คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ลาป่วย 1 วัน ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ค่ะ
กฎบริษัทสำคัญก็จริง แต่กฎหมายแรงงานใหญ่กว่าค่ะ
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/66163
ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง ส่วนสิทธิการรับค่าจ้างขณะลาป่วยนั้นกำหนดให้ 1 ปีมีสิทธิได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วัน และกฎหมายยังกำหนดว่า หากลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการได้ หากลูกจ้างไม่อาจแสดงได้ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ
สำหรับกรณีที่แต่ละบริษัทมีการกำหนดเงื่อนไขในการใช้สิทธิลาป่วยต่างกัน
เช่น ลางาน 1 หรือ 2 วันต้องใช้ใบรับรองแพทย์มาประกอบนั้น
ตรงนี้ถือว่าไม่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ลูกจ้างมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ได้
จขกท. เลือกทางไหนก็ตกที่นั่งลำบากทั้งนั้นค่ะ
ไม่ว่าจะรักษาสิทธิตามกฎหมาย หรือ ยอมรับกฎบริษัท ก็เหอะ
เลือกทางที่ จกขท ยอมรับผลปลายทางได้ น่าจะดีที่สุดค่ะ
เพราะถ้าลงชื่อในใบเตือน อนาคตก็อาจถูกเอามาเป็นประเด็นให้ออกไม่จ่ายชดเชยได้
แต่เท่าที่ดู หัวหน้าก็คงไม่ปลื้มคุณอยู่เป็นทุนเดิมด้วยแหล่ะ ถึงเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
ในทางกลับกัน ถ้ารักษาสิทธิตามกฎหมาย ก็จะถูกมองว่า หัวแข็ง ไม่ยอมอยู่ใต้ควบคุม
กลายเป็นคนอยู่ไม่เป็น อยู่ยากอีกน่ะ ก็ถูกบีบออกได้เหมือนกัน ถ้าไม่ทำอะไรพลาดยังไงทาง บ. ก็ต้องให้ชดเชยน่ะ
กฎบริษัทสำคัญก็จริง แต่กฎหมายแรงงานใหญ่กว่าค่ะ
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/66163
ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง ส่วนสิทธิการรับค่าจ้างขณะลาป่วยนั้นกำหนดให้ 1 ปีมีสิทธิได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วัน และกฎหมายยังกำหนดว่า หากลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการได้ หากลูกจ้างไม่อาจแสดงได้ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ
สำหรับกรณีที่แต่ละบริษัทมีการกำหนดเงื่อนไขในการใช้สิทธิลาป่วยต่างกัน
เช่น ลางาน 1 หรือ 2 วันต้องใช้ใบรับรองแพทย์มาประกอบนั้น
ตรงนี้ถือว่าไม่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ลูกจ้างมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ได้
จขกท. เลือกทางไหนก็ตกที่นั่งลำบากทั้งนั้นค่ะ
ไม่ว่าจะรักษาสิทธิตามกฎหมาย หรือ ยอมรับกฎบริษัท ก็เหอะ
เลือกทางที่ จกขท ยอมรับผลปลายทางได้ น่าจะดีที่สุดค่ะ
เพราะถ้าลงชื่อในใบเตือน อนาคตก็อาจถูกเอามาเป็นประเด็นให้ออกไม่จ่ายชดเชยได้
แต่เท่าที่ดู หัวหน้าก็คงไม่ปลื้มคุณอยู่เป็นทุนเดิมด้วยแหล่ะ ถึงเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
ในทางกลับกัน ถ้ารักษาสิทธิตามกฎหมาย ก็จะถูกมองว่า หัวแข็ง ไม่ยอมอยู่ใต้ควบคุม
กลายเป็นคนอยู่ไม่เป็น อยู่ยากอีกน่ะ ก็ถูกบีบออกได้เหมือนกัน ถ้าไม่ทำอะไรพลาดยังไงทาง บ. ก็ต้องให้ชดเชยน่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ผมว่านายจ้างทำเกินไป ไปงานแต่ง กินอาหารงานเลี้ยง หลังกินไม่สบายปวดท้องเลยไม่ไปทำงาน 1 วัน
ตามกฏหมาย ลาป่วยไม่เกิน 3 วัน เป็นสิทธิลูกจ้างลาได้ ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์
การโยนภาระไปให้แพทย์ เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะถ้าคุณมาหาหมอ แม้ไม่ได้ป่วยจริง แค่บอกว่าปวดท้อง ใบลาหมอก็ต้องเซ็นให้อยู่ดี เพราะคนไข้มาตรวจจริงแล้ว ต้องได้ลาป่วย 1 วันเพราะมาตรวจจริง แม้ไม่ได้ป่วยเลยก็ตาม เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่นายจ้างกับลูกจ้างต้องเคลียกันเอง ในภาวะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ว่าให้ใจกันได้แค่ไหน การโยนไปโรงพยาบาลมันกระทบคนป่วยจริงๆต้องรอนานขึ้น เพราะ หมอต้องไปนั่งแจกใบลางานให้ลูกจ้างอยู่
ตามกฏหมาย ลาป่วยไม่เกิน 3 วัน เป็นสิทธิลูกจ้างลาได้ ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์
การโยนภาระไปให้แพทย์ เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะถ้าคุณมาหาหมอ แม้ไม่ได้ป่วยจริง แค่บอกว่าปวดท้อง ใบลาหมอก็ต้องเซ็นให้อยู่ดี เพราะคนไข้มาตรวจจริงแล้ว ต้องได้ลาป่วย 1 วันเพราะมาตรวจจริง แม้ไม่ได้ป่วยเลยก็ตาม เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่นายจ้างกับลูกจ้างต้องเคลียกันเอง ในภาวะเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ ว่าให้ใจกันได้แค่ไหน การโยนไปโรงพยาบาลมันกระทบคนป่วยจริงๆต้องรอนานขึ้น เพราะ หมอต้องไปนั่งแจกใบลางานให้ลูกจ้างอยู่
แสดงความคิดเห็น
ลาป่วย 1 วัน ไม่มีใบรับรองแพทย์แนบ เพราะไม่ได้ไปหาหมอ โดนใบเตือน!!!
เราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง เราลาป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์ เราเลยโดนใบเตือนจากบริษัท โดยเขากล่าวหาเราว่าเราไม่ได้ป่วยจริง แต่ลาเพื่อไปงานแต่งเพื่อน เราจัเล่าอย่างละเอียดเพราะมันเกี่ยวโยงกัน
เย็นวันที่ 14 พ.ค.61 เป็นวันที่เพื่อนเราแต่งงาน (แต่งตามศาสนาจัดงานแค่เชิญญาติๆและเพื่อนสนิทตอนค่ำ) เราเลิกงาน5โมงเย็น เพื่อนเราก็มารับเพื่อไปงานแต่งกัน เราอยู่ในงานตั้งแต่21.30-23.40 น. หลังจากกลับจากงานเพื่อนๆมันก็แท็กรูปอวยพรยินดีกับเพื่อนที่แต่งงานกัน แล้วแท็กเรา ในเวลานั้นๆ (เรานอนบ้านเพื่อน) และเมื่อวันที่15 พ.ค 61 เวลา ตี1กว่าๆ เราปวดท้อง และคลื่นไส ลุกมาเข้าห้องน้ำและนอนพัก พอตอน6โมงเช้า เป็นเวลาที่เราต้องตื่นมาเพื่อเตรียมตัวไปทำงานปกติ เราก็มีอาการปวดท้องอีก เลยไลน์ไปบอกหัวหน้างานเรา ว่าขอลาป่วย หลังจากนั้นเราก็กินยาพาราแก้ปวด แล้วนอนพักต่อ ตื่นมาอีกทีก็เกือบๆจะ10โมง เรารู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้ว เราก็เปิด Facebook ดู เราเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้อวพพรเพื่อน เราเลยลงรูปเพื่ออวยพรเพื่อนในเวลานั้น 09.50น. และเราก็กดไลน์เข้าไปดู ไลน์หัวหน้าเราก็เด้งขึ้นมาว่าขอใบรับรองแพทย์ด้วย เราดูเวลาบวกกับอาการเราก็ดีขึ้น (ถ้าไป รพ.ก็ต้องนั่งรอเป็นวันๆ เราก็ดีขึ้นแล้ว) เลยตัดสินใจไม่ไปดีกว่า แล้วเราก็นอนเล่นจนเพื่อนบอกให้ไปอาบน้ำไปหาข้าวกินกัน กว่าจะอาบน้ำทำนู้นี้นั้นเสร็จก็เที่ยงพอดี เราออกมาหาข้าวกันกันเวียนหาร้านข้าวกันอยู่สักพักใหญ่ๆก็เกือบบ่าย พอนั่งกินได้สักพัก เราก็ปวดท้องอีก เพื่อนเลยถามว่าจะไป รพ.ไหม (ตอนนั้นเวลาน่าจะบ่าย2กว่าๆได้ เพื่อนเราต้องกลับไปนราตอน4โมง ) เราเลยบอกว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากให้เพื่อนเรารอกับเรา และมันต้องรีบกลับนราอีก ถ้าไป รพ. คงไม่ต่กว่า3ชม.แน่ๆ เลยซื้อยาที่ร้านยากินเอง แล้วเพื่อนก็มาส่งเราที่บ้านพัก ตอนเกือบๆ4โมง แล้วก็นอนพักยาวๆ จนเช้าวันที่ 16 พ.ค.61 เรามาทำงานปกติเราไปเอาใบลามาเขียนลาป่วย แล้วส่งให้หัวหน้าเซ็น เขาไม่เ๙็นให้เรา แล้วถามเราว่า "ตกลงปวดท้องหรือไปงานแต่งมา" เราบอก "ปวดท้อง งานแต่งนั้นตอนค่ำ" "เห็นเช็คอินตอน9โมง" หัวหน้าถาม "ก็พึ่งลงรูปตอนนั้น ตอนค่ำก็มีที่เพื่อนแท็กมานั้น" เราตอบ (เรากับหัวหน้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันในFacebook) หลังจากวันนั้นก็เงียบ จนวันนี้ 21 พ.ค 61 หัวหน้าฝ่ายบุคคล เอาใบเตือนมาให้เราเซ็นรับทราบ ว่าที่ผิดวินัยข้อ 6.1.1 ลูกจ้างต้องปฎิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างเคร่งคัด ข้อ6.2.19 คือละทิ้งหน้าที่ ละเลย หรือหลีกเลี่ยงการทำงาน หรือขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หยลกล้อหรือเล่นกันระหว่าการทำงาน
**เราเลยอยากถามเพื่อนๆว่าเขาเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินว่าเราโกหก แค่ไม่มีใบรับแพทย์มายื่นยันก็คือเราไม่ได้ป่วย เราโกหกว่างั้นหรอ
ปล.เขาบอกกับพี่ที่ทำงานอีกคนว่า เราโกหก เขารู้เขาไม่ได้โง่น่ะ บอกลาป่วยแต่ไปงานแต่งนุ แล้วยังจะมาเถียงเขาอีก (เราโกรธตรงนี้แหล่ะ)