My Running Meditation


อาทิตย์ก่อนได้การบ้านจากเจ้านายว่า "ทำไมจู่ๆ ชอบวิ่ง แล้วถึงมีความสุขไปด้วย" คำตอบแวบแรกรู้ว่า มีหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกนี้ แต่ยังตอบไม่ได้ตอนนั้นว่า ทำไมน้า  หลังจากนั้นก็ได้เข้าเรียนคลาส Learn how to Learn ที่โพรงกระต่าย (ปล. ยายพูดถึงที่นี้ บ่อยมาก ครั้งต่อไป น่าจะอธิบายเกี่ยวกับสถานที่นี้สักหน่อยเผื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น) ได้เจอประสบการณ์กับตัวเองบางอย่าง คือ การทำกิจกรรม "Eating meditation" แล้วรู้สึกถึงร่างกายชัดมาก แล้วมีความสุขมากกกกก การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาอย่างเดียว ยายคนหนึ่งละ เป็นคนฟุ้งซ่าน เหมาะกับการทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว  ที่พูดได้นี้ลองมาหมดแล้วนะ พุทโธ เอย ส่วนการเดินจงกลม การเคลื่อนไหวแบบหลวงพ่อเทียน (2 อันนี้ ดี ทำแล้วชอบ พอได้อยู่) แต่คนวิตกจริตอย่างอิชั้น เอาไม่อยู่จ้า ต้องเคลื่อนไหวหนักกว่านี้  เริ่มจากไปเรียนยิงธนูโพชฌงค์ เริ่มติดใจแล้ว ตอนเรียนมันทำให้ยายรู้สึกว่า โลกยายแคบลงเหลือแต่ในสนาม บางจังหวะเหลือแต่ตัวเรากับคันธนู ปกติ โลกเรามันกว้างสุดประมาณอะไรต่ออะไรเข้ามาในหัวเต็มไปหมด มันรู้สึกยุ่งเหยิง ต่อมาเรียนวาดรูปสีน้ำอันนี้สุดจริง มีอยู่คลาสหนึ่งยายวาดรูปออกมาทุเรศมาก แย่สุดในคลาสเลยดูแล้ว 55 แต่ตอนวาดโลกหายไปหมดเลยหรือแค่ตัวยาย รู้สึกถึงปากที่ยิ้มอยู่ กับการลงสีแค่นั้น  พอทำเสร็จยายโ-ตรมีความสุขเลย จำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืม นึกถึงทีไรใจยังพองๆอยู่เรย สิ่งเหล่านี้ หลายปีที่ผ่านมา เลยทำให้เชื่อมกับคำตอบที่ตามหาอยู่ น่าจะเรียกได้ว่า "Running Meditation" เพราะตอนวิ่ง ขาเอย ข้อเท้าเอย น่องเอย  มันเริ่มสลับกันปวด  ในหูมีเพลงดังอยู่ ขณะวิ่งโลกยายแคบลงมีแค่ขาที่ปวดกับเพลงในหูแค่นั้น  😇

ยายว่านี้แหละ my way ยายมีความสุขจากตรงนี้เลยทำให้อยากทำซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบไม่เกี่ยวกับเป้าหมาย ขอแค่ได้ทำ แค่นั้น!

เรื่องแบบนี้มันต้องทดลองนะ ไม่ใช่คำตอบของยายจะใช่สำหรับคนทุกคน  แล้วอีกอย่างมันต้องฝึกซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีวันจบ อันนี้ความคิดส่วนตัวของยายนะ  ของแบบนี้พอได้ครั้งหนึ่งแล้วเราจะอยากได้อีก แล้วมันจะไม่ได้ ต้องทำไปเรื่อย ๆ จนจับจุดได้เอง  keep running ! 😉
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่