โลกนี้คือ 2in1 มนุษย์คือ 2in1 ซ้อน 2in1

สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตทุกอย่างที่อาศัยอยู่บนโลกนี้จะมีระบบการทำงานแบบที่ขึ้นตรงต่อวัฏจักรของโลกและกฎแห่งธรรมชาติ ทั้งหมดมาจากที่เดียวกันและกลับคืนสู่ที่เดียวกัน สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้เกิดจากธรรมชาติและกลับคืนสู่ธรรมชาติโดยวิถีแห่งธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้อาจมีลักษณะทางกายภาพและลักษณะทางชีวภาพที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดมีการทำงานที่ขึ้นตรงต่อวัฐจักรของโลกและกฎแห่งธรรมชาติเหมือนกัน มนุษย์อาจมีต้นทุนภายในและภายนอกที่ไม่เท่ากัน แต่มนุษย์ทุกคนมีการทำงานที่ขึ้นตรงต่อวัฐจักรของโลกและกฎแห่งธรรมชาติที่ทำงานตลอด24/7เหมือนกัน ดังนั้นต้นทุนที่ไม่เท่ากันจึงไม่ใช่ปัญหาถ้าเพียงแต่เราจะยอมเรียนรู้และพัฒนาตัวเองโดยไม่ยอมหยุดวันหนึ่งเราก็จะสามารถไปสู่สิ่งที่เราตั้งใจมุ่งหวังได้ มนุษย์มีความแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตอื่นคือ มนุษย์มีระบบการทำงานที่เป็นแบบ2in1 ที่ซ้อนทับอยู่ใน2in1 ภายในหลายชั้นที่เป็นต้นกำเนิดของความต้องการและความไม่ต้องการต่างๆที่ทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตเดินวนเข้าออกอยู่ในความต้องการและความไม่ต้องการของตัวเอง

โลกมีกลางวันและกลางคืนที่อยู่บนเส้นเดียวกันจึงหมุนจากกลางวันไปสู่กลางคืนและกลางคืนไปสู่กลางวัน แต่มนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่านั้นมนุษย์มีทั้งวัฐจักรของกันและกันภายในและภายนอกที่ดูราวกับว่าเราและผู้อื่นกำลังใช้ชีวิตที่หมุนเวียนเป็นวงกลมตามการหมุนของโลกโดยมีทางสายตรงและทางสายกลางเป็นผู้ช่วยและมีพลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไปและพลังงานลบมากหรือน้อยเกินไปของตัวเองเป็นฐาน และมนุษย์ยังมีวัฐจักรของตัวเองภายในและภายนอกที่เราคือผู้กำหนดชีวิตของตัวเองโดยมีทางสายตรงและทางสายกลางเป็นผู้ช่วยและมีพลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไปและมีพลังงานลบมากหรือน้อยเกินไปที่ยืนอยู่บนฐานของตัวพลังงานเองที่ทำงานเป็นเส้นคู่ขนาน ซึ่งการทำงานเป็นวงกลมก็มาจากการทำงานเป็นเส้นคู่ขนานที่เราพยายามนำพาความคิดความรู้สึกและการกระทำของเราเข้าไปต่อเชื่อมกับความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่น และผู้อื่นก็พยายามนำพาความคิดความรู้สึกและการกระทำของผู้อื่นเข้ามาต่อเชื่อมกับความคิดความรู้สึกและการกระทำของเรา เพราะเราคือวัฐจักรของกันและกัน และเราคือวัฐจักรของตัวเราเอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวัฐจักรของกันและกันหรือวัฐจักรของตัวเราเอง เราคือผู้ที่จะต้องแสดงความเคารพและแสดงความรับผิดชอบต่อความคิดความรู้สึกและการกระทำของเราเองทั้งหมด การใช้ชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาของตัวเองและผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงและไม่ควรหลีกเลี่ยง แต่การใช้ชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาอาศัยผู้อื่นโดยไม่พยายามเดินออกจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ด้วยตัวเองนั้นคือ การปิดโอกาสตัวเองด้วยตัวเราเองและเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองทั้งเป็นที่ใครก็ไม่สามารถช่วยเราได้

ด้วยความเป็น2in1 ของโลกจึงทำให้ทุกสิ่งที่เราแสดงออกมาในแต่ละครั้งจะมีความหมายอีกหนึ่งความหมายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราแสดงออกมาด้วยเสมอ ซึ่งทั้งสองความหมายเป็นสิ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของเราเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการมีความสุขเราก็ต้องกำจัดความทุกข์ของเราด้วยตัวของเราเอง ภายในความต้องการของเราจะมีความไม่ต้องการของเราอยู่ในนั้นเสมอ และภายในความไม่ต้องการของเราก็จะมีความต้องการของเราเองอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ซึ่งตามวัฐจักรของโลกและตามกฎแห่งธรรมชาติแล้วเราจะคิดจากฐานของความต้องการและฐานที่เรายืนอยู่ไว้ก่อนจึงทำให้เราคิดและเข้าใจไปเองว่า เราทำในสิ่งที่เราต้องการก็พอโดยปล่อยให้โลกและผู้อื่นแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราไม่ต้องการแทน ซึ่งนี่คือระบบทางความคิดความรู้สึกและการกระทำที่เราคิดและเข้าใจไปเองด้วยความยินยอมพร้อมใจของตัวเราเอง อันเนื่องมาจากความต้องการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ขอบเขตของความสะดวกสบายและขอบเขตของความเคยชินเก่าๆ และ ความไม่ต้องการใช้ชีวิตออกนอกขอบเขตของความสะดวกสบายและขอบเขตของความเคยชินเก่าๆของเราเอง+ใช้ชีวิตภายใต้ฐานที่เรามีอยู่ ยกตัวอย่างเช่น การเรียกร้องความปองดอง การเรียกร้องสิทธิต่างๆ การเรียกร้องเสรีภาพ การชุมนุมคัดค้านต่อต้าน หรือการเรียกร้องประชาธิปไตย อะไรก็ตามที่เราและคนอื่นคิดและบอกว่าไม่ดีไม่ควรแต่ถ้าสิ่งนั้นอยู่ภายใต้ขอบเขตของความสะดวกสบายและขอบเขตของความเคยชินเก่าๆและอยู่ภายใต้ฐานความคิดและการกระทำของเรา เราก็มีแนวโน้มที่จะเลือกทำมันมากกว่าการต้องเอาตัวเองออกนอกขอบเขตของความสะดวกสบายและขอบเขตของความเคยชินเก่าๆและออกนอกฐานความคิดและการกระทำของเรา เป็นต้น

มนุษย์มีความคิดและจิตวิญญาณที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาไปสู่ความเป็นปัญญาญาณได้ แต่ก่อนที่มนุษย์จะเรียนรู้และพัฒนาความคิดและจิตวิญญาณไปสู่ความเป็นปัญญาญาณ มนุษย์จะต้องเรียนรู้และพัฒนาความคิดและจิตวิญญาณให้สามารถรับส่งสารที่อยู่เหนือธรรมชาติขึ้นไปหนึ่งระดับหรือมากกว่าโดยเริ่มต้นจากฐานของพลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไปหรือพลังงานลบมากหรือน้อยเกินไปที่เรามีอยู่เดิม แล้วค่อยๆแทนที่ฐานเดิมโดยการนำเอาความรักที่มีเงื่อนไขและความรักโดยปราศจากเงื่อนไขที่เราสามารถรู้สึกและสัมผัสได้จากภายนอกเข้าไปแทนที่ หรือ หักดิบโดยนำความรักที่มีเงื่อนไขและความรักโดยปราศจากเงื่อนไขเข้าไปแทนที่ฐานของพลังงานบวกมากหรือน้อยเกินไปและพลังงานลบมากหรือน้อยเกินไปที่เราใช้อยู่เดิมทันทีในทุกๆความคิดทุกๆการกระทำด้วยการหยุดการหาเหตุผลให้กับพลังงานบวกและพลังงานลบที่เราใช้อยู่ ความพยายามหาเหตุผลให้กับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือความพยายามที่ไม่ต้องการเดินออกจากจุดที่เรายืนอยู่ด้วยตัวของเราเอง และด้วยวัฐจักรของโลกและกฎแห่งธรรมชาติที่ทำงานตลอด24/7เมื่อเราไม่ยอมเดินออกจากจุดที่เรายืนอยู่เราก็จะเดินลึกเข้าไปภายในเขาวงกตของเราเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่