Business Class …….ขอนั่งซักครั้งก็ยังดี
ปกติไปเที่ยวเองจะไม่ค่อยได้นั่งเพราะว่าเสียดายเงิน ราคาจะสูงกว่า Economy Classประมาณ 3-4 เท่า คิดว่าเก็บเงินส่วนต่างนี้ไว้กินไว้เที่ยวดีกว่า
แต่คราวนี้ได้มีโอกาสไป Business trip ไม่ต้องออกค่าตั๋วเอง มันก็จะฟินๆหน่อยๆ
ความสบายของการนั่ง Business Class เริ่มกันตั้งแต่ Check in กันเลยทีเดียว เครื่องออกเกือบๆเที่ยงคืน เราก็ไปถึงสนามบินล่วงหน้า 3 ชั่วโมง พอเห็นแถว Check in เท่านั้นแหละ ลมแทบจับ ยาวมากมาย ยังดีที่คราวนี้ไม่ได้นั่ง Economy เลยเดินสวยๆ มา Check in ที่ช่องของ Business Class สบายๆ ขนาดสบายๆ ยังรอประมาณ 15 นาทีเลย ปกติแล้ว Business Class จะมี Lounge ให้เข้า ให้ถามตรง Counter Check in เลยว่าเราสามารถใช้ Lounge ที่ไหนได้บ้าง พยายามหา Lounge ที่ใกล้ๆ กับ Gate ตัวเอง จะได้ไม่เดินไกล
สายการบินนี้ให้น้ำหนักกระเป๋าใบละ 25 Kg. 2 ใบ สำหรับ Business Class พอ Check in แล้วจะได้บัตร Premium Lane มา หรือจะเรียกว่าบัตรเบ่งก็ได้ เพราะว่าจะทำให้เราสามารถเข้าช่องต่างๆได้เร็วขึ้น
แต่….วันที่ไปพีคมาก จำนวนคนมหาศาลมาต่อเแถวเข้าตรวจ Security ของ Premium Lane ทั้งที่ไม่มีบัตร และพีคในพีคคือ เจ้าหน้าที่ไม่ได้จัดกันการอะไรให้ ฝรั่งที่มี Premium Lane ก็งงกันไป ว่าทำไมแถวยาวมาก มันไม่ได้เป็นแค่จุดเดียว มันเป็น 2 จุดที่เป็น Premium Lane จากการประเมินสถานการณ์แล้ว เราถือ Passport คนไทย เข้าไปด้านในน่าจะต่อแถวน้อยกว่า เลยยอมที่จะเข้าช่องปกติ แต่เดินไปเข้าตรงเกือบสุดสนามบิน คนก็จะน้อยหน่อย เพราะว่าไม่ค่อยเดินเข้ามากัน
ได้ขึ้นเครื่องมาแว้ววว ที่นั่งของ Lufthansa ถ้าเทียบกับสายการบินแขกที่เคยขึ้น (ตอนนี้โชคดีได้อัพเกรดฟรี จ่ายราคา Economy Class แต่บินแบบ Business Class) เราว่าสายการบินแขกทำได้ดีกว่าเยอะ ที่นั่ง Lufthansa ค่อนข้างแคบไม่ใหญ่มาก ไม่รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ที่วางแขนข้างๆ ก็แคบ ไม่ได้ถ่ายที่นั่งตัวเอง เพราะว่ามีฝรั่งเค้านั่งอยู่แล้ว จะไปถ่ายรูปก็เกรงใจเค้า เลยแอบถ่ายที่นั่งข้างหน้ามาแทน
ขึ้นมาบนเครื่องก็โดนแอร์มอมเมากันเลยทีเดียวด้วย Welcome Drink เป็น Sparkling Wine เห็นใสๆอย่างนี้แรงใช่เล่น
เครื่องขึ้นแล้ว ขนม เครื่องดื่มก็เสิร์ฟไม่ขาด ที่วางแขนค่อนข้างแคบอย่างที่บอก ถ้าเทียบกับสายการบินอื่น จังหวะนี้มีการหยิบน้ำมือไปชนกับฝรั่งผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เหมือนจะโรแมนติก แต่คือเป็นผู้หญิงด้วยกันไง ก็ Say Sorry กันไป ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เสิร์ฟน้ำเสร็จแล้วก็ต่อด้วย Complimentary Chocolate ของ Lindt ด้วยยี่ห้อก็การันตีอยู่แล้วว่าอร่อย
ในเมือเค้ามีของให้กินฟรีเรื่อยๆ มีหรือเราจะหยุดกิน เอาให้คุ้ม มีเมนูมาให้เลือกเป็นเล่มๆ
เริ่มต้น Starter ด้วย Parma Ham คือดีงามมากก อร่อยจนอยากจะขอเพิ่ม แต่ก็เกรงใจท้องตัวเองกลัวจะกินอย่างอื่นไม่ไหว
มุมซ้ายบนคือเนย มันอร่อยมาก คือปกติเนยมันจะแค่เค็มๆ อย่างเดียว แต่นี่เป็นเนยที่มีความหอมของวนิลาอยู่นิดๆ กินเนยเปล่าเล่นได้เลยอ่ะ
สตูว์เนื้อ เนื้อที่โปะมาด้านบนสุดคือนิ่มมาก แบบตัดนิดเดียวขาด ละลายในปากเลย แต่ว่าเนื้อที่อยู่ด้านล่างคือเหนียวมาก เคี้ยวไม่ไหว สรุปคือจานนี้กินไม่หมด ไม่ใช่ไม่อร่อยนะ แต่เพราะเคี้ยวเนื้อไม่ไหว
ห้องน้ำ…. ตอนแรกก็เข้าใจว่าห้องน้ำจะกว้าง แต่ของจริงคือขนาดน่าจะเท่ากับ Economy เลย ไม่มีอะไรพิเศษ
นอนไปแพพๆ ก็ได้เวลากินอาหารเช้าอีกแล้ว ก่อนที่เราจะนอน แอร์จะเอาเมนูอาหารมาให้เราเลือกก่อน เพื่อที่เค้าจะได้เตรียมให้เราได้ตอนที่ตื่นนอน อาหารเช้าอร่อยทุกอย่าง ยกเว้นชีสที่ใส่มาด้วย ลองชิมไป ไม่ผ่านอย่างแรง กลิ่นฉุนมาก รสชาติไม่ต้องพูดถึง กินเสร็จกระดกน้ำตามไปหลายแก้ว
ตอนไปต้องไปต่อเครื่องที่ Frankfurt เลยมีโอกาสไปเข้า Business Lounge ระหว่างรอต่อเครื่อง
อาหารเครื่องดื่ม มีให้เลือกหลากหลายดี และมีการเติมตลอด ไม่หมดแน่นอน
----------------------------------------------------------------------------------------------------
คะแนนรวมๆ จากการนั่ง business class ของ Lufthansa
การบริการ : ดี พนักงานเอาใจใส่ดี คอยมาถามตลอดว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม
ความสบาย : ปานกลาง ตัดคะแนนจากที่นั่งขนาดเล็ก และ ไม่เป็นส่วนตัว
อาหาร : อาหารอร่อย อาจจะมีบ้างที่เจอว่า เนื้อเหนียวไป แต่ก็ให้อภัย เพราะว่าส่วนใหญ่อร่อย
ราคา : ปานกลาง ถือว่าแพงสำหรับเราถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายไป จะกลับมาใช้บริการอีกไหม ก็ขอคิดดูก่อน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากกดไลค์ Page เล็กๆ ที่เราตั้งใจทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วยนะคะ
เพจชื่อ Travelling As A Couple ตาม Link นี้ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/TravellingAsACouple/
ชอบกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ได้นะคะ
กระทู้เก่าๆที่เราไปเที่ยวมา ตาม link ข้างล่างเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[By Travelling As A Couple] 6 เหตุผลที่ไม่ควรฝากเพื่อนที่ไปต่างประเทศซื้อของ https://ppantip.com/topic/37388057
[By Travelling As A Couple] FAQ : คำถามที่ถามบ๊อยบ่อยเกี่ยวกับ "วีซ่าอังกฤษ" https://ppantip.com/topic/37309878
[CR][By Travelling As A Couple] Once in a lifetime@Maldives : รีวิว ห้องอาหารใต้น้ำ Ithaa Restaurant @ Conrad Rangali https://ppantip.com/topic/37112019
[CR][By Travelling As A Couple] Escape to Maldives : รีวิวที่พัก Conrad Rangali Resort n Spa @ Maldives https://ppantip.com/topic/37097886
[By Travelling As A Couple] Get to Know "Maldives" : มารู้จักมัลดีฟส์ก่อนวางแผนเที่ยวและการเลือกโรงแรม https://ppantip.com/topic/36872081
[By Travelling As A Couple] Get to know “England” : ขอวีซ่าอังกฤษเองแบบละเอียดยิบ https://ppantip.com/topic/36140092
[Travelling As A Couple Plus 1] : ข้อกำหนดสายการบินสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ https://ppantip.com/topic/36456384
เที่ยวหน้าหนาว จัดเป๋าไงดี http://ppantip.com/topic/35565084
Hotel in Switzerland : รีวิวที่พัก 4 เมืองหลักๆ Luzern, Interlaken, Zermatt, Geneva https://ppantip.com/topic/35488632
Swiss So Sweet: เดินสวีทเที่ยว Zermatt & Matterhorn https://ppantip.com/topic/35477350
Swiss So Sweet: เดินสวีทเที่ยว Interlaken และ Jungfrau https://ppantip.com/topic/35476885
Swiss so Sweet: เดินสวีทเที่ยว Zurich & Luzern https://ppantip.com/topic/35476675
Get to know “Swiss” ก่อนไปเที่ยวสวิส ต้องรู้อะไรบ้าง?? http://ppantip.com/topic/35253409
หนีงานไป Honeymoon : Manchester ตามรอยปีศาจแดง http://ppantip.com/topic/33716636
หนีงานไป Honeymoon : London เยือนถิ่นผู้ดีอังกฤษ http://ppantip.com/topic/33731704
หนีงานไป Honeymoon : Paris เมืองแห่งแฟชั่น และ การช๊อปปิ๊ง http://ppantip.com/topic/33845774
หนีงานไป Honeymoon : Brussel ตะลุยเมืองช๊อคโกแลตและวาฟเฟิล & Brugge เยือนเมืองมรดกโลก http://ppantip.com/topic/34032749
หนีงานไป Honeymoon : Amsterdam : เมืองแห่งจักรยาน กัญชาและนารี (Red Light District) http://ppantip.com/topic/34998818
[CR] [By Travelling As A Couple] รีวิว Business Class สายการบิน Lufthansa
Business Class …….ขอนั่งซักครั้งก็ยังดี
ปกติไปเที่ยวเองจะไม่ค่อยได้นั่งเพราะว่าเสียดายเงิน ราคาจะสูงกว่า Economy Classประมาณ 3-4 เท่า คิดว่าเก็บเงินส่วนต่างนี้ไว้กินไว้เที่ยวดีกว่า
แต่คราวนี้ได้มีโอกาสไป Business trip ไม่ต้องออกค่าตั๋วเอง มันก็จะฟินๆหน่อยๆ
ความสบายของการนั่ง Business Class เริ่มกันตั้งแต่ Check in กันเลยทีเดียว เครื่องออกเกือบๆเที่ยงคืน เราก็ไปถึงสนามบินล่วงหน้า 3 ชั่วโมง พอเห็นแถว Check in เท่านั้นแหละ ลมแทบจับ ยาวมากมาย ยังดีที่คราวนี้ไม่ได้นั่ง Economy เลยเดินสวยๆ มา Check in ที่ช่องของ Business Class สบายๆ ขนาดสบายๆ ยังรอประมาณ 15 นาทีเลย ปกติแล้ว Business Class จะมี Lounge ให้เข้า ให้ถามตรง Counter Check in เลยว่าเราสามารถใช้ Lounge ที่ไหนได้บ้าง พยายามหา Lounge ที่ใกล้ๆ กับ Gate ตัวเอง จะได้ไม่เดินไกล
สายการบินนี้ให้น้ำหนักกระเป๋าใบละ 25 Kg. 2 ใบ สำหรับ Business Class พอ Check in แล้วจะได้บัตร Premium Lane มา หรือจะเรียกว่าบัตรเบ่งก็ได้ เพราะว่าจะทำให้เราสามารถเข้าช่องต่างๆได้เร็วขึ้น
แต่….วันที่ไปพีคมาก จำนวนคนมหาศาลมาต่อเแถวเข้าตรวจ Security ของ Premium Lane ทั้งที่ไม่มีบัตร และพีคในพีคคือ เจ้าหน้าที่ไม่ได้จัดกันการอะไรให้ ฝรั่งที่มี Premium Lane ก็งงกันไป ว่าทำไมแถวยาวมาก มันไม่ได้เป็นแค่จุดเดียว มันเป็น 2 จุดที่เป็น Premium Lane จากการประเมินสถานการณ์แล้ว เราถือ Passport คนไทย เข้าไปด้านในน่าจะต่อแถวน้อยกว่า เลยยอมที่จะเข้าช่องปกติ แต่เดินไปเข้าตรงเกือบสุดสนามบิน คนก็จะน้อยหน่อย เพราะว่าไม่ค่อยเดินเข้ามากัน
ได้ขึ้นเครื่องมาแว้ววว ที่นั่งของ Lufthansa ถ้าเทียบกับสายการบินแขกที่เคยขึ้น (ตอนนี้โชคดีได้อัพเกรดฟรี จ่ายราคา Economy Class แต่บินแบบ Business Class) เราว่าสายการบินแขกทำได้ดีกว่าเยอะ ที่นั่ง Lufthansa ค่อนข้างแคบไม่ใหญ่มาก ไม่รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว ที่วางแขนข้างๆ ก็แคบ ไม่ได้ถ่ายที่นั่งตัวเอง เพราะว่ามีฝรั่งเค้านั่งอยู่แล้ว จะไปถ่ายรูปก็เกรงใจเค้า เลยแอบถ่ายที่นั่งข้างหน้ามาแทน
ขึ้นมาบนเครื่องก็โดนแอร์มอมเมากันเลยทีเดียวด้วย Welcome Drink เป็น Sparkling Wine เห็นใสๆอย่างนี้แรงใช่เล่น
เครื่องขึ้นแล้ว ขนม เครื่องดื่มก็เสิร์ฟไม่ขาด ที่วางแขนค่อนข้างแคบอย่างที่บอก ถ้าเทียบกับสายการบินอื่น จังหวะนี้มีการหยิบน้ำมือไปชนกับฝรั่งผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เหมือนจะโรแมนติก แต่คือเป็นผู้หญิงด้วยกันไง ก็ Say Sorry กันไป ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เสิร์ฟน้ำเสร็จแล้วก็ต่อด้วย Complimentary Chocolate ของ Lindt ด้วยยี่ห้อก็การันตีอยู่แล้วว่าอร่อย
ในเมือเค้ามีของให้กินฟรีเรื่อยๆ มีหรือเราจะหยุดกิน เอาให้คุ้ม มีเมนูมาให้เลือกเป็นเล่มๆ
เริ่มต้น Starter ด้วย Parma Ham คือดีงามมากก อร่อยจนอยากจะขอเพิ่ม แต่ก็เกรงใจท้องตัวเองกลัวจะกินอย่างอื่นไม่ไหว
มุมซ้ายบนคือเนย มันอร่อยมาก คือปกติเนยมันจะแค่เค็มๆ อย่างเดียว แต่นี่เป็นเนยที่มีความหอมของวนิลาอยู่นิดๆ กินเนยเปล่าเล่นได้เลยอ่ะ
สตูว์เนื้อ เนื้อที่โปะมาด้านบนสุดคือนิ่มมาก แบบตัดนิดเดียวขาด ละลายในปากเลย แต่ว่าเนื้อที่อยู่ด้านล่างคือเหนียวมาก เคี้ยวไม่ไหว สรุปคือจานนี้กินไม่หมด ไม่ใช่ไม่อร่อยนะ แต่เพราะเคี้ยวเนื้อไม่ไหว
ห้องน้ำ…. ตอนแรกก็เข้าใจว่าห้องน้ำจะกว้าง แต่ของจริงคือขนาดน่าจะเท่ากับ Economy เลย ไม่มีอะไรพิเศษ
นอนไปแพพๆ ก็ได้เวลากินอาหารเช้าอีกแล้ว ก่อนที่เราจะนอน แอร์จะเอาเมนูอาหารมาให้เราเลือกก่อน เพื่อที่เค้าจะได้เตรียมให้เราได้ตอนที่ตื่นนอน อาหารเช้าอร่อยทุกอย่าง ยกเว้นชีสที่ใส่มาด้วย ลองชิมไป ไม่ผ่านอย่างแรง กลิ่นฉุนมาก รสชาติไม่ต้องพูดถึง กินเสร็จกระดกน้ำตามไปหลายแก้ว
ตอนไปต้องไปต่อเครื่องที่ Frankfurt เลยมีโอกาสไปเข้า Business Lounge ระหว่างรอต่อเครื่อง
อาหารเครื่องดื่ม มีให้เลือกหลากหลายดี และมีการเติมตลอด ไม่หมดแน่นอน
----------------------------------------------------------------------------------------------------
คะแนนรวมๆ จากการนั่ง business class ของ Lufthansa
การบริการ : ดี พนักงานเอาใจใส่ดี คอยมาถามตลอดว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม
ความสบาย : ปานกลาง ตัดคะแนนจากที่นั่งขนาดเล็ก และ ไม่เป็นส่วนตัว
อาหาร : อาหารอร่อย อาจจะมีบ้างที่เจอว่า เนื้อเหนียวไป แต่ก็ให้อภัย เพราะว่าส่วนใหญ่อร่อย
ราคา : ปานกลาง ถือว่าแพงสำหรับเราถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายไป จะกลับมาใช้บริการอีกไหม ก็ขอคิดดูก่อน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากกดไลค์ Page เล็กๆ ที่เราตั้งใจทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วยนะคะ
เพจชื่อ Travelling As A Couple ตาม Link นี้ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/TravellingAsACouple/
ชอบกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ได้นะคะ
กระทู้เก่าๆที่เราไปเที่ยวมา ตาม link ข้างล่างเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้