กริฟฟิน
กริฟฟิน เป็น สัตว์ในเทพนิยาย ร่างกายเป็นครึ่งอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัวและปีกเป็นอินทรี ส่วนตัวเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มีหางของสิงโต ตามตำนานแล้ว กริฟฟิน เป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำ(ตัวจึงออกสีทองเกือบทั้งตัว) และทรัพย์สมบัติทั้งหลายแหล่ที่เป็นทอง และเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์(อพอลโล) กรงเล็บแหลมคม ดุร้ายแต่เชื่องต่อเจ้าของ เรื่องพละกำลังและความไวก็ไม่เป็นสองรองใครกริฟฟอน หรือ กริฟฟิน (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขา ในปัจจุบันจะมี 4 แบบคือ griffin ,griffon ,grifon และ gryphon
ตามตำนานกรีก กริฟฟิน เป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำของดินแดนไฮเปอร์โบเรีย(ดินแดนในตำนานซึ่งอยู่ทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล), เป็นรูปจำแลงของเทพีเนเมซิส เทพแห่งความพยาบาท ซึ่งทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา, นอกจากนี้ยังเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์ (เทพอพอลโล) อีกด้วย สายพันธุ์ใหญ่ของกริฟฟินจะ เป็นของ กริฟฟิน Raptopantthera และมีการผันแปรเป็นสองแบบคือ กริฟฟินเหนือ หรือกริฟฟิน Hyperborean และกริฟฟินอินเดีย กริฟฟินเหนืออยู่ในเขตป่าเป็นเนิน และภูเขา ทางตะวันออกเฉียวเหนือของยุโรป และรัซเซีย กริฟฟินอินเดียพบในดินแดนหุบเขา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และตะวันออกกลาง รู้จักโดยลักษณะแมวของมัน ขัดแย้งกันขาหน้าลักษณะนกอินทรีกริฟฟิน สลักบนตราทรงกระบอกจากเมืองโบราณชื่อ Susa ในอิหร่าน มันเป็นรูปกริฟฟินธรรมดา และลงวันที่ไว้ประมาณ 5,000 ปีก่อนค.ศ. กริฟฟินรูปอื่นๆ พบในสุสานของอียิปต์ และตราทรงกระบอกของชาวเมโสโปเตเมียเพื่อใช้แทนลายมือชื่อในภาษาเขียนยุคแรก กริฟฟินใช้ในตราประจำตระกูลเป็นส่วนใหญ่ รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร และลักษณะที่สูงส่งของมัน ทำให้มันสมบูรณ์แบบสำหรับตราประจำตระกูล กริฟฟินเพศเมียในตราประจำตระกูลมีปีก ในขณะที่เพศผู้เสริมพัดหนามงอกออกมาจากหัวไหล่ กริฟฟินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และบางครั้งยังถือว่ากริฟฟินเป็นสัญลักษณ์ของความหยิ่งยโสอีกด้วย
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก)
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก) คือเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส
ในหนังสือ"สัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ "เขียนโดยนิวท์ สคามันเดอร์ บอกไว้ว่าในยุคแรก มีการจำแนกแบบหยาบๆไว้ว่า "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถือเป็นสัตว์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง คือพวกที่เดิน 2เท้า" แต่ปรากฏว่าพวกที่เดิน2เท้ามีมากมายเช่น พิกซี่ โทรลล์ ฯลฯ แต่พวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะสื่อสารหรือเข้าใจภาษาพูดได้
ค.ศ.1811 โกรแนน สตัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์จึงบัญญัติว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นสูง"คือ สิ่งมีชีวิตใดๆที่มีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจกฎหมายของโลกเวทมนตร์ และมีส่วนในการกำหนดตัวบทกฏหมายเหล่านั้นได้" ก็อบลินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน และก็อบลินยังฉลาด มีความสามารถในการ ดูแลธนาคารกริงกอตส์ ถ้าไม่จัดให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สถาบันการเงินของโลกเวทมนตร์มีอันต้องวุ่นแน่ๆ
ก็อบลินไม่ใช่คนแล้วก็ไม่ใช่สัตว์ด้วย (ถึงไม่มีอยูในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่) แต่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง(ตามที่กระทรวงกำหนด)มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แคระ มีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่ยาวมาก มีลักษณะนิสัยขี้เล่น แต่ดุร้ายบางครั้ง-หลายครั้ง เล่ห์เลี่ยมจัดจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก
ชาวตะวันตกเชื่อว่า ก็อบลินมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส มักอาศัยอยู่ตามรอยแตกของหินในเทือกเขาปิเรเน่ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปพวกมันไม่สร้างที่พักอาศัยเป็น เรื่องเป็นราวแต่จะอยู่ตามซอกหินที่มีพืชชั้นต่ำจำพวกมอสส์ และตะไคร่น้ำ หรือไม่ก็อยู่ตามรากของไม้ยืนต้นที่มีอายุมาช้านาน และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีที่มาทำงานที่ธนาคารกริงกอตส์
คนแคระในแบบยุโรป (European's Dwarf)
คนแคระ (อังกฤษ: Dwarf) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์เมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) ปรากฏในเทพนิยาย นิยายแฟนตาซี และเกมอาร์พีจีจำนวนมาก มักมีพรสวรรค์อันวิเศษโดยเฉพาะด้านเกี่ยวกับการเหมืองและการโลหะ แนวคิดเริ่มแรกเกี่ยวกับกำเนิดตำนานของคนแคระไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แหล่งกำเนิดที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่สามารถค้นพบคือใน ตำนานปรัมปราของเจอร์ เมนิกที่สืบทอดมาจากตำนานนอร์ส แต่กระนั้นก็หาหลักฐานได้ยากและมีรูปแบบหลากหลายมาก เรื่องราวที่ผิดเพี้ยนไปทำให้คนแคระดูน่าขบขันมากขึ้นและช่างเชื่อถือโชคลาง คนแคระมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่เรื่องเล่าระบุถึงความสูงและชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไป บางเรื่องถึงกับบรรยายพวกเขาไปคล้ายกับพวกเอลฟ์ เมื่อพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดและจากลักษณะตามธรรมชาติของคน แคระ เชื่อได้ว่าในยุคแรกๆ คนแคระมีความสูงพอกันกับมนุษย์นี้เอง บทบาทของพวกเขาในตำนานมักมีความผูกพันใกล้ชิดกับความตาย มีผิวกายซีด ผมสีเข้ม ชอบอยู่กับพื้นโลก มีประเพณีที่นิยมนับถือลัทธิภูตผี ซึ่งสอดคล้องกับความผูกพันกับความตาย บางครั้งมี ลักษณะคล้ายคลึงกับพวก 'Vættir' หรือจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่นพวกเอลฟ์
คนแคระในแบบมิดเดิลเอิร์ธ (Middle Earth's Dwarf)
คนแคระ ในจินตนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเล็กเตี้ย แต่ล่ำสันแข็งแรง ทรหดอดทน มีหนวดเครายาวเฟิ้ม เป็นชนเผ่าที่ชำนาญในการช่างมากที่สุด พวกเขาเป็นมิตรอย่างมากกับพวกฮอบบิท พวกคนแคระเรียกตัวเองว่า คาซัด อันเป็นชื่อที่เทพอาวเลตั้งให้กับพวกเขา แต่พวกเอลฟ์เรียกพวกเขาว่า เนากริม ซึ่งมีความหมายว่า ชนผู้ไม่เติบโตอีกต่อไป คนแคระมีบทบาทอยู่ในวรรณกรรมของโทลคีนหลายเรื่อง ได้แก่ เดอะฮอบบิท เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน ตำนานบุตรแห่งฮูริน รวมถึงงานเขียนอื่นๆ ของคริสโตเฟอร์ โทลคีนด้วย คือ Unfinished Tales และ ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ
คราเคน (Kraken)
เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่าคล้ายหมึกกระดองขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกระทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว
คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ "The Natural History of Norway" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์
สมัย โบราณคราเคนเป็นสิ่งที่ชาวเรือต้องระมัดระวังมากที่สุด กลาสีที่อยู่ด้านบนต้องคอยมองหาร่องรอยฟองน้ำขนาด ใหญ่ผุดฟ่องขึ้นเพราะนั่น คือเครื่องหมายการ ปรากฏตัวถ้าหากหนีไม่ทันมันจะโผล่หนวดขึ้นข้างเรือ จับยึดเสากระโดงรวมทั้งส่วนต่างๆจนเรือนิ่งสนิทอยู่ในอุ้งมือ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลวแล้วค่อยๆคว้าเอาหย่อนเข้าปาก ทีละคน จนหมด
ไคเมร่า (อังกฤษ: Chimera ; กรีก: Χιμαιρα [Khimaira] ; ละติน: Chimæra) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก
ตามตำนานกรีก ไคมีร่าเป็นสัตว์เพศเมีย 3 หัว พ่อของไคมีร่าเป็นยักษ์ชื่อ Typhon และแม่เป็นครึ่งงูชื่อ Echidna และในภาษากรีกโบราณ ไคมีร่าแปลว่า แพะเด็กเพศเมียหรือบางแหล่งว่า แพะเพศเมีย เธอเป็นสายพันธุ์ของเทพ ไม่ใช่ของมนุษย์ ในส่วนหน้ามีลักษณะเป็นสิงโต, ในส่วนหลังเป็นงู และในส่วนกลางลำตัวเป็นแพะ หายใจออกมาในลักษณะที่ร้ายแรง เป็นพลังของไฟที่โชติช่วง และ Bellerophon ปราบเธอ โดยเชื่อมั่นในเครื่องหมายของพระเจ้ไคมีร่าผู้ซึ่งหายใจเป็นไฟที่เดือดดาล สัตว์ตัวนี้น่ากลัว มีเท้าที่ว่องไวและแข็งแรง เป็นผู้ซึ่งมี 3 หัว หัวหนึ่งเป็นสิงโตที่ดวงตาดุร้าย, อีกหัวหนึ่งเป็นแพะ และอีกหัวหนึ่งเป็นงู ในส่วนหน้า เธอเป็นสิงโต, ส่วนหลังของเธอเป็นมังกร และในส่วนกลางของเธอเป็นแพะ ไคมีร่าหายใจออกมาเป็นการเป่าที่น่ากลัวของไฟที่โชติช่วง เธอถูกเพกาซัส และ เบลเลอโรฟอน(Bellerophon) ผู้มีเกียรติฆ่ามีตำนานกรีกเล่าว่าไคมีร่าทำความเสียหายให้ กับเมือง Lycia ดังนั้นพระราชา Iobates จึงหาคนที่จะกำจัดมัน และได้ Bellerophon เป็นผู้รับภารกิจ Bellerophon ไปจับม้าบินเพกาซัส และใช้มันในการสู้กับไคมีร่า โดยบินขึ้น และต่อสู้กับไคมีร่า และในที่สุดเขาชนะ ซึ่งในเรื่องการต่อสู้กับไคมีร่านี้บ้างว่า เขายิงธนูลงมาใส่ไคมีร่า และฆ่ามันได้ บ้างว่าเขาใช้ก้อนตะกั่วติดที่ปลายหอก แล้วขว้างเข้าไปในปากไคมีร่า เมื่อมันพ่นไพออกมาตะกั่วจึงละลายแล้วไหลลงคอไคมีร่า จึงทำให้มันตาย
ชูปาคาบรา (Chupacabra ภาษาสเปน แปลว่า "ตัวดูดเลือดแพะ")
เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น แพะ ด้วยการดูดเลือด เป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบัน ที่เปอร์โตริโก มีนักสำรวจท้องถิ่นได้สำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับชูปาคาบรา และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นที่อาศัยของมัน และรอยเท้าของชูปาคาบราก็มีลักษณะใหญ่คล้ายนกกระจอกเทศ...
เซนทอร์ (อังกฤษ: Centaurs ; กรีก: Κένταυροι)
เซนทอร์ (อังกฤษ: Centaurs ; กรีก: Κένταυροι) เซนทอร์มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ
เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัวใครทั้งสิ้น
สัตว์ในเทพนิยายและตำนาน กริฟฟิน ,ก็อบลิน,คนแคระ,คราเคน,ไคเมร่า,ชูปาคาบรา,เซนทอร์
กริฟฟิน เป็น สัตว์ในเทพนิยาย ร่างกายเป็นครึ่งอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัวและปีกเป็นอินทรี ส่วนตัวเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มีหางของสิงโต ตามตำนานแล้ว กริฟฟิน เป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำ(ตัวจึงออกสีทองเกือบทั้งตัว) และทรัพย์สมบัติทั้งหลายแหล่ที่เป็นทอง และเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์(อพอลโล) กรงเล็บแหลมคม ดุร้ายแต่เชื่องต่อเจ้าของ เรื่องพละกำลังและความไวก็ไม่เป็นสองรองใครกริฟฟอน หรือ กริฟฟิน (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขา ในปัจจุบันจะมี 4 แบบคือ griffin ,griffon ,grifon และ gryphon
ตามตำนานกรีก กริฟฟิน เป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำของดินแดนไฮเปอร์โบเรีย(ดินแดนในตำนานซึ่งอยู่ทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล), เป็นรูปจำแลงของเทพีเนเมซิส เทพแห่งความพยาบาท ซึ่งทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา, นอกจากนี้ยังเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์ (เทพอพอลโล) อีกด้วย สายพันธุ์ใหญ่ของกริฟฟินจะ เป็นของ กริฟฟิน Raptopantthera และมีการผันแปรเป็นสองแบบคือ กริฟฟินเหนือ หรือกริฟฟิน Hyperborean และกริฟฟินอินเดีย กริฟฟินเหนืออยู่ในเขตป่าเป็นเนิน และภูเขา ทางตะวันออกเฉียวเหนือของยุโรป และรัซเซีย กริฟฟินอินเดียพบในดินแดนหุบเขา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และตะวันออกกลาง รู้จักโดยลักษณะแมวของมัน ขัดแย้งกันขาหน้าลักษณะนกอินทรีกริฟฟิน สลักบนตราทรงกระบอกจากเมืองโบราณชื่อ Susa ในอิหร่าน มันเป็นรูปกริฟฟินธรรมดา และลงวันที่ไว้ประมาณ 5,000 ปีก่อนค.ศ. กริฟฟินรูปอื่นๆ พบในสุสานของอียิปต์ และตราทรงกระบอกของชาวเมโสโปเตเมียเพื่อใช้แทนลายมือชื่อในภาษาเขียนยุคแรก กริฟฟินใช้ในตราประจำตระกูลเป็นส่วนใหญ่ รูปแบบที่ไม่เหมือนใคร และลักษณะที่สูงส่งของมัน ทำให้มันสมบูรณ์แบบสำหรับตราประจำตระกูล กริฟฟินเพศเมียในตราประจำตระกูลมีปีก ในขณะที่เพศผู้เสริมพัดหนามงอกออกมาจากหัวไหล่ กริฟฟินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และบางครั้งยังถือว่ากริฟฟินเป็นสัญลักษณ์ของความหยิ่งยโสอีกด้วย
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก)
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก) คือเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส
ในหนังสือ"สัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ "เขียนโดยนิวท์ สคามันเดอร์ บอกไว้ว่าในยุคแรก มีการจำแนกแบบหยาบๆไว้ว่า "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถือเป็นสัตว์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง คือพวกที่เดิน 2เท้า" แต่ปรากฏว่าพวกที่เดิน2เท้ามีมากมายเช่น พิกซี่ โทรลล์ ฯลฯ แต่พวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะสื่อสารหรือเข้าใจภาษาพูดได้
ค.ศ.1811 โกรแนน สตัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์จึงบัญญัติว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นสูง"คือ สิ่งมีชีวิตใดๆที่มีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจกฎหมายของโลกเวทมนตร์ และมีส่วนในการกำหนดตัวบทกฏหมายเหล่านั้นได้" ก็อบลินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน และก็อบลินยังฉลาด มีความสามารถในการ ดูแลธนาคารกริงกอตส์ ถ้าไม่จัดให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สถาบันการเงินของโลกเวทมนตร์มีอันต้องวุ่นแน่ๆ
ก็อบลินไม่ใช่คนแล้วก็ไม่ใช่สัตว์ด้วย (ถึงไม่มีอยูในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่) แต่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง(ตามที่กระทรวงกำหนด)มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แคระ มีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่ยาวมาก มีลักษณะนิสัยขี้เล่น แต่ดุร้ายบางครั้ง-หลายครั้ง เล่ห์เลี่ยมจัดจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก
ชาวตะวันตกเชื่อว่า ก็อบลินมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส มักอาศัยอยู่ตามรอยแตกของหินในเทือกเขาปิเรเน่ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปพวกมันไม่สร้างที่พักอาศัยเป็น เรื่องเป็นราวแต่จะอยู่ตามซอกหินที่มีพืชชั้นต่ำจำพวกมอสส์ และตะไคร่น้ำ หรือไม่ก็อยู่ตามรากของไม้ยืนต้นที่มีอายุมาช้านาน และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีที่มาทำงานที่ธนาคารกริงกอตส์
คนแคระในแบบยุโรป (European's Dwarf)
คนแคระ (อังกฤษ: Dwarf) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานปรัมปราในกลุ่มประเทศเจอร์เมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) ปรากฏในเทพนิยาย นิยายแฟนตาซี และเกมอาร์พีจีจำนวนมาก มักมีพรสวรรค์อันวิเศษโดยเฉพาะด้านเกี่ยวกับการเหมืองและการโลหะ แนวคิดเริ่มแรกเกี่ยวกับกำเนิดตำนานของคนแคระไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แหล่งกำเนิดที่ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่สามารถค้นพบคือใน ตำนานปรัมปราของเจอร์ เมนิกที่สืบทอดมาจากตำนานนอร์ส แต่กระนั้นก็หาหลักฐานได้ยากและมีรูปแบบหลากหลายมาก เรื่องราวที่ผิดเพี้ยนไปทำให้คนแคระดูน่าขบขันมากขึ้นและช่างเชื่อถือโชคลาง คนแคระมีลักษณะคล้ายมนุษย์ แต่เรื่องเล่าระบุถึงความสูงและชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันไป บางเรื่องถึงกับบรรยายพวกเขาไปคล้ายกับพวกเอลฟ์ เมื่อพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดและจากลักษณะตามธรรมชาติของคน แคระ เชื่อได้ว่าในยุคแรกๆ คนแคระมีความสูงพอกันกับมนุษย์นี้เอง บทบาทของพวกเขาในตำนานมักมีความผูกพันใกล้ชิดกับความตาย มีผิวกายซีด ผมสีเข้ม ชอบอยู่กับพื้นโลก มีประเพณีที่นิยมนับถือลัทธิภูตผี ซึ่งสอดคล้องกับความผูกพันกับความตาย บางครั้งมี ลักษณะคล้ายคลึงกับพวก 'Vættir' หรือจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่นพวกเอลฟ์
คนแคระในแบบมิดเดิลเอิร์ธ (Middle Earth's Dwarf)
คนแคระ ในจินตนิยายของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเล็กเตี้ย แต่ล่ำสันแข็งแรง ทรหดอดทน มีหนวดเครายาวเฟิ้ม เป็นชนเผ่าที่ชำนาญในการช่างมากที่สุด พวกเขาเป็นมิตรอย่างมากกับพวกฮอบบิท พวกคนแคระเรียกตัวเองว่า คาซัด อันเป็นชื่อที่เทพอาวเลตั้งให้กับพวกเขา แต่พวกเอลฟ์เรียกพวกเขาว่า เนากริม ซึ่งมีความหมายว่า ชนผู้ไม่เติบโตอีกต่อไป คนแคระมีบทบาทอยู่ในวรรณกรรมของโทลคีนหลายเรื่อง ได้แก่ เดอะฮอบบิท เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ซิลมาริลลิออน ตำนานบุตรแห่งฮูริน รวมถึงงานเขียนอื่นๆ ของคริสโตเฟอร์ โทลคีนด้วย คือ Unfinished Tales และ ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ
คราเคน (Kraken)
เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่าคล้ายหมึกกระดองขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกระทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว
คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ "The Natural History of Norway" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์
สมัย โบราณคราเคนเป็นสิ่งที่ชาวเรือต้องระมัดระวังมากที่สุด กลาสีที่อยู่ด้านบนต้องคอยมองหาร่องรอยฟองน้ำขนาด ใหญ่ผุดฟ่องขึ้นเพราะนั่น คือเครื่องหมายการ ปรากฏตัวถ้าหากหนีไม่ทันมันจะโผล่หนวดขึ้นข้างเรือ จับยึดเสากระโดงรวมทั้งส่วนต่างๆจนเรือนิ่งสนิทอยู่ในอุ้งมือ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลวแล้วค่อยๆคว้าเอาหย่อนเข้าปาก ทีละคน จนหมด
ไคเมร่า (อังกฤษ: Chimera ; กรีก: Χιμαιρα [Khimaira] ; ละติน: Chimæra) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก
ตามตำนานกรีก ไคมีร่าเป็นสัตว์เพศเมีย 3 หัว พ่อของไคมีร่าเป็นยักษ์ชื่อ Typhon และแม่เป็นครึ่งงูชื่อ Echidna และในภาษากรีกโบราณ ไคมีร่าแปลว่า แพะเด็กเพศเมียหรือบางแหล่งว่า แพะเพศเมีย เธอเป็นสายพันธุ์ของเทพ ไม่ใช่ของมนุษย์ ในส่วนหน้ามีลักษณะเป็นสิงโต, ในส่วนหลังเป็นงู และในส่วนกลางลำตัวเป็นแพะ หายใจออกมาในลักษณะที่ร้ายแรง เป็นพลังของไฟที่โชติช่วง และ Bellerophon ปราบเธอ โดยเชื่อมั่นในเครื่องหมายของพระเจ้ไคมีร่าผู้ซึ่งหายใจเป็นไฟที่เดือดดาล สัตว์ตัวนี้น่ากลัว มีเท้าที่ว่องไวและแข็งแรง เป็นผู้ซึ่งมี 3 หัว หัวหนึ่งเป็นสิงโตที่ดวงตาดุร้าย, อีกหัวหนึ่งเป็นแพะ และอีกหัวหนึ่งเป็นงู ในส่วนหน้า เธอเป็นสิงโต, ส่วนหลังของเธอเป็นมังกร และในส่วนกลางของเธอเป็นแพะ ไคมีร่าหายใจออกมาเป็นการเป่าที่น่ากลัวของไฟที่โชติช่วง เธอถูกเพกาซัส และ เบลเลอโรฟอน(Bellerophon) ผู้มีเกียรติฆ่ามีตำนานกรีกเล่าว่าไคมีร่าทำความเสียหายให้ กับเมือง Lycia ดังนั้นพระราชา Iobates จึงหาคนที่จะกำจัดมัน และได้ Bellerophon เป็นผู้รับภารกิจ Bellerophon ไปจับม้าบินเพกาซัส และใช้มันในการสู้กับไคมีร่า โดยบินขึ้น และต่อสู้กับไคมีร่า และในที่สุดเขาชนะ ซึ่งในเรื่องการต่อสู้กับไคมีร่านี้บ้างว่า เขายิงธนูลงมาใส่ไคมีร่า และฆ่ามันได้ บ้างว่าเขาใช้ก้อนตะกั่วติดที่ปลายหอก แล้วขว้างเข้าไปในปากไคมีร่า เมื่อมันพ่นไพออกมาตะกั่วจึงละลายแล้วไหลลงคอไคมีร่า จึงทำให้มันตาย
ชูปาคาบรา (Chupacabra ภาษาสเปน แปลว่า "ตัวดูดเลือดแพะ")
เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับในตำนานชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นมันครั้งแรกในเปอร์โตริโกในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น แพะ ด้วยการดูดเลือด เป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบัน ที่เปอร์โตริโก มีนักสำรวจท้องถิ่นได้สำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับชูปาคาบรา และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นที่อาศัยของมัน และรอยเท้าของชูปาคาบราก็มีลักษณะใหญ่คล้ายนกกระจอกเทศ...
เซนทอร์ (อังกฤษ: Centaurs ; กรีก: Κένταυροι)
เซนทอร์ (อังกฤษ: Centaurs ; กรีก: Κένταυροι) เซนทอร์มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลีในประเทศกรีซ
เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัวใครทั้งสิ้น