เกริ่นก่อนนะคะ ว่าปกติเป็นคนเปลี่ยนงานบ่อย จบมาเจ็ดปี เปลี่ยนงานมาที่นี่คือที่ๆ5แล้วคะ
พอมาเจองานนี้ ซึ่งเป็นงานที่เราเคยสมัครไปเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนั้นเขาไม่รับ พอมาตอนนี้ได้เข้ามาทำเลยค่อนข้างดีใจมาก เพราะเป็นองค์กรใหญ่ มั่นคง
ประกอบกับเป็นงานที่รู้สึกว่าทำแล้วสนุก ไม่น่าเบื่อดี เงินเดือนก็โอเค แม้จะเหนื่อยหน่อย เลยหวังไว้ว่าจะเป็นงานที่สุดท้าย ไม่อยากเปลี่ยนงานอีกแล้ว
(ปีนี้อายุย่างเข้า 30ปีแล้วคะ เริ่มรู้สึกว่าเราควรลงหลักปักฐานที่ใดที่หนึ่งได้แล้ว)
ทีนี้ตอนเข้างาน หัวหน้าที่สัมภาษณ์เคยถามว่าแต่งงานรึยัง เราก็บอกว่าพึ่งแต่ง
หัวหน้าก็ถามว่าจะมีลูกเลยไหม รีบไหม เพราะงานที่นี่จะไม่ค่อยเอื้อให้ตั้งครรภ์เท่าไหร่
(งานต้องเจอกับรังสีบางครั้งคะ ซึ่งถ้าเราท้อง จะทำงานส่วนนี้ไม่ได้ ต้องให้เพื่อนร่วมงานมาช่วยแบ่งไปทำ ทำให้คนอื่นในทีมต้องทำงานหนักขึ้น และprocessการเทรนงานของที่นี่คือ1ปี กว่าๆ ถึงจะสามารถทำงานทุกฟิลได้หมด ซึ่งการสอบงานแต่ละครั้งแน่นอนว่าต้องเจอรังสีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
ตอนนั้นเราก็ตอบไปว่ายังคะ เพราะยังอยากใช้ชีวิตคู่สองคนไปก่อน(พึ่งแต่งไป1อาทิตย์ก่อนไปสัมภาษณ์งาน) ที่สำคัญ ปีหน้า(ปีนี้)เป็นปีชง ไม่อยากให้ลูกเกิดปีนี้ ละยังกลัวเจ็บจากการคลอดลูกอยู่ ยังทำใจไม่ได้ รออีกสักปีสองปีค่อยมียังไม่สาย
สรุปก็ได้งานนี้ และก็ทำมาเรื่อยๆจนตอนนี้หกเดือนแล้วคะ มีดีมีร้ายบ้าง แต่โดยรวมถือว่ายังอยากทำงานอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆอยู่นะคะ ยังไม่มีความคิดจะออก
แล้วก็ได้รับรู้ว่าทีมนี้(ในองค์กรมีหลายทีมคะ ลักษณะงานจะแตกต่างกันออกไป) มีปัญหามากกับการที่เพื่อนร่วมทีมจะตั้งครรภ์ เพราะมันหมายถึงว่าพวกเขาจะต้องแบกรับงานเพิ่มขึ้น การจะเรียนโท แต่งงานมีครอบครัว มีผลกระทบต่อทีมหมด (พวกคนโสดที่อยู่ตัวคนเดียวจะชิลล์กับงานที่นี่ที่สุด)
ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อราวสามเดือนก่อน พอดีพ่อสามีพึ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระดูกระยะสุดท้าย ทุกวันนี้คือทำได้แค่ประคับประคองอาการ อาจจะอยู่ได้ประมาณ1-3ปี ละพ่อแกก็เปรยๆมาทางสามีว่า แกอยากเห็นหน้าหลานแล้ว(แกเหมือนจะทราบกลายๆ ว่าแกเป็นอะไร แต่แกไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้นค่ะ) ที่บ้านสามีมีหลานสาวของพี่ชายคนโตแค่คนเดียว ซึ่งมีปัญหาระหองระแหงกับภรรยาอยู่เนืองๆ โอกาสที่จะมีคนที่สองอีกคงยาก พี่สาวสามีก็ไม่ได้แต่งงาน
ความหวังสุดท้ายเลยมาตกที่สามีเรากับเรา ว่าจะทำให้แกได้อุ้มหลานอีกสักคนก่อนที่แกจะไป
(ตัวสามีเราอยากมีมาหลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ก่อนแต่งก็บ่นอยากมีลูกๆมาตลอด)
ส่วนตัวเราเองยังไงก็ได้ ถ้ามี ก็คิดว่าพร้อมแล้วที่จะดูแลชีวิตเด็กหนึ่งคน (อีกใจนึงก็กลัวว่าถ้าอายุเยอะๆ อาจจะมีปัญหาการตั้งครรภ์เยอะ ถ้ามีตอนนี้น่าจะกำลังดี)
ตั้งแต่เดือนก่อน เลยแอบปล่อย ไม่ทานยาคุมค่ะแต่ไม่ได้บอกที่ทำงานนะคะ กลัวมีดราม่าใหญ่โต55555
สามีก็ดูดี้ด้ามากที่จะเริ่มกระบวนการมีลูกแล้ว(ทีนี้ขยันใหญ่ บร๊ะ!!!5555)
แต่!!! เมื่อสองสามวันก่อน จู่ๆหัวหน้าที่อายุ38ก็ประกาศว่าท้อง!!!!(มีลูกชายหนึ่ฃคนแล้วคะ)
ซึ่งกฎเหล็กของที่นี่ คือการตั้งครรภ์ได้แค่ทีละคน ไม่ได้บัญญัติโทษไว้ว่าถ้าท้องซ้อนต้องทำยังไง แต่เป็นการขอความร่วมมืออย่าท้องซ้อนกัน
ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ทางสามีก็หวังอยากจะมี แต่มันไปด้วยกันไม่ได้กับงานที่ทำเอาซะเลย แต่ถ้ารอไปจนพี่เขาคลอดค่อยท้อง ก็กลัวพ่อสามีจะอยู่ไม่ถึงเห็นหน้าหลาน โอ๊ยยยยยย
วันที่ทราบข่าวว่าหัวหน้าตั้งครรภ์นี่เราช็อคมาก เครียดปรี๊ดขึ้นสมองเลย ทำไงดีๆ กลายเป็นว่าไม่ยินดีที่หัวหน้าเราตั้ฃครรภ์ซะงั้น คืนนั้นถึงขั้นนั่งเสริชหางานใหม่555555
กลับมาสุ่คำถามซึ่งก็คือ เราควรเลือกงานหรือเลือกการมีลุกดีคะเนี่ย
ถ้าเลือกงาน เอาให้ทุกคนที่ทำงานสบายใจ ก็ต้องคุมต่อไปอีกสักปี แต่มีเพื่อนทักว่า เราจะรู้สึกผิดต่อพ่อสามีและสามีไปตลอดชีวิตไหม ที่พ่อสามีมีความเป็นไปได้ว่าจะจากไปโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าหลาน ซึ่งมันอาจจะกระทบต่อชีวิตคู่ของเราทั้งชีวิต
ถ้าเลือกมีลูก แน่นอนว่าถ้าท้องปุ๊บ คงมีดราม่าใหญ่โต คงต้องโดนเรียกคุยแน่นอน เพราะยังเทรนงานไม่จบกระบวนการ และมีคนตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว มีเพื่อนร่วมงานอีกคนจะเรียนป.โทอีก ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่องานของทุกคนอยู่แล้ว คงจะทำให้เรารุ้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนมากๆแน่นอน และอาจทำให้เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้(เพราะต้องโดนแซะเรื่องนี้ตลอดเวลาแน่นอน)
ใครเคยมีประสบการณ์แนวๆนี้บ้างคะ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยคะ ตอนนี้เครียดจริงจัง เครียดจนเมนส์เลื่อน เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝั่งที่ไม่มีทางประนีประนอมกันได้เลย ฮืออออิอ
ระหว่างการมีลูก กับงาน ควรเลือกอย่างไหนดีคะ?
พอมาเจองานนี้ ซึ่งเป็นงานที่เราเคยสมัครไปเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนั้นเขาไม่รับ พอมาตอนนี้ได้เข้ามาทำเลยค่อนข้างดีใจมาก เพราะเป็นองค์กรใหญ่ มั่นคง
ประกอบกับเป็นงานที่รู้สึกว่าทำแล้วสนุก ไม่น่าเบื่อดี เงินเดือนก็โอเค แม้จะเหนื่อยหน่อย เลยหวังไว้ว่าจะเป็นงานที่สุดท้าย ไม่อยากเปลี่ยนงานอีกแล้ว
(ปีนี้อายุย่างเข้า 30ปีแล้วคะ เริ่มรู้สึกว่าเราควรลงหลักปักฐานที่ใดที่หนึ่งได้แล้ว)
ทีนี้ตอนเข้างาน หัวหน้าที่สัมภาษณ์เคยถามว่าแต่งงานรึยัง เราก็บอกว่าพึ่งแต่ง
หัวหน้าก็ถามว่าจะมีลูกเลยไหม รีบไหม เพราะงานที่นี่จะไม่ค่อยเอื้อให้ตั้งครรภ์เท่าไหร่
(งานต้องเจอกับรังสีบางครั้งคะ ซึ่งถ้าเราท้อง จะทำงานส่วนนี้ไม่ได้ ต้องให้เพื่อนร่วมงานมาช่วยแบ่งไปทำ ทำให้คนอื่นในทีมต้องทำงานหนักขึ้น และprocessการเทรนงานของที่นี่คือ1ปี กว่าๆ ถึงจะสามารถทำงานทุกฟิลได้หมด ซึ่งการสอบงานแต่ละครั้งแน่นอนว่าต้องเจอรังสีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
ตอนนั้นเราก็ตอบไปว่ายังคะ เพราะยังอยากใช้ชีวิตคู่สองคนไปก่อน(พึ่งแต่งไป1อาทิตย์ก่อนไปสัมภาษณ์งาน) ที่สำคัญ ปีหน้า(ปีนี้)เป็นปีชง ไม่อยากให้ลูกเกิดปีนี้ ละยังกลัวเจ็บจากการคลอดลูกอยู่ ยังทำใจไม่ได้ รออีกสักปีสองปีค่อยมียังไม่สาย
สรุปก็ได้งานนี้ และก็ทำมาเรื่อยๆจนตอนนี้หกเดือนแล้วคะ มีดีมีร้ายบ้าง แต่โดยรวมถือว่ายังอยากทำงานอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆอยู่นะคะ ยังไม่มีความคิดจะออก
แล้วก็ได้รับรู้ว่าทีมนี้(ในองค์กรมีหลายทีมคะ ลักษณะงานจะแตกต่างกันออกไป) มีปัญหามากกับการที่เพื่อนร่วมทีมจะตั้งครรภ์ เพราะมันหมายถึงว่าพวกเขาจะต้องแบกรับงานเพิ่มขึ้น การจะเรียนโท แต่งงานมีครอบครัว มีผลกระทบต่อทีมหมด (พวกคนโสดที่อยู่ตัวคนเดียวจะชิลล์กับงานที่นี่ที่สุด)
ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อราวสามเดือนก่อน พอดีพ่อสามีพึ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกระดูกระยะสุดท้าย ทุกวันนี้คือทำได้แค่ประคับประคองอาการ อาจจะอยู่ได้ประมาณ1-3ปี ละพ่อแกก็เปรยๆมาทางสามีว่า แกอยากเห็นหน้าหลานแล้ว(แกเหมือนจะทราบกลายๆ ว่าแกเป็นอะไร แต่แกไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้นค่ะ) ที่บ้านสามีมีหลานสาวของพี่ชายคนโตแค่คนเดียว ซึ่งมีปัญหาระหองระแหงกับภรรยาอยู่เนืองๆ โอกาสที่จะมีคนที่สองอีกคงยาก พี่สาวสามีก็ไม่ได้แต่งงาน
ความหวังสุดท้ายเลยมาตกที่สามีเรากับเรา ว่าจะทำให้แกได้อุ้มหลานอีกสักคนก่อนที่แกจะไป
(ตัวสามีเราอยากมีมาหลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ก่อนแต่งก็บ่นอยากมีลูกๆมาตลอด)
ส่วนตัวเราเองยังไงก็ได้ ถ้ามี ก็คิดว่าพร้อมแล้วที่จะดูแลชีวิตเด็กหนึ่งคน (อีกใจนึงก็กลัวว่าถ้าอายุเยอะๆ อาจจะมีปัญหาการตั้งครรภ์เยอะ ถ้ามีตอนนี้น่าจะกำลังดี)
ตั้งแต่เดือนก่อน เลยแอบปล่อย ไม่ทานยาคุมค่ะแต่ไม่ได้บอกที่ทำงานนะคะ กลัวมีดราม่าใหญ่โต55555
สามีก็ดูดี้ด้ามากที่จะเริ่มกระบวนการมีลูกแล้ว(ทีนี้ขยันใหญ่ บร๊ะ!!!5555)
แต่!!! เมื่อสองสามวันก่อน จู่ๆหัวหน้าที่อายุ38ก็ประกาศว่าท้อง!!!!(มีลูกชายหนึ่ฃคนแล้วคะ)
ซึ่งกฎเหล็กของที่นี่ คือการตั้งครรภ์ได้แค่ทีละคน ไม่ได้บัญญัติโทษไว้ว่าถ้าท้องซ้อนต้องทำยังไง แต่เป็นการขอความร่วมมืออย่าท้องซ้อนกัน
ทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ทางสามีก็หวังอยากจะมี แต่มันไปด้วยกันไม่ได้กับงานที่ทำเอาซะเลย แต่ถ้ารอไปจนพี่เขาคลอดค่อยท้อง ก็กลัวพ่อสามีจะอยู่ไม่ถึงเห็นหน้าหลาน โอ๊ยยยยยย
วันที่ทราบข่าวว่าหัวหน้าตั้งครรภ์นี่เราช็อคมาก เครียดปรี๊ดขึ้นสมองเลย ทำไงดีๆ กลายเป็นว่าไม่ยินดีที่หัวหน้าเราตั้ฃครรภ์ซะงั้น คืนนั้นถึงขั้นนั่งเสริชหางานใหม่555555
กลับมาสุ่คำถามซึ่งก็คือ เราควรเลือกงานหรือเลือกการมีลุกดีคะเนี่ย
ถ้าเลือกงาน เอาให้ทุกคนที่ทำงานสบายใจ ก็ต้องคุมต่อไปอีกสักปี แต่มีเพื่อนทักว่า เราจะรู้สึกผิดต่อพ่อสามีและสามีไปตลอดชีวิตไหม ที่พ่อสามีมีความเป็นไปได้ว่าจะจากไปโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าหลาน ซึ่งมันอาจจะกระทบต่อชีวิตคู่ของเราทั้งชีวิต
ถ้าเลือกมีลูก แน่นอนว่าถ้าท้องปุ๊บ คงมีดราม่าใหญ่โต คงต้องโดนเรียกคุยแน่นอน เพราะยังเทรนงานไม่จบกระบวนการ และมีคนตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว มีเพื่อนร่วมงานอีกคนจะเรียนป.โทอีก ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่องานของทุกคนอยู่แล้ว คงจะทำให้เรารุ้สึกผิดต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนมากๆแน่นอน และอาจทำให้เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้(เพราะต้องโดนแซะเรื่องนี้ตลอดเวลาแน่นอน)
ใครเคยมีประสบการณ์แนวๆนี้บ้างคะ รบกวนขอคำแนะนำหน่อยคะ ตอนนี้เครียดจริงจัง เครียดจนเมนส์เลื่อน เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝั่งที่ไม่มีทางประนีประนอมกันได้เลย ฮืออออิอ