น้องพี่ที่รัก กับเรื่อง การไม่พูดความจริงต่อกัน (มี spoil)

จะไม่ขอพูดถึงด้านคุณภาพของหนังแล้วกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆในหนังคือ สิ่งที่ทำให้เราซึ้งในหนัง ไม่ใช่ความรักของญาญ่า กับ นิชคุณ แต่เป็นคู่พี่น้อง ญาญ่า กับ ซันนี่ ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ที่หนังไทยจะเอาประเด็นพี่น้องมาเล่น และขยี้ได้ดีแบบในเรื่องนี้



ดูๆไปแล้ว มันทำให้นึกถึงหนังเรื่อง WONDER เมื่อปีที่แล้ว พี่น้องเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกับในหนังเรื่องน้องพี่ที่รัก นั่นก็คือ "การซ่อนความรู้สึกจริงๆ" เอาไว้ เมื่ออาศัยอยู่เป็นครอบครัวด้วยกัน นอกจากความรักที่ทำให้อยู่ด้วยกันแล้ว ความเข้าใจ และความจริงใจก็เป็นสิ่งจำเป็น และหากวันใดก็ตาม ที่เราไม่แสดงความจริงใจให้ต่อกัน เราก็จะเห็นปัญหาแบบในหนังมาตลอด



อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนโตมาแล้วมีพฤติกรรมแบบนี้ คือคุณแม่ในตอนเด็กๆ แม้ปากจะบอกและในใจจะบอกว่ารักพี่รักน้องเท่าๆกัน แต่การกระทำนั้นผลักดันให้ซันนี่คิดตลอดว่า แม่นั้นรักน้องมากกว่า ทั้งจากการเรียนที่ดีกว่า นิสัยที่เป็นค่อนข้างเด็กดีกว่า (นิสัยแบบนี้คนเป็นผู้ใหญ่จะชอบ) รวมถึงความสามารถรอบด้าน ยิ่งทำให้กดความรู้สึกด้อยกว่าของซันนี่ไว้ลึกๆขึ้นไปเรื่อยๆ ตอกย้ำซันนี่ด้านความล้มเหลวในการเป็นพี่ชายในอุดมคติของญาญ่า แต่ด้วยความคิดและนิสัยของซันนี่ กลับเลือกแสดงออกด้วยท่าทางที่ก้าวร้าว และไม่สนใจใคร เพื่อปิดซ่อนความรู้สึกจริงๆไว้ในใจมาตลอด แม้จะรักน้องมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา ยิ่งโดนน้องดุด่าว่าสารพัด มาเห็นน้องโอนชื่อบ้านให้ น้องหางานใหม่ให้ ยิ่งทำให้ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีคูณทำให้ซันนี่หลงนึกไปว่าน้องนั้นเห็นตนเป็นพี่ที่แย่ขนาดไหน



กลับกัน ในมุมมองของญาญ่า แม้หนังจะรวบรวมความดีงามทั้งหมดไปไว้ที่เธอคนเดียว ในด้านความเป็น Perfection Working Lady เธอกลับมีแง่มุมที่เป็นเด็ก และมีมุมอ่อนโยนและความเป็นห่วงเป็นใยให้กับพี่ชายอยู่เสมอ แต่ในเมื่อไม่แสดงความจริงใจออกมาให้กันว่ารักมากแค่ไหน ญาญ่าอนุมานเอาเองว่าการทำงานบ้าน การผ่อนบ้านเยอะกว่า การเก็บกวาดทุกสิ่งอย่างที่พี่ชายทำเละเทะไว้ โดยไม่เคยปริปากบ่นซักคำ ทำให้ญาญ่าเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำนั้นคือการแสดงให้เห็นความรักของตนที่มีต่อพี่ชายมาตลอด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นกัดกินจิตใจของซันนี่ทีละน้อยๆ จนมาแตกหักในงานแต่งงานนั่นเอง คำพูดของซันนี่ที่พูดถึงซองงานแต่งงานว่า "ทำมาเกินสิท่า ??" ญาญ่าอาจจะไม่นึกถึงว่ามีความน้อยใจ และเสียใจปนอยู่ด้วย



การมาของนิชคุณ ยิ่งทำให้ซันนี่รู้สึกตัวไวขึ้นว่าถึงเวลาที่ตนต้องอยู่คนเดียวแล้ว การรั้งญาญ่าไว้นอกจากความเป็นห่วงแล้ว ยังมีความหวาดกลัวการอยู่คนเดียวของซันนี่ซ่อนอยู่ลึกๆอีกด้วยว่าจะไม่ไหวในการอยู่คนเดียว ทำกับข้าว และทำความสะอาด แต่หากคิดดีๆแล้ว เรากลับคิดว่าน่าจะหนักไปทางเป็นห่วงมากกว่า แต่ในเมื่อสร้างตัวตนเป็นคนปากหมาและปากแข็งมาตั้งนานแล้ว การเป็นห่วงของซันนี่กลับไปทำให้ญาญ่ารู้สึกว่า ซันนี่แค่เหนี่ยวรั้งไว้ เพราะความเห็นแก่ตัวเท่านั้น ก่อนที่ภายหลังญาญ่าจะสารภาพเองว่าสิ่งที่ซันนี่พูดนั้นจริงเกือบทั้งหมดเลย




ฉากตอนจบที่ซันนี่บอกลูกชายคนโตของญาญ่า "เราเป็นพี่ชายแล้ว รักน้องให้มากๆนะ" นอกจากจะเป็นคำบอกกล่าวไปยังผู้ชายอีกคนแล้ว ยังเป็นการบอกรักญาญ่าในทางอ้อมอีกด้วย หลังความล้มเหลวประทังเข้ามาจนเกินจะแบกรับ แต่ด้วยความเป็นพี่ชาย ไม่อาจทนรับความช่วยเหลือของน้องสาวไปได้ตลอด ซันนี่เลือกที่จะตีห่างจากครอบครัวตัวเองเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดอดีตน้องฝึกงาน (ลืมชื่อ) เป็นคนเตือนสติให้ไปหาน้องสาวตัวเองบ้าง เพราะแม้จะโกรธยังไงก็ตาม ความเป็นพี่น้องมันไม่ใช่อะไรที่จะเลิกเป็นได้แบบแฟน หรือสามี-ภรรยาอยู่แล้ว ดังนั้นคำพูดของซันนี่และการร้องไห้ในตอนจบ อาจจะมาจากความอัดอั้นในด้านพี่ชายที่ล้มเหลว ไม่อาจเป็นตัวอย่างให้น้องได้ ไม่อาจเป็นที่พึ่งพาให้น้องได้ และที่สำคัญที่สุด ไม่เคยแสดงออกแบบจริงใจต่อกันเลยวว่าตนและน้องสาวนั้น "รักกัน" มาเสมอ

คิดว่านี่คือหนังที่หลายคนอาจจะพาแฟนไปดู หรือพาเพื่อนๆไปดู แต่ถ้าพูดจริงๆ นี่คือหนังที่คนมีพี่น้องควรพาไปดูอย่างยิ่ง เราจะเห็นว่าพี่น้องอยู่ด้วยกันก็ต้องมีทะเลาะกัน มีโกรธกัน มีงอนกันบ้างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่หากมองไปถึงความคิดจริง และความจริงใจที่มีต่อกันแล้ว ความเป็นพี่น้องมันมีอะไรมากกว่าทางสายเลือดเสมอ ไปดูกันเถอะครับ หนังไทยดีๆแบบนี้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่