“กระดูกคอเสื่อม” ในเมื่อหมอบอกว่ารักษาไม่ได้ ก็รักษาเองซะเลย!!

ปัจจุบันเราอายุ 29 จะเข้า 30 ปีเดือนนี้แล้วค่ะ แต่เรามีอาการ “กระดูกคอเสื่อม” มาตั้งแต่ประมาณปี 2557 ตอนนั้นอายุ 26 ค่ะ ตอนแรกที่ไปตรวจเพราะมีอาการมือและแขนชามากๆ ชาจนสั่นเลยค่ะ แต่เราก็นึกว่าแค่ขาดวิตามินบีรึป่าว ตอนนั้นเราเพิ่งคลอดลูกด้วยค่ะก็เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นเอฟเฟคจากหลังคลอด ขาดวิตามิน หรือเลือดไหลเวียนไม่ดีอะไรแบบนี้ เริ่มจากชาแค่มือแล้วก็ลามมาทั้งแขนจนไม่มีแรงเลยค่ะ สั่นไปหมดก็เลยตัดสินใจไปตรวจ คุณหมอก็ถามอาการแล้วลองให้เราคว่ำมือวางกับโต๊ะ แล้วออกแรงงัดเฉพาะมือขึ้นมาค้านกับมือหมออะค่ะนึกภาพออกมั้ยอ่า แต่คือแขน+มือเราไม่มีแรงเลย หมอก็แบบโห จะไม่มีแรงอะไรขนาดนั้น ไป x-ray ดีกว่า พอ x-ray ปุ๊บผลออกมาว่าเรา กระดูกคอเสื่อม ค่ะ …..

อึ้งเลย ทำไมชื่อมันดูร้ายแรงจัง หมอเค้าก็เหมือนปรึกษากันส่งไปให้หมออีกคน หมอก็ถามว่าอายุเท่านี้ทำไมกระดูกเสื่อม? เอ่อ หนูก็ไม่รู้ค่ะ T_T เค้าก็ถามว่า เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง หรือตกจากที่สูงมั้ย แต่เราก็ไม่เคยนะคะ เราเลยถามหมอว่า เกี่ยวกับที่เราเพิ่งคลอดลูกมั้ยคะ หรือเกี่ยวกับที่เราเล่นดนตรีด้วยรึป่าว (ช่วงนั้นเราเป่า Saxophone ค่ะ ต้องเอาเครื่องดนตรีห้อยไว้กับคอตลอดเวลาเล่น และเครื่องค่อนข้างหนัก) คุณหมอก็เหมือนฟันธงไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร หลังจากที่คุณหมอวิเคราะห์ฟิล์ม x-ray ก็บอกเพิ่มว่า หมอนรองกระดูกเรามันกดทับกันประมาณ 2 ข้อด้วยค่ะ จำไม่ได้แล้วว่าข้อไหนบ้าง แล้วเหมือนมันไปกดทับเส้นประสาทด้วยเลยทำให้แขนเราชามากๆ เอิ่ม ไปกันใหญ่ แค่แขนชานี่ทำไมดูมันร้ายแรงจัง ตอนนั้นเราก็ถามหมอว่า ต้องทำกายภาพบำบัดมั้ยคะ ต้องช็อตไฟฟ้าหรืออะไรมั้ย (เคยได้ยินมาจากเพื่อนว่ามีแบบนี้ด้วย) หรือรักษาอะไรยังไง คุณหมอก็ตอบมาว่า ไม่ต้องรักษา รักษาไม่ได้ ถ้าอาการไม่หนักก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยมันไป กินยาเดี๋ยวก็หาย … อ่า ตอนนั้นก็กำลังงงๆอ่ะค่ะ ว่าชื่อมันฟังดูน่ากลัวนะ แต่ให้ปล่อยชิว let it be งี้? 55555 แล้ววันนั้นคุณหมอก็จ่ายยามาจำนวนนึง จำไม่ได้แน่ชัดว่ามียาอะไรบ้างนะคะ ที่จำได้ก็มียาบำรุงปลายประสาท นอกนั้นก็ลืมไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้มีการนัดมาดูอาการเพิ่มเติมแต่อย่างใด คือด้วยความที่เราเป็นคนชิวๆอ่ะค่ะ พอหายชาแล้วก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่จริงๆแล้วคือประมาทนั่นแหละ ก็แบบไม่ได้คิดจะรักษาอะไร ยังแบบไปโพสเฟซบุ้คฮาๆกันไป


***เซ็นเซอร์เยอะหน่อยนะคะ ไม่รู้อะไรลงได้ไม่ได้***

หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตแบบเดิมมาเรื่อยๆ อาการมือแขนชาก็ยังมีมาเรื่อยๆ พอหมอไม่มีการนัดอะไรต่อเราก็ไม่ได้รักษาอะไรเพิ่มเติม
แต่ตอนนั้นเริ่มออกกำลังกายมากขึ้นค่ะ เพราะรู้สึกว่าเวลามันเริ่มชาแล้วพอเราขยับมันหรือแกว่งๆเคลื่อนไหวมันแล้วอาการดีขึ้น

จนช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้เราเริ่มมาทำงานประจำคู่ไปกับการขายของออนไลน์ที่ทำอยู่แล้ว ก็รู้สึกเหมือนอาการนี้จะเริ่มกลับมาอีกครั้งค่ะ คาดว่าน่าจะเพราะวิถีชีวิตที่แย่กว่าเดิม แย่ที่ว่านี้คือแย่ในด้านสุขภาพนะคะ เพราะเวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันก็คือการนั่งท่าเดิมๆอยู่หน้าคอม ลุกเคลื่อนไหวร่างกายแค่ตอนเข้าห้องน้ำกับลงไปกินข้าว บางวันงานทับตัวก็ไม่ได้ลงไปไหนเลยค่ะ ลากยาวถึงค่ำก็มี กินมาม่าเป็นเมนูหลัก นอนดึก เครียด จนอ้วนขึ้นเรื่อยๆด้วย คือร่างพังค่ะ

แรกๆก็ยังไม่รู้สึกอะไรเพราะไฟกำลังแรงอยู่แต่หลังๆเริ่มแล้วค่ะ อาการที่เป็นอยู่เดิมมันเริ่มออก เริ่มจากปวดตึงช่วงคอ บ่า และหัวไหล่จนน่ารำคาญ มันอึดอัดมันขัดไปหมดค่ะบอกไม่ถูกแบบต้องยืดแขน ยืดคอ ตลอดเวลา -*- แล้วก็ลามมาที่หลังค่ะ ตามด้วยเจ้าเก่าอาการเดิมคือมือ+แขนเริ่มชา ช่วงต้นปีนี่หนักเลยค่ะ มันปวดคอจนปวดหัวเหมือนไมเกรนขึ้น ลามมาถึงลูกตาจนเวียนหัว แขนชาแบบทำอะไรไม่ได้เลยจนต้องลางาน กระทบไปหมดเลยค่ะ จนบอกตัวเองว่าไม่ไหวละ ถึงหมอจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้ามันมีปัญหากับการใช้ชีวิตแบบนี้ก็คือไม่ดีป่าวอ่ะ เลยตั้งใจว่าจะรักษาอาการนี้ด้วยตัวเองค่ะ

พอมาหาข้อมูลตั้งใจรักษาตัวจริงจังลองเซิร์ชหาข้อมูลในเน็ตแล้วก็แปลกใจมาก เพราะมีคนรุ่นราวคราวเดียวกับเราเป็นกันค่อนข้างเยอะ (สาเหตุหลักที่พบมาจาก 1.อุบัติเหตุ 2.การนั่งแบบไม่ถูกลักษณะหรือนั่งหน้าคอมนานๆ) และจริงๆแล้วมันรักษาได้ … ก็เลยเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองตามวิธีที่อ่านเจอมา เริ่มจาก …

          •   ปรับเปลี่ยนท่านั่งเวลาทำงาน และเปลี่ยนเก้าอี้ให้นั่งสบายขึ้น
ตอนแรกเรานั่งเก้าอี้แบบนี้ค่ะ

มันก็เหมือนจะสบายนะมีพนักพิงแต่เราไม่ชอบพิงค่ะ มันไม่พอดีตัวเรา กลัวเงิบด้วย เลยคุยกับนายว่าเราจะขอซื้อเก้าอี้แบบอื่นมาใช้เองเพราะมีปัญหาเรื่องกระดูก พอนายโอเคก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้ค่ะ


พอเปลี่ยนมาใช้เก้าอี้แบบนี้ก็นั่งสบายขึ้นเยอะค่ะ ไม่ต้องเกร็งสรีระ เราเอนแนบไปได้เลย รู้สึกมันซัพพอร์ตกับเรามากกว่าแบบเดิม นั่งทำงานนานๆก็ไม่ปวดหลังแล้วค่ะ

อีกอย่างที่สำคัญคือถ้าเรานั่งท่าไหนนานๆ ก้ม หรือ เงยคอท่าไหนเป็นเวลานานๆก็ให้พักบ้างค่ะ เช่น ก้มดูมือถือหรือไอแพดนานๆ นั่งจ้อคอมนานๆ หรือแม้แต่ขับรถ

          •   หาเวลาออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวัน
วันไหนทำไม่ได้จริงๆ ไม่มีเวลา ไม่มีพื้นที่ ไม่มีอารมณ์ อย่างน้อยต้องได้แกว่งแขนซัก 5 นาที ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ยืดคอ บริหารคอและหลัง หลักๆเราดูมาจากคลิปนี้ค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
จากในคลิปจะมีท่าบริหารคอเบื้องต้น แล้วก็แนะนำให้ออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำ เราก็ชอบเลยค่ะ ก็หาเวลาไปว่ายน้ำอาทิตย์ละวัน มีทำท่าโยคะตามคลิปด้วย เหมือนจะง่ายแต่ทำแล้วเหนื่อยมาก แล้วก็รู้สึกว่าร่างกายถูกใช้เต็มที่เลยค่ะแปลกดี ทำเสร็จแล้วก็สบายดีนะตัวเบาๆ ตั้งแต่ออกกำลังหายแบบนี้รู้สึกว่าปวดคอปวดหลังน้อยลงค่ะ คือยังมีอยู่บ้างแต่เหมือนคอแข็งแรงขึ้นเราทนได้มากขึ้นมั้ง พูดง่ายๆก็คือทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเองที่บ้านเนี่ยแหละค่ะ



ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย อันนี้สำคัญมากคือ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดแรงกระแทกค่ะ วิ่งนี่เลี่ยงไปก่อนเลย อย่างดีก็เดินเร็วอ่ะพอได้นะ
          
          •   การนอนสำคัญสุดๆ ควรเลือกหมอนให้ถูกหลัก
อันนี้เป็นอีกจุดสำคัญที่ต้องเปลี่ยนเลยค่ะ สังเกตตัวเองดูว่าเวลานอนแล้วตื่นมารู้สึกปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ หรือตื่นมาแล้วปวดหลังรึป่าว ถ้าใช่ต้องระวังเลยเพราะอาจส่งผลเสียในอนาคตได้ค่ะ เราเปลี่ยนหมอนจากใบเดิมที่ซื้อมาพร้อมที่นอน เวลานอนแล้วยวบแบนจนต่ำเกินไป
แล้วซื้อหมอนเพื่อสุขภาพมาลองนอนค่ะ ทีแรกเลยเป็นใบนี้ก่อนค่ะ


เค้าบอกว่าเป็นหมอนเพื่อสุขภาพ กันฝุ่น แก้ปวดหลัง แต่สำหรับเราใบนี้ค่อนข้างแข็งไปหน่อย เวลานอนแล้วไม่ยุบตัวเลยแบบ สูงไปอ่ะ ปวดคอกว่าเดิม เลยยกให้แม่ไปแล้วเราก็ไปซื้อใบใหม่มาเป็นใบนี้ค่ะ


หมอนใบนี้ดูหนาก็จริงแต่เวลานอนลงไปแล้วมันยุบตัวลงไปรับกับสรีระคอและหลังของเราเลยค่ะ จะมี 2 ด้าน มีด้านนุ่ม นอนแล้วจะนุ่มๆเยอะหน่อยเหมาะกับคนที่ชอบหมอนต่ำ-ปานกลาง อีกด้านเป็นด้านแน่น นอนแล้วจะทั้งนุ่มแล้วก็แน่นค่ะ เหมาะกับคนชอบนอนหมอนระดับกลาง-สูง ส่วนตัวเราก็ไม่ได้รู้สึกว่า 2 ด้านต่างกันมากนะ แต่หลังจากเปลี่ยนหมอนมาได้ประมาณ 2 วีค เริ่มรู้สึกว่าตื่นมาแล้วอาการปวดคอค่อยๆหายไปทีละนิดๆ ตอนนี้เปลี่ยนมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ตื่นมาไม่มีอาการปวดคอ ปวดหลังแล้วค่ะ

นอกจากหมอนเรื่องที่นอนก็สำคัญนะคะ ถ้าเตียงนุ่มหรือแข็งเกินไปก็ทำให้ปวดหลังได้เหมือนกันค่ะ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นที่นอนยางพาราจะดีค่ะ ของเราเป็นที่นอนยางพาราอยู่แล้วเลยเปลี่ยนแค่หมอนค่ะ

          •   เวลานั่งรถนานๆ ต้องใช้หมอนรองคอ
อันนี้ไว้ใช้เวลาต้องนั่งรถไปไหนไกลๆ เราชอบหลับค่ะ เวลาหลับในรถคอมันจะแบบเอียงไปเอียงมา คอพับคออ่อนเลยอะ มันก็จะปวดคอมากกว่าเดิมค่ะ ต้องหาหมอนแบบนี้ใส่ไว้ตลอดให้มันช่วยประคองคอเราอีกทีนึงค่ะ


ความจริงที่เราไปหาข้อมูลมามีหลายคนแนะนำให้ไปฝังเข็มด้วย แต่เรายังไม่กล้าอ่ะค่ะ คือกลัวของมีคมเป็นทุนเดิมเลยแบบขอผ่านก่อนละกัน ถ้าใครไม่กลัวก็ลองหาข้อมูลดูนะคะ แนะนำว่าให้ทำกับคนที่เป็นหมอจริงๆ หรือมีใบรับรองเฉพาะทางเท่านั้นนะคะ เรื่องแบบนี้ถ้าพลาดไปก็อันตรายได้ค่ะ

          •   ลดและควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนมากเกินไป
อันนี้เราไม่แน่ใจนะคะว่าเกี่ยวกันมั้ย แต่รู้สึกว่าตั้งแต่อ้วนหลังจากมาทำงานออฟฟิศช่วงนี้นี่แหละที่อาการปวด ชาต่างๆมันกลับมา ก็เผื่อมันจะเกี่ยวอะนะคะ อะไรที่คิดว่าจะทำให้ดีขึ้นก็เลยเอาหมด พอเราเริ่มออกกำลังกายก็เลยคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุมอาหารไปด้วยเลยก็แล้วกัน แต่เราไม่ได้เคร่งมากนะคะ แค่ลดพวกอาหารที่ชุ่มน้ำมัน มันจัด หวานจัดลงหน่อย ไม่กินตอนดึก แค่นี้แหละค่ะ มันก็เหมือนจะดีขึ้นนะคะ แต่เราก็ทำหลายวิธีอ่ะเนอะ ก็คงช่วยๆกันไป

หลังจากที่เราพยายามรักษาอาการนี้ด้วยตัวเองมาประมาณ 4-5 เดือน สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือตอนนี้เราไม่มีอาการแขนชา มือชา อีกเลยค่ะ อาการปวดคอเราก็ไม่แน่ใจว่ามันหายไปตั้งแต่ตอนไหนนะคะ น่าจะประมาณช่วงเดือนสองเดือนแรกเลยค่ะ ช่วงแรกจะแบบมาบ้างหายบ้างนั่นแหละ แต่ตอนนี้แทบไม่มีอาการมาเลยค่ะ แบบไม่มีเลยอ่ะดีมากๆ จนเรางงเลยว่าทำไมตอนแรกหมอบอกว่าไม่ต้องรักษา รักษาไม่ได้ งื้อ คือเราก็ไม่รู้นะคะว่ากระดูกคอเรามันหายเสื่อมแล้วรึป่าว หรือว่าหมอนรองกระดูกเรามันยังกดทับกันอยู่มั้ย แต่ที่รู้ๆคือเราไม่มีอาการปวด ชา แบบที่เคยเป็นแล้วค่ะ

เราเห็นมีหลายๆคนที่มีอาการกระดูกคอเสื่อม กับ หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท หรือ อาการคล้ายๆกันแบบนี้เยอะมากเลยอยากมาแชร์วิธีการรักษาและดูแลตัวเองของเรา ที่เราทำแล้วมันเห็นผลจริงๆมาบอกต่อกันนะคะ ความจริงมันยังมีวิธีอื่นที่เพื่อนๆคนอื่นทำแล้วหายเหมือนกันด้วยนะคะ เราอยากให้คนที่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาช่วยกันแชร์ไว้ในกระทู้นี้ได้เลยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้คนเป็นกันเยอะมากน่าจะด้วยวิถีชีวิตที่ต้องอยู่กับคอม กับมือถืออะไรกันตลอดด้วยเนาะ ยังไงถ้าที่เราบอกไปมีอะไรผิดพลาดก็เตือนเราได้เลยนะคะ จะได้แก้ไขเป็นข้อมูลที่ถูกต้องค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่