สวัสดีครับ ทุกท่าน
เห็นว่า ยังไม่มี รัวิว แบบละเอียดๆ ของเจ้าตัวนี้ ใน pantip สักเท่าไหร่ ซึ่งหลังจาก รับรถและขับมาได้สักระยะนึงแล้ว
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์โดยรวมของรถคันนี้ รถที่รวมสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดจาก Porsche
โดยหลักๆ เจ้า Panamera ตัวนี้ เป็น Gen ที่ 2 แล้ว หลังจาก Gen แรก เปิดตัวครั้งแรก ตอนปี 2009 ซึ่งเป็นที่ฮือฮามาก ที่ Porshe ผลิตรถแบบ 4 ประตูออกมา หลังจากนั้น ตัว Gen2 นี้ เปิดตัว เมื่อปลายปี 2016 และ เริ่มจำหน่ายในปี 2017 เป็นต้นมา
รุ่น Panamera ที่จำหน่ายอยู่แบ่งรุ่นยืบย่อย ออกมาหลายรุ่น หลายราคา โดย แบ่งออกเป็น ทั้งหมด 16 รุ่นด้วยกันเลยทีเดียว
อย่างรุ่นที่ ผมใช้อยู่ จะชื่อว่า Panamera 4 E-Hybrid Executive
เลขที่ 4 ของรุ่น หมายความว่า รุ่นนี้ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วน ถ้ามีคำว่า E-Hybrid หมายถึงว่า รุ่นนี้ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อน โดยไม่ต้องใช้เคลื่อนยนต์ได้
รุ่นที่จะมารีวิวครั้งนี้ ทาง Porsche จะเรียกตัวนี้ ว่า Executive หรือ ตัว Long wheel หรือ ช่วงล้อยาวพิเศษ
ความยาวฐานล้อ ปกติ คือ 116.1 นิ้ว แต่ถ้าเป็นตัวนี้ จะขยับยาวขึ้นอีก เป็น 122.0 นิ้ว
ทำให้มีพื่นที่ของพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง กว้างขึ้นอีกเยอะเลย
ตัวรถ ใช้ Lithium - ion Battery อยู่ด้านหลัง แบบในภาพนี้
และ ขับเคลื่อน ด้วยกำลังมอเตอร์ 340kW
ทำให้มีพละกำลัง สูงสุด 460 แรงม้า
วิ่ง 0-100 km/h ใน 4.7 วินาที
นอกจากรุ่นที่ ยิบย่อยแล้ว ตัว Option ก็ยัง แยกออกมาหลายๆส่วน ไม่เหมือนกันอีก
อย่างรุ่นที่ใช้อยู่ จะเป็นชุดแต่ง Sport Design Package
ความแตกต่าง จะเป็นแบบในภาพนี้ครับ
ทาง เวป ของ Porsche ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ของตัวรถ
ถ้าเราระบุ ชุดแต่ง หรือ อุปกรณ์อะไรเพิ่มเข้าไป
ทางเวป ก็จะ สร้างภาพ 3D ให้ออกมาให้ใกล้เคียงกับรถของจริงมากที่สุด
มาดูของจริงกัน ว่าเหมือนกับตอนเลือก Spec ในเวปไหมนะครับ
ด้านหน้ารถ
ด้านหลังของรถ
ไฟท้าย แบบใหม่ ลายเส้น ให้ใกล้เคียงกับ รุ่น 911
ที่เก็บของด้านหลัง ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
ล้อ ขนาด 21 นิ้ว มีหลายลายให้เลือก ของผมจะเรียกว่า 911 Turbo Design wheels
ตัว ดิสเบรค ถ้าเป็น E-hybrid จะใช้เป็นสีเขียว
เคลื่อนยนต์ ขนาด 6สูบ ความจุ 2.9 ลิตร
ไฟหน้าแบบใหม่ล่าสุด LED Main Headlight Matrix Beam
คุณสมบัติคือ จะปรับแสง เพื่อหลบรถ หรือ คน ไม่ให้ ไปรบกวน รถคันอื่นๆอัตโนมัติ
ภาพ ตย จาก internet
ตัว Spoiler ด้านหลัง จะยกขึ้นให้เอง อัตโนมัติ เมื่อถึงความเร็ว 120km/hr
จุดเสียบชาร์ต จะอยู่ฝั่งซ้ายมือของรถ และส่วนที่เติมน้ำมัน จะอยู่ฝั่งขวามือ
โดยเสียบชาร์ตประมาณ 4 ชม สามารถ ขับได้ 50 km โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน
แต่ในกรณี ที่ใช้ชุดชาร์ตไฟ ที่แถมมากับรถ อาจจะต้องใช้เวลาถึง 7-8 ชั่วโมง ในการชารต 1 ครั้ง
ห้องโดยสารด้านใน ฝั่งคนขับ และ คนนั่งด้านนหน้า
หน้าจอใหญ่ 12 นิ้ว พร้อมปรับตั้งค่า ได้หลากหลายมาก ดูหนังฟังเพลง ได้สบายตาเลย
ผู้โดยสารด้านหน้า มาพร้อมกับเบาะปรับได้ 14 ทิศทาง
พวงมาลัยแบบใหม่ พร้อม ชุดหน้าจอแสดงผลแบบใหม่เป็นดิจิอล
ชุดเกียร์ PDK แบบใหม่ 8 Speed และมาพร้อมกับปุ่มกดแบบ Touch Screen
ช่องแอร์แบบใหม่
เวลาปรับ ต้องปรับทิศทางแอร์ ต้องปรับบนหน้าจอ Touch screen เท่านั้น
ปุ่มปรับตรง พวงมาลัย สามารถปรับโหมด ได้ตามที่ต้องการ
ด้านหลังห้องโดยสาร จะกว้างเป็นพิเศษ
ด้านหลัง สามารถปรับเบาะไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง
การปรับแอร์ด้านหลัง ก็เป็น หน้าจอ แบบ Touch screen แบบนี้เหมือนกัน
มีจอ ไว้ดูสถานะรถ ความเร็ว / พลังานที่ใช้ และ ยังดู Youtube และ และ FB ได้
เพราะเป็นระบบ Andriod สามารถโหลด แอปจาก Play Store นั้นเอง
พื้นที่ด้านข้างฝั่งด้านหลัง ค่อนข้างกว้างอยู่พอสมควร
หน้าจอ แสดงระยะทางคงเหลือ ของไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งได้
โดยประมาณ ถ้าชาร์ตเต็ม วิ่งได้สัก 40 km-45km (แต่ spec ของรถให้มา 51 km) โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
ช่วงนี้ มีสถานีต่างๆ ให้ชาร์จไฟได้หลายที่ โดย สามารถโหลดแอป และ ชำระเงินได้
ยกตัวอย่าง แอปชื่อ EA Anywhere
โดยเราสามารถเดินเล่น หรือ ดูหนัง และ ดูจากแอปแบบ Real-Time ได้ ซึ่งในแอป จะอัพเดท ข้อมูล ว่า รถชาร์จไฟเสร้จหรือยัง
สรุปโดยรวม
เป็นรถที่ใช้งานดีมากๆ และ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย และ ไม่อึดอัด
ไม่มีเสียง start รถ ให้กวนใจเพื่อนบ้าน เนื่องจาก เวลาstart จะใช้เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแทน เงียบกริบ
รถที่ประหยัดน้ำมัน มากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ขับมาครบ 1,000 km ยังไม่ได้แวะปั๊มเติมน้ำมันเลย
เนื่องจากขับในเมืองซะส่วนใหญ่ สามารถขับกลับมาบ้าน แล้วชาร์ตไฟ เพื่อใช้ในเช้าถัดไปได้พอดี
รถที่นั่งสบาย มีปุ่มให้กดเล่นเยอะ
ห้องคนขับ เหมือน ขับเคลื่อนบิน
รถที่มีความเร็ว และ แรง ให้ทันที เมื่อต้องการ
รถที่มีช่วงล่างแน่น และ สามารถปรับให้นั่งสบายได้เช่นกัน
รถคันนี้ เหมาะสำหรับ พ่อบ้าน ที่มีครอบครัว และ ยังต้องการ เร็วแบบรถแข่ง แต่คงไว้ซึ่ง ความหรูหรา และ นั่งสบายได้ นั่นเอง
ข้อเสีย
นั่งได้ 4 คน ตรงกลาง นั่งไม่ได้
รถค่อนข้างกว้าง และ ยาว ถ้าจอดรถในช่องปกติ จะชิดกับรถคันข้างๆพอสมควรเลย
การปรับแอร์ตรงกลาง ต้องเข้าไปที่เมนู และ ปรับโดยใช้หน้าจอ Touch screen
ที่ชาร์จไฟตามสถานที่ข้างนอก ยังมีน้อยอยู่
การชาร์ตไฟ แต่ละครั้งใช้เวลานาน
-----------------------------------------
สรุปการใช้รถไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน ครบ 1 เดือน
ไม่ได้ชาร์ตนอกบ้าน
เริ่มติดเครื่องชาร์ตรถ วันที่ 18/5
(ณ วันนี้ 28/6 ขับโดยไฟฟ้าไปทั้งหมด 1,700กม)
1. (วันที่ 21/5 - 21/6)ใช้รถขับด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว ขับไปประมาณ 1,500 กม
2. บิลค่าไฟ เริ่มจดมิเตอร์ วันที่ 21/5 - 21/6
3. ปกติใช้ไฟทุกเดือน ตกเดือนละเฉลี่ย 3,000 บาท/เดือน
4. หลังชาร์ตรถ 1 เดือน ค่าไฟเพิ่มขึ้นเปน 4,300 บาท
5. ค่าไฟ ส่วนต่างเพิ่ม 1,300 บาท
5. คำนวณแบบหยาบๆ ค่าไฟ/ระยะวิ่ง = 0.88 บาท/km
[CR] (รีวิว) Review Porsche Panamera 4 e-hybrid Executive (2018) แบบผู้ใช้งานจริง
สวัสดีครับ ทุกท่าน
เห็นว่า ยังไม่มี รัวิว แบบละเอียดๆ ของเจ้าตัวนี้ ใน pantip สักเท่าไหร่ ซึ่งหลังจาก รับรถและขับมาได้สักระยะนึงแล้ว
ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์โดยรวมของรถคันนี้ รถที่รวมสุดยอดเทคโนโลยีล่าสุดจาก Porsche
โดยหลักๆ เจ้า Panamera ตัวนี้ เป็น Gen ที่ 2 แล้ว หลังจาก Gen แรก เปิดตัวครั้งแรก ตอนปี 2009 ซึ่งเป็นที่ฮือฮามาก ที่ Porshe ผลิตรถแบบ 4 ประตูออกมา หลังจากนั้น ตัว Gen2 นี้ เปิดตัว เมื่อปลายปี 2016 และ เริ่มจำหน่ายในปี 2017 เป็นต้นมา
รุ่น Panamera ที่จำหน่ายอยู่แบ่งรุ่นยืบย่อย ออกมาหลายรุ่น หลายราคา โดย แบ่งออกเป็น ทั้งหมด 16 รุ่นด้วยกันเลยทีเดียว
อย่างรุ่นที่ ผมใช้อยู่ จะชื่อว่า Panamera 4 E-Hybrid Executive
เลขที่ 4 ของรุ่น หมายความว่า รุ่นนี้ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วน ถ้ามีคำว่า E-Hybrid หมายถึงว่า รุ่นนี้ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อน โดยไม่ต้องใช้เคลื่อนยนต์ได้
รุ่นที่จะมารีวิวครั้งนี้ ทาง Porsche จะเรียกตัวนี้ ว่า Executive หรือ ตัว Long wheel หรือ ช่วงล้อยาวพิเศษ
ความยาวฐานล้อ ปกติ คือ 116.1 นิ้ว แต่ถ้าเป็นตัวนี้ จะขยับยาวขึ้นอีก เป็น 122.0 นิ้ว
ทำให้มีพื่นที่ของพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลัง กว้างขึ้นอีกเยอะเลย
ตัวรถ ใช้ Lithium - ion Battery อยู่ด้านหลัง แบบในภาพนี้
และ ขับเคลื่อน ด้วยกำลังมอเตอร์ 340kW
ทำให้มีพละกำลัง สูงสุด 460 แรงม้า
วิ่ง 0-100 km/h ใน 4.7 วินาที
นอกจากรุ่นที่ ยิบย่อยแล้ว ตัว Option ก็ยัง แยกออกมาหลายๆส่วน ไม่เหมือนกันอีก
อย่างรุ่นที่ใช้อยู่ จะเป็นชุดแต่ง Sport Design Package
ความแตกต่าง จะเป็นแบบในภาพนี้ครับ
ทาง เวป ของ Porsche ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ของตัวรถ
ถ้าเราระบุ ชุดแต่ง หรือ อุปกรณ์อะไรเพิ่มเข้าไป
ทางเวป ก็จะ สร้างภาพ 3D ให้ออกมาให้ใกล้เคียงกับรถของจริงมากที่สุด
มาดูของจริงกัน ว่าเหมือนกับตอนเลือก Spec ในเวปไหมนะครับ
ด้านหน้ารถ
ด้านหลังของรถ
ไฟท้าย แบบใหม่ ลายเส้น ให้ใกล้เคียงกับ รุ่น 911
ที่เก็บของด้านหลัง ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
ล้อ ขนาด 21 นิ้ว มีหลายลายให้เลือก ของผมจะเรียกว่า 911 Turbo Design wheels
ตัว ดิสเบรค ถ้าเป็น E-hybrid จะใช้เป็นสีเขียว
เคลื่อนยนต์ ขนาด 6สูบ ความจุ 2.9 ลิตร
ไฟหน้าแบบใหม่ล่าสุด LED Main Headlight Matrix Beam
คุณสมบัติคือ จะปรับแสง เพื่อหลบรถ หรือ คน ไม่ให้ ไปรบกวน รถคันอื่นๆอัตโนมัติ
ภาพ ตย จาก internet
ตัว Spoiler ด้านหลัง จะยกขึ้นให้เอง อัตโนมัติ เมื่อถึงความเร็ว 120km/hr
จุดเสียบชาร์ต จะอยู่ฝั่งซ้ายมือของรถ และส่วนที่เติมน้ำมัน จะอยู่ฝั่งขวามือ
โดยเสียบชาร์ตประมาณ 4 ชม สามารถ ขับได้ 50 km โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน
แต่ในกรณี ที่ใช้ชุดชาร์ตไฟ ที่แถมมากับรถ อาจจะต้องใช้เวลาถึง 7-8 ชั่วโมง ในการชารต 1 ครั้ง
ห้องโดยสารด้านใน ฝั่งคนขับ และ คนนั่งด้านนหน้า
หน้าจอใหญ่ 12 นิ้ว พร้อมปรับตั้งค่า ได้หลากหลายมาก ดูหนังฟังเพลง ได้สบายตาเลย
ผู้โดยสารด้านหน้า มาพร้อมกับเบาะปรับได้ 14 ทิศทาง
พวงมาลัยแบบใหม่ พร้อม ชุดหน้าจอแสดงผลแบบใหม่เป็นดิจิอล
ชุดเกียร์ PDK แบบใหม่ 8 Speed และมาพร้อมกับปุ่มกดแบบ Touch Screen
ช่องแอร์แบบใหม่
เวลาปรับ ต้องปรับทิศทางแอร์ ต้องปรับบนหน้าจอ Touch screen เท่านั้น
ปุ่มปรับตรง พวงมาลัย สามารถปรับโหมด ได้ตามที่ต้องการ
ด้านหลังห้องโดยสาร จะกว้างเป็นพิเศษ
ด้านหลัง สามารถปรับเบาะไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง
การปรับแอร์ด้านหลัง ก็เป็น หน้าจอ แบบ Touch screen แบบนี้เหมือนกัน
มีจอ ไว้ดูสถานะรถ ความเร็ว / พลังานที่ใช้ และ ยังดู Youtube และ และ FB ได้
เพราะเป็นระบบ Andriod สามารถโหลด แอปจาก Play Store นั้นเอง
พื้นที่ด้านข้างฝั่งด้านหลัง ค่อนข้างกว้างอยู่พอสมควร
หน้าจอ แสดงระยะทางคงเหลือ ของไฟฟ้า ที่สามารถวิ่งได้
โดยประมาณ ถ้าชาร์ตเต็ม วิ่งได้สัก 40 km-45km (แต่ spec ของรถให้มา 51 km) โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
ช่วงนี้ มีสถานีต่างๆ ให้ชาร์จไฟได้หลายที่ โดย สามารถโหลดแอป และ ชำระเงินได้
ยกตัวอย่าง แอปชื่อ EA Anywhere
โดยเราสามารถเดินเล่น หรือ ดูหนัง และ ดูจากแอปแบบ Real-Time ได้ ซึ่งในแอป จะอัพเดท ข้อมูล ว่า รถชาร์จไฟเสร้จหรือยัง
สรุปโดยรวม
เป็นรถที่ใช้งานดีมากๆ และ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย และ ไม่อึดอัด
ไม่มีเสียง start รถ ให้กวนใจเพื่อนบ้าน เนื่องจาก เวลาstart จะใช้เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแทน เงียบกริบ
รถที่ประหยัดน้ำมัน มากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ขับมาครบ 1,000 km ยังไม่ได้แวะปั๊มเติมน้ำมันเลย
เนื่องจากขับในเมืองซะส่วนใหญ่ สามารถขับกลับมาบ้าน แล้วชาร์ตไฟ เพื่อใช้ในเช้าถัดไปได้พอดี
รถที่นั่งสบาย มีปุ่มให้กดเล่นเยอะ
ห้องคนขับ เหมือน ขับเคลื่อนบิน
รถที่มีความเร็ว และ แรง ให้ทันที เมื่อต้องการ
รถที่มีช่วงล่างแน่น และ สามารถปรับให้นั่งสบายได้เช่นกัน
รถคันนี้ เหมาะสำหรับ พ่อบ้าน ที่มีครอบครัว และ ยังต้องการ เร็วแบบรถแข่ง แต่คงไว้ซึ่ง ความหรูหรา และ นั่งสบายได้ นั่นเอง
ข้อเสีย
นั่งได้ 4 คน ตรงกลาง นั่งไม่ได้
รถค่อนข้างกว้าง และ ยาว ถ้าจอดรถในช่องปกติ จะชิดกับรถคันข้างๆพอสมควรเลย
การปรับแอร์ตรงกลาง ต้องเข้าไปที่เมนู และ ปรับโดยใช้หน้าจอ Touch screen
ที่ชาร์จไฟตามสถานที่ข้างนอก ยังมีน้อยอยู่
การชาร์ตไฟ แต่ละครั้งใช้เวลานาน
-----------------------------------------
สรุปการใช้รถไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน ครบ 1 เดือน
ไม่ได้ชาร์ตนอกบ้าน
เริ่มติดเครื่องชาร์ตรถ วันที่ 18/5
(ณ วันนี้ 28/6 ขับโดยไฟฟ้าไปทั้งหมด 1,700กม)
1. (วันที่ 21/5 - 21/6)ใช้รถขับด้วยไฟฟ้าอย่างเดียว ขับไปประมาณ 1,500 กม
2. บิลค่าไฟ เริ่มจดมิเตอร์ วันที่ 21/5 - 21/6
3. ปกติใช้ไฟทุกเดือน ตกเดือนละเฉลี่ย 3,000 บาท/เดือน
4. หลังชาร์ตรถ 1 เดือน ค่าไฟเพิ่มขึ้นเปน 4,300 บาท
5. ค่าไฟ ส่วนต่างเพิ่ม 1,300 บาท
5. คำนวณแบบหยาบๆ ค่าไฟ/ระยะวิ่ง = 0.88 บาท/km
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้