การเดินทางครั้งนี้ผมออกเดินทางจากกรุงเทพในวันศุกร์ครับเริ่มต้นที่หมอชิต 2 หลังเลิกงานกว่าจะถึงหมอชิต 2 ก็ 18:00 แล้ว จากนั้นก็เดินหารถตู้เลยครับกรุงเทพ – กาญจนบุรีไม่ไกลมาก
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า และอินเดียอีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลงสะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึงแล้ว รถตู้สุดสายที่ บขส. กาญจนบุรี ที่อยากมาครั้งนี้บอกเลยว่ากาญจนบุรีที่เที่ยวธรรมชาติเยอะมาก การเตรียมตัวต้องเตรียมตั้งแต่ รองเท้า กระเป๋า กางเกง เนื่องจากน้ำตกเอราวัณต้องเดินเท้าไปถึงชั้น 7 ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรทางลำบากมากถ้ารองเท้าไม่ดีอาจเดินไม่ถึงชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด แนะนำรองเท้าสำหรับ trekking โดยเฉพาะ หรือรองเท้าหุ้มข้อดีๆหน่อยครับ หินบางทีก็ลื่น อาจเกิดอันตรายได้
หลังจากถึง บขส. กาญจนบุรีอย่างแรกที่ทำคือหาของกินจ้ะ หิวมากกก ของไม่แพงครับ ก๊วยเตี๋ยวถ้วย 30 ก็อิ่มแล้ว ถึงเวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่มจากนั้นผมก็เปิดดูแผนที่แล้ว บขส. ไกลจากที่พักที่จองไว้ประมาณ 1 กิโลเอง เลยตัดสินใจเดินครับ
ที่พักเป็นบ้านแบบยกใต้ถุน เห็นเก่าแบบนี้แต่บรรยากาศดีมากเลยนะครับ ให้บรรยากาศเหมือนบ้านเมื่อ 60-70 ปีก่อน พี่เจ้าของ hostel ก็พาไปดูเตียง สะอาด ครับ ห้องน้ำก็สะอาด ชอบมาก จองผ่าน
https://booki.ng/2s3jPug Booking.com ครับคืนละ 225 บาทเอง ที่สำคัญ ฟรีผ้าเช็ดตัว ฟรีอาหารเช้า ฟรีน้ำสิงห์ขวดแก้วอย่างดี 1 ขวด หรือจะเช่ามอเตอร์ไซก็มีครับ สามารถติดต่อพี่เค้าได้เลยวันละ 250 น้ำมันเต็มถังเลย อิอิ ฟลุ๊คๆ
บรรยากาศภายในห้องครับ
คืนนี้นอนคนเดียวเลยครับในห้อง มีแอร์นะครับเย็นสบายขอพักเอาแรงไว้ลุยต่อวันพรุ่งนี้ เจอกันน้ำตกเอราวัณ
เดินทางสู่น้ำตกเอราวัณ
การเดินทางวันนี้นับว่าโหดพอสมควรครับเนื่องจากเราต้องขับมอไซจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยังน้ำตกเอราวัณ ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ไป-กลับ ก็ 140 กิโลเมตรครับ แต่เนื่องจากผมแวะถ่ายรูปกลางทางไปเรื่อยๆ ทำให้ยิ่งดูไกลกว่าเดิมครับ ฮ่าๆ แวะตลอดทาง
แต่ก็ได้ภาพสวยๆมาเยอะเลยครับ
บรรยากาศระหว่างทางครับวันนี้ท้องฟ้าสวยใสมากเลยแวะถ่ายรูปซักหน่อย
จุดหมายแรกที่จะแวะคือ
พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผมมาเป็นของเอกชนนะครับ ค่าเข้า 40 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 – 18.30 น.
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยคุณอรัญ จันทร์ศิริ ที่เป็นผู้รวบรวมเรื่องราว และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยสงคราม เพื่อจัดแสดงให้เห็นสิ่งที่หลงเหลือไว้ โดยจัดแสดงเป็นหอศิลป์ และพิพิธภัณฑ์สงคราม ด้านนอกอาคาร จะได้เห็นซากรถจักรไอน้ำ ส่วนด้านในมีภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์สงคราม อาวุธ และหลักฐานทางประวัติศาตร์ต่างๆ
คำว่า JEATH ที่เป็นชื่อของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มาจากการนำอักษรตัวแรกของแต่ละประเทศที่มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น (Japan) อังกฤษ(England) ออสเตรเลีย(Australia) ไทย(Thailand) และฮอลแลนด์ (Holland) เพื่อรำลึกถึงผู้ที่ต้องเสียสละชีวิตนับหมื่นในสงครามมหาเอเชียบูรพา และผลกระทบจากความโหดร้ายของสงคราม ที่ส่งผลให้ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้การเป็นเชลยศึกสงคราม ต้องถูกทรมาณทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงความยากลำบากในการถูกบีบบังคับให้ตรากตรำทำงานในขณะนั้น
ภายนอกจะมีหัวรถจักรที่ญี่ปุ่นใช้สมัยสงครามโลกตั้งไว้เด่นเป็นสง่าหน้าพิพิธภัณฑ์ สามารถปีนขึ้นไปตรงห้องคนขับถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ
หลังจากซื้อตั๋วกะป้า แล้วเดินเข้ามาข้างใน บรรยากาศหดหู่ครับ มีปืน หมวก และเสื้อผ้าต่างๆ ที่ทหารใช้สมัยสงครามโลกครั้งที่2
ตู้รถไฟที่ทหารญี่ปุ่นใช้ขนเชลยศึกมายังกาญจนบุรีเพื่อสร้างทางรถไฟและใช้แรงงานทั่วไปครับ บอกตรงกะพวกอุปกรณ์ หรือ อาวุทอะไรจัดวางได้ดีพอสมควรแต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้อินกะคนปั้นหุ่นเลยครับ ดูตัวอย่างได้จากรูปต่อไป
เอิ่มมม..
เอาละครับเราไปต่อจุดหมายต่อไปกันดีกว่านั่นคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว บรรยากาศโดยรอบก็จะมีพ่อค้าแม่ขายขายเสื้อ ขายของที่ระลึกกันมากมาย และผมมาวันเสาร์ด้วยครับ คนตรึมมากๆ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
มีน้องๆยืนร้องเพลงเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ดีเลยครับ
ผ่านไปผ่านมาแวะให้กำลังใจน้องเค้าได้
เที่ยวถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย เดินซื้อของไปฝากคนทางบ้าน แล้วหลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อครับ จุดหมายต่อไป น้ำตกเอราวัณ ซิกเนเจอร์ ของทริปครั้งนี้
ติดตามได้ที่ :
konjorn.wordpress.com
[CR] Erawan Waterfall กาญจนบุรี ไปอีกกี่ทีก็ไม่เบื่อ
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า และอินเดียอีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลงสะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็ถึงแล้ว รถตู้สุดสายที่ บขส. กาญจนบุรี ที่อยากมาครั้งนี้บอกเลยว่ากาญจนบุรีที่เที่ยวธรรมชาติเยอะมาก การเตรียมตัวต้องเตรียมตั้งแต่ รองเท้า กระเป๋า กางเกง เนื่องจากน้ำตกเอราวัณต้องเดินเท้าไปถึงชั้น 7 ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรทางลำบากมากถ้ารองเท้าไม่ดีอาจเดินไม่ถึงชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด แนะนำรองเท้าสำหรับ trekking โดยเฉพาะ หรือรองเท้าหุ้มข้อดีๆหน่อยครับ หินบางทีก็ลื่น อาจเกิดอันตรายได้
หลังจากถึง บขส. กาญจนบุรีอย่างแรกที่ทำคือหาของกินจ้ะ หิวมากกก ของไม่แพงครับ ก๊วยเตี๋ยวถ้วย 30 ก็อิ่มแล้ว ถึงเวลาประมาณเกือบ 3 ทุ่มจากนั้นผมก็เปิดดูแผนที่แล้ว บขส. ไกลจากที่พักที่จองไว้ประมาณ 1 กิโลเอง เลยตัดสินใจเดินครับ
ที่พักเป็นบ้านแบบยกใต้ถุน เห็นเก่าแบบนี้แต่บรรยากาศดีมากเลยนะครับ ให้บรรยากาศเหมือนบ้านเมื่อ 60-70 ปีก่อน พี่เจ้าของ hostel ก็พาไปดูเตียง สะอาด ครับ ห้องน้ำก็สะอาด ชอบมาก จองผ่าน https://booki.ng/2s3jPug Booking.com ครับคืนละ 225 บาทเอง ที่สำคัญ ฟรีผ้าเช็ดตัว ฟรีอาหารเช้า ฟรีน้ำสิงห์ขวดแก้วอย่างดี 1 ขวด หรือจะเช่ามอเตอร์ไซก็มีครับ สามารถติดต่อพี่เค้าได้เลยวันละ 250 น้ำมันเต็มถังเลย อิอิ ฟลุ๊คๆ
บรรยากาศภายในห้องครับ
คืนนี้นอนคนเดียวเลยครับในห้อง มีแอร์นะครับเย็นสบายขอพักเอาแรงไว้ลุยต่อวันพรุ่งนี้ เจอกันน้ำตกเอราวัณ
เดินทางสู่น้ำตกเอราวัณ
การเดินทางวันนี้นับว่าโหดพอสมควรครับเนื่องจากเราต้องขับมอไซจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปยังน้ำตกเอราวัณ ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร ไป-กลับ ก็ 140 กิโลเมตรครับ แต่เนื่องจากผมแวะถ่ายรูปกลางทางไปเรื่อยๆ ทำให้ยิ่งดูไกลกว่าเดิมครับ ฮ่าๆ แวะตลอดทาง
แต่ก็ได้ภาพสวยๆมาเยอะเลยครับ
บรรยากาศระหว่างทางครับวันนี้ท้องฟ้าสวยใสมากเลยแวะถ่ายรูปซักหน่อย
จุดหมายแรกที่จะแวะคือ
พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผมมาเป็นของเอกชนนะครับ ค่าเข้า 40 บาท เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 – 18.30 น.
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยคุณอรัญ จันทร์ศิริ ที่เป็นผู้รวบรวมเรื่องราว และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยสงคราม เพื่อจัดแสดงให้เห็นสิ่งที่หลงเหลือไว้ โดยจัดแสดงเป็นหอศิลป์ และพิพิธภัณฑ์สงคราม ด้านนอกอาคาร จะได้เห็นซากรถจักรไอน้ำ ส่วนด้านในมีภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์สงคราม อาวุธ และหลักฐานทางประวัติศาตร์ต่างๆ
คำว่า JEATH ที่เป็นชื่อของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มาจากการนำอักษรตัวแรกของแต่ละประเทศที่มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น (Japan) อังกฤษ(England) ออสเตรเลีย(Australia) ไทย(Thailand) และฮอลแลนด์ (Holland) เพื่อรำลึกถึงผู้ที่ต้องเสียสละชีวิตนับหมื่นในสงครามมหาเอเชียบูรพา และผลกระทบจากความโหดร้ายของสงคราม ที่ส่งผลให้ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้การเป็นเชลยศึกสงคราม ต้องถูกทรมาณทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงความยากลำบากในการถูกบีบบังคับให้ตรากตรำทำงานในขณะนั้น
ภายนอกจะมีหัวรถจักรที่ญี่ปุ่นใช้สมัยสงครามโลกตั้งไว้เด่นเป็นสง่าหน้าพิพิธภัณฑ์ สามารถปีนขึ้นไปตรงห้องคนขับถ่ายรูปได้ด้วยนะครับ
หลังจากซื้อตั๋วกะป้า แล้วเดินเข้ามาข้างใน บรรยากาศหดหู่ครับ มีปืน หมวก และเสื้อผ้าต่างๆ ที่ทหารใช้สมัยสงครามโลกครั้งที่2
ตู้รถไฟที่ทหารญี่ปุ่นใช้ขนเชลยศึกมายังกาญจนบุรีเพื่อสร้างทางรถไฟและใช้แรงงานทั่วไปครับ บอกตรงกะพวกอุปกรณ์ หรือ อาวุทอะไรจัดวางได้ดีพอสมควรแต่ส่วนตัวแล้วไม่ได้อินกะคนปั้นหุ่นเลยครับ ดูตัวอย่างได้จากรูปต่อไป
เอิ่มมม..
เอาละครับเราไปต่อจุดหมายต่อไปกันดีกว่านั่นคือสะพานข้ามแม่น้ำแคว บรรยากาศโดยรอบก็จะมีพ่อค้าแม่ขายขายเสื้อ ขายของที่ระลึกกันมากมาย และผมมาวันเสาร์ด้วยครับ คนตรึมมากๆ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
มีน้องๆยืนร้องเพลงเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ดีเลยครับ
ผ่านไปผ่านมาแวะให้กำลังใจน้องเค้าได้
เที่ยวถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย เดินซื้อของไปฝากคนทางบ้าน แล้วหลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อครับ จุดหมายต่อไป น้ำตกเอราวัณ ซิกเนเจอร์ ของทริปครั้งนี้
ติดตามได้ที่ : konjorn.wordpress.com
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น