เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านการเตรียมการจัดซื้อดาวเทียมจารกรรมมูลค่า 91,200 ล้านบาท ตามที่สภากลาโหม ได้พิจารณาแนวความคิดด้านกิจการอวกาศ ของกระทรวงกลาโหม จัดทำร่างยุทธศาสตร์กิจการอวกาศเพื่อการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม ระหว่าง พ.ศ.2561-2570 โดยการผลักดันของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.)เพื่อนำไปสู่การจัดซื้อจัดหา “ดาวเทียมไธอา : THEIA 112 ดวง มูลค่า 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 91,200 ล้านบาท ไม่รวมค่าจัดส่งดาวเทียม จากบริษัท THEIA Group ซึ่งมีอดีตนักการเมืองในประเทศรายหนึ่งเป็นตัวแทนนายหน้า อ้างว่ามีการร่วมทำ Thailand Satellites Data Information Processing Center กับสหรัฐอเมริกาแล้ว
แถลงการณ์ระบุว่า ดาวเทียมดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็น “ดาวเทียมจารกรรม” ที่มีศักยภาพในการตรวจจับและเก็บภาพบนพื้นผิวโลกและบนพื้นผิวประเทศไทยที่ความละเอียด 0.5 เมตรต่อครั้งต่อวินาทีตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 86,400 ภาพทุก 24 ชั่วโมง ดังนั้น ไม่ว่าคนไทยทั้ง 66 ล้านคนจะทำอะไร แม้แต่กดเบอร์โทรศัพท์ดาวเทียมดังกล่าวก็สามารถตรวจจับและบันทึกได้ว่าโทรเบอร์อะไร โทรหาใคร ถือว่าเป็นอันตรายต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต และความเป็นส่วนตัวของบุคคล อันขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 4 มาตรา 25 มาตรา 32 และมาตรา 36 ที่ระบุไว้ชัดเขนว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว” และ “การกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกันจะกระทำมิได้”
“นอกจากนั้น การดำเนินการจัดซื้อจัดหาดาวเทียมดังกล่าวยังไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา อาจขัดต่อมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ 2560 เนื่องจากประธานกรรมการ สทป.และคณะได้ไปลงนามในหนังสือแสดงการรับรู้ หรือ LOA (Letter of Acknowledge) แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2560 และต่อมาได้มีการลงนามในหนังสือแสดงความจำนง หรือ LOI (Letter of Intent) เมื่อเดือนมีนาคม 2561 และล่าสุดได้ลงนามในหนังสือยืนยัน หรือ LOC (Letter of Confirm) เมื่อปลายเมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดยการรับรู้ของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปเยือนสหรัฐมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ทั้งที่สหรัฐเคยต่อต้าน คสช. มาโดยตลอด แต่เพื่อผลประโยชน์ของชาติในเรื่องนี้ ทำให้นโยบายของสหรัฐเปลี่ยนไปทันทีเมื่อไทยประสงค์จะซื้อดาวเทียมจารกรรม”
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาล นอกจากจะขัดต่อกฎหมาย ยังไม่คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำ ประชาชนยากจน มีหนี้เฉลี่ยท่วมหัวเพิ่มขึ้น 7.1% การจ้างงานลดลง 0.2% ตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงาน หนี้ของรัฐบาลมีมากกว่า 5.1 ล้านล้านบาท แต่ยังมีความพยายามที่จะก่อหนี้เพิ่มขึ้นจากการจัดซื้อจัดหาดาวเทียมจารกรรมในช่วงสุดท้ายของการมีอำนาจ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการจัดซื้ออาวุธให้ 3 เหล่าทัพไปแล้วโดยเฉพาะเรือดำน้ำมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท
JJNY : 'ศรีสุวรรณ' ค้านสภากลาโหมซื้อดาวเทียมจารกรรม 91,200 ล้านบาท!
แถลงการณ์ระบุว่า ดาวเทียมดังกล่าวอาจเรียกได้ว่าเป็น “ดาวเทียมจารกรรม” ที่มีศักยภาพในการตรวจจับและเก็บภาพบนพื้นผิวโลกและบนพื้นผิวประเทศไทยที่ความละเอียด 0.5 เมตรต่อครั้งต่อวินาทีตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 86,400 ภาพทุก 24 ชั่วโมง ดังนั้น ไม่ว่าคนไทยทั้ง 66 ล้านคนจะทำอะไร แม้แต่กดเบอร์โทรศัพท์ดาวเทียมดังกล่าวก็สามารถตรวจจับและบันทึกได้ว่าโทรเบอร์อะไร โทรหาใคร ถือว่าเป็นอันตรายต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิต และความเป็นส่วนตัวของบุคคล อันขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 4 มาตรา 25 มาตรา 32 และมาตรา 36 ที่ระบุไว้ชัดเขนว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว” และ “การกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อให้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลที่บุคคลสื่อสารถึงกันจะกระทำมิได้”
“นอกจากนั้น การดำเนินการจัดซื้อจัดหาดาวเทียมดังกล่าวยังไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา อาจขัดต่อมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ 2560 เนื่องจากประธานกรรมการ สทป.และคณะได้ไปลงนามในหนังสือแสดงการรับรู้ หรือ LOA (Letter of Acknowledge) แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2560 และต่อมาได้มีการลงนามในหนังสือแสดงความจำนง หรือ LOI (Letter of Intent) เมื่อเดือนมีนาคม 2561 และล่าสุดได้ลงนามในหนังสือยืนยัน หรือ LOC (Letter of Confirm) เมื่อปลายเมษายน 2561 ที่ผ่านมา โดยการรับรู้ของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปเยือนสหรัฐมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ทั้งที่สหรัฐเคยต่อต้าน คสช. มาโดยตลอด แต่เพื่อผลประโยชน์ของชาติในเรื่องนี้ ทำให้นโยบายของสหรัฐเปลี่ยนไปทันทีเมื่อไทยประสงค์จะซื้อดาวเทียมจารกรรม”
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาล นอกจากจะขัดต่อกฎหมาย ยังไม่คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ตกต่ำ ประชาชนยากจน มีหนี้เฉลี่ยท่วมหัวเพิ่มขึ้น 7.1% การจ้างงานลดลง 0.2% ตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงาน หนี้ของรัฐบาลมีมากกว่า 5.1 ล้านล้านบาท แต่ยังมีความพยายามที่จะก่อหนี้เพิ่มขึ้นจากการจัดซื้อจัดหาดาวเทียมจารกรรมในช่วงสุดท้ายของการมีอำนาจ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการจัดซื้ออาวุธให้ 3 เหล่าทัพไปแล้วโดยเฉพาะเรือดำน้ำมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท