[CR] คุ้มจริงๆ Tourist Pass ตอนที่ 1 เข้าที่พัก osaka numba แล้วไป nagoya กันใช้ kintetsu tourist pass

เป็นครั้งที่ 2 ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ครั้งนี้ ไปเที่ยวกับครอบครัวเพื่อนค่ะ ได้มีโอกาสในการวางแผนเที่ยวกับเพื่อน หาทางที่ตรงใจที่สุด
ด้วยความที่นางอยาก เที่ยว alpine route (ถนนสายกำแพงหิมะ) ส่วนใหญ่นักเที่ยวจะรู้จักกันในนามนี้ และ!! นางก็อยากพาแม่แฟนไปกินเนื้อที่โกเบ ถ้าเราลองดูแผนที่ประเทศญี่ปุ่น เราจะเข้าใจว่า มันคนละที่กันเลย !!!
อ่ะ เพื่อนอยากไป แล้วเราก็ ... อิ อิ... มันก็น่าสนอยู่


เอาเป็นว่า ทริปนี้ เราจะไม่พูดถึงน้ำเงินที่เสียไป เนื่องจาก กินหรู อยู่ดี เพราะพาครอบครัวแฟนเพื่อนไป เราจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และการใช้ japan tourist pass กัน น่าจะดีกว่า


ที่ ที่เราไปเที่ยว อยู่ตรงสุดปลายด้านบน ของภูมิภาค chubu แถบบริเวณเทือกเขา tateyama และ ด้านเกือบตะวันตกสุดของ kansai คือ โกเบ ดังนั้น พวกเราจึงคำนวณแล้วว่า ถ้าจ่ายตังค์ และเดินทางด้วยรถไฟ ที่ถือว่าสะดวกสุด คงหมดหลายหมื่นทีเดียว เราจึงคิดวิธีในการใช้พาส ทั้งหมด ดังนี้

1. alpine takayama matsumoto area tourist pass ใช้เดินทางจาก nagoya - narai - tateyama alpine route - gero - nagoya

2. kintetsu pass ใช้เดินทาง จาก osaka numba - nagoya

3. hanshin pass ใช้เดินทางจาก osaka numba - kobe

4. loop bus ที่ nagoya

5. city loop bus ที่ kobe

เริ่มที่ นั่งการบินไทย เลือกเวลาเช้า เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางของผู้ใหญ่ บินเช้า ที่ ไฟล์ท 09.30 น. จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปลงที่ osaka kansai airport และ หาทางไป ที่พักที่อยู่ osaka numba กันค่ะ


ไม่เสียเวลาในการเดินทาง เราเดินทางมาถึงสนามบินคันไซ แล้วก็ นั่ง shuttle cable car ไปบริเวณตรวจคนเข้าเมือง ผ่านศุลกากร และ เดินขึ้นบันได ทางด้านซ้ายมือ มาชั้น 2 เดินไปทาง aero plaza เพื่อคิดว่า คงสามารถไปแลกตั๋วที่ JR ticket office ได้เหมือนครั้งที่แล้ว แต่!!!!
คาดผิดค่ะ เค้าไม่รับแลก pass alpine route ของเรา งงสิคะ เค้าบอกว่า ต้องไปแลกที่ shin osaka เท่านั้น หรือต้องไปแลกที่ nagoya station เลยลองถามเหตุผลเค้าดูค่ะ เค้าบอกว่ามันคนละภูมิภาคกัน ส่วน pass นี้ เป็นของ JR central ซึ่งตรงที่สนามบิน kansai เป็นส่วนของ JR west เท่านั้นค่ะ อ่อ....ก็ได้ งั้นเราค่อยแลก ยังไงก็ยังไม่ได้เปิดใช้วันนี้อยู่ดี เลยหาทางเข้า numba ก่อนละกัน นั่งรถไฟสาย Nankai line ค่ะ


เป็นการนั่งรถไฟเอกชน ครั้งแรกของเรา ปกตินั่งแต่ บริษัท JR ทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้ว บริษัทเอกชนจะช้ากว่า JR นะ แต่ก็มีความหลากหลายมากกว่าเหมือนกัน พอไหวๆ



ที่พักคืนแรกของเรา คือ กมล โฮเทล โอซาก้านำบะ (kamon hotel osaka numba) 5555 ไม่ใช่นะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เค้าอ่านว่ายังไง แต่ก็เรียกแบบนี้แล้วทำให้จำได้อ่ะ เลยเรียกกันกับเพื่อนๆที่มากัน

ว่าแล้ว เมื่อมาถึง numba ก็ต้องไปถ่ายรูปที่มุม มหาชน คือ ป้ายนักวิ่งกูลิโกะนั่นเอง ก็คนเยอะมากกกกกกกกกก+++ คล้ายแถวๆ ถนนข้าวสาร หรือสีลมบ้านเราเนี่ยล่ะ ไม่ค่อยใช่แนวเราเท่าไหร่ พาพ่อกับแม่ไปทานข้าว แล้วก็กลับมานอนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเลยค่ะ

อาหารเช้าวันนี้พยายามหาร้านที่เปิด 24 ชม.ก็จบที่ร้าน ichirun ร้านบะหมี่ แสนอร่อย ที่เลือกเพิ่มเมนูได้มากมาย 5555

ว่าด้วยเรื่องการเดินทางจาก osaka numba ไปนาโกย่า เราจะไปอย่างไรดี ก็พยายามหาเที่ยวรถไฟที่ถูกและตอบโจทย์เราได้มากที่สุด ลงตัวที่ kintetsu tourist pass ค่ะ ราคาอยู่ที่ 4800 เยน สามารถแยกวันใช้ได้ ใช้ได้ 5 วัน

http://www.kintetsu.co.jp/foreign/thai/ticket/krp_plus.html

เราคิดว่า แค่ค่ารถไฟ ไปกลับ น่าจะคุ้มค่ามากๆ แล้ว ในความรู้สึกเรา มันเป็นพาสที่ไม่สุด ซักอย่าง จะไปเที่ยวเกียวโตได้ ก็ไม่สุด นาราก็ไม่ทั่ว โอซาก้า ก็ได้บ้างบางสถานี ส่วนนาโกย่า ก็สุดสาย มันเลยกลายเป็นพาสที่สามารถทำให้เดินทางข้ามภูมิภาคได้ในราคาถูก แต่ใช้เวลานานขึ้นไม่มาก คือ ถ้าเราไปชินคันเซนหรือนั่ง JR ไป ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ แต่ถ้านั่งขบวนนี้ไปใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ไม่เสียเวลามากเท่าไหร่ แต่สามารถประหยัดได้ เกือบ 5 พันเยน ก็น่าจะคุ้มค่า

แต่ที่เราไม่คาดคิดคือ ถ้าจะใช้ขบวน limited express ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม คือ ต้องจ่ายเพิ่มเที่ยวละ 1900 เยน อ้าวววววว !!! เป็นว่า ไปกลับ เราต้องจ่ายเพิ่ม 3800 เยน รวมเราต้องจ่ายคนละ 8600 เยน ในการไปกลับ nagoya - numba ก็ยังถือว่า ไม่ขาดทุน แลกกับเวลาที่เร็วขึ้น อีกเกือบสองชั่วโมง แล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนถึง 3 ขบวน (เพราะถ้าจะไม่เสียอะไรเลย ต้องเสียเวลาเพิ่ม จากสองชั่วโมงกว่าๆ เป็นเกือบสี่ชั่วโมงและเปลี่ยนรถอีกค่ะ)

การจอง ขบวนนี้ สามารถทำได้ 2 วิธี คือจองตั๋วออนไลน์ กับ ซื้อเพิ่มบริเวณซื้อตั๋ว เพื่อเป็นการระบุที่นั่งค่ะ ขาไป เล่นเก้าอี้ดนตรี เพราะไม่รู้ ไปจ่ายตังค์เพิ่มบนรถไฟ ขากลับ เลยจองออนไลน์ ไว้เลย

ถึง nagoya บ่ายๆ หาไรทาน แล้วออกไปเที่ยวกันค่ะ เริ่มด้วยที่ พิพิธภัณฑ์ โตโยต้า !!!


ที่นี่มีอะไร รถยนต์ แน่นอน ไม่ใช่ค่ะ จริงๆแล้ว โตโยต้า เริ่มทำธุรกิจสิ่งทอเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ทำให้ ได้รับผลกระทบ รถยนต์ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น เป็นรถยนต์ที่นำเข้าทั้งหมด เสียหายหนักมากกกก ทำให้ โตโยดะ (เจ้าของ) คิดว่า ฉันจะไม่ง้อยุโรปก็ได้ ฉันจะผลิตรถยนต์เอง เลยเป็นที่มาในการเปลี่ยนไปทำธุรกิจรถยนต์ค่ะ


หากมองไปแล้ว คนญี่ปุ่นเค้าคิดถึงส่วนรวม และหาช่องทางในการทำธุรกิจได้เก่งจริงๆค่ะ

ต่อด้วย ปราสาท นาโกย่า แต่ด้วยว่าเวลาเย็น ทำให้ปราสาทปิดตั้งแต่ 16.30 น. เราไปช้า แต่เค้าบอกว่า เข้าตัวปราสาทไม่ได้ให้ดูรอบๆได้ เลยเสียค่าเข้าไป 400 เยนเพื่อเข้าไปดูรอบๆแทนค่ะ


วันที่ 2 ก็จบลงที่ปราสาท นาโกย่า แล้วก็เข้าพักใกล้ๆแถวสถานี วันนี้ใช้ one day pass ของ nagoya เป็นบัตร loop bus ราคา 500 เยน ที่สามารถไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมือง นาโกย่าได้ และได้ส่วนลดค่าเข้าชมด้วย แล้วก็ นั่งรถไฟใต้ดิน ไปวัดกันสักหน่อย ก่อนที่จะย้ายเมืองกันในวันพรุ่งนี้ค่ะ



จบวันแรกที่ นาโกย่า พรุ่งนี้เตรียมตัวย้ายเมือง  แวะเที่ยว narai jyuku ซึ่งเป็นเมืองที่สงบอีกเมืองนึง แวะพักที่ omachi onsenkyo ก่อนที่จะขึ้นไป tateyama alpine route กันต่อค่ะ เดี่ยวมาอัพเดตตอนที่ 2 ต่อนะคะ

https://ppantip.com/topic/37730922 มาต่อตอนที่ 2 กันเลย
ชื่อสินค้า:   Japan (Kansai & Chubu)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่