สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผมในพันทิปนะครับ
หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
พยายามใช้ภาษาพูดนะครับจะได้เข้าใจง่ายขึ้น
จะเรียกว่ากระทู้ก็คงเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะดูเหมือน
จะเป็นการเขียนเล่าเรื่องระบายความอัดอั้น ในสิ่งที่คนรอบตัว
เค้าไม่ค่อยสนใจที่จะฟังซะมากกว่าครับ เพราะว่าแค่เริ่มเกริ่น
เข้าก็ขี้เกียจจะฟังกันละครับ เพราะมันยาวมาก
เริ่มเลยนะครับ ขอสวัสดีอีกครั้ง ผมเป็นนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ตั้งอยู่ในบริเวณตอนใต้ขงประเทศครับ การใช้ชีวิตก็จะดูเป็นปกติสุขครับ
อาจจะดูมีความสุขกว่าทุกคนด้วยซ้ำ เพราะผมเรียนเกี่ยวกับดนตรี
ก็เลยมีงานร้อง งานเล่น งานพิธีกร งานช่วยสอบวงดนตรีอะไรเข้ามาบ้าง
เราก็สนุกสนานและเต็มที่กับมันตลอด เพราะมันคือส่วหนึ่งของงานและการฝึก
บนเวทีผมคือคนที่เฮฮาที่สุดครับ แต่ . . . ในห้องนอนตอนกลางคืน ผมเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด
ผมร้องไห้ทุกคืนครับ ย้ำเลยครับว่าทุกคืน ไม่ได้ร้องมันนอนไม่หลับครับ
เพราะความสัมพันธ์ที่ผมเป็นอยู่มาตลอดหลายปีนี้ (รวมตอนนี้ก็ 7 ปีละครับ)
ก็เหมือนอย่างหมอเลี้ยงไข้ อะครับ อาการคือ ไม่ยอมให้เราไปไหน จะรักษาเราให้หาย ก็ไม่ จะปล่อยเราตาย ก็ไม่
อธิบายเกี่ยวกับตัวผมก่อนครับ อุปนิสัยส่วนตัวคือเป็นคนยิ้มง่ายครับ เรียกได้ว่าแจกยิ้มไปทั่ว
เป็นคนชอบช่วยเหลือ แต่ช่วยคนรู้จักนะครับ งานสาธารณะไม่ค่อยออก เพราะเป็นคนขี้เกียจ
คำพูดมาอันดับ 1 ครับ พูดอะไรแล้วคือต้องทำ ถ้าไม่ลืม แบบลืมจริงๆ ลืมไปเลยงี้
เป็นคนชอบสังสรรค์ครับ แต่ไม่เมาหัวราน้ำ เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยมา ไม่เคยกินแล้วเมาเลย
ประมาณว่าชอบบรรยากาศการนั่งคุยในวงเหล้าอะครับ เพราะว่าเป็นเวลาที่เราพูดได้ทุกเรื่อง
ชักจะมีแต่น้ำแล้วสิ แหะๆ เอาเป็นว่าประมาณนั้นละกันครับตัวผม ปัญหามันเริ่มมานู้นแหละครับ
ย้อนไปตั้งแต่ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 เรียกได้ว่าช่วงนั้นกำลังเฟี้ยวเลยครับ หญิงไหนผ่านมา
กล้าคุยกล้าหลี เกี้ยวไปเรื่อย ไหลไปได้หมด ช่วงนั้น facebook กำลงบูมแรกๆเลยครับ
เป็นยุคผลัดเปลี่ยนมาจาก hi5 แชทเฟสผมนี่ ล้นมาก ทักสาวๆไปทั่ว คุยไปเรื่อย จีบติดหมด
ถามว่าจริงจรังทุกคนมั้ย ก็ไม่อะครับ แค่จะโชว์เพื่อนๆในกลุ่มว่า เห้ย น้องนี้ พี่นี่ กุคุยอยู่ว่ะ
บังเอิ๊ญ บังเอิญ ไปแอด ผญ คนนึงเข้า จริงๆ ผญ คนนี้เค้าก็อยู่ รร. เดียวกับผมตั้งแต่ ม. ต้นแหละครับ
แต่ด้วยความที่จำนวนห้องเรียนมันมีเยอะมากถึง 10 กว่าห้องเรียน มันก็เลยจะรู้จักกันไม่หมด
อีกทั้งผมอยู่ห้องโครงการวิทย์-คณิต ตอน ม.ต้น (ทุกวันนี้ยังนึกเลย มะก่อนฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ)
ก็จะแยกตัวออกมาจากเพื่อนห้องอื่นหน่อยๆ อาจจะไม่กี่ยวกับห้องหรอก อาจเป็นที่ตัวผมเอง 5555
เข้าเรื่องครับ ออกทะเลอีกแล้ว หลังจากที่ได้แอด ผญ คนนั้นไปก็ตามสเต็ปครับ "ทักจ้าาาา"
ก็ทักไปคุยเหมือน ผญ ทุกคนที่เราทำๆอะครับ แต่คนนี้ไม่ปกติคือ เค้านิ่งครับ เค้าดูมีความเป็นผู้ใหญ่
เราก็ เห้ย ของยากว่ะ ไม่เคยลอง ต้องลองดิ หลังจากนั้นก็ทักไปคุยทุกวันครับ พยายามอ้อนต่างๆนาๆ
สุดท้ายก็กลายเป็นผมที่มีใจให้เค้า ทั้งๆที่แค่จะทักไว้อวดเพื่อนๆเฉยๆ
ช่วง ม.ปลายของผม เลยกลายเป็นการตามจีบ ผญ คนเดียวถึง 3 ปี
มีการเซอร์ไพรซ์วันเกิด ส่งดอกไม้ ทุกเทศกาล บางครั้งถึงขั้นบุกห้องเรียนเค้าที่เรียนอยู่
ขออนุญาตอาจารย์เซอร์ไพรซ์กันเลยทีเดียว (จารย์ก็ทำหน้าประมานว่า ทำไรก็ทำเหอะ 555)
แต่คำตอบของเค้าชัดเจนตลอดครับเพื่อนกัน เพื่อนกัน เพื่อนกัน เพื่อนกัน เวลาหยอดมุกก็ "ไม่เอา ไม่พูดงี้ดิ เพื่อนกัน"
ทุกคนกำลังจินตนาการถึงรักวัยเรียนน่ารักๆ ตามจีบกันใช่หรือเปล่าครับ
แต่ การจีบใน 3 ปีนั้น ไม่ได้ราบลื่นขนาดนั้นครับ เพราะว่า
เค้าชิงมีแฟนไปตั้งแต่ปีแรกละครับ บอกเลยตอนนั้นเฮิร์ทมากๆ
ขนาดที่ว่าแม่ผมที่ปกติจะเห็นผมเป็นคนร่าเริงตลอด ยังสังเกตได้
แม่มาตบบ่าถามว่าเป็นอะไรป่าววะเห้ย ผมตอบไม่เป็นไร แต่น้ำตานี่ไหลท่วมเลยครับ
สรุปคือเค้าชัดเจนในความสัมพันธ์ขอเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว มีแต่ผมเองที่พยายามมาตลอด 1 ปี
จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ ที่ไปมีแฟน ผมก็ดีใจนะ ที่เค้าไปเจอคนที่ดี เพราะว่าผมดูแล้ว
แฟนเค้าก็เป็นคนที่ดีคนนึงเลยแหละ ดูจะมีอนาคตกว่าผมด้วยมั้ง 5555555
ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ ย้อนกลับขึ้นไปอ่าน ผมบอกแล้วว่า ตามจีบ " 3 ปี " ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ
ช่วงที่เค้ามีแฟนแรกๆ ผมหายสาบสูญไปจากชีวิตเค้าเลยครับ กลายเป็นคนเซ็งๆ
เจอหน้าในโรงเรียนผมก็ยิ้มแห้งๆให้ เค้าก็ทำตัวปกติ เพราะเค้าก็ไม่ได้คิดไรแต่แรกอยู่ละ (เวนน)
ตอนนั้นผมยังไม่พร้อมรับใครเลยครับ เพราะยังทำใจไม่ได้ 6 เดือนผ่านไป ผมก็คิดแล้วว่า
ต้องเริ่มใหม่ได้แล้วแหละ เอาเว้ย สู้หน่อย เคยเป็นเสือนะเว้ย จัดไปไอเสือหาเหยื่อสิวะ
ผลปรากฏว่า ผมสูญเสียวิธีการคุยกับ ผญ ไปแล้วครับ เรียกได้ว่าลืมหายไปหมดเลย
เริ่มจากไอ้ "" ทักจ้า " ที่ใช้ประจำๆ ก็คุยอะไรไม่ได้อีกเลย กลายเป็น ผช น่าเบื่อ ที่วันๆเอาแต่
ตื่นๆ กินข้าวยัง ไปไหนป่าว อย่าลืมหาไรกินครับ ฝันดีครับ วน Loop ทุกวัน
ความสัมพันธ์ไม่กระเตื้องครับ ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่เหยื่อ กลายเป็นหญ้าแห้งๆประกอบฉาก
ผมก็คิดว่า เอาไงกับชีวิตดีวะซวยแล้วไง เป็นไรของกุวะเนี่ยย เหมือนฝันร้ายเลยครับ
และแล้วฝันดีก็เข้ามา ผญ คนนั้น ใช่ครับคนที่มีแฟนนั้นแหละ เค้าทักมา
ถามเรื่องการบ้าน ผมก็คิด เอาแล้วไง ชีวิตกุจะเกิดอะไรขึ้นวะหลังจากนี้
แต่ด้วยความที่พื้นฐานเป็นคนชอบช่วยเหลือไงครับ ก็เอาวะ ช่วย
ผมก็ได้กลับไปคุยกับเค้าอีกครั้งนึง ราบลื่นมากครับ
ไม่เจอปัญหาทำตัวน่าเบื่อเลย ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะพัฒนาไวมากด้วย
แต่ผมก็พึงระลึกไว้ตลอด ว่าเค้ามีแฟนแล้ว จะไปแย่งไม่ได้นะเว้ย (แย่งก็คงไม่ได้)
ทีนี้อาการก็เริ่มมาเลยครับ แรกๆก็เริ่มร้องไห้เป็นบางคืน ที่คิดว่า ทำไมวะ
ทำไมคนที่อยู่ตรงนั้น
ไม่เป็นเราวะ เรา
มีอะไรไม่ดีวะ ประมาณนี้ครับ
เวลาเค้าทะเลาะกับแฟน เค้าก็จะมาร้องไห้กับผม ผมก็ได้แต่หน้าชาๆ
ความสัมพันธ์ระยะเวลาปีครึ่งที่เหลือ (3 ปี - 1 ปีจีบ - 6 เดือนห่าง ไม่งงนะครับ)
เรียกง่ายๆคือ ของตายดีๆนี่เองนั้นแหละครับ แต่จริงๆผมว่าในใจเค้า
ไม่ได้คิดว่าผมเป็นของตายหรอก เค้าคงคิดว่าผมเป็นเพื่อนที่โคตรดี
ช่วยเหลือเค้าทุกๆอย่าง เค้าคงไม่อยากให้เพื่อนแบบผมไปไหนหรอกครับ
แต่มองในมุมผม ผมก็รู้สึกว่าผม
คือของตายอยู่ดีอะ ชีวิตเริ่มใหม่กับใครไม่ได้เลย
ต้องร้องไห้ให้กับคนๆเดียวแทบทุกคืน เวลาไปกินเหล้าที เพื่อนมันจะมีประสบการณ์
เกี่ยวกับความรักใหม่ๆ คนใหม่ๆ สุขทุกข์มาเล่ามาแชร์กัน ผมเล่าที ก็มีแต่เรื่องเดิมๆ
สุดท้ายผมก็หันมาพึ่งดนตรีครับ เลยลองหัดเล่นกีตาร์ เพื่อให้มีอะไรทำ
ดึกๆ จะได้ไม่เอาแต่นั่งคิดมาก นั่งร้องไห้อย่างเดียว เล่นไปเล่นมา
รู้สึกชอบครับ เลยศึกษาจริงจรัง กะจะเรียนต่อมหาลัยเลย
เพราะเนื้อหาวิชาการด้านวิทย์คณิต ทิ้งไปกับชื่อเด็กห้องโครงการตั้งนานแล้วครับ แหะๆ
เค้าก็มาชวนว่า เออนี่ มหาลัยที่เราจะไปสอบอะ มันมีเกี่ยวกับดนตรีด้วยแหละ
ไปสอบพร้อมกัน เรียนที่เดียวกันป่าว ผมก็นั่งคิดในใจ ถ้าไปเรียนที่เดียวกันนี่
ชีวิตคงจะไม่มีใครใหม่เข้ามาแล้วแหละ คงจะเป็นของตายร่างอวตารชู้ไปจนวันตายแน่ๆ
ก็เลย อ้างไปว่า พ่อแม่เราคงสู้ค่าเทอมไม่ไหวหรอกมั้ง เธอไปเถอะ เราเรียนในภาคไต้นี่แหละ
(เอาจริงๆ พ่อแม่ส่งไหวอยู่แล้วครับ ถ้าผมจะไป แต่นั้นแหละ เห้ออ...)
เสียใจมากนะครับที่จบ ม.6 จะไม่ได้เจอเค้าแล้ว เพราะเราอยู่ไกลกันมาก
แต่อีกใจก็อยากเริ่มอะไรใหม่ๆบ้าง ตลอด 3 ปี ที่ทั้งแชทเรามีแต่เค้าคนเดียวนี่
มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเยอะมากๆ แต่ในความแข็งแกร่งมันก็มีความเศร้าอยู่
ผมว่า อาการของผมมันเริ่มสะสมมาตั้งแต่ช่วงนี้แหละครับ
ตอนนั้นก็ได้แต่หวังว่า ขึ้นมหาลัยชีวิตมันคงจะดีขึ้นมั้ง
มีต่อพาร์ท 2 นะครับ พาร์ท "มหาลัย"
หนังชีวิต "ของตาย" ปล.ยาวมาก
หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
พยายามใช้ภาษาพูดนะครับจะได้เข้าใจง่ายขึ้น
จะเรียกว่ากระทู้ก็คงเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะดูเหมือน
จะเป็นการเขียนเล่าเรื่องระบายความอัดอั้น ในสิ่งที่คนรอบตัว
เค้าไม่ค่อยสนใจที่จะฟังซะมากกว่าครับ เพราะว่าแค่เริ่มเกริ่น
เข้าก็ขี้เกียจจะฟังกันละครับ เพราะมันยาวมาก
เริ่มเลยนะครับ ขอสวัสดีอีกครั้ง ผมเป็นนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ตั้งอยู่ในบริเวณตอนใต้ขงประเทศครับ การใช้ชีวิตก็จะดูเป็นปกติสุขครับ
อาจจะดูมีความสุขกว่าทุกคนด้วยซ้ำ เพราะผมเรียนเกี่ยวกับดนตรี
ก็เลยมีงานร้อง งานเล่น งานพิธีกร งานช่วยสอบวงดนตรีอะไรเข้ามาบ้าง
เราก็สนุกสนานและเต็มที่กับมันตลอด เพราะมันคือส่วหนึ่งของงานและการฝึก
บนเวทีผมคือคนที่เฮฮาที่สุดครับ แต่ . . . ในห้องนอนตอนกลางคืน ผมเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด
ผมร้องไห้ทุกคืนครับ ย้ำเลยครับว่าทุกคืน ไม่ได้ร้องมันนอนไม่หลับครับ
เพราะความสัมพันธ์ที่ผมเป็นอยู่มาตลอดหลายปีนี้ (รวมตอนนี้ก็ 7 ปีละครับ)
ก็เหมือนอย่างหมอเลี้ยงไข้ อะครับ อาการคือ ไม่ยอมให้เราไปไหน จะรักษาเราให้หาย ก็ไม่ จะปล่อยเราตาย ก็ไม่
อธิบายเกี่ยวกับตัวผมก่อนครับ อุปนิสัยส่วนตัวคือเป็นคนยิ้มง่ายครับ เรียกได้ว่าแจกยิ้มไปทั่ว
เป็นคนชอบช่วยเหลือ แต่ช่วยคนรู้จักนะครับ งานสาธารณะไม่ค่อยออก เพราะเป็นคนขี้เกียจ
คำพูดมาอันดับ 1 ครับ พูดอะไรแล้วคือต้องทำ ถ้าไม่ลืม แบบลืมจริงๆ ลืมไปเลยงี้
เป็นคนชอบสังสรรค์ครับ แต่ไม่เมาหัวราน้ำ เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยมา ไม่เคยกินแล้วเมาเลย
ประมาณว่าชอบบรรยากาศการนั่งคุยในวงเหล้าอะครับ เพราะว่าเป็นเวลาที่เราพูดได้ทุกเรื่อง
ชักจะมีแต่น้ำแล้วสิ แหะๆ เอาเป็นว่าประมาณนั้นละกันครับตัวผม ปัญหามันเริ่มมานู้นแหละครับ
ย้อนไปตั้งแต่ ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 เรียกได้ว่าช่วงนั้นกำลังเฟี้ยวเลยครับ หญิงไหนผ่านมา
กล้าคุยกล้าหลี เกี้ยวไปเรื่อย ไหลไปได้หมด ช่วงนั้น facebook กำลงบูมแรกๆเลยครับ
เป็นยุคผลัดเปลี่ยนมาจาก hi5 แชทเฟสผมนี่ ล้นมาก ทักสาวๆไปทั่ว คุยไปเรื่อย จีบติดหมด
ถามว่าจริงจรังทุกคนมั้ย ก็ไม่อะครับ แค่จะโชว์เพื่อนๆในกลุ่มว่า เห้ย น้องนี้ พี่นี่ กุคุยอยู่ว่ะ
บังเอิ๊ญ บังเอิญ ไปแอด ผญ คนนึงเข้า จริงๆ ผญ คนนี้เค้าก็อยู่ รร. เดียวกับผมตั้งแต่ ม. ต้นแหละครับ
แต่ด้วยความที่จำนวนห้องเรียนมันมีเยอะมากถึง 10 กว่าห้องเรียน มันก็เลยจะรู้จักกันไม่หมด
อีกทั้งผมอยู่ห้องโครงการวิทย์-คณิต ตอน ม.ต้น (ทุกวันนี้ยังนึกเลย มะก่อนฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ)
ก็จะแยกตัวออกมาจากเพื่อนห้องอื่นหน่อยๆ อาจจะไม่กี่ยวกับห้องหรอก อาจเป็นที่ตัวผมเอง 5555
เข้าเรื่องครับ ออกทะเลอีกแล้ว หลังจากที่ได้แอด ผญ คนนั้นไปก็ตามสเต็ปครับ "ทักจ้าาาา"
ก็ทักไปคุยเหมือน ผญ ทุกคนที่เราทำๆอะครับ แต่คนนี้ไม่ปกติคือ เค้านิ่งครับ เค้าดูมีความเป็นผู้ใหญ่
เราก็ เห้ย ของยากว่ะ ไม่เคยลอง ต้องลองดิ หลังจากนั้นก็ทักไปคุยทุกวันครับ พยายามอ้อนต่างๆนาๆ
สุดท้ายก็กลายเป็นผมที่มีใจให้เค้า ทั้งๆที่แค่จะทักไว้อวดเพื่อนๆเฉยๆ
ช่วง ม.ปลายของผม เลยกลายเป็นการตามจีบ ผญ คนเดียวถึง 3 ปี
มีการเซอร์ไพรซ์วันเกิด ส่งดอกไม้ ทุกเทศกาล บางครั้งถึงขั้นบุกห้องเรียนเค้าที่เรียนอยู่
ขออนุญาตอาจารย์เซอร์ไพรซ์กันเลยทีเดียว (จารย์ก็ทำหน้าประมานว่า ทำไรก็ทำเหอะ 555)
แต่คำตอบของเค้าชัดเจนตลอดครับเพื่อนกัน เพื่อนกัน เพื่อนกัน เพื่อนกัน เวลาหยอดมุกก็ "ไม่เอา ไม่พูดงี้ดิ เพื่อนกัน"
ทุกคนกำลังจินตนาการถึงรักวัยเรียนน่ารักๆ ตามจีบกันใช่หรือเปล่าครับ
แต่ การจีบใน 3 ปีนั้น ไม่ได้ราบลื่นขนาดนั้นครับ เพราะว่า
เค้าชิงมีแฟนไปตั้งแต่ปีแรกละครับ บอกเลยตอนนั้นเฮิร์ทมากๆ
ขนาดที่ว่าแม่ผมที่ปกติจะเห็นผมเป็นคนร่าเริงตลอด ยังสังเกตได้
แม่มาตบบ่าถามว่าเป็นอะไรป่าววะเห้ย ผมตอบไม่เป็นไร แต่น้ำตานี่ไหลท่วมเลยครับ
สรุปคือเค้าชัดเจนในความสัมพันธ์ขอเรามาตั้งแต่ต้นแล้ว มีแต่ผมเองที่พยายามมาตลอด 1 ปี
จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ ที่ไปมีแฟน ผมก็ดีใจนะ ที่เค้าไปเจอคนที่ดี เพราะว่าผมดูแล้ว
แฟนเค้าก็เป็นคนที่ดีคนนึงเลยแหละ ดูจะมีอนาคตกว่าผมด้วยมั้ง 5555555
ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับ ย้อนกลับขึ้นไปอ่าน ผมบอกแล้วว่า ตามจีบ " 3 ปี " ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ
ช่วงที่เค้ามีแฟนแรกๆ ผมหายสาบสูญไปจากชีวิตเค้าเลยครับ กลายเป็นคนเซ็งๆ
เจอหน้าในโรงเรียนผมก็ยิ้มแห้งๆให้ เค้าก็ทำตัวปกติ เพราะเค้าก็ไม่ได้คิดไรแต่แรกอยู่ละ (เวนน)
ตอนนั้นผมยังไม่พร้อมรับใครเลยครับ เพราะยังทำใจไม่ได้ 6 เดือนผ่านไป ผมก็คิดแล้วว่า
ต้องเริ่มใหม่ได้แล้วแหละ เอาเว้ย สู้หน่อย เคยเป็นเสือนะเว้ย จัดไปไอเสือหาเหยื่อสิวะ
ผลปรากฏว่า ผมสูญเสียวิธีการคุยกับ ผญ ไปแล้วครับ เรียกได้ว่าลืมหายไปหมดเลย
เริ่มจากไอ้ "" ทักจ้า " ที่ใช้ประจำๆ ก็คุยอะไรไม่ได้อีกเลย กลายเป็น ผช น่าเบื่อ ที่วันๆเอาแต่
ตื่นๆ กินข้าวยัง ไปไหนป่าว อย่าลืมหาไรกินครับ ฝันดีครับ วน Loop ทุกวัน
ความสัมพันธ์ไม่กระเตื้องครับ ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่เหยื่อ กลายเป็นหญ้าแห้งๆประกอบฉาก
ผมก็คิดว่า เอาไงกับชีวิตดีวะซวยแล้วไง เป็นไรของกุวะเนี่ยย เหมือนฝันร้ายเลยครับ
และแล้วฝันดีก็เข้ามา ผญ คนนั้น ใช่ครับคนที่มีแฟนนั้นแหละ เค้าทักมา
ถามเรื่องการบ้าน ผมก็คิด เอาแล้วไง ชีวิตกุจะเกิดอะไรขึ้นวะหลังจากนี้
แต่ด้วยความที่พื้นฐานเป็นคนชอบช่วยเหลือไงครับ ก็เอาวะ ช่วย
ผมก็ได้กลับไปคุยกับเค้าอีกครั้งนึง ราบลื่นมากครับ
ไม่เจอปัญหาทำตัวน่าเบื่อเลย ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะพัฒนาไวมากด้วย
แต่ผมก็พึงระลึกไว้ตลอด ว่าเค้ามีแฟนแล้ว จะไปแย่งไม่ได้นะเว้ย (แย่งก็คงไม่ได้)
ทีนี้อาการก็เริ่มมาเลยครับ แรกๆก็เริ่มร้องไห้เป็นบางคืน ที่คิดว่า ทำไมวะ
ทำไมคนที่อยู่ตรงนั้นไม่เป็นเราวะ เรามีอะไรไม่ดีวะ ประมาณนี้ครับ
เวลาเค้าทะเลาะกับแฟน เค้าก็จะมาร้องไห้กับผม ผมก็ได้แต่หน้าชาๆ
ความสัมพันธ์ระยะเวลาปีครึ่งที่เหลือ (3 ปี - 1 ปีจีบ - 6 เดือนห่าง ไม่งงนะครับ)
เรียกง่ายๆคือ ของตายดีๆนี่เองนั้นแหละครับ แต่จริงๆผมว่าในใจเค้า
ไม่ได้คิดว่าผมเป็นของตายหรอก เค้าคงคิดว่าผมเป็นเพื่อนที่โคตรดี
ช่วยเหลือเค้าทุกๆอย่าง เค้าคงไม่อยากให้เพื่อนแบบผมไปไหนหรอกครับ
แต่มองในมุมผม ผมก็รู้สึกว่าผมคือของตายอยู่ดีอะ ชีวิตเริ่มใหม่กับใครไม่ได้เลย
ต้องร้องไห้ให้กับคนๆเดียวแทบทุกคืน เวลาไปกินเหล้าที เพื่อนมันจะมีประสบการณ์
เกี่ยวกับความรักใหม่ๆ คนใหม่ๆ สุขทุกข์มาเล่ามาแชร์กัน ผมเล่าที ก็มีแต่เรื่องเดิมๆ
สุดท้ายผมก็หันมาพึ่งดนตรีครับ เลยลองหัดเล่นกีตาร์ เพื่อให้มีอะไรทำ
ดึกๆ จะได้ไม่เอาแต่นั่งคิดมาก นั่งร้องไห้อย่างเดียว เล่นไปเล่นมา
รู้สึกชอบครับ เลยศึกษาจริงจรัง กะจะเรียนต่อมหาลัยเลย
เพราะเนื้อหาวิชาการด้านวิทย์คณิต ทิ้งไปกับชื่อเด็กห้องโครงการตั้งนานแล้วครับ แหะๆ
เค้าก็มาชวนว่า เออนี่ มหาลัยที่เราจะไปสอบอะ มันมีเกี่ยวกับดนตรีด้วยแหละ
ไปสอบพร้อมกัน เรียนที่เดียวกันป่าว ผมก็นั่งคิดในใจ ถ้าไปเรียนที่เดียวกันนี่
ชีวิตคงจะไม่มีใครใหม่เข้ามาแล้วแหละ คงจะเป็นของตายร่างอวตารชู้ไปจนวันตายแน่ๆ
ก็เลย อ้างไปว่า พ่อแม่เราคงสู้ค่าเทอมไม่ไหวหรอกมั้ง เธอไปเถอะ เราเรียนในภาคไต้นี่แหละ
(เอาจริงๆ พ่อแม่ส่งไหวอยู่แล้วครับ ถ้าผมจะไป แต่นั้นแหละ เห้ออ...)
เสียใจมากนะครับที่จบ ม.6 จะไม่ได้เจอเค้าแล้ว เพราะเราอยู่ไกลกันมาก
แต่อีกใจก็อยากเริ่มอะไรใหม่ๆบ้าง ตลอด 3 ปี ที่ทั้งแชทเรามีแต่เค้าคนเดียวนี่
มันทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเยอะมากๆ แต่ในความแข็งแกร่งมันก็มีความเศร้าอยู่
ผมว่า อาการของผมมันเริ่มสะสมมาตั้งแต่ช่วงนี้แหละครับ
ตอนนั้นก็ได้แต่หวังว่า ขึ้นมหาลัยชีวิตมันคงจะดีขึ้นมั้ง
มีต่อพาร์ท 2 นะครับ พาร์ท "มหาลัย"