ความผ่อนคลายสบายใจกลับกลายมาเป็นความตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อเธอพลัดตกจากเนินทางเดิน ... ซึ่งเอาตามจริงจะเรียกพลัดตกก็คงไม่ได้ มันไม่ใช่ความซุ่มซ่าม ไม่ใช่ความพลั้งเผลอ แต่มีคนทำ สัมผัสจากด้านหลังบอกล่าวเรื่องราวของมันได้ดี รัตตวัลย์เริ่มกลับมาหวั่นระแวงภัยอีกครั้งหนึ่ง ความหวั่นระแวงภัยนั้นติดตรึงติดตัวจนทำให้เธอแทบจะเป็นโรคประสาท แผลกายยังไม่เท่าไหร่ แต่แผลใจที่ยังไม่ทันหายดีต้องถูกย้ำซ้ำรอยเดิมจนเริ่มอักเสบกลัดหนอง เธอยังจะไว้ใจใครได้อีกหรือไม่ ?
ยามนี้เพียงใบไม้ไหวก็ทำให้เธอสะดุ้ง และ สภาวการณ์เช่นนั้นก็ทำให้มันปูออกปากอย่างน้อยครั้งนักที่จะทำว่า "กลัว" นั่นทำให้คนเป็นแม่เริ่มคิดหาทางผ่อนคลาย ดังนั้นเมื่อเด็กน้อยวัยเดียวกันอย่างฉลามมาชักชวนไปซุกซนตามปกติ คนเป็นแม่จึงพยักหน้า ถึงไม่สบายใจ ถึงไม่อยากให้ไปก็ตามเถิด และ ว่ากันไปอีกทาง ถ้อยคำของเขาคนนั้น .... ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้ความเชื่อมั่นสั่นคลอนไปบ้าง หากเขาบอกแล้วนี่นะ "ผมสัญญา" น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงรอยจริงจัง คงเชื่อได้ว่าหมายความอย่างที่พูด ร่องรอยความทะนุถนอม อุ้งมือแข็งแรงที่แตะต้องอย่างจะให้กำลังใจ ถ้อยคำแข็ง ๆ ไม่หวานหู แต่แสดงให้รู้ว่าห่วงใย ก็พอทำให้รัตตวัลย์ใจชื้นได้บ้าง
จนกระทั่งเกิดเรื่องกับมันปู ลูกชายคนเดียวของเธอหายไป เท่านี้เองสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจของรัตตวัลย์ก็ถึงจุดระเบิด เรื่องที่เกิดกับเธอยังไม่เป็นไร แต่อันตรายคืบคลานมาถึงสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ รัตตวัลย์ยอมไม่ได้ "สัญญาของคุณไม่เป็นสัญญา" และ เขายังทิ้งท้ายว่าก็เพราะเธอนั่นแหละที่ไม่ระวังลูกให้ดี ปล่อยให้เดินเผ่นพ่าน ถึงคำว่าก็ผิดด้วยกันทั้งหมดจะผ่านออกจากปาก แต่มันก็ไม่เข้าหูรัตตวัลย์เสียแล้ว เขารู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังทำเพียงให้คนมาจับตาดู เธอกับลูกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องคิดว่าควรทำอย่างไรดี
สายตาร้าวรานแห้งผากกระทบใจของนาบุญไม่น้อย เขาเริ่มโกรธ ไม่ได้โกรธที่แม่ลูกคู่นั้นมาเป็นตัวปัญหา แต่โกรธเพราะตัวเองทำอะไรไม่ได้ เขารู้ว่าการไม่รอบคอบพอจะทำให้ผลอะไรเกิดขึ้น เขาประสบผลอันนั้นด้วยตัวเอง หากคาวมเป็นห่วงยิ่งทับถมทวี โดยที่ตัวเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุอะไร หัวใจของนาบุญสั่นสะเทือนอย่างนึกกลัว เหตุที่เกิดบ่อยเกิดถี่ ประสบการณ์บอกเขาว่าไม่ธรรมดา แต่อึกฝ่ายก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ ทำไมเธอไม่บอกความจริงกับเขา ถ้าไม่บอกจะช่วยได้อย่างไร ความจริงเพียงครึ่งค่อนที่ออกจากปาก ทำให้เขาไม่สามารถสืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่ละครั้งผ่านไปจึงต้องวนเวียนกลับมาเรื่องเดิม คำถามเดิม "คุณคือใคร ? "
หากบัดนี้ความหวั่นระแวงของรัตตวัลย์ยกระดับเป็นแรงขับในการเอาชีวิตรอดเสียแล้ว เธอกับลูกจะอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้ ภัยร้ายหายใจรดต้นคอ ใครไว้ใจได้ไม่ได้ไม่มีทางรู้ การตัดสินใจหนีของเธอในครั้งนี้ ใคร ๆ คงเรียกมันว่าความดื้อด้าน สิ้นคิด เหมือนพาลูกพาตัวเองไปตาย แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ งอมืองอเท้าให้เขาเข้ามาฆ่าเอาได้ การคาดการณ์ของเธอก็ไม่เลวทีเดียว ไม่นานนับแต่เสียงปืนดัง เสี้ยววินาทีที่พาลูกก้าวเท้าออกจากบ้าน รัตตวัลย์ก็พบว่าการตัดสินใจนี้ช่วยให้เธอหนีรอดจากเอิบและชาได้หวุดหวิด สัญชาตญาณบีบบังคับให้ต้องสู้ในประสบการณ์ที่จำกัด และ เธอก็แพ้พ่ายกับสัจธรรมที่ว่า "คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล"
อีกครั้งที่เธอได้รับความช่วยเหลือจากเขา คนที่เธอคิดว่ายากแล้วที่จะให้ความไว้ใจ แต่เขา .... เขาก็เปลี่ยนความคิดของเธอได้อีกคราหนึ่ง บัดนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอจะเป็นสายมาล้วงความลับขโมยรังนกหรือไม่ เขาจะเป็นโจรร้ายคอยหยั่งเชิงเธอหรือเปล่า สิ่งที่เธอได้รับคือใจล้วน ๆ และ สิ่งที่เขาให้มาก็คือใจเน้น ๆ ถ้อยคำเตือนสติไม่ได้รุนแรงมากอย่างที่คิด มันลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า "อย่าทำอย่างนี้อีก" กับสายตากระแสรุนแรงที่เธออ่านไม่ออกจากพูดได้แต่เพียงคำขอบคุณและเลี่ยงหลบไม่สบตา
จากนั้นก็คือความผูกพันที่ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือการควบคุม เขาคุ้นเคยกับไอ้เปี๊ยกตัวเล็ก และ สนิทสนมเพียงพอที่จะเรียกขาน "คุณนาย" ว่า "คุณแม่" ของมันปู จากความสนิทสนมก็กลายเป็นความสนิทใจที่จะเรียกเด็กน้อยขึ้นจากน้ำราวกับอยู่ในฐานะพ่อ และ ดูแลหญิงแปลกหน้าไม่ผิดอะไรกับแม่ของลูก ใบหน้างดงามยามอ่อนแรงของรัตตวัลย์ทำให้ใจของนาบุญไหวอ่อน ความสั่นสะเทือนในบรรยากาศเกิดขึ้นอีกครั้ง ที่แท้ยามหลับไหลก็ไม่มีพิษสงอะไร เค้าหน้ากังวลแม้ยามนอนทำให้เขารู้สึกว่าเธอช่างเปราะบาง และ ต้องการการดูแล
ลำแขนเรียวเสลาที่เกาะเกี่ยวท่อนแขนล่ำสันแข็งแรงราวหาที่พึ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่โน้มตัวเข้าหา
ถ้าหากเขาจะมีโอกาสดูแลเธอ .... จะได้ไหมนะ ? ยามนี้นาบุญคงมีคำถามในใจ
รักฉันรักฉันเถิดนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี
แต่เลือกฉัน เลือกฉันได้ไหม ฉันจะดูแลเธอให้ดี
โปรดถามใจเธออีกที เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ
ป.ล. เมื่อคืนสลบไปก่อน แต่ยังตามดูอยู่นะจ๊ะ
สัมปทานหัวใจ (กึ่งรีวิว) : หัวใจ และ ความสั่นสะเทือน
ยามนี้เพียงใบไม้ไหวก็ทำให้เธอสะดุ้ง และ สภาวการณ์เช่นนั้นก็ทำให้มันปูออกปากอย่างน้อยครั้งนักที่จะทำว่า "กลัว" นั่นทำให้คนเป็นแม่เริ่มคิดหาทางผ่อนคลาย ดังนั้นเมื่อเด็กน้อยวัยเดียวกันอย่างฉลามมาชักชวนไปซุกซนตามปกติ คนเป็นแม่จึงพยักหน้า ถึงไม่สบายใจ ถึงไม่อยากให้ไปก็ตามเถิด และ ว่ากันไปอีกทาง ถ้อยคำของเขาคนนั้น .... ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้ความเชื่อมั่นสั่นคลอนไปบ้าง หากเขาบอกแล้วนี่นะ "ผมสัญญา" น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงรอยจริงจัง คงเชื่อได้ว่าหมายความอย่างที่พูด ร่องรอยความทะนุถนอม อุ้งมือแข็งแรงที่แตะต้องอย่างจะให้กำลังใจ ถ้อยคำแข็ง ๆ ไม่หวานหู แต่แสดงให้รู้ว่าห่วงใย ก็พอทำให้รัตตวัลย์ใจชื้นได้บ้าง
จนกระทั่งเกิดเรื่องกับมันปู ลูกชายคนเดียวของเธอหายไป เท่านี้เองสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจของรัตตวัลย์ก็ถึงจุดระเบิด เรื่องที่เกิดกับเธอยังไม่เป็นไร แต่อันตรายคืบคลานมาถึงสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ รัตตวัลย์ยอมไม่ได้ "สัญญาของคุณไม่เป็นสัญญา" และ เขายังทิ้งท้ายว่าก็เพราะเธอนั่นแหละที่ไม่ระวังลูกให้ดี ปล่อยให้เดินเผ่นพ่าน ถึงคำว่าก็ผิดด้วยกันทั้งหมดจะผ่านออกจากปาก แต่มันก็ไม่เข้าหูรัตตวัลย์เสียแล้ว เขารู้ทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังทำเพียงให้คนมาจับตาดู เธอกับลูกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องคิดว่าควรทำอย่างไรดี
สายตาร้าวรานแห้งผากกระทบใจของนาบุญไม่น้อย เขาเริ่มโกรธ ไม่ได้โกรธที่แม่ลูกคู่นั้นมาเป็นตัวปัญหา แต่โกรธเพราะตัวเองทำอะไรไม่ได้ เขารู้ว่าการไม่รอบคอบพอจะทำให้ผลอะไรเกิดขึ้น เขาประสบผลอันนั้นด้วยตัวเอง หากคาวมเป็นห่วงยิ่งทับถมทวี โดยที่ตัวเองก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุอะไร หัวใจของนาบุญสั่นสะเทือนอย่างนึกกลัว เหตุที่เกิดบ่อยเกิดถี่ ประสบการณ์บอกเขาว่าไม่ธรรมดา แต่อึกฝ่ายก็ใช่ว่าจะน่าไว้ใจ ทำไมเธอไม่บอกความจริงกับเขา ถ้าไม่บอกจะช่วยได้อย่างไร ความจริงเพียงครึ่งค่อนที่ออกจากปาก ทำให้เขาไม่สามารถสืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่ละครั้งผ่านไปจึงต้องวนเวียนกลับมาเรื่องเดิม คำถามเดิม "คุณคือใคร ? "
หากบัดนี้ความหวั่นระแวงของรัตตวัลย์ยกระดับเป็นแรงขับในการเอาชีวิตรอดเสียแล้ว เธอกับลูกจะอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ไม่ได้ ภัยร้ายหายใจรดต้นคอ ใครไว้ใจได้ไม่ได้ไม่มีทางรู้ การตัดสินใจหนีของเธอในครั้งนี้ ใคร ๆ คงเรียกมันว่าความดื้อด้าน สิ้นคิด เหมือนพาลูกพาตัวเองไปตาย แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ๆ งอมืองอเท้าให้เขาเข้ามาฆ่าเอาได้ การคาดการณ์ของเธอก็ไม่เลวทีเดียว ไม่นานนับแต่เสียงปืนดัง เสี้ยววินาทีที่พาลูกก้าวเท้าออกจากบ้าน รัตตวัลย์ก็พบว่าการตัดสินใจนี้ช่วยให้เธอหนีรอดจากเอิบและชาได้หวุดหวิด สัญชาตญาณบีบบังคับให้ต้องสู้ในประสบการณ์ที่จำกัด และ เธอก็แพ้พ่ายกับสัจธรรมที่ว่า "คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล"
อีกครั้งที่เธอได้รับความช่วยเหลือจากเขา คนที่เธอคิดว่ายากแล้วที่จะให้ความไว้ใจ แต่เขา .... เขาก็เปลี่ยนความคิดของเธอได้อีกคราหนึ่ง บัดนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอจะเป็นสายมาล้วงความลับขโมยรังนกหรือไม่ เขาจะเป็นโจรร้ายคอยหยั่งเชิงเธอหรือเปล่า สิ่งที่เธอได้รับคือใจล้วน ๆ และ สิ่งที่เขาให้มาก็คือใจเน้น ๆ ถ้อยคำเตือนสติไม่ได้รุนแรงมากอย่างที่คิด มันลงท้ายด้วยประโยคที่ว่า "อย่าทำอย่างนี้อีก" กับสายตากระแสรุนแรงที่เธออ่านไม่ออกจากพูดได้แต่เพียงคำขอบคุณและเลี่ยงหลบไม่สบตา
จากนั้นก็คือความผูกพันที่ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือการควบคุม เขาคุ้นเคยกับไอ้เปี๊ยกตัวเล็ก และ สนิทสนมเพียงพอที่จะเรียกขาน "คุณนาย" ว่า "คุณแม่" ของมันปู จากความสนิทสนมก็กลายเป็นความสนิทใจที่จะเรียกเด็กน้อยขึ้นจากน้ำราวกับอยู่ในฐานะพ่อ และ ดูแลหญิงแปลกหน้าไม่ผิดอะไรกับแม่ของลูก ใบหน้างดงามยามอ่อนแรงของรัตตวัลย์ทำให้ใจของนาบุญไหวอ่อน ความสั่นสะเทือนในบรรยากาศเกิดขึ้นอีกครั้ง ที่แท้ยามหลับไหลก็ไม่มีพิษสงอะไร เค้าหน้ากังวลแม้ยามนอนทำให้เขารู้สึกว่าเธอช่างเปราะบาง และ ต้องการการดูแล
ถ้าหากเขาจะมีโอกาสดูแลเธอ .... จะได้ไหมนะ ? ยามนี้นาบุญคงมีคำถามในใจ
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี
แต่เลือกฉัน เลือกฉันได้ไหม ฉันจะดูแลเธอให้ดี
โปรดถามใจเธออีกที เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ
ป.ล. เมื่อคืนสลบไปก่อน แต่ยังตามดูอยู่นะจ๊ะ