ผมแปลกใจมาตลอด เวลามีเพื่อนสมาชิกบอกว่า
กดอีโมไปงั้น ไม่ได้มีนัยยะอะไร ไม่ได้มีเจตนาอะไร เห็นชื่อคนโพสต์ก็กดอีโม้ให้ เท่านั้นเอง
ผมว่าเป็นเหตุผลที่พิลึกและแปลกประหลาดครับ
หนักกว่านั้น มีการอ้างว่า ที่กดถูกใจ หลงรัก ขำกลิ้ง ฯลฯ
ไม่ได้มีความหมายอะไร กดให้ไปงั้น อยากกดก็เลือกกดให้
นี่ก็ประหลาดแบบพิลึก ๆ ครับ
เป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผล ไม่มีความสมเหตุสมผลทางตรรกะใด ๆ เลย
แต่ก็ยังอ้างกันได้เป็นวรรคเป็นเวร
ต่อให้ชอบคนโพสต์แค่ไหน
การกดอีโมก็ไม่มีทางที่จะตีความหมาย ตีนัยยะได้ว่า เพราะชอบคนโพสต์ครับ
เช่น มีใครโพสต์ว่า ตระกองขวัญหล่อ แล้วเข้าไปกดถูกใจ
ยังไงก็สื่อว่า ถูกใจในข้อความที่โพสต์ครับ ไม่ได้ถูกใจคนโพสต์
หากจะถูกใจคนโพสต์ก็เพราะข้อความที่โพสต์ ไมใช่เพราะคนโพสต์ลอย ๆ แน่นอน
หรือต่อให้ไม่มีคำโพสต์อะไร แล้วยังกดถูกใจ
นั่นก็คือเข้าใจ เห็นด้วย ชอบกับวิธีการไม่โพสต์อะไร ไม่ใช่เพราะชอบคนโพสต์ คือถูกใจในนัยยะที่ไม่โพสต์อะไรนั่นเอง
หากคนที่ชอบโพสต์ด่าคนอื่น กดถูกใจ ก็ย่อมแสดงว่าเห็นด้วยกับการด่า
เห็นด้วยเพราะมีทุนความชอบคนโพสต์เป็นพื้นฐาน
ฉะนั้น อีโม จึงเกี่ยวกับข้อความที่โพสต์ เรื่องราวที่โพสต์
ต้องมีเจตนา มีนัยยะ มีความหมายเกี่ยวกับเรื่องราว เนื้อหา ข้อความ ไม่ใช่ตัวบุคคลอย่างเดียวโดด ๆ
นาย ก. เกลียดนาย ข. ชอบนาย ค.
หากนาย ค.โพสต์ชมเชยยกย่องนาย ข. นาย ก. มีเหรอจะไปกดถูกใจให้ มีแต่ขำกลิ้งอันเป็นนัยยะเห็นเป็นเรื่องตลก
หรือดีไม่ดี กดสยองให้เลยด้วยซ้ำ อันเป็นความหมายว่า ไม่เห็นด้วย
เลิกอ้าง เลิกปฏิเสธซะทีเถอะครับ ว่ากดไปงั้น ไม่มีความหมายอะไร
มัน fake เกินคน
อีโมกับการฟ้องร้อง
ทำไมถึงมีการบอกว่าจะเอาคนกดอีโมไปร่วมเป็นพยานในคดีด้วย
นั่นก็เพราะมีเหตุผลนะครับ
เหตุผลทางสังคม คือคุณสนับสนุนการด่า การล้อเลียน
คนที่เขาโดนกระทำ เขาก็อยากระทำต่อคุณบ้าง ด้วยการเชิญไปเป็นพยาน
ว่าคุณรู้จักคนที่กดโพสต์ผิดกฎหมายแล้วคุณกดอีโมให้ไหม
ช่วยไม่ได้นะครับ
เหมือนมีคนโดนด่า แล้วคุณยืนดูพร้อมหัวเราะ คนโดนด่าก็เชิญคุณไปเป็นพยานเท่านั้นเอง
อย่าโอด หัวเราะได้ ก็เป็นพยานได้ เท่านั้นเอง
ทางด้านกฎหมาย
คุณให้กิ๊ฟคนโพสต์ผิดกฎหมาย และโพสต์หน้าบอร์ดประจำ ว่ารู้จักสนิทสนมกับคนที่โพสต์ผิดกฎหมาย
อย่างนี้ เต็ม ๆ ครับ ที่คุณต้องโดนเรียกไปเป็นพยานชี้ตัวผู้กระทำผิด
และไม่มีทางเลยที่คุณจะบอกว่าไม่รู้จัก เพราะแม้ไม่รู้จักชื่อจริง ที่อยู่ แต่รู้จักรูปร่างหน้าตาแน่ ๆ
ขืนบอกว่าไม่รู้จัก จำไม่ได้ คุกครับ ข้อหาให้การเท็จ
ก็ทางกฎหมาย ต้องมีสองอย่างแน่นอน คือหลักฐาน และ พยาน
อย่าโอด อย่าครวญ
อย่าแถว่ากดกิ๊ฟไปงั้นไม่ได้มีความหมายและเจตนาอะไร
คนด่ากัน กดถูกใจ กดหลงรัก แล้วบอกว่า ไม่มีความหมาย ไม่มีเจตนา
ตลก
คนตั้งกระทู้ให้กำลังใจกัน กดขำกลิ้ง กดสยอง แล้วบอกกดไปงั้น
สมเพชครับ
ก็แค่เล่นบอร์ดตามสมควร มีสติ ไม่เกินขอบเขต จะมีปัญหาอะไร
ด่ากันบ้าง เหน็บกันบ้าง หาเรื่องแขวะให้เจ็บใจบ้าง ฯลฯ มันก็เท่านั้น จบวันจบไป
ใครทำดีก็กดกิ๊ฟสนับสนุน ใครทำไม่ดี ไม่สมควรสนับสนุน ก็ไม่กดกิ๊ฟ หรือกดสยองให้
เป็นการส่งสัญญาณว่าไม่เห็นด้วย ไม่ควรทำ
ไม่ใช่ด่าพ่อด่าแม่กันยังกดกิ๊ฟถูกใจ คนหนึ่งด่าคนหนึ่งกดหลงรักให้คนด่า มันก็เกิดปัญหาทางสังคม
และหากโพสต์ผิดกฎหมายแล้วยังไปกดกิ๊ฟเชียร์ จะรู้หรือไม่รู้ว่าผิดกฎหมายก็ตาม ก็เกิดปัญหาทางกฎหมาย
ฉะนั้น ทุกเรื่องในโลกนี้มีเหตุผลรองรับเสมอครับ
ไม่มีทางที่คนเราจะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล
กดกิ๊ฟได้ แสดงนัยยะถากถางได้ แสดงความหมายสมน้ำหน้าได้
ก็ถูกเชิญไปเป็นพยานได้เท่านั้นเอง
ยุติธรรมแล้ว
อย่าโวย
การเป็นพยาน ไม่ใช่จะเรียกใครก็ได้ง่าย ๆ หรอกครับ
อย่างที่ประชดกันว่า แค่กดขำกลิ้งก็จะโดน ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องปัญญาอ่อนขนาดนั้น
คุณเห็นว่าข้อความน่าขำ ถูกใจ น่ารัก คุณก็กดกิ๊ฟไปตามอารมณ์ได้
แต่คุณต้องตระหนักด้วย ว่าข้อความนั้น เรื่องราวนั้นมีนัยยะ มีความหมายสื่อถึงอะไร
ไม่ใช่นาย ก. ด่านาย ข. ด่าแบบผิดกฎหมาย คุณกดหลงรัก ถูกใจ
ควรไหม ?
นาย ก. ตั้งทู้เรื่องดี ๆ คุณโผล่เข้าไปกดขำกลิ้งสื่อถึงการล้อเลียน
ควรไหม ?
และหากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คุณก็ต้องได้รับผลพวงนั้นด้วย
อีโมไม่ใช่เครื่องมือสื่อสารที่ไร้ความหมายครับ
แต่คือเครื่องมือสื่อสารที่มีความหมาย บอกเจตนา เป็นการสื่อสารสองด้านครับ ไม่ใช่เด้านเดียว
ยิ่งเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง
อีโมยิ่งมีความหมายมากขึ้น
เป็นเรื่องสามัญสำนึกง่าย ๆ เท่านั้นเอง อย่ากระบิดกระบวนดัดจริตกันเลย
ยอมรับความจริงกันดีกว่าครับ
อีโม กับ สามัญสำนึก .................................................... โดย ตระกองขวัญ
กดอีโมไปงั้น ไม่ได้มีนัยยะอะไร ไม่ได้มีเจตนาอะไร เห็นชื่อคนโพสต์ก็กดอีโม้ให้ เท่านั้นเอง
ผมว่าเป็นเหตุผลที่พิลึกและแปลกประหลาดครับ
หนักกว่านั้น มีการอ้างว่า ที่กดถูกใจ หลงรัก ขำกลิ้ง ฯลฯ
ไม่ได้มีความหมายอะไร กดให้ไปงั้น อยากกดก็เลือกกดให้
นี่ก็ประหลาดแบบพิลึก ๆ ครับ
เป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผล ไม่มีความสมเหตุสมผลทางตรรกะใด ๆ เลย
แต่ก็ยังอ้างกันได้เป็นวรรคเป็นเวร
ต่อให้ชอบคนโพสต์แค่ไหน
การกดอีโมก็ไม่มีทางที่จะตีความหมาย ตีนัยยะได้ว่า เพราะชอบคนโพสต์ครับ
เช่น มีใครโพสต์ว่า ตระกองขวัญหล่อ แล้วเข้าไปกดถูกใจ
ยังไงก็สื่อว่า ถูกใจในข้อความที่โพสต์ครับ ไม่ได้ถูกใจคนโพสต์
หากจะถูกใจคนโพสต์ก็เพราะข้อความที่โพสต์ ไมใช่เพราะคนโพสต์ลอย ๆ แน่นอน
หรือต่อให้ไม่มีคำโพสต์อะไร แล้วยังกดถูกใจ
นั่นก็คือเข้าใจ เห็นด้วย ชอบกับวิธีการไม่โพสต์อะไร ไม่ใช่เพราะชอบคนโพสต์ คือถูกใจในนัยยะที่ไม่โพสต์อะไรนั่นเอง
หากคนที่ชอบโพสต์ด่าคนอื่น กดถูกใจ ก็ย่อมแสดงว่าเห็นด้วยกับการด่า
เห็นด้วยเพราะมีทุนความชอบคนโพสต์เป็นพื้นฐาน
ฉะนั้น อีโม จึงเกี่ยวกับข้อความที่โพสต์ เรื่องราวที่โพสต์
ต้องมีเจตนา มีนัยยะ มีความหมายเกี่ยวกับเรื่องราว เนื้อหา ข้อความ ไม่ใช่ตัวบุคคลอย่างเดียวโดด ๆ
นาย ก. เกลียดนาย ข. ชอบนาย ค.
หากนาย ค.โพสต์ชมเชยยกย่องนาย ข. นาย ก. มีเหรอจะไปกดถูกใจให้ มีแต่ขำกลิ้งอันเป็นนัยยะเห็นเป็นเรื่องตลก
หรือดีไม่ดี กดสยองให้เลยด้วยซ้ำ อันเป็นความหมายว่า ไม่เห็นด้วย
เลิกอ้าง เลิกปฏิเสธซะทีเถอะครับ ว่ากดไปงั้น ไม่มีความหมายอะไร
มัน fake เกินคน
อีโมกับการฟ้องร้อง
ทำไมถึงมีการบอกว่าจะเอาคนกดอีโมไปร่วมเป็นพยานในคดีด้วย
นั่นก็เพราะมีเหตุผลนะครับ
เหตุผลทางสังคม คือคุณสนับสนุนการด่า การล้อเลียน
คนที่เขาโดนกระทำ เขาก็อยากระทำต่อคุณบ้าง ด้วยการเชิญไปเป็นพยาน
ว่าคุณรู้จักคนที่กดโพสต์ผิดกฎหมายแล้วคุณกดอีโมให้ไหม
ช่วยไม่ได้นะครับ
เหมือนมีคนโดนด่า แล้วคุณยืนดูพร้อมหัวเราะ คนโดนด่าก็เชิญคุณไปเป็นพยานเท่านั้นเอง
อย่าโอด หัวเราะได้ ก็เป็นพยานได้ เท่านั้นเอง
ทางด้านกฎหมาย
คุณให้กิ๊ฟคนโพสต์ผิดกฎหมาย และโพสต์หน้าบอร์ดประจำ ว่ารู้จักสนิทสนมกับคนที่โพสต์ผิดกฎหมาย
อย่างนี้ เต็ม ๆ ครับ ที่คุณต้องโดนเรียกไปเป็นพยานชี้ตัวผู้กระทำผิด
และไม่มีทางเลยที่คุณจะบอกว่าไม่รู้จัก เพราะแม้ไม่รู้จักชื่อจริง ที่อยู่ แต่รู้จักรูปร่างหน้าตาแน่ ๆ
ขืนบอกว่าไม่รู้จัก จำไม่ได้ คุกครับ ข้อหาให้การเท็จ
ก็ทางกฎหมาย ต้องมีสองอย่างแน่นอน คือหลักฐาน และ พยาน
อย่าโอด อย่าครวญ
อย่าแถว่ากดกิ๊ฟไปงั้นไม่ได้มีความหมายและเจตนาอะไร
คนด่ากัน กดถูกใจ กดหลงรัก แล้วบอกว่า ไม่มีความหมาย ไม่มีเจตนา
ตลก
คนตั้งกระทู้ให้กำลังใจกัน กดขำกลิ้ง กดสยอง แล้วบอกกดไปงั้น
สมเพชครับ
ก็แค่เล่นบอร์ดตามสมควร มีสติ ไม่เกินขอบเขต จะมีปัญหาอะไร
ด่ากันบ้าง เหน็บกันบ้าง หาเรื่องแขวะให้เจ็บใจบ้าง ฯลฯ มันก็เท่านั้น จบวันจบไป
ใครทำดีก็กดกิ๊ฟสนับสนุน ใครทำไม่ดี ไม่สมควรสนับสนุน ก็ไม่กดกิ๊ฟ หรือกดสยองให้
เป็นการส่งสัญญาณว่าไม่เห็นด้วย ไม่ควรทำ
ไม่ใช่ด่าพ่อด่าแม่กันยังกดกิ๊ฟถูกใจ คนหนึ่งด่าคนหนึ่งกดหลงรักให้คนด่า มันก็เกิดปัญหาทางสังคม
และหากโพสต์ผิดกฎหมายแล้วยังไปกดกิ๊ฟเชียร์ จะรู้หรือไม่รู้ว่าผิดกฎหมายก็ตาม ก็เกิดปัญหาทางกฎหมาย
ฉะนั้น ทุกเรื่องในโลกนี้มีเหตุผลรองรับเสมอครับ
ไม่มีทางที่คนเราจะทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล
กดกิ๊ฟได้ แสดงนัยยะถากถางได้ แสดงความหมายสมน้ำหน้าได้
ก็ถูกเชิญไปเป็นพยานได้เท่านั้นเอง
ยุติธรรมแล้ว
อย่าโวย
การเป็นพยาน ไม่ใช่จะเรียกใครก็ได้ง่าย ๆ หรอกครับ
อย่างที่ประชดกันว่า แค่กดขำกลิ้งก็จะโดน ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องปัญญาอ่อนขนาดนั้น
คุณเห็นว่าข้อความน่าขำ ถูกใจ น่ารัก คุณก็กดกิ๊ฟไปตามอารมณ์ได้
แต่คุณต้องตระหนักด้วย ว่าข้อความนั้น เรื่องราวนั้นมีนัยยะ มีความหมายสื่อถึงอะไร
ไม่ใช่นาย ก. ด่านาย ข. ด่าแบบผิดกฎหมาย คุณกดหลงรัก ถูกใจ
ควรไหม ?
นาย ก. ตั้งทู้เรื่องดี ๆ คุณโผล่เข้าไปกดขำกลิ้งสื่อถึงการล้อเลียน
ควรไหม ?
และหากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย คุณก็ต้องได้รับผลพวงนั้นด้วย
อีโมไม่ใช่เครื่องมือสื่อสารที่ไร้ความหมายครับ
แต่คือเครื่องมือสื่อสารที่มีความหมาย บอกเจตนา เป็นการสื่อสารสองด้านครับ ไม่ใช่เด้านเดียว
ยิ่งเมื่อมีความขัดแย้งระหว่างบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง
อีโมยิ่งมีความหมายมากขึ้น
เป็นเรื่องสามัญสำนึกง่าย ๆ เท่านั้นเอง อย่ากระบิดกระบวนดัดจริตกันเลย
ยอมรับความจริงกันดีกว่าครับ