ปกติราคาหุ้นโรงแรมอย่าง บริษัทดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) หรือ DTC เงียบทั้งราคาและปริมาณซื้อขายประจำวัน แต่สองเดือนมานี้ ข่าวดีจาก ซีอีโอ.สตรีเหล็กอย่างนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ทำให้ราคาหุ้นหวือหวา และปริมาณซื้อขายโป่งพอง ยิ่งกว่าต้องมนต์สะกด

    ราคาหุ้นที่ย่ำอยู่รอบๆ 10 บาท วิ่งกระฉูดมาชนิดไม่มีเบรก จนล่าสุดมาซอยเท้าย่ำฐานแถว 17 บาท บวกแรงมากถึง 70% ถือเป็นหุ้นราคาบวกแรงระดับหัวแถวของปีนี้ จะเป็นรองก็แค่ หุ้น KTC เท่านั้น
    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้หลายคนย้อนรำลึกถึงกรณีของราคาหุ้น THCOM ในยุคที่นางศุภจีไปนั่งเป็น ซีอีโอ. นาน 4 ปี ทำนองเดียวกัน
    หรือว่านี่จะเป็นปรากฏการณ์ซ้ำรอยเดิม "ศุภจี เอฟเฟกท์" ไปอยู่ที่ไหนหุ้นที่หงอยเหงาเป็น"มะเขือเผา" กลายเป็นหุ้น"โด่ไม่รู้ล้ม"ทุกที
       คำตอบคงต้องรออีก 2-3 ปี ถึงจะพิสูจน์ว่าฝีมือระดับมืออาชีพนี้ จะสร้าง"มหัศจรรย์"ได้ทุกหนแห่งจริงหรือไม่

    DTC ในอดีตที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกิจการที่ขาดเสน่ห์ มีกำไรขาดทุนสลับกันไปมา และมีสภาพคล่องทางการเงินไม่สวยงามนัก เพราะอัตราส่วนทุนหมุนเวียนต่ำกว่า 1 มาหลายปี แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีตัวเลขตกค้างให้เห็นอยู่
    เพียงแต่ความสามารถในการรักษาหนี้สินให้ต่ำกว่าส่วนผู้ถือหุ้นถือเป็นจุดเด่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พูดง่ายๆคือ เป็นกิจการที่รอ"the next big thing"เท่านั้น
    ประเด็นสำคัญที่หลายคนรอคอยคือ การลงทุนใหญ่ในอนาคตอันใกล้คือการรื้อทิ้ง โรงแรมดุสิตธานี แยกสีลม เพื่อสร้างใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม ต้องการเงินลงทุนใหม่มหาศาล ที่มีทางเลือก  3 ทางคือ ก่อหนี้เพิ่ม หรือ เพิ่มทุนใหม่ หรือ ทั้งสองอย่างพร้อมกัน
    บนทางเลือกเช่นว่า ความสามารถในการจัดการทางการเงินของผู้บริหารในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจึงสำคัญมากกว่าปกติ
    แม้จะไม่บอกชัดว่าจะทำเช่นไร แต่การขับเคลื่อนทางยุทธศาสตร์ของ DTC นับแต่ปลายปีที่ผ่านมา เห็นชัดว่า มีการเตรียมความพร้อมอย่างดีเยี่ยมหลายด้าน ที่สามารถเห็นรูปธรรมได้ ไม่ว่าจะออกผลช้าหรือเร็ว

    การขับเคลื่อนที่สำคัญที่เกิดขึ้นประกอบด้วย
    - การ DTC เปิดตัวโรงแรมแบรนด์ใหม่ "ASAI" ซึ่งเป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ตลาดท่องเที่ยวแบบ fast lifestyle ในรูปแบบโรงแรมไลฟ์สไสตล์ในราคาที่จับต้องได้ สำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากกรอบแนวคิดเดิมๆและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละคน โดยได้ร่วมมือกับทีมงานช่างฝีมือท้องถิ่นในการออกแบบโรงแรมอาศัยในแต่ละทำที่สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้สโลแกน"Live Local" เตรียมผุดแห่งแรกปีนี้ที่ย่านตลาดนัดสวนจตุจักร แล้วเล็งขยายทั้งใน-ตปท.ปีละ 10 แห่ง เป็นการเติมพอร์ตสินค้าใหม่ ในช่วงดุสิตธานีก่อสร้างใหม่ที่รายได้จะหายไปบางส่วน และเพิ่มความหลากหลายของแบรนด์โรงแรมจากเดิมที่ครอบคลุมระดับกลางและระดับบนรวมทั้งหมด 27 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตเดวาราณา
    - การขายหุ้นสามัญของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และนอมินี กลุ่มโทณวนิก (ผ่านการจำหน่ายหุ้นของนายเค็นเน็ท กอศิริโสภณ (ถือหุ้นผ่าน UOB Kay Hian (Hong Kong) Limited - Client Account และ Citibank Nominees Singapore Pte. Ltd. - PBG Clients H.K.) จำนวนร้อยละ 11.63 และบริษัท เอ็ม บี เค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด ร้อยละ 11.30) ในสัดส่วนทั้งหมดร้อยละ 22.93 ให้กับพันธมิตรใหม่ กลุ่มจิราธิวัฒน์ ผ่านบริษัทหลัก เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทภายหลังการทำการรายการครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไป โดย CPN เข้ามาถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ที่สัดส่วนร้อยละ 22.93 มูลค่ารวมประมาณ 2,141.4 ล้านบาท ส่วนบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วนถือหุ้นคงเดิมที่ร้อยละ 49.74 โดยการเข้ามาถือหุ้นของ CPN ครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อทิศทาง อำนาจบริหารและการดำเนินธุรกิจของบริษัทของ DTC แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนระยะยาว การขายหุ้นดังกล่าว อาจจะไม่ได้ช่วยให้ฐานะการเงินกอจการของ DTC เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทำให้เกิดความั่นใจจากบรรดาเจ้าหนี้ในอนาคตได้
    - การลงทุนขนาดเล็กเพื่อสร้างรายได้ใหม่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น ด้วยการที่อนุมัติให้บริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นร้อยละ 99.7 จัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท ดุสิต กูร์เมต์ จำกัด  เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารทั้งตลาดในและต่างประเทศ มีทุนจดทะเบียน 1 แสนบาท โดยบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 74.70 และบริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 25

    การขยับตัวทั้งหลาย บ่งบอกชัดว่าอนาคตของ DTC ยังมีทางเลือกที่หลากหลายและสร้างรายได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
    ที่สำคัญคือกำไรพิเศษจากการที่ DTC ได้จําหน่ายเงินลงทุนระยะยาวอื่น(ไม่ได้ระบุรายละเอียด) ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผลให้บริษัทรับรู้กําไรจากการขายเงินลงทุน จํานวน 169 ล้านบาท เมื่อสิ้นไตรมาสแรก ทำให้กำไรจากการดำเนินงานที่ถดถอยลงดูดีกว่าปกติ แม้จะเป็นกำไรเทียม แต่ก็ทำให้ตัวเลขสวยงามขึ้นชั่วคราว
    ผลข้างเคียงสะท้อนออกมาเป็นราคาหุ้นที่วิ่งแรงจนเข้าข่ายผิดปกติ จนมีสิทธิ์"ท้องก่อนแต่ง" จนมีคำถามว่า ราคาที่พุ่งเกินจริงนี้จะยั่งยืนแค่ไหน
    คำตอบคือไม่มีใครล่วงรู้ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นความเชื่อมั่นที่ดูเกินเลย เนื่องจากทางผู้บริหารก็บอกไว้ชัดว่าปีนี้คาดว่ารายได้จะเพิ่มจากปีก่อนไม่เกิน 5% โดยที่อัตรากำไรเบื้องต้นจะเติบโตประมาณ 15%

    นั่นเป็นแค่การประเมินที่ยังไม่มีผลลัพธ์ให้เห็น เพราะการลงทุนขนาดใหญ่ ที่จะเริ่มต้นปี 2562 (หลังจากเลื่อนจากกำหนดเดิม 1 ปี เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม หรือมิกซ์ยูส มูลค่า 3.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของ DTC ที่ล่าสุดลงเอยด้วยการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน)  ที่เข้ามากลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญโดยปริยาย
    โครงการหลายหมื่นล้านที่จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมที่ประกอบไปด้วย โรงแรม อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า (โดยในส่วนของโรงแรม คือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่ ) แม้จะไม่มีคำถามว่า DTC จะถูกกลุ่มจิราธิวัฒน์ฮุบในอนาคต แต่ก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่าจะเป็นไปไม่ได้
    หมายความว่า หากมองข้ามตัวเลขงบการเงิน DTC ปีนี้ที่เกิดอาการ"ดีเกินปกติ" ก็จะเห็นว่า การวิ่งของราคา DTC ในระยะสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างร้อนแรง ไม่มีความสมเหตุสมผลเอาเสียเลย เมื่อเทียบกับผลประกอบการจริงในอนาคต เพราะอย่างที่ทราบกันดี ว่ารายได้หลักจากโรงแรมดุสิตธานี สีลม จะหดหายไปค่อนข้างสูงในปีหน้า
    พี/อี ล่าสุด ที่ระดับ 37 เท่าแม้จะลดลงมาก เทียบกับปีก่อน กว่า 170 เท่า ก็ยังถือว่าสูงเกินพื้นฐานอยู่ดี

    เว้นแต่จะคิดแบบเล่นเก็งกำไรระยะสั้น แล้วไปรอช้อนเมื่อราคาร่วง ก็เป็นอีกเรื่องของคนชอบความเสี่ยงจำนวนหนึ่ง

////////////////////////
#KTC #THCOM #DTC #CPN #ศุภจี สุธรรมพันธุ์ #จิราธิวัฒน์ #ดุสิตธานี #share2trade
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/