หลายเดือนมาแล้ว ที่เราต้องต่อสู้กับความทดท้อใจของตัวเอง ด้วยภาระมากมายที่ต้องแบกรับ รวมไปถึงการต้องกลายมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของใครบางคนในครอบครัว
ความรับผิดชอบที่ต้องใช้จ่ายจนแทบไม่มีเงินเหลือใช้เพื่อความสุขของตัวเองนั้น ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่ถูกตะคอก ถูกเขวี้ยงของใส่ ถูกสั่งให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยถ้อยคำไม่เป็นมิตร และปนไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามเสมอ
เราพยายามทุกวิถีทาง ที่จะรักษาใจตัวเองให้มั่นคง ยามที่กำลังใจเสียจนไม่สามารถครองสติไว้ได้ ก็ขวนขวายสวดมนต์ฟังธรรม ให้ธรรมะเยียวยาจิตใจ ทำให้พอจะผ่านพ้นมันไปได้วันๆนึง
.........................................
แต่วันนี้มีสิ่งพิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้เราซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
เพราะขณะที่เรากำลังสวดมนต์ไหว้พระในห้องพระเล็กๆที่บ้าน ตาก็เหลือบไปเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ความทรงจำต่างๆที่เคยอ่านเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระองค์ท่าน ก็พรั่งพรูออกมามากมาย ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าพระองค์ทรงต้องผ่านความยากลำบาก การพลัดพรากสูญเสีย ความทุกข์แสนสาหัสมามากมายกว่าเรานัก และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
แล้วเราซึ่งมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ไม่เคยทำอะไรยิ่งใหญ่ให้ใครเลย มีสิทธิ์พิเศษอะไรหรือจึงจะพบเจอแต่ความสุขสมหวังในชีวิต
เมื่อตระหนักและซาบซึ้งในสิ่งนี้ ความทุกข์ของเราช่างดูราวกับผงฝุ่นเล็กๆในจักรวาลอันกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน..
เราเดินออกจากห้องพระด้วยใจที่เบาขึ้นมาก อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็สุดแท้แต่บุญวาสนาที่เคยทำเถิด เราเพียงแค่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สมกับที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะยังต้องเตรียมเสบียงเพื่อเดินทางอีกไกล ในสังสารวัฏ
จากใจพสกนิกรคนหนึ่ง..
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
กำลังใจที่ยิ่งใหญ่.. ในห้องเล็กๆ
ความรับผิดชอบที่ต้องใช้จ่ายจนแทบไม่มีเงินเหลือใช้เพื่อความสุขของตัวเองนั้น ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่ถูกตะคอก ถูกเขวี้ยงของใส่ ถูกสั่งให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยถ้อยคำไม่เป็นมิตร และปนไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยามเสมอ
เราพยายามทุกวิถีทาง ที่จะรักษาใจตัวเองให้มั่นคง ยามที่กำลังใจเสียจนไม่สามารถครองสติไว้ได้ ก็ขวนขวายสวดมนต์ฟังธรรม ให้ธรรมะเยียวยาจิตใจ ทำให้พอจะผ่านพ้นมันไปได้วันๆนึง
.........................................
แต่วันนี้มีสิ่งพิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้เราซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
เพราะขณะที่เรากำลังสวดมนต์ไหว้พระในห้องพระเล็กๆที่บ้าน ตาก็เหลือบไปเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ความทรงจำต่างๆที่เคยอ่านเกี่ยวกับพระราชประวัติของพระองค์ท่าน ก็พรั่งพรูออกมามากมาย ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าพระองค์ทรงต้องผ่านความยากลำบาก การพลัดพรากสูญเสีย ความทุกข์แสนสาหัสมามากมายกว่าเรานัก และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
แล้วเราซึ่งมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ไม่เคยทำอะไรยิ่งใหญ่ให้ใครเลย มีสิทธิ์พิเศษอะไรหรือจึงจะพบเจอแต่ความสุขสมหวังในชีวิต
เมื่อตระหนักและซาบซึ้งในสิ่งนี้ ความทุกข์ของเราช่างดูราวกับผงฝุ่นเล็กๆในจักรวาลอันกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน..
เราเดินออกจากห้องพระด้วยใจที่เบาขึ้นมาก อะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็สุดแท้แต่บุญวาสนาที่เคยทำเถิด เราเพียงแค่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้สมกับที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะยังต้องเตรียมเสบียงเพื่อเดินทางอีกไกล ในสังสารวัฏ
จากใจพสกนิกรคนหนึ่ง..
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้