ท้าวความก่อนว่า เมื่อปี 51 เราได้ทำการกู้บ้านกับธนาคารกสิกรและได้ผ่อนชำระมาเรื่อยๆ จนมาภายหลังช่วงปี 55 เราออกจากงานประจำเพื่อมาทำธุรกิจส่วนตัวแล้วมันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย เลยทำให้เราผิดนัดชำระ พูดง่ายๆคือ ขาดส่ง ซึ่งทางธนาคารก็ให้เราไปทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในปี 56 คือผ่อนในจำนวนน้อยลงแต่ยืดระยะเวลาออกไป  หลังจากนั้นเราก็ผ่อนชำระกะทางธนาคารมาตลอดไม่เคยผิดนัดแต่อย่างใด จนเมื่อต้นพ.ย. ปี 60 เราโทรไปขอเอกสารประวัติการชำระย้อนหลัง2ปี ซึ่งก็ได้มาคือ ม.ค ปี 59 ถึง ต.ค. ปี 60  
จนปลายเดือนพ.ย.ปี 60 เราจะเข้าไปชำระหนี้ตามปกติ แต่ทางธนาคารกลับบอกว่า สถานะถูกโอนไปแล้ว  ทางเราก็เลยโทรไปหาเจ้าหน้าที่คนเดิมที่ดูแลว่าเกิดไรขึ้น ทำไมถึงผ่อนชำระไม่ได้  เขาบอกว่า ตอนนี้ทางธนาคารได้ปรับปรุงระบบ อาจเกิดการขัดข้องให้ทางเราเข้าไปชำระเลขที่ใหม่มาให้ โดยอ้างอิงกับเลขที่บัญชีเดิมที่เราเคยจ่าย ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่บอกว่าได้ทำการขายหนี้ไปแล้ว พอเราเห็นใบเสร็จจากการชำระครั้งนั้นบอกว่า ชำระให้ทางธนาคารกสิกรเพื่อโครงการจำหน่ายสินทรัพย์ด้อยคุณซึ่งมันก็แปลกๆในตอนนั้นแล้ว แต่เนื่องจากเราก็เห็นว่าเอกสารอ้างอิงการจ่ายยังคงเป็นชื่อเรา แต่ไม่มียอดคงเหลือเหมือนใบเสร็จอันเก่าๆที่เคยชำระ จากน้นก็ชำระแบบนี้มาตลอด พอเดือนพ.ค.ปี 61 ก็ได้โทรไปหาเจ้าหน้าที่ของกสิกรเพื่อขอเอกสารดูยอดหนี้ที่เหลืออยู่ณ.ปัจจุบัน( คือ ต้องการอยากเห็นยอดคงเหลือเพราะตั้งพ.ย.60 จนถึงปัจจุบัน พ.ค. ปี 61 เราชำระแบบใหม่ที่ว่ามา ในใบเสร็จมันไม่มียอดคงเหลือบอกเลย) กลับบอกเราว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องได้โอนให้บริษัทสินทรัพย์ใหม่เข้ามาดูแล (พูดง่ายๆก็คือขายหนี้แหละ) เรายังไม่หายข้องใจโทรเข้าไปคุยกะทางบริษัทสินทรัพย์ เขาบอกว่าทางธนคารได้โอนข้อมูลของเรามาให้เขาจัดการซึ่งโดยมากเเล้วจะเป็นลูกค้าที่ผิดนัดไม่ชำระตามกำหนด อีกทั้งยังบอกเงื่อนไขเขาคือคิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และไม่มีนโยบายให้ผ่อนต่อเนื่องเป็นระยะยาว พูดง่ายๆคือ ต้องการให้ทางเราหาเงินตามจำนวนที่ค้างอยู่มาปิดบัญชีซะ

เราควรจะทำยังไงดีคะ