกับเธอและครอบครัวแล้ว อืม … ทนทรมานสาหัสสากรรจ์ให้จบม.6แล้ว จะได้อะไรขึ้นมา ได้วุฒิม. 6 หรือ ได้วุฒิ ป.ตรีมา ก็เอามาประกอบอาชีพอะไรไม่ได้อยู่ดี ก็เลยตกลงว่า พอล่ะ อ่านออกเขียนได้ พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย บวกลบคูณหาร ทดเลข ทอนเงิน ถูกต้อง ก็โอเคล่ะ
ก็เลยให้เขาออกจากระบบการศึกษาแบบตีกรอบ หันมาฝึกหาอาชีพที่ชอบทำกันดีกว่า แน่นอว่าเธอชอบมาก 555 เลิกเรียนเสียที
ทำขนมปัง ทำอาหาร จัดดอกไม้ นวดแผนไทย ร้อยลูกปัด อาคิโด นักเขียน ปลูกต้นไม้ ทำปุ๋ย บลาๆ หาอะไรหัด หาอะไรทำไปเรื่อย อะไรที่เขาชอบทำ ผมก็พาไปเรียน พาไปหัด ก็สนุกดี คือ ไม่บังคับเขา แค่บอกว่าโลกนี้มันมีอะไรน่าทำบ้าง อยากทำอะไร อยากหัดอะไร บอกพ่อ เดี๋ยวพ่อจัดให้ อารมณ์นั้น
บางเรื่องก็เรียนก็หัดไปได้ครึ่งๆกลางๆ ก็บอกว่าไม่ชอบ บางเรื่องเปิดยูทูบดูไปสักพักก็ไม่เอาล่ะ 555
บางเรื่องก็ทำไปจนสุดแล้วพบว่า อืม ไม่ชอบ เช่น ไปเรียนนวดแผนโบราณมาครบหลักสูตรกระทรวงฯเลย สอบผ่านด้วย ได้ใบประกาศมา ผมจ้างเธอนวด ช.ม.ล่ะ 250 อยู่พักหนึ่ง พอให้ไปสมัครทำงานที่ร้านนวดจริงๆ เธอไม่ชอบซะงั้น 555
ระหว่างหัดโน้นหัดนี่ก็ให้ไปเป็นคนใช้ในครัวที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ล้างจ้าน หั่นผัก เด็ดผัก จัดโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร ล้างห้องน้ำ บลาๆ ก็คนใช้ดีๆนี่แหละ
พออายุครบ 18 จ้างงานได้ ก็เลยให้ทำงานต่อไปเลย (ได้งานตามมาตรา 35 พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ) แต่คราวนี้ได้อัพเกรด เป็นผู้ช่วยครูดูแลเด็ก ป.5 งานสบายขึ้นมาหน่อย
ระหว่างนี้ ก็หัดอาชีพโน้นนี่นั่นไป แล้วแต่เธออยากจะทำ อยากจะหัดอะไร คิดว่าสักวันก็น่าจะเจออะไรที่เธอทำแล้วชอบจริงๆ
นี่ครับ ภาพเธอไปทำงานวันแรก ในฐานะลูกจ้าง มีเงินเดือน ตั้ง 9000 บาทแน่ะ ค่าแรงขั้นต่ำพอดีเลยค่า มีเครื่องแบบด้วย
เธอจะดูสมบูรณ์ๆหน่อยๆ ก็อ้วนนั่นแหละ 555 เพราะยาจิตเวชที่ทานมันทำให้นน.ขึ้นเอาๆ แถมทานยา ADHD ก็ไม่ได้ ยา ADHDมันไปกระตุ้นอาการจิตเภทกับย้ำคิดย้ำทำ ก็เลยต้องเลือกรักษาไอ้ที่มันแย่สุดก่อน คือ คุมจิตเภทเป็นหลัก ย้ำคิดย้ำทำก็เป็นความสำคัญอันดับสอง ส่วน ADHD เอาไว้ท้ายสุด คือ ไม่ต้องรักษามันเลย
555 ปรับยากันยิ่งกว่าผสมสูตรค็อกเทล
เวลาเธอไปทำงานก็ลงรถไฟใต้ดิน ไปต่อรถเมล์ ไปกลับเอง เอาเงินเดือนเป็นค่ารถเมล์ พอดีว่ารถไฟใต้ดินใช้บัตรผู้พิการขึ้นฟรี ก็สบายไป เสียแต่ค่ารถเมล์ครึ่งราคา เธอบอกว่า หนูโชว์บัตรฯให้กระเป๋ารถเมล์ พี่กระเป๋ารถเมล์คิดหนูครึ่งเดียว
สำหรับเด็กหลายๆคนในวัยนี้ การเดินทางแค่นี้เป็นเรื่องขี้ผง แต่สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นความสำเร็จชิ้นโบว์แดงเลย หัดกันเลือดตาแทบกระเด็น จนตอนนี้เธอสามารถไปไหนด้วยระบบรถไฟฟ้าใต้ดินและบีทีเอสได้เองแล้ว ลบคำสบประมาทของใครต่อใครหลายคน
ส่วนมื้อเที่ยงผมให้เธอเลือกว่า ถ้าเอาข้าวกล่องไปก็ไม่ต้องเสียเงินค่าข้าวเที่ยง เพราะผมให้เธอรับผิดชอบค่าเดินทางและค่ามื้อกลางวันเอง เธอก็งก 555 จัดข้าวกล่องไปกินเอง
พอได้เงินเดือน ก็สอนเธอทำบัญชี
ผมก็เลือกเอาแบบง่ายๆ ผมไม่ใช่นักบัญชี เป็นแค่วิศวกร ก็กะๆเอาหาแบบเบสิกๆที่สุด ไม่เอาละเอียด หรือ แม่นยำนัก มั่วๆไปก่อน เอาแค่ให้เธอเข้าใจหลักการ นั่งกำกับเธอทำบัญชีทุกเย็นวันอาทิตย์ สรุปเป็นเดือนๆไป นี่ก็เพิ่งทำได้เดือนพ.ค.เดือนแรก
เมื่อวานเป็นวันสรุปยอดของเดือน พ.ค. ว่าจะต้องเอาเงินฝากเข้าบัญชีเธอเท่าไร พอทำเสร็จ เธอดูรายการที่ทำแล้ว พูดเปรยๆขึ้นมาว่า
“เออ เนอะ มีรายได้เข้ามาบรรทัดเดียวเอง ที่เหลือเป็นรายจ่ายหมดเลย”
ผมแอบดีใจเล็กๆกับบทเรียนง่ายๆที่เธอค้นพบได้เองว่า … ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมันก็แบบนี้ล่ะ (ลูกเอ๋ย 555)
แต่เดือนหน้า เขาจะได้เรียนรู้เพิ่มอีกว่า รายรับจะมีเพิ่มขึ้นอีก 1 บรรทัด นั่นคือ เงินที่เหลือเก็บจาก เดือนนี้ (56.75 บาท นั่นแหละ) ถึงจะไม่มากมาย แต่เธอก็จะได้เข้าใจในหลักการยกยอดทบเงิน และ การเก็บสะสมน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
วันนี้เอาเงินไปฝากเข้าบัญชีเขาตามสัญญา 6501 บาท
พูดเลย ไม่อายครับ น้ำตาซึมๆ ดีใจ ภูมิใจที่เด็กพิการบกพร่องทางสติปัญญาอย่างเธอ โดนใครๆสบประมาท เธอหาเงินได้เอง ทำบัญชีได้ เก็บเงิน มีเงินเหลือ
สัปดาห์ที่แล้ว เธอบอกว่า เธออยากเรียนหนังสือเพิ่ม เพราะว่าจะได้มีความรู้หาเงินได้มากกว่านี้ อยากได้ปริญญา ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำได้แค่ไหน แต่หน้าที่พ่อก็คือสนับสนุนฝันของเธอ อยากจะไปเรียนพ่อก็จะหาที่ให้เรียน
เนื่องจากเธออายุเกินการศึกษาภาคปกติ ก็เลยลองให้เธอไปเรียนพิเศษแถวบ้าน ถ้าเรียนแล้วโอเค ไปรอด ก็ค่อยว่ากันต่อไป อย่างหนึ่งที่เรียนรู้จากการเลี้ยงดูเธอก็คือการไม่หวังไม่วางอะไรไปไกล เอาไปทีล่ะขั้นเล็กๆ ถ้าสำเร็จก็กระเถิบไปต่อ ไม่สำเร็จก็กลับไปตั้งต้นกันใหม่
เมื่อเสาร์ที่แล้วก็ไปทดลองเรียนฟรี เธอบอกชอบ สนุก ก็โอเค วันนี้ผมก็ไปจ่ายตังค์ …
ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปได้สักกี่น้ำ แต่ลึกๆก็ยังภูมิใจว่าทั้งๆที่เธอรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร แต่เธอก็ยังอยากเรียนหนังสือ แค่นี้ก็ดีแล้ว ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนะลูกรัก
หนทางนี้ยังอีกยาวไกล …
ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็จะอยู่กับหนูตลอดไป …
… พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร
4 มิถุนายน พ.ศ. 2561