สวัสดีคับทุกคนที่เข้ามาอ่าน เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เจอขึ้นกับตัวผมโดยตรง ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มม
เรื่องมันก็นมีอยู่ว่า สมัยเราเป็นเด็กๆคือเราเป็นเด็กที่พ่อแม่เลี้ยงมาด้วยเงิน แต่มันมีมากกว่านั้นคือเราเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านเรามีพี่สาว 3 คน แต่เราก็รู้สึกว่าทำไมเราถูกเลี้ยงมาเหมือนลูกผู้หญิงมาก แต่ตั้งแต่เรื่องการจัดห้องนอนก็สีชมพู่ละ แถมยังมีแต่ตุ๊กตาที่เป็นของผู้หญิงสะส่วนมากเราเลยมีความเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทุกอย่างที่ผู้หญิงเล่นเราเล่นอะไรที่ผู้ชายเล่นเราไม่เล่น แล้วกลัวอะไรไปเลื่อย เห็นมดยังกลัวเลย55555 แต่ความที่เราถูกเลี้ยงมาแบบนี้เลยทำให้เรากายเป้นคนที่มีจิตที่อ่อนกว่าผู้ชาย อะไรนิดหน่อยก็ตกใจไปหมด แต่สิ่งที่กลัวมากคือผีกับความมืดมากเพราะมันดูเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวอ่ะ แต่เราก็อยู่กับความกลัวมาจนโตมาเลื่อยๆ จนมันมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เรื่องที่เจอมันมีอยู่2เรื่องที่มันไม่เคยลืมเลยย
ช่วงนั้นมันเป็นช่วงมัธยมต้น คือรร.เรามันจะมีเรียนพิเศษตอนเลิกเรียนและเลิก2ทุ่มกว่า แต่มีเพื่อนเรียนน่ะ พอเลิกเรียนเรากับเพื่อนก็จะมายืมรอรถโดยสารเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่คือประเด็นเรากับเพื่อน บ้านเราเป็นหมู่บ้าน และหมู่บ้านของเราไกลกันประมาณ500เมตร แต่จะถึงบ้านเพื่อนเราก่อน แต่คืนนั้นเรากับเพื่อนยืนรอรถจนถึง 3ทุ่ม รถก็มา แต่บนรถมันมีแค่เรา2คนกับเพื่อน แต่เราก็ไม่สงสัยอะไร เพราะก้คิดว่ามันดึกแล้วคงไม่มีใครมาขึ้รถหรอก เรา2คนก็ขึ้นรถจนถึงปากซอยบ้านของเพื่อนเราก็บอกลากันเสร็จ คือตอนนั้นเราก็อยู่บนรถคนเดียว เราเลยตะโกนไปว่าพี่ๆๆ ผมขอลงตรงนี้ ได้ไหม แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือคความเงียบสงบ และก็จอดรถ เราคิดในใจว่าพี่แกก็คงจะได้ยินเราอยู่ พอเราลง รถเสร็จ ก็เลยไปมองที่นั่งคนขับ แต่มันเห้นแค่มือเราเลยคิดว่า มันก็ดึกเเล้วมั่ง ตาลาย555คิดแค่นี้ แต่สิ่งที่เห็นต่อไปนี้คือมันทำให้เราลืมไม่ลงเลย เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ อาทิตย์1 มันมีเหตุการณ์เด็กม.ต้นรร.ชื่อดัง มาผูกคอตายที่สะพานลอยหน้าหมู่บ้านเรา เวลานั้นมันเป็นเวลาเที่ยงคืน เป็นเวลาที่มันไม่มีรถซักคัน มันเลยไม่มีใครเห็นศพของเด็กคนนั้นแต่ที่มันทำให้คนแถวนั้นกลัวเพราะว่าเด็กคนนี้เขาเอาเชือกมัดกับเหล็กที่อยู่บนสะพานลอยแล้วผูกคอตัวเองแล้วทิ่งตัวเองลง มันเลยทำให้เด็กคนนี้ ตายทันที่ แต่สิ่งนั้นมันทำให้คนที่เขาต้องไปตลาดแต่เช้าไปทำงาน ผ่านมาเห้นศพของเด็กคนนี้ที่มันเหมือนกับลูกมะม่วงที่อยู่บนต้นไม้ และมีเลือดที่ออกจากปาก หู ตา มันไหลตกลงถนนด้านล่างคือภาพที่เห็นมันสยองมากๆ
กลับมาตอนที่เราลงรถ แต่สิ่งที่เราคิดเราคิดถึงภาพที่มีคนในหมู่บ้านถ่ายไว้เเล้วเอามาให้ดูมันติดตา แต่ที่แย่กว่านั้นคือที่รถจอดมันคือด้านหลังของสะพานลอยนั้นเอง คือเราคิดว่าถ้าเราเดินไปก็ขอให้ไม่คิดไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะเราเป็นคนที่กลัวความมืดกับผีอยู่แล้ว และเวลาตอนนั้นคือ4ทุ่มครึ่งเป็นเวลาที่ไม่มีรถแล้วว แต่เราก็ต้องตั้งใจเพื่อที่จะเดินไปต่อ จนเรารู้สึกเหมือนเราเดินมาไกลพอที่จะหันกลับไปดูสะพานละ แต่พอเราหันไป.......มันก็ไกลจิงๆละ แต่สิ่งที่เราเห็นคือเด็กผ็หญิงใส่ชุดนร.นั่งคุกเข่าอยู่บนสะพานลอย แต่เด็กหันหลังในเราน่ะคือต่างคนต่างหันหลัง แต่พอเราหัน เด็กคนนั้นก็หันกลับมา พร้อมรอยยิ้มที่เด็กคนนนี้ยิ้มด้วยความน่ารักแต่คือเห็นแค่รอยยิ้มเพราะผมเด็กคนนี้มันยาวจนถึงจมูก และเห็นแค่ปาก แล้วเราก็ตั้งสติได้ ก้วิ่งแบบไม่สนหมาที่เห่าอยู่ข้างทาง เพราะมันรู้สึกเหมือนเด็กคนนี้เขากำลังที่จะลุกและตามเรามา แต่เราวิ่งจนถึงหน้าหมู่บ้าน และเห้นแม่ที่กำลังมาถาม รปพ.ว่าเห็นเรากลับมายัง เราเห้นแม่ก็เลยเรียกแม่ทั้งน้ำตา แม่เห้นแม่เลยถามว่าเป็นอะไร มันมีเรื่องอะไร แล้วทำไมต้องวิ่ง ทำไมไม่ให้แม่ไปรับ แต่สิ่งที่เราตอบแม่ไปคือ แม่หนูกลัว หนูกลัว แม่เลยกอดและบอกว่า แม่ขอโทษแต่สิ่งที่เราเข้าใจคือเราไม่ได้โกดแม่แต่เรากลัวผี
ตั้งแต่วันนั้นเราเลยไม่กล้าที่จะไปไหนคนเดียวตอนกลางคืนอีกเลยยย
เรื่องต่อไป เป้นเรื่องที่อยู่ในช่วงที่กำลังจะขึ้นม.6 คือตอนนั้นเราได้มีการย้ายรร.ย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัดเพราะมันเป้นเรื่องของผู้ใหณ่ที่เราก็ยังไม่รู้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราต้องมานั่งสงสัย แต่สิ่งที่เกิดคือ เราเริ่มโตและก้ชอบเที่ยวมากๆๆ เรากับเพื่อนใหม่ที่เราเรียนด้วยกันเราก็นัดกันไปติวที่ขก. เพราะตอนนั้นคิดส่าถ้าเราตั้งใจเรียนเราจะเข้า มอขอ ให้ได้ค่อยดู แต่สิ่งที่เราเจอคือตอนนั้นมันเปฦ้นตอนที่เราไปติวที่ขก.เป็นเวลา1เดือนเราก็ไปเช่าหออยู่กับเพื่อน หลายคน เราก็ทั้งติวทั้งเล่น ทั้งเที่ยวตามภาษาวัยรุ่น พอมันมีอยู่วันหนึ่งคือเราเป้นคนสายตาสั้น แต่เป็นวันแรกที่เราลืมใส่แว่นเพราะติวเสร็จกลับหอก็ปวดตาเลยถอดออก และหาไม่เจอ และมันมีเพื่อนกลุ่มนึงคือนางจะไปเที่ยวผับแต่เราจะนอนอยู่ห้องเราบอกเพื่อนว่า ๆ กูขอเอารถไว้น่ะเพื่อกูจะไปกินโน้นนี้ เลยเป็นคนไปส่งเพื่อนกลุ่มนั้นเอง คือเราอัด4ไป เราตอนเเรกเราก็เป็นคนขับไปส่งเพื่อน ประเด้นคือผับนี้มันอยู่หลังมอ เลยต้องขับผ่านสถานที่ที่มันมีประวัติ เยอะมากแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะง่วงนอนมากๆ ก็ขับไปจนถึงเลยส่งและก็บอกเพื่อนว่า กลับเองน่ะ เราก็พยายามขับรถกลับหอเองเพราะ มันไม่มีไฟข้างทางเลยแต่ที่เรามาเรามีเพื่อนนคอยบอกทางแต่เรากลับคนเดียวมันไม่มีใครมาบอกทางเราแล้ว เลยต้องตั้งใจกลับการขับรถมากก พอเรามันถึงที่ ตึก9 หลัง ที่มันมีประวัติเล่ากันมาแบบ เยอะมาก แต่เรารุ้แค่ว่าเราดูไม่เห็นหรอกว่ามันคือตึกอะไร แต่พอเห็นนิดๆ ละข้างทางมันมีกล่องเหมือนที่เอาไว้คนนั่งรอรถเมล์ ประมาณนั้น ละตรงข้ามกล่องมันมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง แต่มันมีน้องคนหนึ่งที่ยืมก้มหน้าอยู่แต่ไม่รู้นะว่าเป็นน้องหรือพี่ แต่ดูจากลักษณะเหมือนน้อง เลยจอดรอ นึกว่าน้องจะข้ามถนน เลยจอดเพราะถ้าเราขับรถไปละน้องเดินตัดหน้ามันจะไม่โอเค เพราะเราก็สายตาไม่ดีด้วย เลยรอน้องเดินไป แต่น้องไม่เดิน ไอเรา ก็เริ่มโมโหละ เลยขยี้ตาและพูดไปว่า จะเดินก็เดินเถิะกูลำคาน เราเลยตัดสิ้นใจขับไปต่อแต่ทันใดนั้น น้องคนนี้เขา โคงตัวลงพื้นถนนแบบเหมือนท่าเหมือนเดินอะ แต่ขาแขน น้องมันตึงเหมือนท่าโก้งโค้ง และน้องก็หันหน้ามาแล้ววิ่งด้วยท่าทางนั้นมาชนเต็มล้อหน้ารถแบบจังๆ รถเลยล้มแต่ที่ไม่ทันคิดคือ กุญแจรถหายไปไหนอะ
ประเด็นเราสายตาสั้นเลยต้องที่จะคำ หากุญแจที่พื้นถนน พอผ่านไปประมาณ2นาที ก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งขับรถผ่านมาเลยจอดถามเราว่าน้องเป้นอะไรคับ เราเลยตอบไปว่าอะไรไม่รู้ ตัดหน้ารถ และกุญแจมันตกหาไม่เจอ พี่แกเลยเปิกไฟฉายที่โทสับและหาให้ แต่สิ่งที่เห็นคือกุญแจมันเข้าไปอยู่ในแก้วน้ำปั้นที่มันปิดฝาอยู่ละมีหลอดด้วย เรา2คน ก้สตันกันไปแปปนึง เลยเอาแก้วน้ำที่อยู่พื้นและเปิดฝาเพื่อเอากุญแจออกมา จากแก้วน้ำ แต่ที่สงสัยคือรถเรามันต้องไขกุญแจไปทางขวาถึงจะเอาออกได้แต่นี้คือรถดับและรูกุญแจมันไม่ได้ไขไปไหนเลย ก้เลยให้พี่แกขับรถไปเป้นเพื่อน แต่สิ่งที่พี่แกบอกคือ พี่ก็เจอประมาณน้องน่ะตรงเดียวกันเลย คือแกเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่พี่กำลังจะกลับบ้านพี่ก้ขับรถตามปกติ แต่มาหยุดตรงนี้น้องล้มนั้นละ คือพี่เห็นน้องคนนึงเหมือนจะข้ามถนนแต่ไม่ข้ามพี่เลยขับต่อละก็วิ่งมาชนที่รถพี่แต่ พี่มีสติเลยไม่ล้มละขับต่อไป เราก็เริ่มคิดละว่ามันคือคนหรือ ผีวะ
เรื่องที่เจอแบบไม่เคยลืมก้มีประมาณนี้ละ ถ้ามีคำไหนที่ตกไปก็ขอโทษด้วย
มีอะไรจะเล่าให้ฟัง
เรื่องมันก็นมีอยู่ว่า สมัยเราเป็นเด็กๆคือเราเป็นเด็กที่พ่อแม่เลี้ยงมาด้วยเงิน แต่มันมีมากกว่านั้นคือเราเป็นลูกชายคนเดียวในบ้านเรามีพี่สาว 3 คน แต่เราก็รู้สึกว่าทำไมเราถูกเลี้ยงมาเหมือนลูกผู้หญิงมาก แต่ตั้งแต่เรื่องการจัดห้องนอนก็สีชมพู่ละ แถมยังมีแต่ตุ๊กตาที่เป็นของผู้หญิงสะส่วนมากเราเลยมีความเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทุกอย่างที่ผู้หญิงเล่นเราเล่นอะไรที่ผู้ชายเล่นเราไม่เล่น แล้วกลัวอะไรไปเลื่อย เห็นมดยังกลัวเลย55555 แต่ความที่เราถูกเลี้ยงมาแบบนี้เลยทำให้เรากายเป้นคนที่มีจิตที่อ่อนกว่าผู้ชาย อะไรนิดหน่อยก็ตกใจไปหมด แต่สิ่งที่กลัวมากคือผีกับความมืดมากเพราะมันดูเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวอ่ะ แต่เราก็อยู่กับความกลัวมาจนโตมาเลื่อยๆ จนมันมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เรื่องที่เจอมันมีอยู่2เรื่องที่มันไม่เคยลืมเลยย
ช่วงนั้นมันเป็นช่วงมัธยมต้น คือรร.เรามันจะมีเรียนพิเศษตอนเลิกเรียนและเลิก2ทุ่มกว่า แต่มีเพื่อนเรียนน่ะ พอเลิกเรียนเรากับเพื่อนก็จะมายืมรอรถโดยสารเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่คือประเด็นเรากับเพื่อน บ้านเราเป็นหมู่บ้าน และหมู่บ้านของเราไกลกันประมาณ500เมตร แต่จะถึงบ้านเพื่อนเราก่อน แต่คืนนั้นเรากับเพื่อนยืนรอรถจนถึง 3ทุ่ม รถก็มา แต่บนรถมันมีแค่เรา2คนกับเพื่อน แต่เราก็ไม่สงสัยอะไร เพราะก้คิดว่ามันดึกแล้วคงไม่มีใครมาขึ้รถหรอก เรา2คนก็ขึ้นรถจนถึงปากซอยบ้านของเพื่อนเราก็บอกลากันเสร็จ คือตอนนั้นเราก็อยู่บนรถคนเดียว เราเลยตะโกนไปว่าพี่ๆๆ ผมขอลงตรงนี้ ได้ไหม แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือคความเงียบสงบ และก็จอดรถ เราคิดในใจว่าพี่แกก็คงจะได้ยินเราอยู่ พอเราลง รถเสร็จ ก็เลยไปมองที่นั่งคนขับ แต่มันเห้นแค่มือเราเลยคิดว่า มันก็ดึกเเล้วมั่ง ตาลาย555คิดแค่นี้ แต่สิ่งที่เห็นต่อไปนี้คือมันทำให้เราลืมไม่ลงเลย เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ อาทิตย์1 มันมีเหตุการณ์เด็กม.ต้นรร.ชื่อดัง มาผูกคอตายที่สะพานลอยหน้าหมู่บ้านเรา เวลานั้นมันเป็นเวลาเที่ยงคืน เป็นเวลาที่มันไม่มีรถซักคัน มันเลยไม่มีใครเห็นศพของเด็กคนนั้นแต่ที่มันทำให้คนแถวนั้นกลัวเพราะว่าเด็กคนนี้เขาเอาเชือกมัดกับเหล็กที่อยู่บนสะพานลอยแล้วผูกคอตัวเองแล้วทิ่งตัวเองลง มันเลยทำให้เด็กคนนี้ ตายทันที่ แต่สิ่งนั้นมันทำให้คนที่เขาต้องไปตลาดแต่เช้าไปทำงาน ผ่านมาเห้นศพของเด็กคนนี้ที่มันเหมือนกับลูกมะม่วงที่อยู่บนต้นไม้ และมีเลือดที่ออกจากปาก หู ตา มันไหลตกลงถนนด้านล่างคือภาพที่เห็นมันสยองมากๆ
กลับมาตอนที่เราลงรถ แต่สิ่งที่เราคิดเราคิดถึงภาพที่มีคนในหมู่บ้านถ่ายไว้เเล้วเอามาให้ดูมันติดตา แต่ที่แย่กว่านั้นคือที่รถจอดมันคือด้านหลังของสะพานลอยนั้นเอง คือเราคิดว่าถ้าเราเดินไปก็ขอให้ไม่คิดไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะเราเป็นคนที่กลัวความมืดกับผีอยู่แล้ว และเวลาตอนนั้นคือ4ทุ่มครึ่งเป็นเวลาที่ไม่มีรถแล้วว แต่เราก็ต้องตั้งใจเพื่อที่จะเดินไปต่อ จนเรารู้สึกเหมือนเราเดินมาไกลพอที่จะหันกลับไปดูสะพานละ แต่พอเราหันไป.......มันก็ไกลจิงๆละ แต่สิ่งที่เราเห็นคือเด็กผ็หญิงใส่ชุดนร.นั่งคุกเข่าอยู่บนสะพานลอย แต่เด็กหันหลังในเราน่ะคือต่างคนต่างหันหลัง แต่พอเราหัน เด็กคนนั้นก็หันกลับมา พร้อมรอยยิ้มที่เด็กคนนนี้ยิ้มด้วยความน่ารักแต่คือเห็นแค่รอยยิ้มเพราะผมเด็กคนนี้มันยาวจนถึงจมูก และเห็นแค่ปาก แล้วเราก็ตั้งสติได้ ก้วิ่งแบบไม่สนหมาที่เห่าอยู่ข้างทาง เพราะมันรู้สึกเหมือนเด็กคนนี้เขากำลังที่จะลุกและตามเรามา แต่เราวิ่งจนถึงหน้าหมู่บ้าน และเห้นแม่ที่กำลังมาถาม รปพ.ว่าเห็นเรากลับมายัง เราเห้นแม่ก็เลยเรียกแม่ทั้งน้ำตา แม่เห้นแม่เลยถามว่าเป็นอะไร มันมีเรื่องอะไร แล้วทำไมต้องวิ่ง ทำไมไม่ให้แม่ไปรับ แต่สิ่งที่เราตอบแม่ไปคือ แม่หนูกลัว หนูกลัว แม่เลยกอดและบอกว่า แม่ขอโทษแต่สิ่งที่เราเข้าใจคือเราไม่ได้โกดแม่แต่เรากลัวผี
ตั้งแต่วันนั้นเราเลยไม่กล้าที่จะไปไหนคนเดียวตอนกลางคืนอีกเลยยย
เรื่องต่อไป เป้นเรื่องที่อยู่ในช่วงที่กำลังจะขึ้นม.6 คือตอนนั้นเราได้มีการย้ายรร.ย้ายบ้านมาอยู่ต่างจังหวัดเพราะมันเป้นเรื่องของผู้ใหณ่ที่เราก็ยังไม่รู้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราต้องมานั่งสงสัย แต่สิ่งที่เกิดคือ เราเริ่มโตและก้ชอบเที่ยวมากๆๆ เรากับเพื่อนใหม่ที่เราเรียนด้วยกันเราก็นัดกันไปติวที่ขก. เพราะตอนนั้นคิดส่าถ้าเราตั้งใจเรียนเราจะเข้า มอขอ ให้ได้ค่อยดู แต่สิ่งที่เราเจอคือตอนนั้นมันเปฦ้นตอนที่เราไปติวที่ขก.เป็นเวลา1เดือนเราก็ไปเช่าหออยู่กับเพื่อน หลายคน เราก็ทั้งติวทั้งเล่น ทั้งเที่ยวตามภาษาวัยรุ่น พอมันมีอยู่วันหนึ่งคือเราเป้นคนสายตาสั้น แต่เป็นวันแรกที่เราลืมใส่แว่นเพราะติวเสร็จกลับหอก็ปวดตาเลยถอดออก และหาไม่เจอ และมันมีเพื่อนกลุ่มนึงคือนางจะไปเที่ยวผับแต่เราจะนอนอยู่ห้องเราบอกเพื่อนว่า ๆ กูขอเอารถไว้น่ะเพื่อกูจะไปกินโน้นนี้ เลยเป็นคนไปส่งเพื่อนกลุ่มนั้นเอง คือเราอัด4ไป เราตอนเเรกเราก็เป็นคนขับไปส่งเพื่อน ประเด้นคือผับนี้มันอยู่หลังมอ เลยต้องขับผ่านสถานที่ที่มันมีประวัติ เยอะมากแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะง่วงนอนมากๆ ก็ขับไปจนถึงเลยส่งและก็บอกเพื่อนว่า กลับเองน่ะ เราก็พยายามขับรถกลับหอเองเพราะ มันไม่มีไฟข้างทางเลยแต่ที่เรามาเรามีเพื่อนนคอยบอกทางแต่เรากลับคนเดียวมันไม่มีใครมาบอกทางเราแล้ว เลยต้องตั้งใจกลับการขับรถมากก พอเรามันถึงที่ ตึก9 หลัง ที่มันมีประวัติเล่ากันมาแบบ เยอะมาก แต่เรารุ้แค่ว่าเราดูไม่เห็นหรอกว่ามันคือตึกอะไร แต่พอเห็นนิดๆ ละข้างทางมันมีกล่องเหมือนที่เอาไว้คนนั่งรอรถเมล์ ประมาณนั้น ละตรงข้ามกล่องมันมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง แต่มันมีน้องคนหนึ่งที่ยืมก้มหน้าอยู่แต่ไม่รู้นะว่าเป็นน้องหรือพี่ แต่ดูจากลักษณะเหมือนน้อง เลยจอดรอ นึกว่าน้องจะข้ามถนน เลยจอดเพราะถ้าเราขับรถไปละน้องเดินตัดหน้ามันจะไม่โอเค เพราะเราก็สายตาไม่ดีด้วย เลยรอน้องเดินไป แต่น้องไม่เดิน ไอเรา ก็เริ่มโมโหละ เลยขยี้ตาและพูดไปว่า จะเดินก็เดินเถิะกูลำคาน เราเลยตัดสิ้นใจขับไปต่อแต่ทันใดนั้น น้องคนนี้เขา โคงตัวลงพื้นถนนแบบเหมือนท่าเหมือนเดินอะ แต่ขาแขน น้องมันตึงเหมือนท่าโก้งโค้ง และน้องก็หันหน้ามาแล้ววิ่งด้วยท่าทางนั้นมาชนเต็มล้อหน้ารถแบบจังๆ รถเลยล้มแต่ที่ไม่ทันคิดคือ กุญแจรถหายไปไหนอะ
ประเด็นเราสายตาสั้นเลยต้องที่จะคำ หากุญแจที่พื้นถนน พอผ่านไปประมาณ2นาที ก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งขับรถผ่านมาเลยจอดถามเราว่าน้องเป้นอะไรคับ เราเลยตอบไปว่าอะไรไม่รู้ ตัดหน้ารถ และกุญแจมันตกหาไม่เจอ พี่แกเลยเปิกไฟฉายที่โทสับและหาให้ แต่สิ่งที่เห็นคือกุญแจมันเข้าไปอยู่ในแก้วน้ำปั้นที่มันปิดฝาอยู่ละมีหลอดด้วย เรา2คน ก้สตันกันไปแปปนึง เลยเอาแก้วน้ำที่อยู่พื้นและเปิดฝาเพื่อเอากุญแจออกมา จากแก้วน้ำ แต่ที่สงสัยคือรถเรามันต้องไขกุญแจไปทางขวาถึงจะเอาออกได้แต่นี้คือรถดับและรูกุญแจมันไม่ได้ไขไปไหนเลย ก้เลยให้พี่แกขับรถไปเป้นเพื่อน แต่สิ่งที่พี่แกบอกคือ พี่ก็เจอประมาณน้องน่ะตรงเดียวกันเลย คือแกเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่พี่กำลังจะกลับบ้านพี่ก้ขับรถตามปกติ แต่มาหยุดตรงนี้น้องล้มนั้นละ คือพี่เห็นน้องคนนึงเหมือนจะข้ามถนนแต่ไม่ข้ามพี่เลยขับต่อละก็วิ่งมาชนที่รถพี่แต่ พี่มีสติเลยไม่ล้มละขับต่อไป เราก็เริ่มคิดละว่ามันคือคนหรือ ผีวะ
เรื่องที่เจอแบบไม่เคยลืมก้มีประมาณนี้ละ ถ้ามีคำไหนที่ตกไปก็ขอโทษด้วย