ต่อไปนี้จะไม่มีโรงเรียนใดตั้งกฎทรงผมมาใช้บังคับได้อีก ด้วยบังคับแห่งศาลปกครอง พรบ.คุ้มครองเด็ก และรัฐธรรมนูญ

ต่อไปนี้จะไม่มีโรงเรียนใดตั้งกฎทรงผมมาใช้บังคับได้อีก ด้วยบังคับแห่งศาลปกครอง พรบ.คุ้มครองเด็ก และรัฐธรรมนูญ

รู้สึกดีใจและมีความหวังอย่างบอกไม่ถูกว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เจริญทางปัญญามาอีกขั้น กับที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งถอดถอนกฎกระทรวงของพวกคณะปฏิวัติ พ.ศ. 2518 ออกไปได้ หลังจากเป็นกฎที่ล้าหลังป่าเถื่อน ใช้ดูถูกซึ่งความเป็นมนุษย์ของนักเรียนไทยมานาน 

ในปี พ.ศ. 2563 กระทรวงศึกษาธิการยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยกฎทรงผมไปแล้ว แต่ก็มีช่องไว้ในข้อ 7 ให้โรงเรียนหาช่องที่จะบังคับให้นักเรียนไว้กฎทรงผมไร้อารยธรรมพรรค์นั้นอีกจนได้ 



ในที่สุดวันที่ 5 มีนาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดก็ได้วินิจฉัยว่าไอ้กฎของพวกคณะปฏิวัติที่ครูไทยยึดถือหนักหนาขัดกับมาตรา 22 วรรคหนึ่งของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และมาตรา 26 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560




เดี๋ยวผมจะได้ปริ้นต์คำสั่งศาลปกครองนี้กระจายไปให้พวกครูเกษียณที่เคยใช้อำนาจของกฎกระทรวงของพวกคณะปฏิวัติ 2518 ให้รู้เสียบ้าง ว่าการกระทำในอดีตของคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการกล้อนผม ไถผม ทำให้อับอาย ทำร้ายจิตใจคนอื่น นอกจากจะป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม ยังเป็นการขัดต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศไทยด้วย 

คนในพันทิปหลายคนก็หวงนักหวงหนาอบนักชอบหนากับไอ้กฎทรงผมไร้อารยธรรมนั่น ก็รับรู้ไว้ด้วยว่ามันขัดต่อกฎหมายทั้งปวง

ใครไม่ยอมรับสิ่งนี้ก็พึงรู้ไว้ด้วย ว่ากำลังขัดศาลปกครอสูงสุด พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และกฎหมายสูงสุดของประเทศอย่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่