Because love is very beautiful ...

Because love is very beautiful ...

วันนี้รู้สึกแปลกใจกับอารมณ์ของตัวเอง ทั้งๆที่เพิ่งเลิกกับแฟนอย่างเป็นทางการ แต่ไม่มีความโศกเศร้า ไม่ร้องไห้ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะว่าไปก็ไม่ได้โหมงานหนักจนไม่มีเวลา ถ้าถามว่า มีมั้ยช่วงเวลาที่นึกถึง..ตอบเลยว่ามี แต่ไม่ทุกข์ ไม่เศร้า ไม่เจ็บปวด จนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ หรือว่าเราจะเข้าสู่ ช่วง Acceptance แล้ว แต่...มันเกิดขึ้นเร็วไปไหม

จำได้ว่าสมัยเรียน 5 stage of grief คนเราจะต้องผ่าน 4 stageแรกสำเร็จก่อน จึงจะไปถึง stageที่ 5 คือ Acceptance ซึ่งคนส่วนใหญ๋ที่ไปไม่ถึง stage 5 ก็เพราะ ยังวน Loop อยู่ใน 4 stageแรก หรือบางครั้งอาจจะกระโดดข้าม stage กลับไปกลับมาได้

สุดท้ายถึงกับต้องมา search goggle ถึง 5 stage of grief เจอบล็อคนึง กล่าวไว้ดี จนอยากมาแบ่งปัน

"รู้ทันภาวะใจตนกับ The 5 stages of grief"

5 Stages of Grief มีที่มาจากหนังสือเรื่อง “On Death and Dying” ของ Elsabeth Kubler-Ross ที่พูดถึงภาวะของคนที่กำลังจะตาย หรือรับรู้ว่าตัวเองต้องตายแน่ๆแล้ว โดยคุณหมอ Kubler-Ross ได้นำเสนอ Kübler-Ross Model ซึ่งเป็นกระบวนการของมนุษย์ที่จะจัดการกับความโศกเศร้าและความทุกข์ใจอย่างร้ายแรง โดยแรกเริ่มนั้นมุ่งเน้นไปที่ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ไม่มีทางรักษา และกำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย ต่อมา Model นี้จึงกลายมาเป็น 5 Stages of Grief  และถูกนำไปใช้อธิบายในวงกว้างมากขึ้น คือไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้าย แต่ขยายไปถึงการใช้ในการอธิบายผู้ที่สูญเสียของรัก หรือเผชิญความผิดหวังร้ายแรงในช่วงอารมณ์ที่เปราะบางของชีวิต เช่น การตกงาน, การสูญเสียเสรีภาพ เป็นต้น

5 Stages of Grief อธิบายว่าเมื่อคนเราเผชิญความผิดหวัง เผชิญข่าวร้าย ตกอยู่ในความโศกเศร้า จะต้องผ่านช่วงเวลา 5 ช่วง โดยแต่ละช่วงจะใช้เวลาไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับกระบวนการจิตใจของแต่ละคน ช่วงเวลา 5 ช่วงได้แก่

1. Denial (ปฏิเสธ)
ช่วงนี้ คือ ช็อค รับไม่ได้ ปฏิเสธว่าไม่จริง คนที่อยู่ในภาวะนี้ จะพูดประมาณว่า “ไม่จริง” “เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหก” “เป็นแค่ข่าวลวง” “กำลังเล่นมุกอยู่ใช่ไหม” ประมาณนี้ครับ

2. Anger (โกรธ)
ช่วงนี้ คือ โกรธ อารมณ์เห็นใครทำอะไรก็ผิดไปหมด คนที่ติดอยู่ในขั้นนี้นั้นน่ากลัวที่สุด เพราะโกรธได้หมด โกรธได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โทษได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็น เพื่อน หมอ ครอบครัว ไม่เว้นแม้แต่ฟ้าดิน หรือพระเจ้า ส่วนมากญาติคนไข้เวลาผิดหวังกับผลการรักษาและเกิดการด่าทอหมอ ฟ้องร้องหมอเป็นคดีความ ก็เพราะยังติดอยู่ในขั้นนี้เป็นส่วนใหญ่ หรือบางคนทำธุรกิจล้มละลายก็จะโทษเศรษฐกิจ โกรธรัฐบาล ไม่เว้นแม้แต่หุ้นส่วน หรือเพื่อนร่วมงาน พี่ว่าช่วงนี้ที่ล่าแม่มดกันหนักๆ เพราะหลายๆ คนก็ยังติดอยู่ในขั้นนี้เหมือนกัน

3. Bargaining (การต่อรอง)

Bargaining จะเป็นการต่อรองกับตัวเอง โดยมักเป็นการต่อรองกับตัวเองในอดีต ในการต่อรองนั้นจะมีลักษณะว่า ในอดีตตนเองนั้นทำผิดไป อยากย้อนกลับไปแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองในอดีต เช่น
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไปทำสิ่งนี้”
“ถ้าตอนนั้นได้ทำแบบนี้ วันนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“ฉันยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ฝันร้าย”
“ถ้าวันนั้นฉันตัดสินใจไปตรวจ วันนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“ถ้าได้อ่านหนังสือสอบตั้งแต่วันนั้น วันนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้”

4. Depression (เศร้า)
เมื่อพบความจริงว่าเรานั้นย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความเศร้าโศกเสียใจ คนที่อยู่ในขั้นนี้จะมีอาการซึมเศร้า หมดแรง มองโลกในแง่ลบ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ อยากตาย ความเศร้าและความว่างเปล่าจะแทรกซึมอยู่ในอณูของความคิด อย่างไรก็ตาม ระยะเศร้านี้ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเป็นโรคซึมเศร้า เป็นเพียงอาการเศร้าเพราะจิตใจตอบสนองต่อการสูญเสีย และเป็นกระบวนการปกติที่จะเกิดขึ้นในการเยียวยารักษาจิตใจ อย่างไรก็ตามหากคนนั้นไม่สามารถหลุดออกจากช่วงนี้เป็นเวลานานกว่าคนปกติทั่วไป แสดงว่ากระบวนการทางจิตใจเริ่มมีปัญหา หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปก็อาจเป็นโรคทางจิตเวชได้

5. Acceptance (ยอมรับ)
ระยะนี้เป็นระยะที่เราสามารถยอมรับสิ่งเลวร้ายนั้นๆได้แล้ว สามารถยอมรับความจริง พร้อมที่จะเผชิญสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามระยะนี้ไม่ได้หมายความเรา “โอเค” กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หมายความว่าเราสามารถยอมรับสิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้นนั้นได้แล้ว
(ที่มา : www.tobepharmacist.com)


... เมื่อมาทบทวนตนเอง ก็พบว่า  ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เราได้ผ่าน 4 stageแรก แบบกระโดดไปกระโดดมา โดยไม่รู้ตัว

1. Denial (ปฏิเสธ) : อันนี้ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าเกิดขึ้นตอนไหน

2. Anger (โกรธ) : ในช่วงก่อนหน้านี้รู้สึกเลยว่าหงุดหงิดง่าย ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ ใครทำอะไรก็ไม่ดีไปซะหมด โดยเฉพาะคุณอดีตแฟน... ซึ่งนางก็ทักบ่อยมากว่า เป็นอะไรทำไมโมโหง่ายจัง วันนั้นก็ตอบว่า ก็เธอ... อย่างนู้น อย่างนี้ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่ากำลังอยู่ในระยะนี้แน่เลย (ถ้าคุณอดีตแฟนผ่านมา ก็อยากให้รับรู้ว้นะ)

3. Bargaining (การต่อรอง) : สำหรับอันนี้ร็สึกเหมือนจะเกิด  แต่สามารถผ่านไปเร็วมาก ด้วย ประโยคที่ว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปยังจุดเริ่มต้นของปัญหา ยังคิดจะทำแบบเดิมอยู่มั้ย .. แล้วดันตอบตัวเองทันทีว่า ทำเหมือนเดิม และไม่เสียใจกับการกระทำในวันนั้น

4. Depression (เศร้า) : สำหรับระยะนี้ ก็เหมือนจะยังหลงเหลืออยู่เล็กๆน้อยๆ แบบว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากพบเจอผู้คน อยากเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่อยากจะยุ่งกับใคร ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้หนักมากถึง "หมดแรง มองโลกในแง่ลบ เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ อยากตาย" ถามว่ามีโอกาสจะวน Loop กลับมาใน ระยะนี้มั้ย ตอบได้เลยว่ามีแน่นอน แต่จะแก้ไข ป้องกันยังไง ค่อยคิดละกัน

5. Acceptance (ยอมรับ) : วันนี้เป็นวันที่เราทั้งคู่ ยอมรับความจริง และได้บอกเลิกกันอย่างเป็นทางการแล้ว ... ถามว่าเจอกัน โกรธกันมั้ย ตอบเลยไม่โกรธ, เจอกัน คุยกันได้มั้ย ตอบเลย คุยกันได้ แต่วันนี้ขอเลี่ยงไม่คุยก่อนนะ เราตื่นแล้ว จำเป็นต้องลุกขึ้นจากเตียงเสียที (จากเพจหมอตุ๊ด https://www.facebook.com/sissydoctor/posts/1978103639108365)


สำหรับโพสนี้อยากให้กำลังใจกับทุกคนที่ กำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆกัน อยากให้คุณทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น บทเรียนที่ได้รับ สำหรับเรานั้น รักแท้ไม่จำเป็นต้องครอบครอง ถ้าเรายังอยากมีความรักในหัวใจ ก็ไม่จำเป็นต้องลบมัน ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน เก็บความทรงจำดีๆ ไว้ให้นึกถึงอย่างมีความสุข เพราะความรักเป็นสิ่งสวยงาม

You always tell me, I am your happiness.
Now, I think your love is very beautiful.


ปล. ถ้าหาก คุณอดีตแฟน ได้ผ่านมาแถวนี้ ก็อยากให้เขารับรู้ไว้ และอยากให้เขาก้าวมาถึง stage 5 โดยเร็วเช่นกัน

- ฟองฝัน -
17/5/61
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่