สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ Sponsored Review เต็มตัวกระทู้แรกของผม โดยทาง Fabrix ให้กรองอากาศมาเพื่อทำการทดลองและออกค่าใช้จ่ายในการทดลองให้ ออกตัวก่อนว่าผมเป็นเพียงคนใช้รถใช้ถนนธรรมดา ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องเครื่องยนต์และกรองอากาศในเชิงลึก เพียงได้รับโอกาสในการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ผมจึงขออนุญาตินำเสนอข้อมูลแบบตรงไปตรงมา อ้างอิงตามผลการทดลองครับ..
การทดลองในครั้งนี้ ผมตั้งใจจะทดสอบ 3 เรื่องครับ..
1. ทดสอบวัดแรงม้าบนไดโน
2. ทดสอบอัตราเร่ง 0-120
3. ทดสอบอัตราการกินน้ำมัน
รายละเอียดเกี่ยวกับรถ
ตัวรถ : Toyota Altis ปี 2004 โฉมหน้าหมู
เครื่องยนต์ : วางเครื่อง 2zz-ge 6MT เครื่อง เกียร์ กล่อง ECU เดิมๆ
ท่อไอเสีย : ท่อติดเครื่อง 2zz (3" กั้นกลาง), พักกลาง 2.5 นิ้ว พักกลาง 2.2" เดินท่อ 2.2" ยาวถึงพักปลาย พักปลาย 2.5"
ล้อและยาง : ล้อ Advanti N718 ขอบ 15 ยาง Michelin Primacy 3ST/Yokohama A.Drive 195/60/15
ช่วงล่าง : สตรัทปรับเกลียว Monroe Monotube, ค้ำหน้าบน XRS, Magic (Rigid) Collar
ระบบเบรค : เบรคติด 2zz-ge, ผ้าเบรค Nexzter Mu-spec
เชื้อเพลิง : E20 Esso, LPG
น้ำมันเครื่อง: Eneos Sustina 5w-40
กรองอากาศ Fabrix ที่ส่งมาประกอบด้วยแผ่นกรองอากาศ น้ำยาทำความสะอาด และน้ำยาพ่นดักฝุ่นครับ ทางบริษัทแจ้งว่าใน 1 ชุด ตัวน้ำยาใช้ได้ประมาณ 7 ครั้ง พอน้ำยาหมดสามารถซื้อน้ำยาเพิ่มใช้กับกรองอากาศอันเดิมได้เลย ผมเลยจัดการล้างและผึ่งให้แห้ง พ่นชโลมน้ำยาดักฝุ่นก่อนนำไปใช้ทดสอบครับ (จริงน่าจะใช้ได้เลย แต่ผมแค่อยากล้างก่อนใช้ ความรู้สึกเหมือนซื้อเสื้อมาใหม่ก็อยากซักก่อนใช้เท่านั้นเองครับ) และเพื่อลดความเพี้ยนที่เกิดขึ้นในการทดลอง ในการใช้รถทั่วไปผมจะใช้กรองอากาศตัวอื่น (ที่เป็นสีดำ) เพื่อเดินทางไปร้านไดโน หรือเดินทางไปสถานที่วัดอัตราเร่ง 0-120 และผมจะใส่กรองอากาศเดิมศูนย์ และกรองอากาศ Fabrix ในตอนที่ผมจะใช้ทดสอบจริงๆเท่านั้น เพื่อความแม่นยำในการทดสอบครับ หลังทดสอบเสร็จผมจะเปลี่ยนใส่กรองอากาศสีดำ ก่อนจะนำรถออกจากสถานที่ทดสอบทุกครั้ง..
ทดสอบวัดแรงม้าบนเครื่องไดโน
ใช้น้ำมัน E20 ในการทดสอบ ไม่มีการแตะต้องอุปกรณ์อื่นใด นอกจากเปลี่ยนกรองอากาศ ขณะเทสเปิดไฟหรี่ (เพื่อดูรอบเครื่อง) ปิดแอร์ ปิดเครื่องเสียง รูปแรกผลทดสอบกรองอากาศเดิมศูนย์ 5 ครั้ง รูปที่สองทดสอบกรองอากาศ Fabrix 5 ครั้ง แล้วนำผลแรงม้าที่ดีที่สุดของแต่ละแบบมาเทียบกันในรูปสุดท้ายครับ แรงบิดที่เห็นในกราฟรูปสุดท้ายช่วงเริ่มต้นนั้นไม่ตรงนะครับ เป็นช่วงที่ไดโนจับแรงบิดของล้อ ให้ดูกราฟในช่วงกลางถึงสูงเป้นหลัก จากการทดลองนี้กรองอากาศ Fabrix ให้แรงม้าที่มากกว่ากรองอากาศเดิมศูนย์ประมาณ 3+ แรงม้า หรือประมาณ 1.9% ครับ
กรองอากาศเดิมศูนย์:
กรองอากาศ Fabrix:
เปรียบเทียบแรงม้าสูงสุด:
ทดสอบอัตราเร่ง 0-120
ใช้น้ำมัน E20 ในการทดสอบ ไม่มีการแตะต้องอุปกรณ์อื่นใด นอกจากเปลี่ยนกรองอากาศ ขณะเทสเปิดไฟหน้า ปิดแอร์ ปิดเครื่องเสียง ทำการทดสอบอย่างละ 4 ครั้ง นำค่าเฉลี่ย 4 ครั้งมาคำนวนหาค่าความแตกต่างครับ ผลที่ได้ กรองอากาศ Fabrix ทำให้อัตราเร่งดีขึ้น 0-100 ประมาณ 0.33 วินาที หรือ 3.44% และ 0-120 เร็วขึ้น 0.34 วินาที หรือ 0.27% ครับ..
ผมได้ทำคลิปวิดีโอสั้น นำรันที่ดีที่สุด (ไม่ใช่ค่าเฉลี่ย) ของกรองเดิมศูนย์ มาเทียบกับรันที่ดีที่สุดของ Fabrix ครับ..
ทดสอบอัตราการกินน้ำมัน
การทดสอบอัตราการกินน้ำมันที่ผมคิดไว้คือ เติมเต็มถัง วิ่งวน 120 กม. ด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. เท้านิ่งๆ แล้วกลับมาเติมน้ำมันที่ปั๊มเดิมแล้วคำนวนว่ากินน้ำมันไปกี่ลิตร แต่ผมต้องขออภัยทุกท่านที่การทดลองครั้งนี้ล้มเหลว ผมดันไปเจอเด็กปั๊มที่มือไม่นิ่งครับ การเติมก่อนก่อนออกไปขับเด็กปั๊มจุ่มหัวจ่ายลึกสุดแล้วเติมพอดีตัด อันนี้ถือว่าผ่าน แต่พอขับ 120 กม. กลับมาเติม เด็กปั๊มดึงหัวจ่ายมาครึ่งหนึ่งไม่ได้ทิ่มลึกสุดเหมือนตอนแรก ทำให้การเติมนำ้มันครั้งนี้เพี้ยน ผมเลยลองให้เติมแบบเขย่าถังและค่อยๆกรอกน้ำมันให้ถึงปากถังเลย แล้วผมก็ไปขับมาใหม่อีกรอบ พอกลับมาเติมด้วยการเขย่าถังกรอดน้ำมัน พี่แกดันเติมพรวดออกมาเลอะด้านนอกไปด้วย เอาเป็นว่าการทดสอบอัตราการกินน้ำมันถือว่าล้มเหลวไปครับ
จะมีก็แต่เพียงการอ่านค่าคร่าวๆจาก Monster Gauge ที่ผมใช้อยู่ โดยค่าที่อ่านจะเป็นค่า Real time ต้องขับเท้านิ่งๆแล้วอ่านค่าที่มันนิ่งๆ ผมเลยลองขับ 100 กม./ชม. (ไมล์รถ) แบบเท้านิ่งๆ กับกรองเดิมอ่านค่าได้ 18.14 km/L ส่วนตอนใช้ Fabrix อ่านค่าได้ 18.14 กับ 18.33 สลับกันไปมาสองค่านี้ ซึ่งค่าที่อ่านได้นี้อาจจะไม่ได้ตรงนัก พอดูเป็นเพียงแนวทาง และรถผมไม่มี Cruise Control อาจจะทำให้เกิดความเพี้ยนได้ ตรงนี้ขอยอมรับครับ..
สรุปผลการทดลอง
จากผลการทดลองจะเห็นได้ว่า การใช้กรองอากาศ Fabrix ในงบพันกว่าบาท ทำให้ Performance ของรถเพิ่มขึ้นจริงทั้งแรงม้าที่เพิ่มขึ้นและอัตราเร่งที่ได้ผลดีขึ้นตรงกัน (แรงม้าเพิ่ม 3 ตัวกับอัตราเร่งดีขึ้น 0.33 วินาที แลกกับงบพันกว่าบาท คุ้มค่าหรือไม่ต้องลองงพิจารณาดูครับ) อีกเรื่องคือความคุ้มค่าที่ซื้อครั้งนึงใช้ได้นาน และถ้าคิดถึงราคาในระยะยาวก็ถูกกว่ากรองของศูนย์ครับ ส่วนข้อเสียเดียวที่ผมนึกถึงคือ ต้องถอดออกมาล้าง และพ่นน้ำยาประมาณทุกๆ 10,000 กม. ซึ่งถ้าเป็นกรองอากาศเดิมศูนย์เพียงแค่ถอดออกมาเป่า พอครบ 2 หมื่นโลก็โยนทิ้งเปลี่ยนของใหม่ได้เลยนั่นเองครับ..
สุดท้ายนี้ หากมีสิ่งใดผิดพลาด ข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือมีคำไม่สุภาพ ผมต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ หากมีคำถาม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[SR] รีวิว กรองอากาศ Fabrix vs กรองอากาศเดิมศูนย์
การทดลองในครั้งนี้ ผมตั้งใจจะทดสอบ 3 เรื่องครับ..
1. ทดสอบวัดแรงม้าบนไดโน
2. ทดสอบอัตราเร่ง 0-120
3. ทดสอบอัตราการกินน้ำมัน
รายละเอียดเกี่ยวกับรถ
ตัวรถ : Toyota Altis ปี 2004 โฉมหน้าหมู
เครื่องยนต์ : วางเครื่อง 2zz-ge 6MT เครื่อง เกียร์ กล่อง ECU เดิมๆ
ท่อไอเสีย : ท่อติดเครื่อง 2zz (3" กั้นกลาง), พักกลาง 2.5 นิ้ว พักกลาง 2.2" เดินท่อ 2.2" ยาวถึงพักปลาย พักปลาย 2.5"
ล้อและยาง : ล้อ Advanti N718 ขอบ 15 ยาง Michelin Primacy 3ST/Yokohama A.Drive 195/60/15
ช่วงล่าง : สตรัทปรับเกลียว Monroe Monotube, ค้ำหน้าบน XRS, Magic (Rigid) Collar
ระบบเบรค : เบรคติด 2zz-ge, ผ้าเบรค Nexzter Mu-spec
เชื้อเพลิง : E20 Esso, LPG
น้ำมันเครื่อง: Eneos Sustina 5w-40
กรองอากาศ Fabrix ที่ส่งมาประกอบด้วยแผ่นกรองอากาศ น้ำยาทำความสะอาด และน้ำยาพ่นดักฝุ่นครับ ทางบริษัทแจ้งว่าใน 1 ชุด ตัวน้ำยาใช้ได้ประมาณ 7 ครั้ง พอน้ำยาหมดสามารถซื้อน้ำยาเพิ่มใช้กับกรองอากาศอันเดิมได้เลย ผมเลยจัดการล้างและผึ่งให้แห้ง พ่นชโลมน้ำยาดักฝุ่นก่อนนำไปใช้ทดสอบครับ (จริงน่าจะใช้ได้เลย แต่ผมแค่อยากล้างก่อนใช้ ความรู้สึกเหมือนซื้อเสื้อมาใหม่ก็อยากซักก่อนใช้เท่านั้นเองครับ) และเพื่อลดความเพี้ยนที่เกิดขึ้นในการทดลอง ในการใช้รถทั่วไปผมจะใช้กรองอากาศตัวอื่น (ที่เป็นสีดำ) เพื่อเดินทางไปร้านไดโน หรือเดินทางไปสถานที่วัดอัตราเร่ง 0-120 และผมจะใส่กรองอากาศเดิมศูนย์ และกรองอากาศ Fabrix ในตอนที่ผมจะใช้ทดสอบจริงๆเท่านั้น เพื่อความแม่นยำในการทดสอบครับ หลังทดสอบเสร็จผมจะเปลี่ยนใส่กรองอากาศสีดำ ก่อนจะนำรถออกจากสถานที่ทดสอบทุกครั้ง..
ทดสอบวัดแรงม้าบนเครื่องไดโน
ใช้น้ำมัน E20 ในการทดสอบ ไม่มีการแตะต้องอุปกรณ์อื่นใด นอกจากเปลี่ยนกรองอากาศ ขณะเทสเปิดไฟหรี่ (เพื่อดูรอบเครื่อง) ปิดแอร์ ปิดเครื่องเสียง รูปแรกผลทดสอบกรองอากาศเดิมศูนย์ 5 ครั้ง รูปที่สองทดสอบกรองอากาศ Fabrix 5 ครั้ง แล้วนำผลแรงม้าที่ดีที่สุดของแต่ละแบบมาเทียบกันในรูปสุดท้ายครับ แรงบิดที่เห็นในกราฟรูปสุดท้ายช่วงเริ่มต้นนั้นไม่ตรงนะครับ เป็นช่วงที่ไดโนจับแรงบิดของล้อ ให้ดูกราฟในช่วงกลางถึงสูงเป้นหลัก จากการทดลองนี้กรองอากาศ Fabrix ให้แรงม้าที่มากกว่ากรองอากาศเดิมศูนย์ประมาณ 3+ แรงม้า หรือประมาณ 1.9% ครับ
กรองอากาศเดิมศูนย์:
กรองอากาศ Fabrix:
เปรียบเทียบแรงม้าสูงสุด:
ทดสอบอัตราเร่ง 0-120
ใช้น้ำมัน E20 ในการทดสอบ ไม่มีการแตะต้องอุปกรณ์อื่นใด นอกจากเปลี่ยนกรองอากาศ ขณะเทสเปิดไฟหน้า ปิดแอร์ ปิดเครื่องเสียง ทำการทดสอบอย่างละ 4 ครั้ง นำค่าเฉลี่ย 4 ครั้งมาคำนวนหาค่าความแตกต่างครับ ผลที่ได้ กรองอากาศ Fabrix ทำให้อัตราเร่งดีขึ้น 0-100 ประมาณ 0.33 วินาที หรือ 3.44% และ 0-120 เร็วขึ้น 0.34 วินาที หรือ 0.27% ครับ..
ผมได้ทำคลิปวิดีโอสั้น นำรันที่ดีที่สุด (ไม่ใช่ค่าเฉลี่ย) ของกรองเดิมศูนย์ มาเทียบกับรันที่ดีที่สุดของ Fabrix ครับ..
ทดสอบอัตราการกินน้ำมัน
การทดสอบอัตราการกินน้ำมันที่ผมคิดไว้คือ เติมเต็มถัง วิ่งวน 120 กม. ด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. เท้านิ่งๆ แล้วกลับมาเติมน้ำมันที่ปั๊มเดิมแล้วคำนวนว่ากินน้ำมันไปกี่ลิตร แต่ผมต้องขออภัยทุกท่านที่การทดลองครั้งนี้ล้มเหลว ผมดันไปเจอเด็กปั๊มที่มือไม่นิ่งครับ การเติมก่อนก่อนออกไปขับเด็กปั๊มจุ่มหัวจ่ายลึกสุดแล้วเติมพอดีตัด อันนี้ถือว่าผ่าน แต่พอขับ 120 กม. กลับมาเติม เด็กปั๊มดึงหัวจ่ายมาครึ่งหนึ่งไม่ได้ทิ่มลึกสุดเหมือนตอนแรก ทำให้การเติมนำ้มันครั้งนี้เพี้ยน ผมเลยลองให้เติมแบบเขย่าถังและค่อยๆกรอกน้ำมันให้ถึงปากถังเลย แล้วผมก็ไปขับมาใหม่อีกรอบ พอกลับมาเติมด้วยการเขย่าถังกรอดน้ำมัน พี่แกดันเติมพรวดออกมาเลอะด้านนอกไปด้วย เอาเป็นว่าการทดสอบอัตราการกินน้ำมันถือว่าล้มเหลวไปครับ
จะมีก็แต่เพียงการอ่านค่าคร่าวๆจาก Monster Gauge ที่ผมใช้อยู่ โดยค่าที่อ่านจะเป็นค่า Real time ต้องขับเท้านิ่งๆแล้วอ่านค่าที่มันนิ่งๆ ผมเลยลองขับ 100 กม./ชม. (ไมล์รถ) แบบเท้านิ่งๆ กับกรองเดิมอ่านค่าได้ 18.14 km/L ส่วนตอนใช้ Fabrix อ่านค่าได้ 18.14 กับ 18.33 สลับกันไปมาสองค่านี้ ซึ่งค่าที่อ่านได้นี้อาจจะไม่ได้ตรงนัก พอดูเป็นเพียงแนวทาง และรถผมไม่มี Cruise Control อาจจะทำให้เกิดความเพี้ยนได้ ตรงนี้ขอยอมรับครับ..
สรุปผลการทดลอง
จากผลการทดลองจะเห็นได้ว่า การใช้กรองอากาศ Fabrix ในงบพันกว่าบาท ทำให้ Performance ของรถเพิ่มขึ้นจริงทั้งแรงม้าที่เพิ่มขึ้นและอัตราเร่งที่ได้ผลดีขึ้นตรงกัน (แรงม้าเพิ่ม 3 ตัวกับอัตราเร่งดีขึ้น 0.33 วินาที แลกกับงบพันกว่าบาท คุ้มค่าหรือไม่ต้องลองงพิจารณาดูครับ) อีกเรื่องคือความคุ้มค่าที่ซื้อครั้งนึงใช้ได้นาน และถ้าคิดถึงราคาในระยะยาวก็ถูกกว่ากรองของศูนย์ครับ ส่วนข้อเสียเดียวที่ผมนึกถึงคือ ต้องถอดออกมาล้าง และพ่นน้ำยาประมาณทุกๆ 10,000 กม. ซึ่งถ้าเป็นกรองอากาศเดิมศูนย์เพียงแค่ถอดออกมาเป่า พอครบ 2 หมื่นโลก็โยนทิ้งเปลี่ยนของใหม่ได้เลยนั่นเองครับ..
สุดท้ายนี้ หากมีสิ่งใดผิดพลาด ข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือมีคำไม่สุภาพ ผมต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ หากมีคำถาม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/