เราจะมาเล่าประสบการณ์การเข้าพักที่บังกะโลสวนสนประดิพัทธ์ เผื่อประสบการณ์ครั้งนี้ของครอบครัวเราจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้างในการเข้าพักที่ต่าง ๆ
ครอบครัวเราเดินทางไปเยี่ยมญาติที่เป็นทหารอยู่จังหวัดประจวบฯ จึงตกลงกันว่าจะเข้าพักที่สวนสนประดิพัทธ์ ที่มีที่พักใกล้ทะเล เพราะเราสามารถใช้สวัสดิการของญาติทหารได้ โดยเอาสำนำบัตรของญาติที่รับรองสำเนาจะได้ส่วนลด 30% อีกหลังเราได้สวัสดิการที่เราเป็นข้าราชการได้ส่วนลด 20% เราจองบังกะโล 2 หลัง คือ บ้านทรายเงิน มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ บ้านหลังนี้อยู่ติดทะเล มีระเบียงรับลม มีตู้เย็นที่ใส่เครื่องดื่มไว้บริการ แต่ชำระเงินก่อนออก หน้าตู้เย็นจะติดว่ามีอะไรบ้างพร้อมราคา แนะนำว่าควรเช็กให้ดีก่อนว่าเครื่องดื่มมีตรงตามนั้นหรือไม่ เรามาอ่านรีวิวหลังจากออกที่พักพบว่ามีกรณีไม่มีตัวสินค้าในตู้เย็นพอคืนกุญแจห้องถูกเรียกเก็บค่าเครื่องดื่ม (ตอนเราเข้าพักก็ไม่ได้สนใจที่จะเช็กเหมือนกัน) และโทรทัศน์ขนาด 21 นิ้ว รุ่นเก่าอยู่ห้องพักที่อยู่ทางทิศตะวันตกเพียงห้องเดียว ทุกห้องมีแอร์ และตู้เสื้อผ้า บ้านหลังนี้ค่อนข้างเก่าอุปกรณ์บางอย่างมีการใช้มายาวนาน เช่น เตียงนอนหัก ฝักบัวน้ำไหลค่อย เครื่องทำน้ำอุ่นใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง หลอดไฟเสื่อมสภาพ คืนที่เราพักปรากฏว่าหลอดไฟในห้องน้ำระเบิดไฟลุกไหม้ห้องน้ำตอนตี 2 ต้องไปรบกวนทหารเวรแจ้งให้ช่างทหารมาจัดการให้ หลังที่ 2 คือบ้านทรายทอง มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บ้านหลังนี้สภาพใหม่กว่าบ้านทรายเงิน ห้องนอนกว้างกว่าเยอะ ห้องนอนฝั่งตะวันออกมีห้องน้ำในตัว ห้องนอนห้องสุดท้ายจะพักได้แค่คนเดียว เพราะเป็นเตียงขนาด 3 ฟุต บ้านหลังนี้จะมีห้องโถง(ห้องรับแขก) ที่ห้องนี้จะมีตู้เย็นและโทรทัศน์ขนาด 21 นิ้ว รุ่นเก่าที่ใช้มือกดปุ่มเปิดปิดที่ตัวโทรทัศน์ ไม่มีรีโมทไว้ให้บริการ ที่ประตูจะมีข้อปฏิบัติติดไว้ให้ผู้เข้าพักได้ทำความเข้าใจ 3 ข้อ คือ 1. ห้ามประกอบอาหารใด ๆ ทั้งสิ้นหากฝ่าฝืนจะโดนปรับ 1000 บาท
2. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าที่พัก 3. ควรเก็บรองเท้าเข้าบ้านพักให้เรียบร้อยเนื่องจากมีหมาจรจัด ครอบครัวเราเข้าพักประมาณบ่าย 3 โมง หลังจากนำสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อยเราก็ตกลงกันว่าจะไปซื้ออาหารทะเลที่เขาตะเกียบที่อยู่ใกล้ที่พัก ที่เขาตะเกียบมีร้านอาหารทะเลบริการหลายร้าน ราคาที่ติดสินค้าจะเป็นราคาพร้อม ค่านึ่ง ย่าง ซึ่งส่วนตัวคิดว่าราคาค่อนข้างสูง กลับมาจากซื้ออาหารเย็นก็ได้เวลาเล่นน้ำกัน หาดทรายที่นี่ค่อนข้างละเอียด ขาว คนไม่พลุกพล่าน ระหว่างรอเด็ก ๆ อาบน้ำเพื่อกินข้าวที่ระเบียงหน้าบ้านทรายเงิน พ่อก็ขอเข้ามาขอดูโทรทัศน์ที่ห้องนอน คุยกันได้ความว่าบ้านทรายทองไม่มีรีโมทโทรทัศน์ไว้ให้ เราก็คุยกันว่ามันเป็นโทรทัศน์รุ่นเก่าอาจจะไม่มีรีโมทก็ได้ หรือไม่อาจเพราะโทรทัศน์ตั้งห้องรวมจึงไม่มีรีโมท
เช้าวันรุ่งขึ้นเรานำกุญแจห้องไปคืนพร้อมจ่ายค่าที่พัก ปรากฏว่าทางแม่บ้านเข้าไปตรวจบ้านพักแจ้งมาทางสำนักงานว่ารีโมทโทรทัศน์ที่บ้านทรายทองหายไป เราก็แจ้งว่ามันไม่มีตั้งแต่เมื่อวาน แม่บ้านดูแลบ้านก็ยืนยันว่ามี เราก็ยืนยันว่ามันไม่มี ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อวานรู้ว่าไม่มีทำไมถึงไม่แจ้ง เราก็บอกว่าคิดว่ามันไม่มีให้ก็เลยไม่ได้แจ้ง ถ้าเป็นรีโมทแอร์ก็คงรีบแจ้งแล้ว แล้วที่บ้านพักก็ไม่ได้มีใบแจ้งรายการว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างและจำนวนค่าชดใช้ของอุปกรณ์เสียหายต่าง ๆ เหมือนโรงแรมทั่วไป เราจึงไม่ทราบว่ามีหรือไม่มี เราพยายามอธิบาย และยืนยันว่ามันไม่มีตั้งแต่เข้าพัก ทางแม่บ้านและเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม หัวหน้าแม่บ้านบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราต้องชดเชยค่ารีโมทราคา 800 บาท หรือให้เราไปหาก่อนเผื่อจะลืมเอาใส่กระเป๋าไป โดยอ้างกรณีก่อนหน้านี้ว่าลูกค้าที่พักบ้านนี้ก่อนเรามาเค้าเอารีโมทแอร์ใส่กระเป๋าไปด้วย เราก็ยังยืนยันว่ามันไม่มีตั้งแต่แรก แต่ถ้าหากว่ามีก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเอารีโมทกลับไปด้วย เพราะ 1. โทรทัศน์เป็นรุ่นเก่า 21 นิ้ว จอแบนหลังนูนมาก ที่ต้องเดินไปกดปุ่มเปิดปิด ซึ่งปัจจุบันเค้าใช้จอแบนกันหมดแล้ว เอามาก็ใช้ไม่ได้ 2. โทรทัศน์อยู่ห้องรับแขกหากเราใช้รีโมทจริงอย่างมากมันก็แค่ลืมวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง ไม่มีใครจะเอาใส่กระเป๋าส่วนตัวแน่นอน เรากลับไปบ้านพักอีกครั้งเพื่อไปพบแม่บ้านประจำบ้านเพื่อถามบริเวณที่วางรีโมท และสอบถามเรื่องรีโมทเมื่อวาน แม่บ้านก็บอกว่าวางไว้ที่ชั้นโทรทัศน์ ซึ่งเมื่อวานเราก็หาแต่มันไม่มี สรุปเราต้องเสียค่ารีโมท 800 บาท โดยทางหัวหน้าแม่บ้านบอกให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องออกใบเสร็จ โดยให้เหตุผลว่าเผื่อเราเจอจะได้ขอเงินคืนได้ (ซึ่งเรารู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางเจอแน่นอนเพราะมันไม่มีให้เราตั้งแต่แรก) เราตัดปัญหาเพราะเสียเวลามานานมากแล้ว เรายินยอมที่จะจ่ายค่ารีโมท 800 บาท เพราะเราเสียเวลาอธิบายเรื่องนี้มาเป็นชั่วโมง ซึ่งเราก็ไม่รอบคอบตรงที่ไม่ได้ขอดูรายละเอียดว่าค่าเสียหายแต่ละรายการมีการกำหนดจริงตามที่อ้างหรือไม่ เมื่อจ่ายเงินค่าห้องพักและค่ารีโมทเสร็จเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมออกใบเสร็จให้เรา เราจึงทวงใบเสร็จจากเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าถ้าออกใบเสร็จจะไม่สามารถขอค่ารีโมทคืนได้หากหารีโมทเจอ เรายืนยันให้ออกใบเสร็จให้ครบทุกรายการรวมถึงค่ารีโมท (เพราะเรารู้ว่ายังไงเราก็ไม่ได้เงินคืน เพราะมันไม่มีตั้งแต่ต้น) ซึ่งอย่างน้อย ๆ การออกใบเสร็จที่เราเสียเงินค่ารีโมทที่ไม่มีให้ไปฟรี ๆ 800 บาท มันน่าจะเข้าสู่สำนักงานมากกว่าเข้ากระเป๋าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งที่ทำให้เราได้ประสบการณ์ควรค่าแก่การจำในการเข้าที่พักต่าง ๆ ต้องแต่ม่านรูดจนถึงระดับ 5 ดาว ว่าควรตรวจสอบอุปกรณ์และของต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องพักให้ละเอียด ซึ่งส่วนตัวเวลาไปพักโรงแรมไม่ว่าระดับใดก็ตามก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราจึงนำเรื่องราวมาแบ่งบันเพื่อเตือนสติตัวเอง รวมถึงเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง
[CR] สวนสนประดิพัทธ์ : ประสบการณ์เข้าพักที่สอนความรอบคอบ
ครอบครัวเราเดินทางไปเยี่ยมญาติที่เป็นทหารอยู่จังหวัดประจวบฯ จึงตกลงกันว่าจะเข้าพักที่สวนสนประดิพัทธ์ ที่มีที่พักใกล้ทะเล เพราะเราสามารถใช้สวัสดิการของญาติทหารได้ โดยเอาสำนำบัตรของญาติที่รับรองสำเนาจะได้ส่วนลด 30% อีกหลังเราได้สวัสดิการที่เราเป็นข้าราชการได้ส่วนลด 20% เราจองบังกะโล 2 หลัง คือ บ้านทรายเงิน มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ บ้านหลังนี้อยู่ติดทะเล มีระเบียงรับลม มีตู้เย็นที่ใส่เครื่องดื่มไว้บริการ แต่ชำระเงินก่อนออก หน้าตู้เย็นจะติดว่ามีอะไรบ้างพร้อมราคา แนะนำว่าควรเช็กให้ดีก่อนว่าเครื่องดื่มมีตรงตามนั้นหรือไม่ เรามาอ่านรีวิวหลังจากออกที่พักพบว่ามีกรณีไม่มีตัวสินค้าในตู้เย็นพอคืนกุญแจห้องถูกเรียกเก็บค่าเครื่องดื่ม (ตอนเราเข้าพักก็ไม่ได้สนใจที่จะเช็กเหมือนกัน) และโทรทัศน์ขนาด 21 นิ้ว รุ่นเก่าอยู่ห้องพักที่อยู่ทางทิศตะวันตกเพียงห้องเดียว ทุกห้องมีแอร์ และตู้เสื้อผ้า บ้านหลังนี้ค่อนข้างเก่าอุปกรณ์บางอย่างมีการใช้มายาวนาน เช่น เตียงนอนหัก ฝักบัวน้ำไหลค่อย เครื่องทำน้ำอุ่นใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง หลอดไฟเสื่อมสภาพ คืนที่เราพักปรากฏว่าหลอดไฟในห้องน้ำระเบิดไฟลุกไหม้ห้องน้ำตอนตี 2 ต้องไปรบกวนทหารเวรแจ้งให้ช่างทหารมาจัดการให้ หลังที่ 2 คือบ้านทรายทอง มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ บ้านหลังนี้สภาพใหม่กว่าบ้านทรายเงิน ห้องนอนกว้างกว่าเยอะ ห้องนอนฝั่งตะวันออกมีห้องน้ำในตัว ห้องนอนห้องสุดท้ายจะพักได้แค่คนเดียว เพราะเป็นเตียงขนาด 3 ฟุต บ้านหลังนี้จะมีห้องโถง(ห้องรับแขก) ที่ห้องนี้จะมีตู้เย็นและโทรทัศน์ขนาด 21 นิ้ว รุ่นเก่าที่ใช้มือกดปุ่มเปิดปิดที่ตัวโทรทัศน์ ไม่มีรีโมทไว้ให้บริการ ที่ประตูจะมีข้อปฏิบัติติดไว้ให้ผู้เข้าพักได้ทำความเข้าใจ 3 ข้อ คือ 1. ห้ามประกอบอาหารใด ๆ ทั้งสิ้นหากฝ่าฝืนจะโดนปรับ 1000 บาท
2. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าที่พัก 3. ควรเก็บรองเท้าเข้าบ้านพักให้เรียบร้อยเนื่องจากมีหมาจรจัด ครอบครัวเราเข้าพักประมาณบ่าย 3 โมง หลังจากนำสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อยเราก็ตกลงกันว่าจะไปซื้ออาหารทะเลที่เขาตะเกียบที่อยู่ใกล้ที่พัก ที่เขาตะเกียบมีร้านอาหารทะเลบริการหลายร้าน ราคาที่ติดสินค้าจะเป็นราคาพร้อม ค่านึ่ง ย่าง ซึ่งส่วนตัวคิดว่าราคาค่อนข้างสูง กลับมาจากซื้ออาหารเย็นก็ได้เวลาเล่นน้ำกัน หาดทรายที่นี่ค่อนข้างละเอียด ขาว คนไม่พลุกพล่าน ระหว่างรอเด็ก ๆ อาบน้ำเพื่อกินข้าวที่ระเบียงหน้าบ้านทรายเงิน พ่อก็ขอเข้ามาขอดูโทรทัศน์ที่ห้องนอน คุยกันได้ความว่าบ้านทรายทองไม่มีรีโมทโทรทัศน์ไว้ให้ เราก็คุยกันว่ามันเป็นโทรทัศน์รุ่นเก่าอาจจะไม่มีรีโมทก็ได้ หรือไม่อาจเพราะโทรทัศน์ตั้งห้องรวมจึงไม่มีรีโมท
เช้าวันรุ่งขึ้นเรานำกุญแจห้องไปคืนพร้อมจ่ายค่าที่พัก ปรากฏว่าทางแม่บ้านเข้าไปตรวจบ้านพักแจ้งมาทางสำนักงานว่ารีโมทโทรทัศน์ที่บ้านทรายทองหายไป เราก็แจ้งว่ามันไม่มีตั้งแต่เมื่อวาน แม่บ้านดูแลบ้านก็ยืนยันว่ามี เราก็ยืนยันว่ามันไม่มี ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อวานรู้ว่าไม่มีทำไมถึงไม่แจ้ง เราก็บอกว่าคิดว่ามันไม่มีให้ก็เลยไม่ได้แจ้ง ถ้าเป็นรีโมทแอร์ก็คงรีบแจ้งแล้ว แล้วที่บ้านพักก็ไม่ได้มีใบแจ้งรายการว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างและจำนวนค่าชดใช้ของอุปกรณ์เสียหายต่าง ๆ เหมือนโรงแรมทั่วไป เราจึงไม่ทราบว่ามีหรือไม่มี เราพยายามอธิบาย และยืนยันว่ามันไม่มีตั้งแต่เข้าพัก ทางแม่บ้านและเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม หัวหน้าแม่บ้านบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราต้องชดเชยค่ารีโมทราคา 800 บาท หรือให้เราไปหาก่อนเผื่อจะลืมเอาใส่กระเป๋าไป โดยอ้างกรณีก่อนหน้านี้ว่าลูกค้าที่พักบ้านนี้ก่อนเรามาเค้าเอารีโมทแอร์ใส่กระเป๋าไปด้วย เราก็ยังยืนยันว่ามันไม่มีตั้งแต่แรก แต่ถ้าหากว่ามีก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเอารีโมทกลับไปด้วย เพราะ 1. โทรทัศน์เป็นรุ่นเก่า 21 นิ้ว จอแบนหลังนูนมาก ที่ต้องเดินไปกดปุ่มเปิดปิด ซึ่งปัจจุบันเค้าใช้จอแบนกันหมดแล้ว เอามาก็ใช้ไม่ได้ 2. โทรทัศน์อยู่ห้องรับแขกหากเราใช้รีโมทจริงอย่างมากมันก็แค่ลืมวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง ไม่มีใครจะเอาใส่กระเป๋าส่วนตัวแน่นอน เรากลับไปบ้านพักอีกครั้งเพื่อไปพบแม่บ้านประจำบ้านเพื่อถามบริเวณที่วางรีโมท และสอบถามเรื่องรีโมทเมื่อวาน แม่บ้านก็บอกว่าวางไว้ที่ชั้นโทรทัศน์ ซึ่งเมื่อวานเราก็หาแต่มันไม่มี สรุปเราต้องเสียค่ารีโมท 800 บาท โดยทางหัวหน้าแม่บ้านบอกให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องออกใบเสร็จ โดยให้เหตุผลว่าเผื่อเราเจอจะได้ขอเงินคืนได้ (ซึ่งเรารู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีทางเจอแน่นอนเพราะมันไม่มีให้เราตั้งแต่แรก) เราตัดปัญหาเพราะเสียเวลามานานมากแล้ว เรายินยอมที่จะจ่ายค่ารีโมท 800 บาท เพราะเราเสียเวลาอธิบายเรื่องนี้มาเป็นชั่วโมง ซึ่งเราก็ไม่รอบคอบตรงที่ไม่ได้ขอดูรายละเอียดว่าค่าเสียหายแต่ละรายการมีการกำหนดจริงตามที่อ้างหรือไม่ เมื่อจ่ายเงินค่าห้องพักและค่ารีโมทเสร็จเจ้าหน้าที่จะไม่ยอมออกใบเสร็จให้เรา เราจึงทวงใบเสร็จจากเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าถ้าออกใบเสร็จจะไม่สามารถขอค่ารีโมทคืนได้หากหารีโมทเจอ เรายืนยันให้ออกใบเสร็จให้ครบทุกรายการรวมถึงค่ารีโมท (เพราะเรารู้ว่ายังไงเราก็ไม่ได้เงินคืน เพราะมันไม่มีตั้งแต่ต้น) ซึ่งอย่างน้อย ๆ การออกใบเสร็จที่เราเสียเงินค่ารีโมทที่ไม่มีให้ไปฟรี ๆ 800 บาท มันน่าจะเข้าสู่สำนักงานมากกว่าเข้ากระเป๋าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งที่ทำให้เราได้ประสบการณ์ควรค่าแก่การจำในการเข้าที่พักต่าง ๆ ต้องแต่ม่านรูดจนถึงระดับ 5 ดาว ว่าควรตรวจสอบอุปกรณ์และของต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องพักให้ละเอียด ซึ่งส่วนตัวเวลาไปพักโรงแรมไม่ว่าระดับใดก็ตามก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราจึงนำเรื่องราวมาแบ่งบันเพื่อเตือนสติตัวเอง รวมถึงเหตุการณ์นี้อาจจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น