สวัสดีค่ะ เดี๋ยวเราขอแนะนำตัวเราก่อนดีกว่าเนอะ เราชื่อวิวค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวเกี่ยวกับ เรียนซัมเมอร์ที่จีนช่วงปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา(เราอยู่ ม.2ขึ้น ม 3 ตอนนี้ ค่ะ )
เรื่องแรกที่เราจะมารีวิวก็คือพี่สตาร์ฟค่ะ การเดินทางไปเรียนซัมเมอร์ครั้งนี้เราเลือกไปกับพี่ๆ Study in Harbin เพราะเห็นรีวิวมาค่อนข้างเยอะพอสมควร การไปเรียนครั้งนี้พี่เอ็ม Study in Harbin เป็นคนที่ให้ information ต่างๆกับเราและดูแลเรื่องต่างๆทุกอย่างทั้งในเรื่องวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน และเดินทางไปกับน้องๆทั้งขาไปและกลับ ในเรื่องการดูแลของพี่สตาร์ฟเราว่าพี่เค้าดูแลเราดีมากๆเลยค่ะ เวลาที่มีน้องป่วยพี่เค้าก็คอยเข้ามาดูแลเราตลอด และที่สำคัญพี่ทีมงานพาเราไปเที่ยวแทบจะทุกจุดในเมืองฮาร์บินมีที่ไหนบ้างเราจะรีวิวไว้ให้ดูด้านหลังนะ พูดง่ายๆว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มมากและพี่ๆจัดการทุกอย่างให้เราพร้อมเลย พูดง่ายๆจ่ายเงินและรอบินอย่างเดียวเลย. ส่วนเรื่องการเรียนพี่สตาร์ฟไม่ได้เข้ามายุ่งในส่วนนี้เท่าไหร่ค่ะ เพราะอยากให้เราได้ฝึกใช้ภาษาจีนกับอาจารย์คนจีนและเพื่อนต่างชาติซะมากกว่า
ตอนแรกที่เราติดต่อพี่เอ็ม(พี่สตาร์ฟ)ไป พี่เค้าก็ถามเราว่าน้องมีพื้นฐานภาษามาบ้างมั้ย คือเราเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีนเลยค่ะ พี่เค้าก็เป็นห่วงเพราะว่าการไปอยู่ที่นั่นต้องดูแลตัวเองให้ได้ด้วยเพราะเราปิดเทอมช้ากว่าประเทศอื่นพอเราไปถึงคนอื่นเริ่มเรียนไปแล้วประมาณ 5 วัน
นี่ก็เป็นบรรยากาศบางส่วนสำหรับวันเดินทางนะคะ
พอถึงวันเดินทางพี่เอ็มก็มารับที่สนามบินค่ะ กรุ๊ปที่ไปกับเรามี 20 คน(ขอบอกว่าการเดินทางกับ Study in Harbin พี่ๆเค้ารับจำนวนจำกัดต่อกรุปประมาณ 20 คนเท่านั้นเพราะพี่ๆดูแลได้ทั่วถึง การเดินทางค่อนข้างที่จะเหนื่อยเพราะเดินทางทั้งวัน กว่าจะไปถึงก็ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ตอนเปลี่ยนเครื่องพี่เอ็มกลัวน้องๆเหนื่อยก็ทำการจองห้องพักไว้ให้น้องๆได้อาบน้ำ นอนพักรอเครื่อง
ตอนลงเครื่องอากาศอยู่ที่ -12 องศาค่ะ (เราไปเดือนมีนาคม-พฤษภาคม)ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ ส่วนใครสนใจไปในนคตอันใกล้นี้ก็สามารถไปได้ชาวง ตุลา เห็นพี่มีจัดโปรแกรมอยุ่เหมือนกัน พอไปถึงก็เข้าห้องพักค่ะ หอที่เราพักคือ A6ค่ะ ในส่วนของ International Dorm จะมี 2 หอค่ะ คือA6 และ A13 ห้องพักของหอเราแบ่งเป็นห้องใหญ่ 1 ห้อง ใน 1 ห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โดย 1 ห้องนอนจะนอน 2 คนค่ะ
และจุดพีคที่สุดของ Study in Harbin น้องเดินทางมาถึงดึก พี่พี่ทีมงานเตรียมข้าวไก่ทอดกระเทียมไว้ให้คนละกล่อง ฟินเวอร์....และนอกจากนี้พี่ๆทีมงานกลัวน้องเบื่ออาหารจีนทุกอาทิตย์จะมีอาหารไทยให้น้องๆทานฟรี!!!ด้วย กดไลท์จ้าา เมนูตามภาพเลย
วันต่อมาพี่เอ็มนัดตอนประมาณ 11 โมงค่ะ เพื่อสอบวัดระดับภาษาจีน โดยแบ่งระดับเป็นคลาส A B C D E F ในส่วนของการสอบก็จะมีการสอบสัมภาษและสอบเขียนค่ะ เราได้อยู่คลาส A ค่ะเป็นคลาสเริ่มต้น
นี่ก็เป็นบรรยากาศการสอบค่ะ
ห้องเรียนเราเอง
มาดูเรื่องการเรียนมั่งดีกว่า สำหรับการเรียนของคลาสเราจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารบ้างสำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ดีไม่ต้องห่วงนะ อาจารจะพยายามสรรหาทุกวิถีทางให้เราเข้าใจได้ ในการสอนแต่ถ้าเป็นคลาส B ขึ้นไปจะเรียนเป็นภาษาจีนค่ะ ในส่วนของเรื่องการบ้าน...ค่อนข้างที่จะเยอะค่ะ555 แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดที่ว่าไม่มีเวลาในทำอย่างอื่นเลย เพราะเราออกไปเที่ยวทุกวัน เหล่าซือค่อนข้างที่จะจริงจังกับการสอนค่ะ สอนเข้มเวอร์ สอนดีมากก เข้าใจง่ายด้วย แต่เราคิดว่าไปทั้งทีก็ควรที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้เต็มที่
ในส่วนของเรื่องวิชาเรียน!!! มีทั้งหมด 4 วิชาค่ะ ก็จะมีวิชาจงเหอ(综合课) เป็นวิชาที่รวมทุกอย่างทั้งพูด อ่าน เขียน แกรมม่ามีเรียนทุกวันค่ะ วิชาที่ 2 ก็คือวิชาทิงลี่(听力课) ซึ่งก็คือวิชาฟังมีเรียนอาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ วิชาต่อมาก็คือวิชา
ตู๋เสีย(读写课) เป็นวิชาการอ่านและเขียนมีเรียน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และวิชาสุดท้ายก็คือโค่วหยู(口语课)ค่ะ เป็นวิชาพูดเป็นconversationค่ะ มีเรียนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
อาหารการกินที่นี่เราคิดว่าก็ดีนะ มาพูดถึงโรงอาหารในมหาลัยฯก่อนแล้วกัน โรงอาหารในมหาลัยฯจะมีทั้งหมด 4 โรงอาหารค่ะ โดยการจ่ายเงินจะต้องใช้บัตรฟ้านข่า (饭卡) ยกเว้นโรงอาหารเฮยเตี้ยนค่ะที่สามารถใช้เงินสดจ่ายได้ อาหารค่อนข้างที่จะหลากๆค่ะ ส่วนใหญ่เราจะไปโรงอาหารที่ใหญ่ที่สุดค่ะ เป็นโรงอาหารที่มี 2 ชั้น แต่เราว่าอาหารชั้นล่างน่ากินน้อยกว่าอาหารชั้น 2 ค่ะ ราคาของอาหารในโรงอาหารมหาลัยฯค่อนข้างที่จะถูกและให้เยอะค่ะ
มาต่อกันที่ร้านอาหารนอกมหาลัยฯกันมั่งดีกว่า ร้านอาหารค่อนข้างที่จะเยอะค่ะ ตอนเย็นส่วนใหญ่เราก็จะออกไปกินข้างนอก ร้านอาหารเกาหลีค่อนข้างที่จะเยอะเพราะว่านักเรียนเกาหลีเยอะมากๆค่ะ ราคาอาหารจะค่อนข้างที่จะแพงกว่าในหมาลัยฯ แต่ก็เป็นราคาปกติ พอๆกับร้านอาหารในไทย อาหารที่เราชอบไปกินก็จะเป็นปิ้งย่างค่ะ... หนาวๆก็ต้องอยู่หน้าเตาสิ // ใช่หรอ5555 ขนมที่นี่ก็เยอะเหมือนกันนะ ใครสายขนมมาที่นี่ก็ได้เหมือนกัน(เอ๊ะ นี่มาเรียนใช่มั้ย)
ที่เที่ยวที่นี่ก็ค่อนข้างที่จะน่าสนใจค่ะ พี่สตาร์ฟพาไปเที่ยวหลายที่เลย งั้นเดี๋ยวเราไปดูกันดีกว่าว่าที่ไหนที่น่าสนใจมั่ง ทั้งเรียนรู้ประวัติศาตร์และ เที่ยวชิวๆบอกเลยครบ
ช่วงอาทิตย์แรกของการมาถึงพี่ๆก็พาไปเที่ยว ถนนจงยางที่เป็นถนนการค้าสายสำคัญของเมืองฮาร์บิน และแนะนำ สายรถเมย์ สายรถไฟ ไว้เผื่อเราจะไปเที่ยวกันเองได้ด้วย
บรรยากาศบางส่วนของถนนจงยาง โบสถ์เซนโซเฟียค่ะ
ต่อไปเราก็มาเรียนรู้ปะวัติศาสตร์กันบ้าง ก็คือพิพิธพัณธ์ 731 ค่ะหรือ Unit 731 museum เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างที่จะหดหู่นิดหน่อย แต่ก็ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ เป็นสถานที่ที่ทหารญี่ปุ่นเคยใช้เป็นห้องทดลองมนุษย์ โดยใช้คนจีนเป็นการทดลอง ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์จริงและห้องแลปจริงๆ ที่นำมนุษย์ไปทำการทดลองในสมัยนั้น
ภาพของ Unit 731 ค่ะ
สถานที่ต่อไปก็คือ. . .หมู่บ้านรัซเซียค่ะ แต่เราว่สถ้าเป็นเดือนมกรา-กุมภาน่าจะสวยกว่านี้นะ(ค่าเข้าของแต่ละseasonไม่เท่ากันนะคะ) นั่งรถไปค่อนข้างที่จะไกลค่ะ พี่เอ็มก็เลยเหมารถมาให้ ฟรีทั้งค่าเข้า และค่ารถนะจ่ะ เอาจิงๆเราเห็นพี่ๆทำแคมป์นี้ยังคิดอยู่เลยว่ากำไรมาจาก..ไปดูภาพบรรยากาศกันดีกว่า อ้อ!อย่าลืมพกบัตรนักเรียนติดตัวไว้ตลอดเน้อ
สวยงามมากๆเลยล่ะค่ะ
เบื่อหมู่บ้านรัซเซียละ ไปที่อื่นกันมั่งดีกว่า เข้าวัดทำบุญกันมั่งเนอะ 5555 ไปดูรูปกันเลยดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย วัดที่พี่ๆพาไปเป็นวัดพุธที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮาร์บิน ชื่อวัด จี๋เล่อ เป็นวัดที่อยู่ใกล้สวนสนุกเมืองฮาร์บิน ถือว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามแห่งนึงของเมืองเลยก็ว่าได้
เอ้อแต่ลืมบอกว่าก่อนเข้าวัดนี่ต้องกินอาหารเจก่อนนะ ไม่ใช่อะไร มันอร่อย!!! บริเวณรอบวัดจะมีร้านอาหารเจเยอะมาก รสชาติดีเลยทีเดียวใครผ่านไปแถวนั้นก็ลองชิมกันได้
คิดว่าพอละ อิ่มข้าวแล้วก็มาอิ่มบุญต่อเนอะ
มาฮาร์บินยังไม่เจอความจีน งั้นไปเมืองโบราณกัน
เอ๊ะ เเต่ตึกก็ไม่ค่อยจีนเท่าไหร่นะ
อะ ใกล้วันกลับแล้วก็ต้องซื้อของฝากสิเนอะ มาจีนก็ต้องซื้อชาสิ
ต่อไปเข้าตึกชาเลยค่า~ ขายชากันทั้งตึก มีให้เลือกซื้อเยอะแยะ ด้านตรงข้ามจะเป็นตึกขนมค้าส่งมีขนมให้เลือกซื้อเยอะมากกกก ราคาส่งด้วย
อันนี้พี่เอ็มก็เป็นคนพาไปเนอะ การเดินทางไปก็ไม่ยากด้วยค่ะ เพราะพี่เอ็มบอกว่ามาเรียนนี่แล้วรู้ภาษาจีนแล้วต้องชมประเพณีการชงชากันหน่อย เพราะการชงชาถือเป็นศิลปะจีนที่น่าสนใจอย่างนึงเลย ขอบอกก่อนว่าการไปชิมชาไม่จำเป็นต้องซื้อนะ สามารถชิมฟรีได้เลย ชิมกันจนฉี่แตกเลยจ้าา ชาหลากหลายรถชาติมาก
[CR] รีวิว Study In Harbin(มีนาคม-พฤษภาคม)
เรื่องแรกที่เราจะมารีวิวก็คือพี่สตาร์ฟค่ะ การเดินทางไปเรียนซัมเมอร์ครั้งนี้เราเลือกไปกับพี่ๆ Study in Harbin เพราะเห็นรีวิวมาค่อนข้างเยอะพอสมควร การไปเรียนครั้งนี้พี่เอ็ม Study in Harbin เป็นคนที่ให้ information ต่างๆกับเราและดูแลเรื่องต่างๆทุกอย่างทั้งในเรื่องวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน และเดินทางไปกับน้องๆทั้งขาไปและกลับ ในเรื่องการดูแลของพี่สตาร์ฟเราว่าพี่เค้าดูแลเราดีมากๆเลยค่ะ เวลาที่มีน้องป่วยพี่เค้าก็คอยเข้ามาดูแลเราตลอด และที่สำคัญพี่ทีมงานพาเราไปเที่ยวแทบจะทุกจุดในเมืองฮาร์บินมีที่ไหนบ้างเราจะรีวิวไว้ให้ดูด้านหลังนะ พูดง่ายๆว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มมากและพี่ๆจัดการทุกอย่างให้เราพร้อมเลย พูดง่ายๆจ่ายเงินและรอบินอย่างเดียวเลย. ส่วนเรื่องการเรียนพี่สตาร์ฟไม่ได้เข้ามายุ่งในส่วนนี้เท่าไหร่ค่ะ เพราะอยากให้เราได้ฝึกใช้ภาษาจีนกับอาจารย์คนจีนและเพื่อนต่างชาติซะมากกว่า
ตอนแรกที่เราติดต่อพี่เอ็ม(พี่สตาร์ฟ)ไป พี่เค้าก็ถามเราว่าน้องมีพื้นฐานภาษามาบ้างมั้ย คือเราเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีนเลยค่ะ พี่เค้าก็เป็นห่วงเพราะว่าการไปอยู่ที่นั่นต้องดูแลตัวเองให้ได้ด้วยเพราะเราปิดเทอมช้ากว่าประเทศอื่นพอเราไปถึงคนอื่นเริ่มเรียนไปแล้วประมาณ 5 วัน
พอถึงวันเดินทางพี่เอ็มก็มารับที่สนามบินค่ะ กรุ๊ปที่ไปกับเรามี 20 คน(ขอบอกว่าการเดินทางกับ Study in Harbin พี่ๆเค้ารับจำนวนจำกัดต่อกรุปประมาณ 20 คนเท่านั้นเพราะพี่ๆดูแลได้ทั่วถึง การเดินทางค่อนข้างที่จะเหนื่อยเพราะเดินทางทั้งวัน กว่าจะไปถึงก็ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ตอนเปลี่ยนเครื่องพี่เอ็มกลัวน้องๆเหนื่อยก็ทำการจองห้องพักไว้ให้น้องๆได้อาบน้ำ นอนพักรอเครื่อง
ตอนลงเครื่องอากาศอยู่ที่ -12 องศาค่ะ (เราไปเดือนมีนาคม-พฤษภาคม)ตรงกับฤดูใบไม้ผลิ ส่วนใครสนใจไปในนคตอันใกล้นี้ก็สามารถไปได้ชาวง ตุลา เห็นพี่มีจัดโปรแกรมอยุ่เหมือนกัน พอไปถึงก็เข้าห้องพักค่ะ หอที่เราพักคือ A6ค่ะ ในส่วนของ International Dorm จะมี 2 หอค่ะ คือA6 และ A13 ห้องพักของหอเราแบ่งเป็นห้องใหญ่ 1 ห้อง ใน 1 ห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ โดย 1 ห้องนอนจะนอน 2 คนค่ะ
และจุดพีคที่สุดของ Study in Harbin น้องเดินทางมาถึงดึก พี่พี่ทีมงานเตรียมข้าวไก่ทอดกระเทียมไว้ให้คนละกล่อง ฟินเวอร์....และนอกจากนี้พี่ๆทีมงานกลัวน้องเบื่ออาหารจีนทุกอาทิตย์จะมีอาหารไทยให้น้องๆทานฟรี!!!ด้วย กดไลท์จ้าา เมนูตามภาพเลย
วันต่อมาพี่เอ็มนัดตอนประมาณ 11 โมงค่ะ เพื่อสอบวัดระดับภาษาจีน โดยแบ่งระดับเป็นคลาส A B C D E F ในส่วนของการสอบก็จะมีการสอบสัมภาษและสอบเขียนค่ะ เราได้อยู่คลาส A ค่ะเป็นคลาสเริ่มต้น
มาดูเรื่องการเรียนมั่งดีกว่า สำหรับการเรียนของคลาสเราจะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารบ้างสำหรับคนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ดีไม่ต้องห่วงนะ อาจารจะพยายามสรรหาทุกวิถีทางให้เราเข้าใจได้ ในการสอนแต่ถ้าเป็นคลาส B ขึ้นไปจะเรียนเป็นภาษาจีนค่ะ ในส่วนของเรื่องการบ้าน...ค่อนข้างที่จะเยอะค่ะ555 แต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดที่ว่าไม่มีเวลาในทำอย่างอื่นเลย เพราะเราออกไปเที่ยวทุกวัน เหล่าซือค่อนข้างที่จะจริงจังกับการสอนค่ะ สอนเข้มเวอร์ สอนดีมากก เข้าใจง่ายด้วย แต่เราคิดว่าไปทั้งทีก็ควรที่จะเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้เต็มที่
ในส่วนของเรื่องวิชาเรียน!!! มีทั้งหมด 4 วิชาค่ะ ก็จะมีวิชาจงเหอ(综合课) เป็นวิชาที่รวมทุกอย่างทั้งพูด อ่าน เขียน แกรมม่ามีเรียนทุกวันค่ะ วิชาที่ 2 ก็คือวิชาทิงลี่(听力课) ซึ่งก็คือวิชาฟังมีเรียนอาทิตย์ละ 2 ครั้งค่ะ วิชาต่อมาก็คือวิชา
ตู๋เสีย(读写课) เป็นวิชาการอ่านและเขียนมีเรียน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และวิชาสุดท้ายก็คือโค่วหยู(口语课)ค่ะ เป็นวิชาพูดเป็นconversationค่ะ มีเรียนอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
อาหารการกินที่นี่เราคิดว่าก็ดีนะ มาพูดถึงโรงอาหารในมหาลัยฯก่อนแล้วกัน โรงอาหารในมหาลัยฯจะมีทั้งหมด 4 โรงอาหารค่ะ โดยการจ่ายเงินจะต้องใช้บัตรฟ้านข่า (饭卡) ยกเว้นโรงอาหารเฮยเตี้ยนค่ะที่สามารถใช้เงินสดจ่ายได้ อาหารค่อนข้างที่จะหลากๆค่ะ ส่วนใหญ่เราจะไปโรงอาหารที่ใหญ่ที่สุดค่ะ เป็นโรงอาหารที่มี 2 ชั้น แต่เราว่าอาหารชั้นล่างน่ากินน้อยกว่าอาหารชั้น 2 ค่ะ ราคาของอาหารในโรงอาหารมหาลัยฯค่อนข้างที่จะถูกและให้เยอะค่ะ
มาต่อกันที่ร้านอาหารนอกมหาลัยฯกันมั่งดีกว่า ร้านอาหารค่อนข้างที่จะเยอะค่ะ ตอนเย็นส่วนใหญ่เราก็จะออกไปกินข้างนอก ร้านอาหารเกาหลีค่อนข้างที่จะเยอะเพราะว่านักเรียนเกาหลีเยอะมากๆค่ะ ราคาอาหารจะค่อนข้างที่จะแพงกว่าในหมาลัยฯ แต่ก็เป็นราคาปกติ พอๆกับร้านอาหารในไทย อาหารที่เราชอบไปกินก็จะเป็นปิ้งย่างค่ะ... หนาวๆก็ต้องอยู่หน้าเตาสิ // ใช่หรอ5555 ขนมที่นี่ก็เยอะเหมือนกันนะ ใครสายขนมมาที่นี่ก็ได้เหมือนกัน(เอ๊ะ นี่มาเรียนใช่มั้ย)
ที่เที่ยวที่นี่ก็ค่อนข้างที่จะน่าสนใจค่ะ พี่สตาร์ฟพาไปเที่ยวหลายที่เลย งั้นเดี๋ยวเราไปดูกันดีกว่าว่าที่ไหนที่น่าสนใจมั่ง ทั้งเรียนรู้ประวัติศาตร์และ เที่ยวชิวๆบอกเลยครบ
ช่วงอาทิตย์แรกของการมาถึงพี่ๆก็พาไปเที่ยว ถนนจงยางที่เป็นถนนการค้าสายสำคัญของเมืองฮาร์บิน และแนะนำ สายรถเมย์ สายรถไฟ ไว้เผื่อเราจะไปเที่ยวกันเองได้ด้วย
ต่อไปเราก็มาเรียนรู้ปะวัติศาสตร์กันบ้าง ก็คือพิพิธพัณธ์ 731 ค่ะหรือ Unit 731 museum เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างที่จะหดหู่นิดหน่อย แต่ก็ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ เป็นสถานที่ที่ทหารญี่ปุ่นเคยใช้เป็นห้องทดลองมนุษย์ โดยใช้คนจีนเป็นการทดลอง ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์จริงและห้องแลปจริงๆ ที่นำมนุษย์ไปทำการทดลองในสมัยนั้น
สถานที่ต่อไปก็คือ. . .หมู่บ้านรัซเซียค่ะ แต่เราว่สถ้าเป็นเดือนมกรา-กุมภาน่าจะสวยกว่านี้นะ(ค่าเข้าของแต่ละseasonไม่เท่ากันนะคะ) นั่งรถไปค่อนข้างที่จะไกลค่ะ พี่เอ็มก็เลยเหมารถมาให้ ฟรีทั้งค่าเข้า และค่ารถนะจ่ะ เอาจิงๆเราเห็นพี่ๆทำแคมป์นี้ยังคิดอยู่เลยว่ากำไรมาจาก..ไปดูภาพบรรยากาศกันดีกว่า อ้อ!อย่าลืมพกบัตรนักเรียนติดตัวไว้ตลอดเน้อ
เบื่อหมู่บ้านรัซเซียละ ไปที่อื่นกันมั่งดีกว่า เข้าวัดทำบุญกันมั่งเนอะ 5555 ไปดูรูปกันเลยดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย วัดที่พี่ๆพาไปเป็นวัดพุธที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮาร์บิน ชื่อวัด จี๋เล่อ เป็นวัดที่อยู่ใกล้สวนสนุกเมืองฮาร์บิน ถือว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามแห่งนึงของเมืองเลยก็ว่าได้
เอ้อแต่ลืมบอกว่าก่อนเข้าวัดนี่ต้องกินอาหารเจก่อนนะ ไม่ใช่อะไร มันอร่อย!!! บริเวณรอบวัดจะมีร้านอาหารเจเยอะมาก รสชาติดีเลยทีเดียวใครผ่านไปแถวนั้นก็ลองชิมกันได้
อะ ใกล้วันกลับแล้วก็ต้องซื้อของฝากสิเนอะ มาจีนก็ต้องซื้อชาสิ
ต่อไปเข้าตึกชาเลยค่า~ ขายชากันทั้งตึก มีให้เลือกซื้อเยอะแยะ ด้านตรงข้ามจะเป็นตึกขนมค้าส่งมีขนมให้เลือกซื้อเยอะมากกกก ราคาส่งด้วย
อันนี้พี่เอ็มก็เป็นคนพาไปเนอะ การเดินทางไปก็ไม่ยากด้วยค่ะ เพราะพี่เอ็มบอกว่ามาเรียนนี่แล้วรู้ภาษาจีนแล้วต้องชมประเพณีการชงชากันหน่อย เพราะการชงชาถือเป็นศิลปะจีนที่น่าสนใจอย่างนึงเลย ขอบอกก่อนว่าการไปชิมชาไม่จำเป็นต้องซื้อนะ สามารถชิมฟรีได้เลย ชิมกันจนฉี่แตกเลยจ้าา ชาหลากหลายรถชาติมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้