“โป๊ป ธนวรรธน์ ผู้ที่ไม่ได้เป็นแค่ดารา
แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน”
วันที่ 10 พ.ค. 61 ที่ผ่านมา
ครูบังเอิญมีเรื่องงานต้องทำที่สยามสแควร์วัน
และประจวบเหมาะกับโป๊ปจะมาเปิดงานที่
สยาม เซ็นเตอร์ พอยท์ ก็เลยคิดว่า
ถ้างานที่มาคุยเสร็จไวก็จะแวะไปดูโป๊ปหน่อย
ใคร ๆ ก็อยากเห็นคนหล่อป่ะ?
คุยงานเสร็จประมาณบ่าย 2
ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง
ก็เลยเดินลงไปดูเวทีที่โป๊ปจะมา
คนเยอะมาก เยอะจริง ๆ เลยคิดว่าจะกลับดีกว่า
อยู่ดีๆก็มีพี่ (น่าจะอายุมากกว่าครู) มาสะกิด
แล้วเรียกว่า มานั่งตรงนี้ด้วยกันค่ะ
ครูก็งงสิคะ ไม่ได้รู้จักอะไรกันมาชวนนั่ง
ก็งงนิดหนึ่งแต่ก็นั่งลงคุยกัน
คุยกันเรื่องโป๊ปแหล่ะ 555
สักพักตาก็เหลือบไปเห็น
คุณยายคนหนึ่ง นั่งเก้าอี้ที่คุณยายเอามาเอง
ก็เลยลองคุยกับคุณยายดู
คุณยายบอกเป็นแฟนคลับโป๊ปมา 5 ปี
แล้วคุณยายก็เล่าเรื่องโป๊ปให้ฟัง
ตาของคุณยายตอนเล่ามันเปล่งประกายมาก
สักพักก็มีผู้หญิงในวัยทำงาน กับ
เด็กสาวคนหนึ่ง น่าจะกำลังเรียนมหาวิทยาลัย
เดินเข้ามาสวัสดีคุณยาย เรียกคุณยายว่าแม่
แล้วก็คุยกันเหมือนญาติไม่ได้เจอกันนาน
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
และเสียมารยาทล่ะ เพราะว่า
มองดูและแอบฟังที่เขาคุยกันอยู่นานมาก
สิ่งแอบฟัง (ไม่ดีเลยที่แอบฟัง)
ได้ยินมาหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่ทำให้ครูประหลาดใจมาก
พวกเขาคุยกันเหมือนญาติสนิท
ที่ไม่ได้เจอกันนาน และคิดถึงกัน
พวกเขามีสิ่งๆหนึ่งเป็นหลักยึด
สิ่งที่เป็นหลักยึดนั้นก็คือ โป๊ป
ตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่ดีล่ะ ก็เลยถอยออกมา
เดินข้ามไปอีกฝั่งของเวที
แล้วก็ได้ไปเจอกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
น้องชื่อน้องมิ้นท์ เป็นนิสิตอยู่
แต่ตอนนี้น้องมาทำงานที่ร้านชาบู
เพราะมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเทอม
น้องแต่งตัวยูนิฟอร์มร้านชาบูมาเลย
คุยกันอยู่พักใหญ่ ได้ความว่า..
น้องชอบโป๊ป เพราะโป๊ปเป็นแรงบันดาลใจ
น้องไม่ค่อยได้ตามโป๊ป
เพราะต้องทำงานส่งตัวเองเรียน
แต่น้องก็ติดตามอ่านข่าวและชอบโป๊ปมาก
น้องมีความฝันอยากเป็นนักออกแบบ
น้องบอกว่าน้องขอผู้จัดการมาพัก
แต่เดี๋ยว 15.00 ต้องกลับไปที่ร้านแล้ว
อยากเห็นโป๊ปสักครั้ง 🙂
น้องชอบมากแต่ไม่เคยเห็นเลย
ถ้าจะให้น้องไปตามก็คงไม่ได้
เพราะว่าน้องมีหน้าที่ที่ต้องทำ
มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ
น้องบอกว่าพี่คอยดูนะ...
อีก 2 ปีหนูเรียนจบ มีงานดีๆทำ
หนูจะเป็นติ่ง ตามพี่เค้าไปทุกที่เลย
ครูถามน้องว่าทำไมน้องถึงชอบขนาดนี้
น้องเล่าให้ฟังว่า
ตอนที่น้องเรียนอยู่ ม.6
คุณพ่อของน้องเสียชีวิต
น้องก็เคว้งๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
คุณแม่ของน้องแต่งงานใหม่อยู่ก่อนแล้ว
น้องก็เลยตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่
พอจบ ม.6 น้องไม่ได้เรียนต่อ
แต่ออกไปทำงานที่ร้านเสริมสวย
น้องทำงานอยู่ 7 เดือน
น้องบอกน้องมีโอกาสได้อ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง
เป็นบทสัมภาษณ์ของโป๊ป
เกี่ยวกับการทำทีมฟุตบอล
แล้วก็เกี่ยวกับอุดมการณ์ของโป๊ป
เอ้ยย...แค่นั้นเองเหรอ
“มันไม่แค่นั้นสำหรับหนูนะพี่”
“มันเปลี่ยนชีวิตหนูเลยนะ”
“หนูไปหาแม่ที่บ้าน บอกแม่ว่าจะเรียนมหาลัย”
“เงินหนูไม่พอ หนูขอให้แม่ช่วย”
“หนูตั้งใจจะกู้ยืมเรียน แต่ก้อนแรกขอให้แม่ช่วย”
ตอนนั้นครูก็งงว่า..เอ้ยยย!!
แค่นิตยสารเล่มเดียว บทสัมภาษณ์บทเดียว
ทำให้คนเปลี่ยนแปลงเลยเหรอ?
แต่ครูก็เก็บเอาความสงสัยไว้ในใจ
เพราะตอนนี้ น้ำเสียงของน้อง
คือเหมือนน้ำเสียงที่พูดถึงคนที่เค้ารักมาก
เทิดทูนมาก...ผู้ที่เปลี่ยนความคิดของเขา
“ตอนนั้นหนูคิดแค่ว่า
ถ้าหนูอยู่แบบนี้ หนูก็จะไม่มีวันชนะ
หนูเลยตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยดีเพื่อ
เปลี่ยนชีวิตตัวเองและหนูก็ทำได้”
น่าคิดทีเดียว!! ศิลปินคนเดียว ดาราคนเดียว
ทำให้เด็กวัยรุ่นเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิดได้
ได้แต่มองกลับมากับภาพที่เห็นในปัจจุบัน
คำว่าเน็ตไอดอลเกลื่อนมาก
ราวกับว่าใครๆก็เป็นเน็ตไอดอลได้...
บางคนไม่ควรถูกเรียกว่าเน็ตไอดอลด้วยซ้ำ
กลับบ้านมาก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
มันเป็นได้ขนาดนี้จริงเหรอชีวิตคน
ที่ดาราจะมีบทบาท ส่งผลทางความคิดได้ขนาดนี้
ทำไมน้องไม่อ่านหนังสือธรรมะ?
น้องอาจจะคิดได้เร็วกว่านี้?
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ
หนังสือธรรมะ วัยรุ่นบางคนก็คงเข้าไม่ถึง
แต่พวกสัมภาษณ์ดารา ลงหนังสือ
นี่น่าอ่านกว่าไหน ๆ
เพราะฉะนั้น..ครูคิดว่า
จะดีแค่ไหนถ้าดาราหันมาเป็นแบบอย่างดีๆ
ให้สังคมอย่างจริงจัง
อาจจะมีอีกหลายสิบคนที่เปลี่ยนชีวิต
เพราะดาราก็เป็นได้..
คุยกับน้องนานมาก เหลือบมองดูนาฬิกา
อีก 10 นาทีจะบ่ายสาม
เลยชวนน้องไปซื้อขาไข่มุกกินกัน
ครูก็ซื้อชาไข่มุกให้น้อง 1 แก้ว
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย..
พอซื้อชาเสร็จ โดนเบียด โดนชน จนติดริมรั้ว
แต่ริวรั้วตรงนั้น ดันเป็นประตูที่โป๊ปจะเดินผ่าน
เลยกลายเป็นว่าได้อยู่ข้างหน้าเลย..
แต่ครูหันมาอีกที น้องมิ้นท์ก็หายไปแล้ว
ครูคิดว่าคงกลับไปทำงาน
เพราะตอนนั้นก็บ่ายสามกว่าแล้ว
ครูก็หวังว่าน้องมิ้นท์จะได้มีโอกาสเจอ
ไอดอลผู้เปลี่ยนชีวิตของน้องมิ้นท์นะคะ
มีโมเมนต์หนึ่งที่ครูรู้สึกประทับใจโป๊ปมาก
คือ ช่วงหลังซุ้มเครื่องเสียง
มันจะมีกลองชุด มีข้าวของเกะกะ ง
มีต้นไม้ใหญ่บังอยู่...(ตามรูปที่ลง)
แต่พอได้ยินเสียงแฟนคลับเรียก
พี่โป๊ปๆๆ เค้าก็ดินรี่เข้าไป...
ข้าวของพวกนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
อีกโมเม้นต์หนึ่งคือเขาเดินผ่าน
เด็กน้อยสามคน เด็กก็ร้องเรียกพี่โป๊ปๆ
แล้วเขาก็เดินกลับมา...หาเด็กทั้งสามคน
มันแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจแฟนคลับมาก
วันนี้โป๊ปสัมภาษณ์บนเวทีประมาณ 30 นาที
แต่ลงมาเดินทักทายแฟนคลับสัก 2 ชั่วโมง
คือเดินวนรอบแผงกั้น เดินเข้าหาแฟนคลับ
จนบางทีการ์ดต้องคอยดึงไว้ ดึงโป๊ปนะ
จนมีคำที่แซวกันในหมู่การ์ดว่า
“พี่ยืนอยู่เฉยๆครับ เดี๋ยวโป๊ปก็มา
เขาจ้างพวกผมมากันตัวเองเขา
ไม่ให้เดินเข้าไปหาแฟนคลับเร็วเกินไปครับ”
วันนี้ครูได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ
ของกลุ่มแฟนคลับของศิลปิน
ก่อนหน้านี้ บางทีเราก็ตัดสินพวกเขาไปแล้ว
ตัดสินด้วยความไม่ยุติธรรม
ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเสียเวลา..
แต่เราไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขามีเหตุผลอะไร
เพราะบางทีเหตุผลของพวกเขา
ก็มากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
แล้วครูได้อะไรจากการมายืนตรงนี้
1.ได้ถ่ายรูปกับโป๊ปสิคะ หล่อมากนะ!!
2.ได้แรงบันดาลใจจากแฟนคลับเพื่อเอามาเขียนหนังสือ เขียนบทความ
3.ได้เปิดใจที่จะเรียนรู้ติ่ง ดารา ให้มากขึ้น
4.ได้มิติใหม่ทางความคิดว่า
นอกจากครูจะสร้างคนแล้ว
คือดาราก็สร้างคนผ่านแรงบันดาลใจได้ด้วยเช่นกัน!!
ครูเปรมปรีดิ์
12 พ.ค. 61
22.37 น.
วันนี้เขียนยาวมาก ใครอ่านจบคือเก่ง
เขียนไว้เตือนความจำตัวเองเฉยๆ 🙂
ต่อไปนี้ให้เรียกครูเปรมปรีดิ์ว่า
“ติ่งพี่โป๊ป” 555+
Cr:
https://www.facebook.com/prempree.s/posts/1916174271747112
โป๊ป ธนวรรธน์ ผู้ที่ไม่ได้เป็นแค่ดารา แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน
“โป๊ป ธนวรรธน์ ผู้ที่ไม่ได้เป็นแค่ดารา
แต่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน”
วันที่ 10 พ.ค. 61 ที่ผ่านมา
ครูบังเอิญมีเรื่องงานต้องทำที่สยามสแควร์วัน
และประจวบเหมาะกับโป๊ปจะมาเปิดงานที่
สยาม เซ็นเตอร์ พอยท์ ก็เลยคิดว่า
ถ้างานที่มาคุยเสร็จไวก็จะแวะไปดูโป๊ปหน่อย
ใคร ๆ ก็อยากเห็นคนหล่อป่ะ?
คุยงานเสร็จประมาณบ่าย 2
ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง
ก็เลยเดินลงไปดูเวทีที่โป๊ปจะมา
คนเยอะมาก เยอะจริง ๆ เลยคิดว่าจะกลับดีกว่า
อยู่ดีๆก็มีพี่ (น่าจะอายุมากกว่าครู) มาสะกิด
แล้วเรียกว่า มานั่งตรงนี้ด้วยกันค่ะ
ครูก็งงสิคะ ไม่ได้รู้จักอะไรกันมาชวนนั่ง
ก็งงนิดหนึ่งแต่ก็นั่งลงคุยกัน
คุยกันเรื่องโป๊ปแหล่ะ 555
สักพักตาก็เหลือบไปเห็น
คุณยายคนหนึ่ง นั่งเก้าอี้ที่คุณยายเอามาเอง
ก็เลยลองคุยกับคุณยายดู
คุณยายบอกเป็นแฟนคลับโป๊ปมา 5 ปี
แล้วคุณยายก็เล่าเรื่องโป๊ปให้ฟัง
ตาของคุณยายตอนเล่ามันเปล่งประกายมาก
สักพักก็มีผู้หญิงในวัยทำงาน กับ
เด็กสาวคนหนึ่ง น่าจะกำลังเรียนมหาวิทยาลัย
เดินเข้ามาสวัสดีคุณยาย เรียกคุณยายว่าแม่
แล้วก็คุยกันเหมือนญาติไม่ได้เจอกันนาน
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
และเสียมารยาทล่ะ เพราะว่า
มองดูและแอบฟังที่เขาคุยกันอยู่นานมาก
สิ่งแอบฟัง (ไม่ดีเลยที่แอบฟัง)
ได้ยินมาหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่ทำให้ครูประหลาดใจมาก
พวกเขาคุยกันเหมือนญาติสนิท
ที่ไม่ได้เจอกันนาน และคิดถึงกัน
พวกเขามีสิ่งๆหนึ่งเป็นหลักยึด
สิ่งที่เป็นหลักยึดนั้นก็คือ โป๊ป
ตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่ดีล่ะ ก็เลยถอยออกมา
เดินข้ามไปอีกฝั่งของเวที
แล้วก็ได้ไปเจอกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
น้องชื่อน้องมิ้นท์ เป็นนิสิตอยู่
แต่ตอนนี้น้องมาทำงานที่ร้านชาบู
เพราะมหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเทอม
น้องแต่งตัวยูนิฟอร์มร้านชาบูมาเลย
คุยกันอยู่พักใหญ่ ได้ความว่า..
น้องชอบโป๊ป เพราะโป๊ปเป็นแรงบันดาลใจ
น้องไม่ค่อยได้ตามโป๊ป
เพราะต้องทำงานส่งตัวเองเรียน
แต่น้องก็ติดตามอ่านข่าวและชอบโป๊ปมาก
น้องมีความฝันอยากเป็นนักออกแบบ
น้องบอกว่าน้องขอผู้จัดการมาพัก
แต่เดี๋ยว 15.00 ต้องกลับไปที่ร้านแล้ว
อยากเห็นโป๊ปสักครั้ง 🙂
น้องชอบมากแต่ไม่เคยเห็นเลย
ถ้าจะให้น้องไปตามก็คงไม่ได้
เพราะว่าน้องมีหน้าที่ที่ต้องทำ
มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ
น้องบอกว่าพี่คอยดูนะ...
อีก 2 ปีหนูเรียนจบ มีงานดีๆทำ
หนูจะเป็นติ่ง ตามพี่เค้าไปทุกที่เลย
ครูถามน้องว่าทำไมน้องถึงชอบขนาดนี้
น้องเล่าให้ฟังว่า
ตอนที่น้องเรียนอยู่ ม.6
คุณพ่อของน้องเสียชีวิต
น้องก็เคว้งๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี
คุณแม่ของน้องแต่งงานใหม่อยู่ก่อนแล้ว
น้องก็เลยตัดสินใจไม่ไปอยู่กับแม่
พอจบ ม.6 น้องไม่ได้เรียนต่อ
แต่ออกไปทำงานที่ร้านเสริมสวย
น้องทำงานอยู่ 7 เดือน
น้องบอกน้องมีโอกาสได้อ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง
เป็นบทสัมภาษณ์ของโป๊ป
เกี่ยวกับการทำทีมฟุตบอล
แล้วก็เกี่ยวกับอุดมการณ์ของโป๊ป
เอ้ยย...แค่นั้นเองเหรอ
“มันไม่แค่นั้นสำหรับหนูนะพี่”
“มันเปลี่ยนชีวิตหนูเลยนะ”
“หนูไปหาแม่ที่บ้าน บอกแม่ว่าจะเรียนมหาลัย”
“เงินหนูไม่พอ หนูขอให้แม่ช่วย”
“หนูตั้งใจจะกู้ยืมเรียน แต่ก้อนแรกขอให้แม่ช่วย”
ตอนนั้นครูก็งงว่า..เอ้ยยย!!
แค่นิตยสารเล่มเดียว บทสัมภาษณ์บทเดียว
ทำให้คนเปลี่ยนแปลงเลยเหรอ?
แต่ครูก็เก็บเอาความสงสัยไว้ในใจ
เพราะตอนนี้ น้ำเสียงของน้อง
คือเหมือนน้ำเสียงที่พูดถึงคนที่เค้ารักมาก
เทิดทูนมาก...ผู้ที่เปลี่ยนความคิดของเขา
“ตอนนั้นหนูคิดแค่ว่า
ถ้าหนูอยู่แบบนี้ หนูก็จะไม่มีวันชนะ
หนูเลยตั้งใจจะเข้ามหาวิทยาลัยดีเพื่อ
เปลี่ยนชีวิตตัวเองและหนูก็ทำได้”
น่าคิดทีเดียว!! ศิลปินคนเดียว ดาราคนเดียว
ทำให้เด็กวัยรุ่นเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิดได้
ได้แต่มองกลับมากับภาพที่เห็นในปัจจุบัน
คำว่าเน็ตไอดอลเกลื่อนมาก
ราวกับว่าใครๆก็เป็นเน็ตไอดอลได้...
บางคนไม่ควรถูกเรียกว่าเน็ตไอดอลด้วยซ้ำ
กลับบ้านมาก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
มันเป็นได้ขนาดนี้จริงเหรอชีวิตคน
ที่ดาราจะมีบทบาท ส่งผลทางความคิดได้ขนาดนี้
ทำไมน้องไม่อ่านหนังสือธรรมะ?
น้องอาจจะคิดได้เร็วกว่านี้?
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ
หนังสือธรรมะ วัยรุ่นบางคนก็คงเข้าไม่ถึง
แต่พวกสัมภาษณ์ดารา ลงหนังสือ
นี่น่าอ่านกว่าไหน ๆ
เพราะฉะนั้น..ครูคิดว่า
จะดีแค่ไหนถ้าดาราหันมาเป็นแบบอย่างดีๆ
ให้สังคมอย่างจริงจัง
อาจจะมีอีกหลายสิบคนที่เปลี่ยนชีวิต
เพราะดาราก็เป็นได้..
คุยกับน้องนานมาก เหลือบมองดูนาฬิกา
อีก 10 นาทีจะบ่ายสาม
เลยชวนน้องไปซื้อขาไข่มุกกินกัน
ครูก็ซื้อชาไข่มุกให้น้อง 1 แก้ว
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย..
พอซื้อชาเสร็จ โดนเบียด โดนชน จนติดริมรั้ว
แต่ริวรั้วตรงนั้น ดันเป็นประตูที่โป๊ปจะเดินผ่าน
เลยกลายเป็นว่าได้อยู่ข้างหน้าเลย..
แต่ครูหันมาอีกที น้องมิ้นท์ก็หายไปแล้ว
ครูคิดว่าคงกลับไปทำงาน
เพราะตอนนั้นก็บ่ายสามกว่าแล้ว
ครูก็หวังว่าน้องมิ้นท์จะได้มีโอกาสเจอ
ไอดอลผู้เปลี่ยนชีวิตของน้องมิ้นท์นะคะ
มีโมเมนต์หนึ่งที่ครูรู้สึกประทับใจโป๊ปมาก
คือ ช่วงหลังซุ้มเครื่องเสียง
มันจะมีกลองชุด มีข้าวของเกะกะ ง
มีต้นไม้ใหญ่บังอยู่...(ตามรูปที่ลง)
แต่พอได้ยินเสียงแฟนคลับเรียก
พี่โป๊ปๆๆ เค้าก็ดินรี่เข้าไป...
ข้าวของพวกนั้น ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
อีกโมเม้นต์หนึ่งคือเขาเดินผ่าน
เด็กน้อยสามคน เด็กก็ร้องเรียกพี่โป๊ปๆ
แล้วเขาก็เดินกลับมา...หาเด็กทั้งสามคน
มันแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจแฟนคลับมาก
วันนี้โป๊ปสัมภาษณ์บนเวทีประมาณ 30 นาที
แต่ลงมาเดินทักทายแฟนคลับสัก 2 ชั่วโมง
คือเดินวนรอบแผงกั้น เดินเข้าหาแฟนคลับ
จนบางทีการ์ดต้องคอยดึงไว้ ดึงโป๊ปนะ
จนมีคำที่แซวกันในหมู่การ์ดว่า
“พี่ยืนอยู่เฉยๆครับ เดี๋ยวโป๊ปก็มา
เขาจ้างพวกผมมากันตัวเองเขา
ไม่ให้เดินเข้าไปหาแฟนคลับเร็วเกินไปครับ”
วันนี้ครูได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ
ของกลุ่มแฟนคลับของศิลปิน
ก่อนหน้านี้ บางทีเราก็ตัดสินพวกเขาไปแล้ว
ตัดสินด้วยความไม่ยุติธรรม
ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเสียเวลา..
แต่เราไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขามีเหตุผลอะไร
เพราะบางทีเหตุผลของพวกเขา
ก็มากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
แล้วครูได้อะไรจากการมายืนตรงนี้
1.ได้ถ่ายรูปกับโป๊ปสิคะ หล่อมากนะ!!
2.ได้แรงบันดาลใจจากแฟนคลับเพื่อเอามาเขียนหนังสือ เขียนบทความ
3.ได้เปิดใจที่จะเรียนรู้ติ่ง ดารา ให้มากขึ้น
4.ได้มิติใหม่ทางความคิดว่า
นอกจากครูจะสร้างคนแล้ว
คือดาราก็สร้างคนผ่านแรงบันดาลใจได้ด้วยเช่นกัน!!
ครูเปรมปรีดิ์
12 พ.ค. 61
22.37 น.
วันนี้เขียนยาวมาก ใครอ่านจบคือเก่ง
เขียนไว้เตือนความจำตัวเองเฉยๆ 🙂
ต่อไปนี้ให้เรียกครูเปรมปรีดิ์ว่า
“ติ่งพี่โป๊ป” 555+
Cr: https://www.facebook.com/prempree.s/posts/1916174271747112